Tuesday, 13 May 2025
TheStatesTimes

จับตา ‘ไล่ ชิงเต๋อ’ สาบานตนเป็น ‘ปธน.ไต้หวัน’  สื่อจีนเตือนสัมพันธ์ข้ามช่องแคบส่อตึงเครียดหนัก

(20 พ.ค.67) รอยเตอร์ รายงานว่า ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันอย่างเป็นทางการวันนี้ (20 พ.ค.) ท่ามกลางท่าทีข่มขู่จากจีนซึ่งมองว่า ไล่ เป็นพวกจ้อง ‘แบ่งแยกดินแดน’ ขณะที่ความแตกแยกกับกลุ่มฝ่ายค้านในสภาส่อเค้ากลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่

พิธีสาบานตนถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยที่เกาะไต้หวันตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น โดย ไล่ ก้าวขึ้นรับไม้ต่อจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน หลังจากที่เคยทำหน้าที่เป็นรองประธานาธิบดีตลอด 4 ปีที่ผ่านมา 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของไต้หวันระบุว่า ไล่ เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ที่แสดงความมีไมตรีจิตต่อจีน และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันแสวงหาสันติภาพ

ไล่ เดินเข้าสู่ห้องพิธีในชุดสูทผูกเนกไทสีม่วงซึ่งเป็นสีของผีเสื้อประจำถิ่นชนิดหนึ่งของไต้หวัน และติดเข็มกลัดรูปดอกมัสตาร์ดสีเหลือง ซึ่งเป็นพืชสามัญที่พบได้ทั่วไปตามท้องทุ่งบนเกาะแห่งนี้

ไล่ ได้รับมอบตราสัญลักษณ์แทนอำนาจของประธานาธิบดี จำนวน 2 ชิ้น จากประธานรัฐสภา ได้แก่ ตราแห่งสาธารณรัฐจีน (seal of the Republic of China) และตรา Seal of Honour โดยตราทั้งสองนี้ได้ถูกนำมายังไต้หวันระหว่างที่รัฐบาลสาธารณรัฐจีนหลบหนีมายังเกาะแห่งนี้ หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อตง ในปี 1949

พิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ มีอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนซึ่งถูกส่งไปร่วมงานโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึงสมาชิกรัฐสภาจากบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี แคนาดา และยังมีผู้นำจากอีก 12 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอยู่ เช่น ประธานาธิบดี ซันติอาโก เปญา แห่งปารากวัย เป็นต้น

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีถ้อยแถลงแสดงความยินดีต่อ ไล่ ชิงเต๋อ โดยระบุว่าสหรัฐฯ รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับเขา “เพื่อยกระดับผลประโยชน์และค่านิยมร่วม กระชับความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพภายในช่องแคบไต้หวัน”

ล่าสุด สื่อรัฐบาลจีนยังไม่ได้มีการรายงานข่าวพิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ แต่อย่างใด 

ปักกิ่งถือว่าไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง และไม่เคยปฏิเสธทางเลือกใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุม ขณะที่ ไล่ ยืนยันว่าอนาคตของไต้หวันมีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินได้ และเคยยื่นข้อเสนอเจรจากับจีนมาแล้วหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธตลอด

ไต้หวันเผชิญแรงกดดันจากจีนหนักขึ้นกว่าเก่า ทั้งการส่งเครื่องบินรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) และการทำกิจกรรมทางทหารเฉียดใกล้เกาะ หลังจากที่ ไล่ วัย 64 ปี ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุวันนี้ (20) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจีนได้ส่งเครื่องบิน 6 ลำข้ามเส้นมัธยฐาน (median line) ซึ่งถือกันว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนจีน-ไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ ทว่าปักกิ่งไม่ยอมรับการมีอยู่ของเส้นที่ว่านี้ โดยมีเครื่องบินจีนอย่างน้อย 1 ลำที่เข้าไปใกล้เมืองท่าจีหลง (Keelung) ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันในระยะเพียง 80 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุว่า ไล่ ซึ่งฝ่ายจีนเรียกว่าเป็น “ผู้นำคนใหม่ของภูมิภาคไต้หวัน” จำเป็นต้องเลือกให้ชัดเจนระหว่างการพัฒนาอย่างสันติ (peaceful development) หรือการเผชิญหน้า (confrontation) ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนก็รายงานเมื่อวานนี้ (19) ว่า ไล่ “อาจจะแสดงพฤติกรรมยั่วยุมากขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำไทเป

“ดังนั้นในระยะยาว ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบคงจะไม่เป็นไปในเชิงบวก” บทความของโกลบอลไทม์ส ระบุ

นอกจากภัยคุกคามจากจีนแล้ว คาดว่ารัฐบาล ไล่ ชิงเต๋อ ยังจะต้องเผชิญกับความท้าทายในประเทศอีกไม่น้อย หลังจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเขาสูญเสียเสียงข้างมากในสภาจากผลของศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ม.ค.

สัญญาณความวุ่นวายเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (17) เมื่อ ส.ส.ไต้หวันเกิดทะเลาะวิวาทชกต่อยและตะโกนด่าทอกันไปมาในสภา สืบเนื่องมาจากกฎหมายปฏิรูปสภาที่ฝ่ายค้านพยายามผลักดัน และคาดว่าอาจจะมีศึกกลางสภาอีกรอบหลังจากที่บรรดา ส.ส.เปิดการอภิปรายอีกครั้งในวันอังคารนี้ (21)

ชาวบ้านลงเรือช่วยกันเก็บขยะทะเล เกาะพีพี จ.กระบี่ ‘ดร.ธรณ์’ ชี้!! ‘ไมโครพลาสติก’ ซ้ำเติมปะการังฟอกขาว

(20 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจปะการังฟอกขาวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โพสต์เฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากพบปะการังฟอกขาวแล้ว ยังเจอขยะทะเลในพื้นที่เกาะพีพี จ.กระบี่ จำนวนมากอีกด้วย แต่ดีใจที่เห็นชาวบ้านในพื้นที่ช่วยกันเก็บขยะจำนวนมากดังกล่าว

โดยในเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ระหว่างที่ผมลอยคออยู่กลางแพขยะเหนือปะการังฟอกขาว กลุ้มใจว่าจะเก็บยังไงดีสองมือถือได้แค่นี้ จู่ ๆ ก็มีเรือลำหนึ่งแล่นเข้ามา จากนั้นน้องเขาก็ลงมือตักขยะขึ้นเรือ ผมลอยดูอยู่ 5 นาที น้องไม่หยุดเลย เก็บขยะไปได้ครึ่งค่อนแพ

ไม่ต้องขอ ไม่ต้องบอก ไม่ใช่หน้าที่ ก็แค่ทำตามที่ใจสั่ง ไม่มีโล่ไม่มีอะไรให้ มีแต่ความชื่นชมจากใจ สุดยอดมากครับน้อง ถามแล้ว เรือชื่อนี้เป็นของคนท้องถิ่นพีพี ของผู้ใหญ่ดำ หมู่ 8″

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ยังโพสต์ 4 ข้อธรณ์ขอไว้ หนึ่งในนั้นคือขยะทะเล ภาพนี้คงบอกได้ว่าทำไม? ปะการังฟอกขาวอยู่ใต้น้ำ แพขยะลอยมา สังเกตตะกอนเล็ก ๆ เต็มน้ำ

บางส่วนเป็นเศษขยะชิ้นจิ๋วและไมโครพลาสติก เมื่อมาถึงช่วงน้ำนิ่งจะตกลงไปเบื้องล่าง ลงสู่ปะการังที่อ่อนแออยู่แล้วพอน้ำเริ่มไหลอีกครั้ง เศษพลาสติกจิ๋วจะบาดตัวปะการัง ทำให้เป็นโรคง่าย ขยะทะเลจึงซ้ำเติมปะการังฟอกขาว เพราะฉะนั้น ช่วยกันนะครับ

ภาพ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

‘นายกฯ’ แสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ‘ประธานาธิบดีอิหร่าน’ หลังประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ระหว่างรุดเยี่ยมพื้นที่ชายแดน

(20 พ.ค.67) ตามเวลาท้องถิ่นที่กรุงโรมสาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างการปฎิบัติภารกิจยืนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการและกิจกรรมคู่ขนาน ณ เมืองมิลานและกรุงโรม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ดร. Ebrahim Raisi (อิบราฮิม ไรซี) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ว่า “เป็นความเศร้าโศกอย่างมากที่ได้ทราบถึงเกี่ยวกับการจากไปอันน่าเศร้าของเขา ดร. Ebrahim Raisi ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและคณะผู้แทนของเขา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปยังครอบครัวของดร. Ebrahim Raisi และชาวอิหร่านในช่วงเวลาที่ยากลําบากนี้”

“It is with great sorrow that I learn of the tragic passing of HE. Dr. Ebrahim Raisi, President of the Islamic Republic of Iran and his delegation. My thoughts and deepest condolences go to his family and the people of Iran during this difficult time.”

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เฮลิคอปเตอร์ซึ่งมี อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่านและ ฮอสเซน อามีร์-อับดุลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร ประสบอุบัติเหตุตก ขณะเดินทางกลับจากการเยี่ยมพื้นที่ชายแดนติดกับอาเซอร์ไบจาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายและมีหมอกหนาจัด

‘วัดควนอินทนินงาม’ ทาสีโบสถ์ทั้งหลังเป็นสีธงชาติไทย หวังไว้เตือนใจให้คนรุ่นหลังรำลึกถึง ‘บรรพบุรุษไทย’

เจ้าอาวาสวัดควนอินทนินงาม อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ทาสีโบสถ์ทั้งหลังด้วยสีธงชาติไทย ทั้งแดง ขาว น้ำเงิน สื่อความหมายถึงการรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อเตือนใจอนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงบรรพบุรุษไทย ดึงคนเข้าวัด และเป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวในตรังที่ทาด้วยสีธงชาติไทยทั้งหลัง

(20 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดควนอินทนินงาม ริมถนนสายตรัง-ย่านตาขาว หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง พระครูปลัดเริงชัย สุภโร เจ้าอาวาสวัดควนอินทนินงาม ผุดไอเดียการทาสีโบสถ์ทั้งหลังด้วยสีธงชาติไทย ทั้งสีแดง สีขาวและสีน้ำเงิน สื่อความหมายถึงความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อเตือนใจให้อนุชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงบรรพบุรุษไทย เป็นการปลุกใจให้รักชาติ และยังสามารถดึงคนเข้าวัดด้วยความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ทำนักท่องเที่ยวที่ผ่านไป-มาบนถนนสายดังกล่าว ต่างรู้สึกประทับใจ และแวะเวียนเข้ามาถ่ายภาพโพสต์ลงโซเชียลและเพจต่าง ๆ กันอย่างต่อเนื่อง

สำหรับโบสถ์หลังนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2555 มีขนาดความยาว 100 เมตร ความกว้าง 30 เมตร สูง 2 ชั้น ใช้เงินก่อสร้างไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท แต่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 50 % ยังไม่ได้ติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปา เนื่องจากวัสดุก่อสร้างมีราคาแพงขึ้น ซึ่งภายในเป็นลานกิจกรรม สำหรับให้เยาวชนและประชาชน ได้ใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ และมีพระประธานปางมารสะดุ้งองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ น้ำหนัก 80 ตัน ที่มีดวงตาเป็นนิลสีดำประดิษฐานอยู่

ส่วนบริเวณรอบโบสถ์จะมีการสร้างน้ำตก ให้น้ำไหลเวียนได้รอบโบสถ์ เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วย พร้อมกับการปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาแก่คนและสัตว์ เช่น กระรอก กระแต นก และหมาแมว โดยผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคได้ที่ Fb วัดควนอินทนินงาม หรือที่พระครูปลัดเริงชัย หมายเลขโทรศัพท์ 085-8892403

ด้านพระครูปลัดเริงชัย สุภโร เจ้าอาวาสวัดควนอินทนินงาม กล่าวว่า ที่สร้างเป็นสีธงชาติเพื่อให้ได้ครบตามหลักชาวพุทธ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะถ้าเราไม่มีชาติ เราก็ไม่สามารถมีศาสนาอยู่ได้ และที่ศาสนาอยู่ได้เพราะมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์ จึงทำให้คนมาเห็นก็นึกภาพออกว่านี่คือเมืองไทย ซึ่งที่ตรังไม่มีวัดไหนมีสีธงชาติเต็มรูปแบบเหมือนของทางวัด ที่ตรังคงจะไม่มี ถ้ามีก็มีเฉพาะหลังคา ซึ่งของเราเป็นชั้นแบบสีธงชาติเลย

‘อคส.’ จ่อประกาศขาย ‘ข้าว 10 ปี’ กว่า 1.5 หมื่นตัน คาด!! ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ หลังผลตรวจชี้มีคุณภาพ

(20 พ.ค.67) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการแถลงข่าวผลการตรวจข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ ทางด้านสารเคมีตกค้าง การปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพของข้าวด้านสารอาหารและอื่น ๆ ด้วยระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ว่า

ขณะนี้ข้าวในสต็อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าว เหลืออยู่ทั้งหมด 2 คลัง ใน จ.สุรินทร์ คือ คลังกิตติชัย จำนวน 11,665.65 ตัน คิดเป็น 112,711 กระสอบ และคลังพูนผล 3,356.59 ตัน คิดเป็น 32,879 กระสอบ รวมทั้งหมด 15,013.24 ตัน คิดเป็น 145,590 กระสอบ ซึ่งเป็นข้าวสารในสต็อกรัฐบาลล็อตสุดท้ายแล้ว

ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่าข้าวเก็บมานาน มีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระของผู้ประกอบการในการรมยา ดูแลรักษา และไม่สามารถนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้จึงเป็นที่มาว่ากระทรวงพาณิชย์ อยากจะระบายข้าวและนำเงินกลับมาคืนเป็นรายได้ของรัฐเอง

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้าวในคลัง พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างข้าว ที่กระทรวงฯ ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ (Surveyor) คือ บริษัท โคเทคนา อินสเปคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานในการปฏิบัติ โดยการเก็บตัวอย่างข้าวจะมีการผ่ากรอง 15 ชั้น เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุด ซึ่งเราผ่าทุกกรองและเก็บตัวอย่างมาเพื่อให้มีความมั่นใจ ทุกขั้นตอนมีการเปิดเผยในสายตาของสื่อมวลชน มีความโปร่งใส จากนั้นจึงได้ส่งตัวอย่างมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ขณะที่ นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า หลังจากที่มีผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่มีการเก็บรักษาไว้ใน 2 คลังดังกล่าวออกมาว่า มีคุณภาพนั้น ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบ และวางกรอบการทำงาน เพื่อการประกาศขายข้าว ทั้งหมด 15,013.24 ตัน คาดว่า ไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค.นี้ ทาง อคส.จะประกาศจำหน่ายข้าวในสต็อกเป็นการทั่วไป

เมื่อถามว่า หากมีการจำหน่ายทั่วไปแล้ว ในทางกฎหมายจะสามารถระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ว่าเป็นข้าวล็อต 10 ปีได้หรือไม่ นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ทาง อคส. ต้องไปดูรายละเอียด แต่อย่างที่มีการรายงานผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่พบว่าคุณภาพข้าวที่มาจากคลังสินค้า และข้าวใหม่ในตลาดไม่มีความแตกต่างกันนั้น อย่างไรก็ตามคงต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการนำข้าวดังกล่าวมาจำหน่ายต้องมีขั้นตอนการปรับปรุงคุณภาพข้าว นำสิ่งแปลกปลอมที่ปนอยู่ออกก่อน จึงจะนำมาจำหน่ายได้ ส่วนจะสามารถส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศได้หรือไม่นั้น กรมการค้าต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งอาจจะมีการตรวจหาสารเคมีซ้ำหรือไม่ ก็ต้องไปดูรายละเอียด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกรมวิทย์มีการตรวจสอบอายุของข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาตรวจหรือไม่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เป็นเรื่องแรกที่ตนได้ถามกับผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร (สคอ.) ว่าจะมีเทคโนโลยีใดที่สามารถยืนยันอายุของข้าวได้ ซึ่งท่าน ผอ.สคอ. ก็ไปค้นข้อมูลวิชาการ แต่วันนี้ก็ยังไม่พบข้อมูลที่ระบุวิธีในการบอกอายุของข้าวได้ เพราะข้าวส่วนใหญ่เก็บเอาไว้อายุสั้น ๆ ไม่กี่ปี ก็บริโภคหมด ดังนั้นเรายังหาวิธีตรวจไม่ได้ แต่วันหนึ่งเราจะตรวจได้ ซึ่งตนได้มอบให้นักวิทยาศาสตร์ของกรมวิทย์ไปหาวิธีมาเพื่อโอกาสในอนาคต

เมื่อถามว่า กลิ่นของข้าวที่ได้รับตัวอย่างจากกระทรวงพาณิชย์มีกลิ่นอย่างไร นพ.ยงยศ กล่าวว่า จริง ๆ ต้องไปตามนักวิทยาศาสตร์ในแล็บ แต่ที่ได้รับรายงานมาพบว่ามีกลิ่นอับ แต่ในกลิ่นข้าว 2 ตัวอย่างที่ซื้อมาเป็นกลิ่นข้าวปกติ ส่วนกลิ่นของข้าวเก่าก็อาจเกิดจากซากแมลงที่ปนอยู่ก็ทำให้มีกลิ่นได้

เมื่อถามต่อว่า ประชาชนกังวลว่าการกินข้าวที่เก็บมานานอาจก่อเชื้อมะเร็งได้ นพ.ยงยศ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกับข้าว เพราะคนเป็นมะเร็งมีหลายสาเหตุ แต่คงไม่เกี่ยวกับข้าว

เมื่อถามย้ำว่าข้าวที่เก็บมานานนั้น ผลการตรวจออกมาว่าไม่มีสารปนเปื้อน ยังสามารถกินได้ใช่หรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า นำไปทำความสะอาด เอามอด เอาแมลง เอาฝุ่นออกให้หมด ก็กินได้ ส่วนสารตกค้างที่พบในข้าวนั้น เป็นการพบปริมาณน้อย อยู่ในระดับที่สามารถนำไปล้างก็จะลดปริมาณสารลงได้ เช่น สารหนู ผักที่เรากินทุกวันมีมากกว่าข้าวที่เราตรวจเยอะ และข้าวที่ได้รับตัวอย่างมาพบปริมาณสารต่ำกว่าค่ามาตรฐาน 200 เท่า

ทำความรู้จัก ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ประธานาธิบดีรักษาการ ในวันที่ ‘อิหร่าน’ สูญเสียผู้นำจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของรัฐบาลอิหร่าน ได้รายงานยืนยันการถึงแก่อสัญกรรมของ อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน พร้อมทั้ง ฮูซเซน อะเมียร์-อับดุลลาฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เขตอาเซอร์ไบจานตะวันออก อย่างเป็นทางการแล้ว เบื้องต้นระบุสาเหตุการตกเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย และมีหมอกจัด บดบังวิสัยทัศน์การบิน 

แต่ทั้งนี้ อิหร่านไม่อาจทิ้งให้รัฐบาลอยู่ในช่วงสุญญากาศเพราะขาดผู้นำอย่างกะทันหันได้นาน จึงมีประกาศแต่งตั้ง ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ รองประธานาธิบดี ลำดับที่ 1 ขึ้นดำรงผู้นำอิหร่านเป็นการชั่วคราว ที่จะต้องประสานงานร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าคณะตุลาการ เพื่อจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ในอิหร่านภายในกรอบเวลา 50 วัน

ประวัติส่วนตัวของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1955 ปัจจุบันอายุ 69 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนสนิทใกล้ชิดกับผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีอิหร่านในปี 2021 และถูกมองว่ามีโอกาสขึ้นถึงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านในไม่ช้านี้ 

‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ จบปริญญาเอกถึง 2 สาขา ทั้งด้านบริหารธุรกิจ และ สิทธิสากล เคยเข้าร่วมรบในกองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในสมัยสงคราม อิรัก-อิหร่าน ก่อนที่จะเข้ามาทำงานสายธนาคารจนได้รับตำแหน่งเป็น ประธานบอร์ดผู้บริหารของ Sina Bank และ รองผู้ว่าการจังหวัด ฆูเซสถาน

จากนั้นเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภา Execution of Imam Khomeini's Order ที่ดูแลด้านการเงินให้กับ ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ และทำให้ชื่อของเขาอยู่ในบัญชีดำของสหภาพยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ด้วยข้อกล่าวหาว่า เขาเกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน

และในปี 2021 หลังการเลือกตั้งใหญ่ในอิหร่าน เมื่อ ‘อิบราฮิม ไรซี’ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอิหร่าน ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ก็ถูกวางตัวในตำแหน่งรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 ที่ทำงานใกล้ชิดทั้งประธานาธิบดี และ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกต่ออิหร่าน และยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำอิหร่านในการเยือนกรุงมอสโก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านอาวุธ การจัดหาขีปนาวุธภาคพื้นดิน และ โดรนให้แก่กองทัพรัสเซีย 

ดังนั้น การขึ้นรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน ของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด จนกว่าอิหร่านจะผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ได้ผู้นำตามกระบวนการอย่างถูกต้อง 

แต่ปัญหาของอิหร่านตอนนี้คือ การมองหาตัวแทนตำแหน่งผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุด หรือ อยาตอลเลาะห์ คนที่ 3 ต่อจาก อาลี คาเมเนอี ที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่า อิบราฮิม ไรซี ถูกวางตัวไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนี้ แต่เมื่ออิหร่านสูญเสียตัวแทนคนสำคัญไปแล้ว คงต้องมองหาผู้สืบทอดคนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างมากต่อความมั่นคงของชาติเลยทีเดียว

‘บางจาก’ เปิดบ้านต้อนรับผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร นพม.รุ่นที่ 22 เรียนรู้การบริหารจัดการองค์กร-พัฒนาชุมชน-สังคมอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายธรรมรัตน์ ประยูรสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน นางกลอยตา ณ ถลาง รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร และผู้บริหารบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมต้อนรับและบรรยายให้กับ คณะผู้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรนักบริหารการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นพม.) รุ่นที่ 22 สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการเยี่ยมชมและศึกษา ดูงาน ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจากฯ อาคารเอ็มทาวเวอร์

โดยคณะผู้เข้าฝึกอบรมฯ ได้รับฟังกลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กรและวิสัยทัศน์ของ บางจากฯ ในการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งผู้บริหารและพนักงานมี DNA ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม มีวัฒนธรรมพนักงาน ‘เป็นคนดี มีความรู้ เป็นประโยชน์ ต่อผู้อื่น’ ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทจนปัจจุบันที่ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ของการดำเนินธุรกิจ โดยในส่วนของการพัฒนาศักยภาพบุคลากร มีกลยุทธ์การพัฒนาบุคลากร Bangchak 100X to 100X Happiness ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อไป

‘อินเดีย’ ระอุ!! อากาศร้อนเกือบ 48 องศาฯ นับเป็นอุณหภูมิสูงสุดของประเทศในฤดูร้อนนี้

(20 พ.ค.67) สำนักข่าวบีบีซี รายงานถึงสถานการณ์สภาพอาการร้อนจัดใน ‘ประเทศอินเดีย’ โดยเฉพาะทางตอนเหนือ ครอบคลุมถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวง หลังเผชิญ ‘คลื่นความร้อน’ รุนแรงระลอกใหม่ ส่งผลให้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอุณหภูมิในหลายพื้นที่พุ่งสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส

ขณะที่เมืองนาจาฟการ์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเดลี วัดอุณหภูมิเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. ได้ถึง 47.8 องศาเซลเซียส ถือเป็นอุณหภูมิสูงสุดของประเทศในฤดูกาลนี้

ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุคาดว่าอากาศจะร้อนต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์กับอุณหภูมิสูงสุดในเขตนครเดลีและเมืองทางตอนเหนือมีแนวโน้มระอุที่ประมาณ 45-46 องศาเซลเซียส

เชียงใหม่-สถาบันวิจัยและพัฒนา CMRU ดันสินค้าOTOP ยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน

รศ.ดร.ชาตรี มณีโกศล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ให้เกียรติเป็นประธานในกิจกรรมสรุปงานโครงการยกระดับชุมชนฉลาดรู้อย่างสร้างสรรค์ด้วยกลไกการขับเคลื่อนจากมหาวิทยาลัยสู่ชุมชน โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กลุ่ม Area Based ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้นG ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจโดยการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีบทบาทในการส่งเสริมนโยบายและกลไกสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ซึ่งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีบทบาทในการร่วมลงทุนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ ดังนั้นจึงได้ดำเนินการส่งเสริมการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นล้านนา เช่น หัตถกรรม สถาปัตยกรรม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ให้เกิดพื้นที่ที่มีการสร้างรายได้จากเศรษฐกิจฐานราก นำไปสู่การทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 

โดยมีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและรูปแบบผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาของโครงการ ทั้งสิ้น 12 ราย ได้แก่  ทองน้ำหนึ่ง,ทิพย์สมุนไพร,เศรษฐีเรือนทอง เชียงใหม่,ลำลนา,แอนนิมอล์,กลุ่มเป่าแก้ว พนาไพร,ชนกฝ้ายแพรไหม,สไบทอง,สุภิญญ์ ผ้าฝ้าย,วิสาหกิจชุมชนหมื่นสารบ้านวัวลาย,กาแฟขุนช่างเคี่ยน และห้างหุ้นส่วนจำกัด Amazing Tea

ภายในงานมีกิจกรรม การแสดงศิลปวัฒนธรม กิจกรรมworkshop การสัมนาถอดบทเรียนการดำเนินโครงการ การนำเสนอผลงานนักศึกษาที่ได้รางวัลชนะเลิศจากการเขียนแผนประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ภายในโครงการ และการแสดงสินค้าของผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ

นภาพร/เชียงใหม่

‘สนามบินเซินเจิ้น’ เปิดห้องรับรอง ‘สัตว์เลี้ยง’ แห่งแรกของจีน พร้อมสอดรับกับจำนวนประชาชนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น

(19 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า  หลังจากอยู่ในห้องรับรองสัตว์เลี้ยงของท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน มณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของจีนมานานถึง 20 ชั่วโมง เพราะเที่ยวบินโดนยกเลิก ในที่สุดเจ้า ‘ฉีฉี’ สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ก็ได้ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังเมืองสือเจียจวงทางตอนเหนือของจีน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ฉีฉีได้รับอาหารจากเจ้าหน้าที่สนามบิน และได้เดินเล่นในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการเล่นโดยเฉพาะ รวมถึงยังได้วิดีโอคอลกับเจ้าของของมันด้วย ด้วยความเอาใจใส่ต่างๆ เหล่านี้ ฉีฉีจึงมีอารมณ์ที่สงบตลอดช่วงเวลาที่รอเครื่อง และพนักงานก็รีบจัดการให้สุนัขตัวนี้ได้ขึ้นเครื่องในเที่ยวบินถัดไป

ทั้งนี้ บริการดูแลสัตว์เลี้ยงนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน ได้เปิดห้องรับรองสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ นับเป็นบริการประเภทนี้แห่งแรกของจีน จวบจนปัจจุบันห้องรับรองนี้ได้ให้บริการแก่ ‘นายท่าน’ ทั้งหลายแล้วมากกว่า 40 ตัว

งานวิจัยของสถาบันการพัฒนาแห่งประเทศจีน สถาบันคลังสมองซึ่งตั้งอยู่ในนครเซินเจิ้น ระบุว่าจำนวนผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเซินเจิ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1980 ปัจจุบันเซินเจิ้นมีแมวและสุนัขเลี้ยงมากกว่า 500,000 ตัว บ่งชี้ว่าอุปสงค์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น

เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า ในอดีตสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน จะจัดการสัตว์เลี้ยงร่วมกับสินค้าอื่น ๆ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ ก่อนจะดำเนินการขนส่ง และแม้ว่าจะมีการเปิดพื้นที่รองรับสัตว์เลี้ยงเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังคงอยู่ภายในอาคารขนส่งสินค้าขนาดใหญ่

ขณะที่ห้องรับรองสัตว์เลี้ยงที่เพิ่งเปิดใหม่นี้ มีพื้นที่ประมาณ 210 ตารางเมตร มีการใช้แสงนุ่มที่สบายตายิ่งขึ้น รวมถึงใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็นโซนแมวและโซนสุนัขแยกกัน แต่ละโซนมีพื้นที่สำหรับนั่งรอและพื้นที่ให้ความบันเทิงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ห้องรับรองนี้ดำเนินการโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสัตว์เลี้ยง เจ้าหน้าที่ประจำห้องรับรองล้วนเป็นผู้ผ่านการอบรมทักษะเฉพาะทาง ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูงหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือระบบการตรวจสอบแบบครอบคลุม ที่ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมั่นใจได้ว่าจะมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงระบบการติดตามตำแหน่ง การแจ้งเตือนอุณหภูมิ ความชื้น และ ค่าฝุ่น PM2.5 และอื่น ๆ

นอกเหนือจากช่องทางการตรวจสอบความปลอดภัยแบบพิเศษ การตรวจตราดูแลตามปกติ และการให้อาหารตามคำสั่งของลูกค้าแล้ว ห้องรับรองแห่งนี้ยังมีบริการสัตวแพทย์ทางไกลด้วย

สำหรับบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ต้องติดอยู่ที่สนามบินชั่วคราว เนื่องจากเที่ยวบินล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบินดังเช่นกรณีของเจ้าฉีฉี ทางสนามบินจะไม่มีการบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

หลังจากอยู่บนเครื่องบินนานกว่า 2 ชั่วโมง ฉีฉีก็เดินทางถึงสือเจียจวงอย่างปลอดภัย และทางครอบครัวของเจ้าของก็มารับมันไปในช่วงเย็นของวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา

หญิงแซ่จางซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขตัวนี้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและจัดการขนส่งสุนัขของเธออย่างราบรื่น พร้อมเผยเหตุผลว่าเธอจำเป็นต้องส่งเจ้าฉีฉีกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อให้ครอบครัวช่วยดูแลสักระยะ ในช่วงที่ตนเองต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งบริการนี้ทำให้เธอสบายใจและหายห่วงอย่างมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top