Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

'รมว.ปุ้ย' เตือน!! แผงโซลาร์เซลล์ ไม่มี มอก.ไม่มีมาตรฐาน เสี่ยงไฟไหม้ ย้ำ!! ต้องเลือกที่มี มอก.เท่านั้น เพราะผ่านทดสอบการลุกไหม้มาแล้ว

(9 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ โดยที่ผ่านมามีการสนับสนุนภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ถือเป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญของรัฐบาลในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาวของประเทศ ซึ่งมีสถานประกอบการและประชาชนให้ความสนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้น

"แต่เนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์มีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หากนำแผงโซลาร์เซลล์ที่ไม่มีมาตรฐาน และไม่ได้ติดตั้งตามมาตรฐานจากผู้เชี่ยวชาญ อาจจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้แผงโซลาร์เซลล์ตามที่มีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ดิฉันจึงได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานของสินค้า ให้เร่งชี้แจงทำความเข้าใจและให้ความรู้กับประชาชนในการเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก"

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุการเกิดไฟไหม้แผงโซลาร์เซลล์นั้นมีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักคือ กระแสไฟฟ้าไหลได้ไม่สะดวก เนื่องจากมีการต่อแผงเข้าด้วยกันหลาย ๆ แผง หากแผงใดเกิดมีปัญหา จะทำให้แรงดันไฟฟ้าจากหลาย ๆ ที่ไหลไปรวมตัวกันที่แผงดังกล่าว จนทำให้เกิดความร้อนสะสม เมื่อความร้อนเกินกว่าศักยภาพที่แผงโซลาร์เซลล์นั้นจะรับได้ ก็จะเกิดกระแสไฟลุกไหม้ตัวแผงนั้นขึ้นมา จนลุกลามกระจายไปยังแผงอื่น ๆ 

ดังนั้นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุด คือ ควรเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐานมี มอก. รับรอง เพราะผ่านการทดสอบการทนความร้อน การลุกไหม้ และการลามไฟมาแล้ว 

"สมอ. มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์แผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นมาตรฐานภาคสมัครใจ จำนวน 2 มาตรฐาน ได้แก่ มอก. 61215 เล่ม 1(1) - 2561 เป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่แสดงประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ และ มอก. 2580 เล่ม 2-2562 เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัย ซึ่งมีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการทนความร้อน การตัดไฟ การใช้งานในอุณหภูมิสูง การป้องกันไฟรั่ว การลามไฟ และมีระบบป้องกันไม่ให้เกิดความร้อน จนเกิดการลุกไหม้ในจุดที่ถูกบดบังการรับแสง ไม่ว่าจะเกิดจากเงาเมฆ มีใบไม้มาบัง หรือแผงเกิดความสกปรก แผงโซลาร์เซลล์นั้นก็จะยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าแผงโซลาร์เซลล์ที่มีมาตรฐาน จะมีความปลอดภัยขั้นพื้นฐานและป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ได้" นายวันชัย กล่าว

ปัจจุบัน มีผู้ผลิตภายในประเทศที่ได้รับใบอนุญาต มอก. 61215 เล่ม 1 (1) - 2561 และ มอก. 2580 เล่ม 2-2562 จาก สมอ. แล้ว จำนวน 7 ราย ได้แก่ 1. บริษัท เทลซัน เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด 2. บริษัท ฟูโซล่าร์ จำกัด  3. บริษัท โซล่าเพาเวอร์ เทคโนโลยี จำกัด 4. บริษัท โซลาร์ พีพีเอ็ม จำกัด 5. บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) 6.บริษัท รันเนอร์จี พีวี เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด และ 7. บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) จึงขอฝากถึงประชาชนให้เลือกซื้อแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐาน มอก. และมีเครื่องหมายรับรอง เพื่อความปลอดภัย

'อนุทิน' โวย!! ถูกหักหลัง ทำกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน ยัน!! ถูกดึงกลับบัญชียาเสพติด ไม่กระทบ 'ภท.'

(9 พ.ค. 67) ที่ จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปหาข้อมูลมา เพราะที่ผ่านมาการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดหรือพ้นจากการเป็นยาเสพติด เป็นการประกาศโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติชุดใหญ่ แต่ก่อนที่จะมาถึงตรงนั้น ก็มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานอยู่ ซึ่งตอนที่ปลดกัญชาก็มีความชัดเจนว่าเหตุใดถึงปลดได้ แต่ปัญหาของมันตอนนี้ คือ ‘กฎหมายไม่มี’ เราเคยเสนอกฎหมายเข้าไป ผ่านวาระแรกแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองไม่ใช่เรื่องของเหตุผล

ดังนั้น เราต้องยืนยันเจตนารมณ์​ต่อไปว่ามันพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก และนโยบายต่าง ๆ ก็ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน ตรงนี้ไม่กังวลและที่ผ่านมาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภาจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติ วันนี้ตนย้ายมากระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการด้วย เราก็ต้องให้ข้อมูลในส่วนของเรา ส่วนจากมติจะออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฏหมาย

เมื่อถามว่า ต้องมีการเยียวยาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนที่เราประกาศให้กัญชา ออกจากยาเสพติด นักโทษ 6-7 พันคน ได้รับการปล่อยตัวทันที บางทีเขารักษาตัว บางทีพวกเขาเป็นแพทย์ประจำบ้าน แพทย์แผนโบราณ ถูกตัดสินจำคุก เขาก็ได้รับการปล่อยตัว

“ส่วนตัวไม่ได้บอกว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าวันนี้มีข้อมูลใหม่มา กัญชาอันตรายเป็นยาเสพติดแน่นอน ถ้ามีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ผมต้องรับฟังและพิจารณา แต่ในปัจจุบันเราก็ต้องรอข้อมูลเหล่านั้นมาก่อน วันนี้ที่ยังปลูก 6 ต้นได้หรือพวกที่เอามาทำเป็นสินค้าเขาแค่จดแจ้งหรือทำรายงานว่า เขาจะเอาไปขาย วันนี้เราจะทำอย่างไรถ้าเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะต้องมีบทเฉพาะกาลคุ้มครองคนเหล่านี้หรือไม่ จะต้องมีการดูทุกอย่าง” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่าเป็นเหมือนโครงการเรือธงของพรรคภูมิใจไทย จะกระทบอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ในขณะที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ ให้เราเข้าไปกำกับกระทรวงสาธารณสุข เราก็เดินหน้าตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่าง มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดเรียบร้อย แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทย เสียงไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราต้องให้รัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่เราต้องให้ข้อมูลว่าเหตุใดกัญชาจึงมีประโยชน์มากกว่าโทษ เราให้ข้อมูลเข้าไปเต็มที่ ก็โหวตกันในที่ประชุม ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับ เราจะยืนยันไปโดยที่ไม่รู้ว่าเขามีข้อมูลอย่างไรก็คงไม่ได้ ตอนนี้เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เราจะยืนยันในข้อมูลที่เรามี หากใครมีข้อมูลที่ดีกว่าก็มาหักล้าง

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลตอนที่ทำให้ปรับจากยาเสพติด เรามีข้อมูลอย่างไรบ้างตรงนี้เป็นข้อมูลของผม เป็นเหตุผลที่เราเห็นว่าทำแล้วมีประโยชน์ทางการแพทย์ ขึ้นบัญชียาหลักของชาติ แต่ถ้าบอกเป็นยาเสพติด ก็ต้องมานั่งถามกันว่า จะเอาขึ้นเป็นบัญชียาได้หรือไม่ ตอนนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าข้อมูล” นายอนุทินระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบฐานเสียงพรรคภูมิใจหรือไม่ เพราะเขาอาจจะเลือกพรรคเพราะนโยบายนี้ นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้เสียงเราไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่ตอนที่เรากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข เราก็ทำทุกอย่างเช่นเดียวกับกฎหมายที่เราส่งเข้าสภา แต่เราก็ถูกหักหลัง คนที่รับโทษก็คือประชาชนไม่ใช่ พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้ไม่ได้ดูกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เราต้องให้เกียรติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบันที่จะต้องไปดำเนินการ

นายอนุทินยังกล่าวถึงร้านกัญชาที่ชาวต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของจำนวนมาก ว่า ต้องถูกจับ คนที่จะเปิดร้านกัญชาได้ต้องอยู่ภายใต้ประกาศของสาธารณสุข กฎระเบียบ มีหมดอยู่แล้วถ้าเราทำตามกฎระเบียบจะไม่มีปัญหา

เพชรบูรณ์ มทบ.36 จัดงานครบรอบวันสถาปนา 40 ปี เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและเชิดชูเกียรตินายทหารผู้กล้า

วันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตรีวัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 พร้อมด้วยประธานชมรมแม่บ้านกองทัพบก มณฑลทหารบกที่ 36 นำคณะข้าราชการนายทหาร และ กำลังพลจากมณฑลทหารบกที่ 36 จัดงานวันสถาปนาหน่วยครบรอบปีที่ 40 ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม ของทุกปี โดยมีพล.ต.วิทยา แก้วพรม รองแม่ทัพภาค 3 เป็นประธานในพิธี มีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับกำลังพลผู้ล่วงลับไปแล้วและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หน่วย รวมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่บุตรกำลังพลในสังกัด ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีนายชนก มากพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ดร.เสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ ดร.ประทิน นาคสำราญ นายก อบต.สะเดียง หัวหน้าส่วนราชการและกำลังพลร่วมในพิธี

สำหรับ มณฑลทหารบกที่ 36 จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2523 ตามคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ลับที่ 98/23 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2523 โดยแยกกำลังบางส่วนจากจังหวัดทหารบกพิษณุโลก จัดตั้งเป็น "จังหวัดทหารบกส่วนแยก” บรรจุกำลังพลและยุทโธปกรณ์ตาม อฉก. หมายเลข 6010 เรียกนามหน่วยว่า "จังหวัดทหารบกพิษณุโลก (ส่วนแยกที่ 2 เพชรบูรณ์)” เป็นหน่วยในอัตราของจังหวัดทหารบกพิษณุโลก มีภารกิจสนับสนุนทางการส่งกำลังบำรุงต่อหน่วยทหารในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิจิตร มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ได้แปรสภาพหน่วยเป็น "จังหวัดทหารบก” ตามคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ลับ 116/27 ลงวันที่ 9 พ.ค.2527 บรรจุกำลังพล และยุทโธปกรณ์ตาม อฉก. หมายเลข 5440 เรียกนามหน่วยว่า "จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์” คำย่อ "จทบ.พ.ช.” จนกระทั่งในปี พ.ศ.2533 ทบ. ได้มีคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ลับ ที่ 103/33 ลง 12 ก.ค. 2533 ให้ปรับจากหน่วยใช้ อฉก. เป็นหน่วยใช้ อจย.บรรจุกำลังพลและยุทโธปกรณ์ตาม อจย.หมายเลข 51-301 (ลง 5 ส.ค. 2531) ประเภท จังหวัดทหารบก ชั้น 1 เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ มทบ.31 ปัจจุบันตั้งเป็น มณฑลทหารบกที่ 36 มีที่ตั้งหน่วยอยู่ภายในค่ายพ่อขุนผาเมือง ตำบล สะเดียง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยให้รับผิดชอบพื้นที่ 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดพิจิตร ปัจจุบันมี พลตรีวัชรพงศ์ แก้วแจ้ง เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36

‘LINE’ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ‘Combination Sticker’ ส่งสติกเกอร์รวมกันได้สูงสุด 6 ตัว ภายในคราวเดียว

เมื่อวานนี้ (8 พ.ค.67) ที่ผ่านมา LINE STICKERS จัดเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดมัดใจผู้ใช้งานแชต ด้วยการสร้างสีสันให้บทสนทนามากกว่าการส่งข้อความตัวหนังสือ และยังช่วยสื่ออารมณ์หรือความรู้สึก จึงทำให้มีการใช้สติกเกอร์ในการสนทนากันอย่างแพร่หลาย จนวันนี้มีสติกเกอร์อยู่ในระบบเพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้เลือกใช้กว่า 20 ล้านชุด

ล่าสุด ฟีเจอร์คอมบิเนชันสติกเกอร์ (Combination Sticker / Sticker Arranging*) ได้ถูกเปิดตัวขึ้นเพื่อตอบโจทย์ใหม่ ๆ ของผู้ใช้งานให้ทุกการแชต สนุก มีสีสัน และสื่อสารได้มากขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกผสมผสานสติกเกอร์ประเภทต่าง ๆ ได้สูงสุด 6 ตัวต่อการส่งหนึ่งครั้ง ทั้งจากเซตเดียวกันหรือต่างเซต พร้อมเลือกจัดวาง หมุน หรือปรับขนาดได้ตามใจ

โดยฟีเจอร์นี้จะทยอยครอบคลุมสติกเกอร์ที่ใช้งานได้ โดยเริ่มจากสติกเกอร์ทางการ (Official Stickers) ก่อนขยายสู่สติกเกอร์ครีเอเตอร์ (Creators’ Stickers) ในการใช้งานเวอร์ชันเต็มรูปแบบในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 นี้

สำหรับการใช้งานฟีเจอร์คอมบิเนชัน สติกเกอร์ จะเข้ามาช่วยให้ ‘ขยาย’ สติกเกอร์ให้ใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ ‘เพิ่มจำนวน’ สติกเกอร์ในรูปเดียวแบบซ้ำ ๆ ได้ตามใจ และ ‘รวม’ สติกเกอร์หลายตัวเข้าด้วยกัน

เริ่มต้นด้วยการกดค้างตัวสติกเกอร์ที่อยากนำมาทำคอมบิเนชันสติกเกอร์ จากนั้นจะมีแถบพื้นที่สีขาวใหญ่ปรากฏขึ้น ให้ลากสติกเกอร์ที่ต้องการเข้ามาวางในแถบขาวนั้น โดยสามารถหมุน เพิ่มขนาด และเพิ่มจำนวนได้อย่างอิสระ

เมื่อได้คอมบิเนชันสติกเกอร์ที่ต้องการ ผู้ใช้งานสามารถกดส่งสติกเกอร์ที่ครีเอตใหม่นั้นได้เลยทันที และเพื่อการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป LINE ยังช่วยเก็บคอมบิเนชันสติกเกอร์ที่ผู้ใช้งานสร้างและเคยใช้แล้วไว้ใน History Tab

‘เอกนัฏ’ นำทีมแกนนำ - สส.รทสช. ยินดีกับ ‘สุชาติ’ หลังนั่ง ‘รมช.พาณิชย์’ ยืนยัน!! พรรคยังเหนียวแน่น

(9 พ.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลังการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการลาออกของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง รวมทั้งกรณีที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้นำแกนนำ และ สส.พรรคจากทุกเขต อาทิ นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม, นางธิวัลรัตน์ อังกินันน์ สส.เพชรบุรี เขต 1, นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี, น.ส.วชิราภรณ์ กาญจนะ, นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร เข้าแสดงความยินดี นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ พร้อมมอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ หลังเข้ารับตำแหน่ง

รายงานข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า การเข้าแสดงความยินดีกับนายสุชาติในครั้งนี้ของบรรดาแกนนำ และ สส.พรรค เพื่อแสดงความเหนียวแน่นภายในพรรค หลังเกิดกระแสข่าวต่าง ๆ นานา ทั้งนี้ นายเอกนัฏ กล่าวยืนยันสั้น ๆ ว่า "พรรครวมไทยสร้างชาติยังเหนียวแน่น"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเตรียมจัดสัมมนาพรรคในวันที่ 12 พ.ค.เวลา 14.00 น.ที่โรงแรมรีเจนท์ เพชรบุรี ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ และระหว่างการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 13 - 14 พ.ค.โดยวัตถุประสงค์จัดขึ้นเพื่อให้มีการพูดคุยกันระหว่างรัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรค

ตำรวจหนองคาย สกัดเฮโรอีนล็อตใหญ่กว่า 1.4 ตัน หลังขนข้ามโขงเข้าไทย

ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้ปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน และเพิ่มความเด็ดขาดในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา พล.ต.ท.สรายุทธ  สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างเด็ดขาด ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.67  เวลาประมาณ 22.00 น. ตำรวจ สภ.นางิ้ว  ภ.จว.หนองคาย นำโดย พ.ต.ท.พญา บุญโสดากร สวญ.สภ.นางิ้ว ร่วมกับชุดปฏิบัติการด้านการข่าว ตชด.244 และ ตชด. 245 ร่วมกันสกัดจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมด้วยเฮโรอีน 1,404 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 4 คน ขณะกำลังลำเลียงเฮโรอีนไปส่งให้กับเครือข่ายที่ จ.หนองคาย  

โดยตำรวจ สภ.นางิ้ว, ตชด.244 และ ตชด. 245 ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า จะมีการลอบนำยาเสพติดจำนวนมากเข้ามาใน จ.หนองคาย จึงร่วมกันนำกำลังติดตามจับกุม ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.67 เวลาประมาณ 22.00.น. ตำรวจชุดจับกุมได้นำกำลังไปที่บ้านเลขที่ 48 ม.7 บ้านภูเขาทอง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย พบผู้ต้องหาทั้ง 4 ทราบชื่อภายหลังว่า นายนิยม, นายศราวุธ, นายประสิทธิ์ และ นายประโท กำลังช่วยกันยกลังกระดาษรวม 20 ลัง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบว่าเป็นเฮโรอีน ซึ่งผู้ต้องหารับว่ายังมีเฮโรอีนอยู่ในสวนยางอีก ตำรวจชุดจับกุมจึงติดตามไปค้นที่กระท่อมไม่มีเลขที่ ในสวนยาง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย พบเฮโรอีนบรรจุในลังอีก 9 ลัง จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากการตรวจสอบทั้ง 29 ลัง พบว่าเป็นเฮโรอีน รวม 208 ก้อน น้ำหนัก 1,404 กก.  สอบถามได้ความว่า ผู้ต้องหาร่วมกัน ขนเฮโรอีนทั้งหมดมาขึ้นริมฝั่งบริเวณบ้านภูเขาทอง หมู่ 7 ต.บ้านม่วง โดยมีชาวลาวนำใส่เรือกีบหางเครื่องมาให้ ก่อนจะมาซุกซ่อนไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว เบื้องต้นแจ้งข้อหานำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)เข้ามาในราชอาณาจักร  มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่าย หมายความรวมถึงมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยเฮโรอีนของกลาง นำส่ง พงส.สภ.นางิ้ว ดำเนินคดีต่อไป

ภายหลังการจับกุม พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ ชุดปราบปรามยาเสพติดของ บก.สส.ภ.4 ประสานงานกับ ภ.จว.หนองคาย เร่งสืบสวนขยายผล กวาดล้างจับกุมผู้สั่งการและผู้ร่วมขบวนการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งใช้มาตรการยึดทรัพย์กับเครือข่ายยาเสพติดทุกรายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแนะนำ 7 ข้อควรปฏิบัติ ในการจอด และขึ้น-ลงรถ ภายในที่จอดรถห้างสรรพสินค้า

วันนี้ (9 พฤษภาคม 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ และจากกรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดพยายามชิงทรัพย์หญิงรายหนึ่งบริเวณที่จอดรถห้างสรรพสินค้า เป็นเหตุให้ผู้เสียหายบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยายาล ซึ่งต่อมาในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ขณะกำลังหลบซ่อนตัวภายในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอแนะข้อควรปฏิบัติ เพื่อป้องกันและลดโอกาสที่พี่น้องประชาชนจะถูกคนร้ายก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ดังนี้

1. ควรเลือกจอดรถในบริเวณที่ใกล้เคียงกับทางเข้า-ออก หรือบริเวณที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา เนื่องจากอาชญากรมักจะเลือกก่อเหตุในบริเวณที่ลับตาคน

2. ควรเลือกจอดรถในบริเวณที่มีไฟส่องสว่าง เพื่อให้เราสามารถมองเห็นบริเวณพื้นที่โดยรอบ ขณะขึ้น - ลงจากรถ เพื่อความปลอดภัย

3. ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ล็อคประตูรถยนต์ทุกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าห้างสรรพสินค้า

4. ควรเก็บของมีค่าให้มิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นการล่อเป้ามิจฉาชีพ ที่อาจก่อเหตุประสงค์ต่อทรัพย์

5. ขณะเดินกลับมาที่รถ ควรให้ความสนใจสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ หากมีผู้ไม่หวังดีเดินตามมา หรือหลบซ่อนอยู่บริเวณรถ จะสามารถสังเกตเห็นได้ทัน

6. ก่อนขึ้นรถ ควรสังเกตก่อนว่ามีใครหลบอยู่ภายในรถหรือไม่ และเมื่อขึ้นรถแล้วให้รีบล็อคประตูรถทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีแอบขึ้นมาบนรถ

7. กรณีที่ห้างสรรพสินค้าได้จัดพื้นที่จอดรถพิเศษ เช่น ที่จอดรถสำหรับผู้หญิง หากเป็นไปได้ควรที่จะเลือกจอดในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ หากท่านต้องการความช่วยเหลือ หรือพบเห็นการก่ออาชญากรรม สามารถแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

พังงา-ศรชล.ภาค 3 จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การสร้างความตระหนักรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลพื้นที่ฝั่งอันดามัน

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ที่โรงแรมภูงา ตำบลตากแดด อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา โดยมี พล.ร.ต.จักรกฤษณ์ กลีบจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาการสร้างความตระหนักรู้ ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2567 เรื่องการขับเคลื่อนองค์ความรู้ ทะเลและมหาสมุทร และผลประโยชน์ของชาติทางทะเล สู่การเรียนการสอนในสถานศึกษา ของจังหวัดชายทะเลฝั่งอันดามัน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ สร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทะเลให้กับครูผู้สอนในสถานศึกษาของจังหวัดชายทะเลฝั่งอันดามัน ให้มีความรู้อย่างท่องแท้ สามารถนำความรู้ที่ได้จากการสัมมนา ใช้ประกอบควบคู่กับหนังสือทะเลและมหาสมุทร และผลประโยชน์ของชาติทางทะเล นำไปสอนกับนักเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้การสัมมนาครั้งนี้ ในทางปฏิบัติแล้วได้เริ่มดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ประกอบด้วยการประชุมเตรียมการจำนวน 3 ครั้ง การอบรมความรู้ผ่านระบบการเรียนการสอนทางไกล จำนวน 6 วัน วันละ 1 หัวข้อ มีครูลงทะเบียนเข้ารับการอบรมทางไกลจำนวน 601อบรมครบ 6 ชั่วโมงจำนวน 200 คน และมี ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการระดับจังหวัดและครูตัวแทนจากจังหวัดชายทะเล 6 จังหวัด เข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการในวันนี้จำนวน 50 คน 

นับถือใจ!! ‘พนักงานหนุ่ม’ ผู้ไม่ย่อท้อต่อความฝันตัวเอง มุมานะสอบนายร้อยตำรวจ 7 ปี สุดท้ายติดตัวจริงอันดับ 4

(9 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงาน เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้ไม่ย่อท้อต่อความฝันตนเอง มุมานะสอบนายร้อยถึง 7 ปี สุดท้ายติดตัวจริงในอันดับที่ 4 จากเพจเฟซบุ๊ก The Special Forces FC ระบุว่า…

จากพนักงานโลตัส สู่นายร้อยตำรวจอันดับ 4 ‘ส.ต.ต.ธนภัทร สมุทรสาร’ หรือ ตาล

ปี 61 สอบ ม.4 (ตท) ไม่ติด
ปี 62 สอบ ม.5 (ตท) ไม่ติด
ปี 63 กลับมาเรียน ม.6 (จบ ม.6) ทำงานโลตัส ไม่เรียนต่อมหาลัย เพื่ออยากจะตามหาความฝัน
ปี 64 เป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ (เลือกลงใต้)
ปี 65 สอบได้ที่ 28 พละน้อยโดนแซงติดสำรอง
ปี 66 สอบได้ที่ 39 พละน้อยไม่มีลุ้น
ปี 67 สอบได้ที่ 4 ได้ตัวจริง

“อย่าถอดใจเลิกสู้”

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีคนเข้ามาชื่นชมมากมาย อาทิ

- ดีครับ แชร์เป็นกำลังใจ ผมกว่าจะสอบได้ 10 ปีเลย ตอนนี้เป็นนายช่างโยธาครับ
- สุดยอดคนมาก ๆ ครับ นับถือใจเลย
- สักวันผมต้องสอบติดแบบเข้าตอนนี้เป็นพนักงานราชการไปก่อน
- เก่งมาก
- เก่งมากเลยน้อง เป็นไอดอลให้น้อง ๆ หลายคนเอาแบบอย่าง
- นับถือใจเลย สุดยอดในความมานะพยายาม

‘ญี่ปุ่น’ จ่อเพิ่ม ‘วาฬฟิน’ ลงบัญชีล่าแบบเชิงพาณิชย์ อ้าง!! เป็นแหล่งอาหารสำคัญที่ควรถูกนำมาบริโภค

(9 พ.ค. 67) ญี่ปุ่นกลับมาล่าวาฬเพื่อการค้าในทะเลอาณาเขตและเขตเศรษฐกิจจำเพาะของตนอีกครั้ง เมื่อปี 2019 หลังตัดสินใจถอนตัวจาก คณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ (IWC) เนื่องจากไม่สามารถแสวงหาจุดร่วมกับประเทศที่ต่อต้านการล่าวาฬได้

โดยสัปดาห์นี้ สำนักงานประมงญี่ปุ่นได้เปิดให้สาธารณชนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับแก้นโยบายควบคุมทรัพยากรทางทะเล โดยจะอนุญาตให้มีการล่าวาฬฟินเพื่อการค้า ซึ่งวาฬฟินจัดเป็นวาฬขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองมาจากวาฬสีน้ำเงิน ที่อยู่ในสกุลและวงศ์เดียวกัน

โยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงยืนยันวันนี้ (9 พ.ค.) ว่า ภาครัฐจะยังคงส่งเสริมการล่าวาฬ และดำเนินนโยบายทางการทูตที่จำเป็น

“วาฬถือเป็นแหล่งอาหารสำคัญ ซึ่งสมควรถูกนำมาบริโภคอย่างยั่งยืน โดยอ้างอิงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์” ฮายาชิ กล่าว โดยอ้างถึงแผนการเพิ่มวาฬฟินลงในบัญชีวาฬที่สามารถล่าเพื่อการค้า

“การสืบทอดวัฒนธรรมอาหารดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน” เขากล่าว

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีการล่าวาฬมิงค์ วาฬบรูด้า และวาฬเซย์ รวมทั้งสิ้น 294 ตัวในปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากสำนักงานประมงญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันยังคงจำกัดให้ล่าวาฬเชิงพาณิชย์ได้เพียง 3 สายพันธุ์นี้เท่านั้น

การบริโภคเนื้อวาฬในญี่ปุ่นเคยพุ่งถึงจุดพีกเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1960 ทว่าปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมแพร่หลาย เนื่องจากมีเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่หารับประทานได้ง่ายกว่า

ญี่ปุ่นประกาศโครงการล่าวาฬเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในปี 1987 หลังจากที่ IWC ออกกฎห้ามล่าวาฬเพื่อการค้า ในความเคลื่อนไหวซึ่งทำให้โตเกียวถูกเหล่าองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมวิจารณ์อย่างดุเดือด

ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในบรรดาชาติที่แสดงความ ‘ผิดหวัง’ หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศถอนตัวจาก IWC เมื่อปี 2018


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top