Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

‘อนุทิน’ แจ้ง ‘รมว.แรงงาน’ เร่งจัดการตามผลสอบมท. หลังชี้ชัดตึก SKYY9 แค่ 3 พันล้าน แต่ ‘ประกันสังคม‘ ซื้อ 7 พันล้าน

จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 มูลค่า 3 พันล้านบาทในราคา 7 พันล้านบาท โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน

ล่าสุด คณะกรรมการฯ ชุดนี้ ได้จัดทำรายงานผลตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีข้อสรุปผลการศึกษาและวิเคราะห์ราคาอาคาร SKYY9 เห็นว่า มูลค่าตลาดของอาคาร SKYY9 ในขณะที่ทำการซื้อขายควรมีค่าในช่วงประมาณ 3,428,000,000-3,863,000,000 บาท

ต่อมาปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 30 พค.68 เพื่อรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรียน รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ให้รับทราบ

จากนั้น นายอนุทิน เขียนคำสั่งด้วยลายมือ แจ้งให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เพื่อทราบและให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด

พร้อมขอให้รมว.แรงงาน รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อรองนายกรัฐมนตรี(อนุทิน) ทุกขั้นตอน และให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด และคำนึงถึง และรักษาประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ดี  ก่อนหน้านี้ นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 10 มิย. ระบุว่า สุดท้ายผลสอบก็จะออกมายืนยันสิ่งที่ไอซ์ พูดมาตลอด ว่าราคาซื้อขายของตึกควรอยู่ที่ 3,000 ล้าน แต่ประกันสังคม ทุ่มเงิน 7,000 ล้าน ซื้อของราคา 3,000ล้าน

พร้อมเรียกร้องถึงนายอนุทิน ดำเนินการเรื่องต่อไปให้เด็ดขาด และอย่าให้ใครครหาว่าทำเป็นเล่นขายของ

“ถ้าท่านเอาจริงไม่มีอะไรเกินอำนาจบารมีที่ท่านจะจัดการได้ แล้วดิฉัน รักชนก ศรีนอก จะจดจำคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะคนจริงที่น่านับถือ” นางสาวรักชนก โพสต์เรียกร้อง

กัมพูชาตั้งกองทุน CTN รับศึกไทยระยะยาว ‘ฮุนเซน–ภริยา’ บริจาคนำร่อง 300 ล้านเรียล

(12 มิ.ย. 68) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้เรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมบริจาคผ่านมูลนิธิ CTN เพื่อสนับสนุนกองกำลังที่ประจำการตามแนวชายแดนของชาติ

การประกาศเปิดตัวมูลนิธิ CTN เพื่อสนับสนุนทหารชายแดนแห่งชาติ มีขึ้นอย่างเป็นทางการผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ CTN โดยมูลนิธินี้ก่อตั้งขึ้นตามคำขอของฮุน เซน

นอกจากนี้ ฮุน เซน ยังแสดงความขอบคุณต่อนายคิด เม็ง ประธานหอการค้ากัมพูชา และภริยา ที่ร่วมกันจัดตั้งโครงการดังกล่าว พร้อมระบุว่า มูลนิธินี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการป้องกันประเทศจากการรุกรานของไทยในทุกมิติ ทั้งการทหาร การเมือง การทูต และกฎหมาย

เขายังเปิดเผยว่า ตนและภริยาจะบริจาคเงินเริ่มต้นจำนวน 300 ล้านเรียล (ราว 2.4 ล้านบาท) ให้แก่มูลนิธิ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเพื่อเชื่อมโยงกับกองทัพ ชาติ และแผ่นดินของตน

“ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนี้ เพื่อสนับสนุนกองทัพและความมั่นคงของประเทศเรา” ฮุน เซน กล่าวปิดท้าย

ผู้นำสาธารณรัฐเซิร์ปสกา ลั่นไม่เอาผู้อพยพจากอังกฤษ ชี้ สหราชอาณาจักร ควรโยกผู้ย้ายถิ่นไปฝั่งบอสเนียแทน

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเซิร์ปสกา มิโลราด โดดิค (Milorad Dodik) กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาปฏิเสธทุกข้อตกลงที่จะนำผู้อพยพมาลงในเขตบริหารของตน ซึ่งรวมถึงข้อเสนอจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อ RT ว่า สาธารณรัฐเซิร์บ (Republika Srpska) จะไม่ยินยอมให้จัดตั้ง 'ศูนย์พักพิง' สำหรับผู้อพยพจากอังกฤษบนดินแดนของตนอย่างเด็ดขาด

โดดิค กล่าวว่า ข้อเสนอของอังกฤษจริงจังและมีการผลักดันจากกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร แต่เขาตอบปฏิเสธด้วยหลักการชัดเจนว่า “เราไม่รับผู้อพยพ” และ “พวกเขาไม่ควรนำมาพักไว้ในเซิร์ปสกา พร้อมเตือนว่าหากจะนำผู้อพยพเข้ามา ควรโยกย้ายไปยังเขตสหพันธรัฐของ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ไม่ใช่บริเวณของเขา

ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเซิร์บย้ำว่าการย้ายผู้อพยพที่เสนอมานั้น “ยอมรับไม่ได้” และไม่ควรให้สถานะเป็นพื้นที่สำหรับผู้อพยพที่ถูกส่งกลับจากสหราชอาณาจักร โดยชี้ว่า รัฐบาลอังกฤษต้องคำนึงถึงการตัดสินใจที่สร้างปัญหาขึ้นในอนาคต และจะทำให้เกิดความตึงเครียดภายในประเทศของเขา

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามต่อสู้ทางการเมืองของโดดิค และยังสะท้อนการใช้ประเด็นผู้อพยพเพื่อเรียกร้องเสถียรภาพหรือชี้ให้ผู้นำตะวันตกเห็นว่า สาธารณรัฐเซิร์บ มีแนวทางต่างจากรัฐบาลกลางบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

ในขณะที่สหราชอาณาจักรพยายามดำเนินนโยบายส่งผู้อพยพที่เดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายไปยังประเทศที่ 3 เพื่อบรรเทาภาระภายใน แต่โดดิคแสดงจุดยืนว่า “เซิร์บไม่ใช่ที่รองรับผู้อพยพจากอังกฤษ” และจะไม่ลงนามในความตกลงใด ๆ ที่สนับสนุนการกระทำนั้น

’โอ๋ ฐิติภัสร์‘ ขยายผลตรวจโรงงานลอบนำเข้าเศษยาง พบทะลักจากกัมพูชา ก่อนบดรีดเป็นยางแผ่นในไทยส่งขายจีน

(12 มิ.ย.68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า

"ขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชา เอามาบดรีดเป็นแผ่นยางในไทย ส่งขายไปจีน

ตามขยายผลที่เพจ รู้ทันจีน และ พี่บอส ช่องไทยพีบีเอส ช่วยกันตามสืบและส่งเบาะแสขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากกัมพูชา ผ่านข้ามแดนมาแถว จ. สระแก้ว และกระจายไปยังโรงงานเถื่อนใน ชลบุรี ระยอง และ สมุทรสาคร

ทีมสุดซอยตามขยายผลมายัง โรงงานเถื่อน ที่ ม.1 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบนายกานต์ อาหยี รับเป็นเจ้าของโรงงานและเศษยาง จนท.ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน

เดินต่อเข้าไปด้านในซอยพบ บ. เถิงฮุย ฮาร์ดแวร์ พลาสติก จำกัด ประกอบกิจการทำเม็ดพลาสติก แต่ประกอบกิจการไม่ตรงตามเงื่อนไขในใบอนุญาต และไม่สามารถชี้แจงที่มาของกองวัตถุดิบที่เป็นเศษพลาสติกสายไฟบดย่อย กองไว้สูงเป็นภูเขาประมาณ 3,000 ตันได้ จนท.สั่งหยุดพร้อมอายัดเศษพลาสติกสายไฟทั้งหมด และดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ประกอบกิจการในส่วนขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

ไม่จบเท่านี้…ขยายผลต่อทั้งขบวนการลักลอบนำเข้าเศษยางจากต่างประเทศ และขบวนการลักลอบทิ้งเศษพลาสติกสายไฟ และโรงงานหลอมเม็ดพลาสติกเถื่อน หากท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสสามารถส่งเข้ามาได้ค่ะ"

‘คิม จองอึน’ ยกสัมพันธ์รัสเซียคือสายเลือดพี่น้อง ประกาศจับมือแน่น!!...ขอยืนเคียงข้างปูตินตลอดไป

(12 มิ.ย. 68) สื่อทางการเกาหลีเหนือ KCNA รายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ส่งสาส์นแสดงความยินดีถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เนื่องในวันชาติรัสเซีย โดยเรียกปูตินว่า “มิตรและสหายที่รักที่สุด” พร้อมยกย่องความสัมพันธ์ที่หล่อหลอมด้วยเลือดระหว่างทั้งสองชาติ

คิม จองอึน ระบุว่า รัสเซียเป็น “รัฐพี่น้อง” และมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างเปียงยางและมอสโกยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ภายใต้ความร่วมมือเชิงทหารที่ทั้งสองประเทศได้ต่อสู้ร่วมกันใน “สงครามอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องอธิปไตยของรัสเซีย”

ภายใต้สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบเบ็ดเสร็จ กองกำลังเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปประจำในแคว้นเคอร์สค์ของรัสเซีย โดยมีบทบาทช่วยขับไล่กองทัพยูเครนออกจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งปูตินได้แสดงความขอบคุณและยกย่องทหารเกาหลีเหนือว่า “ปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติและความกล้าหาญ”

ในรายงานจากกองทัพรัสเซียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายพลวาเลรี เกราซิมอฟ ได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของกองทัพประชาชนเกาหลีในการปลดปล่อยแคว้นเคอร์สค์ และปูตินกล่าวว่า “ประชาชนรัสเซียจะไม่มีวันลืมวีรกรรมของทหารเกาหลีเหนือ”

ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือยืนยันว่าเขาและประเทศจะ “ยืนเคียงข้างปูตินและสหพันธรัฐรัสเซียตลอดไป” สะท้อนถึงแนวโน้มความร่วมมือด้านการทหารและการเมืองระหว่างสองชาติท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังยืดเยื้อในยูเครน

‘กาแล็กซีรีสอร์ต’ หวังรัฐสร้างความเข้าใจกาสิโนในไทย กำหนดคุณสมบัติชัดเจน แนะลดพื้นที่กาสิโนเหลือ 5%

(12 มิ.ย. 68) นายเควิน เคลย์ตัน (Kevin Clayton) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบรนด์ Galaxy Resorts ประเทศไทย กล่าวในสัมภาษณ์พิเศษว่า ไทยควรกำหนดพื้นที่กาสิโนไม่เกิน 5–10% ของโครงการ Entertainment Complex ทั้งนี้ กาสิโนถึงจะแค่ 5% แต่สร้างรายได้ราว 80% ซึ่งใช้สนับสนุนส่วนอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมบันเทิง

นอกจากนี้ เควิน เคลย์ตันเสนอให้รัฐบาลสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนถึงผลดีและเงื่อนไขของโครงการ เช่น การกำหนดอายุและเงื่อนไขการเข้าใช้กาสิโน เพื่อสร้างความสบายใจและลดความกังวลต่อการพนัน รวมถึงเน้นจุดยืนความรับผิดชอบต่อสังคม

นายเควินย้ำว่า ความยั่งยืนของธุรกิจขึ้นอยู่กับการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งมาตรการป้องกันปัญหาการพนัน การฝึกอบรมพนักงาน การติดสื่อประชาสัมพันธ์ช่วยเตือน และการร่วมมือกับกลุ่มช่วยเหลือทางสังคม พร้อมระบบตรวจสอบการฟอกเงินที่เข้มข้น คล้ายคลึงกับภาคการเงินที่ถูกกำกับดูแล

“Galaxy Resorts พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานกำกับชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อปิดช่องว่างข่าวสารที่บิดเบือน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ยิ่งสื่อสารชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งลดความเข้าใจผิด” เควิน กล่าว

สุดท้าย เควินมองว่า Entertainment Complex จะสร้างเม็ดเงินลงทุนหลายพันล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยวเป็น 50 ล้านคนต่อปี และสร้างงานหมื่นตำแหน่ง พร้อมระบุว่าสูตรควรรวมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อออกแบบเงื่อนไขให้พอดีทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อประโยชน์ของประเทศ ประชาชน และนักลงทุน

วีโต้สมศักดิ์ไม่เป็นผล!! แพทยสภา ยืนมติเดิม ลงโทษ 3 หมอ ปมคดีชั้น 14 ด้านหมอประสิทธิ์ ขอบคุณคนไทยที่ร่วมให้กำลังใจคณะกรรมการแพทยสภา

เมื่อเวลา 15.00 น. (12 มิ.ย. 68) ที่อาคารแพทยสภา ภายหลังการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้ (12 มิถุนายน 2568) ซึ่งมีวาระพิจารณายับยั้งหนังสือลงโทษแพทย์ จำนวน 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14  โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกคนที่ 1 ได้ออกมาแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า กรณีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ที่เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแพทยสภา

วาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 มิถุนายน 2568) สามารถออกคำสั่งแพทยสภา เพื่อยืนยันตามมติเดิมในการลงโทษแพทย์ 3 คน จากนั้นก็จะดำเนินการแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ซึ่งโดยกระบวนการ นายกแพทยสภาจะแจ้งให้ผู้ที่ถูกลงโทษทราบ ซึ่งจะมีระยะเวลาหนึ่ง เช่น การยับยั้งใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ก็จะต้องมีช่วงเวลาที่เขาต้องเคลียร์งาน บางคนนัดคนไข้ไว้ก็ต้องเคลียร์ ซึ่งนายกแพทยสภาจะต้องดูตรงนี้และแจ้งให้ทราบ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ได้เข้าไปชี้แจงเป็นเวลา 15 นาที ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า กระบวนการของแพทยสภาในวันนี้ เป็นการรับฟังข้อคิดเห็นอย่างชัดเจน

“สภานายกพิเศษ ได้มาให้ความคิดเห็นของท่านต่อมติของแพทยสภา ซึ่งท่านวีโต้ ขณะเดียวกัน คณะกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ได้รับเอกสารที่ท่านได้ส่งมาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลแห่งการวีโต้ทั้งหมด พร้อมกับวันนี้ กรรมการแพทยสภามีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบให้เห็นถึงมติกรรมการแพทยสภา เพราะเหตุใด เหตุผลของการยับยั้งโดยสภานายกพิเศษ เพราะเหตุใด โดยมีบทวิเคราะห์ ซึ่งกรรมการแพทยสภาทุกท่านได้เห็นข้อมูลเหล่านี้ และใช้ดุลยพินิจของท่านเอง ภายใต้หลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริงและเหตุผล จึงมีมติตามนี้” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ก่อนจบการแถลงข่าว ศ.นพ.ประสิทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณคนไทยทั่วประเทศ รวมทั้งที่ได้เข้าชื่อสนับสนุนมติของแพทยสภากว่า 50,000 คน โดยระบุว่า "กราบขอบพระคุณคนไทยทั้งหลาย ที่แสดงออกอยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง และวันนี้กรรมการแพทยสภา ได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว ที่ท่านให้กำลังใจมา ได้ส่งผลแล้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวันนี้ กรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม 69 จาก 70 คน โดยมีกรรมการ 1 คน ที่ไม่ได้เข้าร่วมและไม่ส่งผู้แทนเข้าประชุม ส่วนการลงคะแนนเสียงโหวตในที่ประชุมเป็น 68 เสียง เนื่องจากมีกรรมการ 1 คน ที่ถูกตัดสิทธิเข้าประชุม คือ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวโทษ

ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นการประชุม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างเวลา 12.00-12.15 น. รวมเวลา 15 นาที เพื่อชี้แจงกรณีใช้อำนาจสภานายกพิเศษฯ ยับยั้ง หรือวีโต้มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในกรณีที่กล่าวโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาล (รพ.) ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ที่ให้การดูแลและส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาใช้เวลาประชุมในวาระดังกล่าวนานถึง 3 ชั่วโมง

เปิดค่าน้ำ-ไฟ ‘รัฐสภา’ แพงลิ่ว แม้ปิดสมัยประชุม เผยงบค่าน้ำ-ไฟ สูงถึงปีละกว่า 174 ล้านบาท

เปิดค่าน้ำ-ไฟ 'รัฐสภา' แพงลิ่วแม้ปิดประชุมสภา ครึ่งแรกปีงบ 2568 ค่าน้ำประปาสูงถึง 5 ล้านบาท ก.พ.มีแค่ 28 วันแต่ค่าน้ำสูง 1 ล้านแซงเดือนอื่น ด้าน สส.ปชน. ชี้งบค่าน้ำ-ไฟสภาตกปีละกว่า 174 ล้านบาท เปิดแอร์หนาวเหน็บเหมือนอยู่ขั้วโลก ปรับอุณหภูมิไม่ได้ ในขณะที่ชาวบ้านต้องสู้ค่าไฟแพง

(12 มิ.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ถึงข้อมูลสถิติการใช้น้ำประปา ของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่ายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นร้อยละ 70 และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นร้อยละ 30

โดยรัฐสภาทั้งในส่วนของสำนักเลขาธิการสภาฯ และ สำนักเลขาธิการวุฒิสภา มียอดใบแจ้งหนี้น้ำประปาตั้งแต่เดือน ต.ค.67-เม.ย. 68 รวม 330,395 หน่วย เป็นเงินทั้งสิ้น 5,646,358.97 บาท แบ่งเป็น เดือน ต.ค. 67 มียอดใช้น้ำตามใบแจ้งหนี้ 39,348 หน่วย เป็นเงิน 672,544.73 หน่วย

เดือน พ.ย.67 ยอดใช้น้ำ 35,215 หน่วย เป็นเงิน 601,964.67 บาท เดือน ธ.ค.67 ยอดใช้น้ำ 44,493 หน่วย เป็นเงิน 760,406.93 บาท

เดือน ม.ค.68 ยอดใช้น้ำ 51,208 หน่วย เป็นเงิน 1,033,300.58 บาท เดือน ก.พ. 68 ยอดใช้น้ำ 60,473 หน่วย เป็นเงิน 1,033,300.58 บาท เดือน มี.ค.68 ยอดใช้น้ำ 46,817 หน่วย เป็นเงิน 800,094.34 บาท และเดือน เม.ย. 68 ยอดใช้น้ำ 52,841 หน่วย เป็นเงิน 902,967.39 บาท

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าเดือน ก.พ.มี 28 วัน แต่ค่าน้ำประปาของรัฐสภากลับพุ่งสูงถึง 1 ล้านกว่าบาท โดยในส่วนสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายร้อยละ 70 นั้น มียอดการใช้น้ำรวม 231,276.50 หน่วย เป็นเงิน 3,952,451.28 บาท ขณะที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายร้อยละ 30 มียอดใช้น้ำรวม 99,118.50 หน่วย เป็นเงิน 1,693,907.69 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายธัญธร ธนินวัฒนากร สส.กทม.พรรคประชาชน ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขค่าไฟของรัฐสภา ซึ่งตกเดือนละ 12-14 ล้านบาท โดยระบุว่าการใช้ไฟฟ้าของรัฐสภามีปัญหา ตั้งแต่เรื่องแอร์เย็นจัด ปรับไม่ค่อยได้ ในขณะที่คนไทยต้องประหยัดไฟ ปรับแอร์ขึ้นสัก 1 องศา หรือลดเวลาเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะค่าไฟในแต่ละเดือนไม่ต่างจากภาระผูกพันหนักอึ้ง แต่ที่รัฐสภาค่าไฟฟ้ายังคงสูงลิ่ว แม้ในช่วงปิดสมัยประชุม ที่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่การใช้พลังงานลดลง อย่างน้อยควรลดลงจากห้องประชุมและห้องทำงานส่วนตัวส.ส.และส.ว.กว่า 700 ห้องไม่ได้เปิดใช้งานเต็มที่ แต่ตัวเลขกลับแทบไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็นหลายห้องภายในอาคารแอร์หนาวจัดเหมือนอยู่ขั้วโลก ระบบปรับอุณหภูมิใช้งานได้ไม่เต็มที่ หลายจุดควบคุมอุณหภูมิไม่ได้ หรือถูกล็อกไว้ ค่าไฟยังสูง แม้ไม่มีการประชุมหรือกิจกรรมหลักในบางช่วง

นายธัญธร ยังตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบการบริหารจัดการพลังงานในอาคารรัฐสภาใหม่ ที่มีงบประมาณก่อสร้างกว่า 12,000 ล้านบาท เหตุใดระบบควบคุมอุณหภูมิถึงไม่มีความยืดหยุ่นตามการใช้งานจริง ใครรับผิดชอบเรื่องนี้ และมีการตรวจสอบความคุ้มค่าของการใช้ไฟหรือไม่ การใช้พลังงานในหน่วยงานของรัฐ ควรเป็นต้นแบบของความประหยัด มีประสิทธิภาพ และยึดโยงกับความรับผิดชอบต่อสาธารณะ อาจถึงเวลาแล้วที่ประชาชนควรขอใบเสร็จค่าไฟ พร้อมคำอธิบายสักหน่อยว่า ความเย็นนี้คุ้มกับเงินแค่ไหน

นายธัญธร ยังได้เปิดเผยบิลค่าไฟรัฐสภา โดยรอบบิลเดือน ธ.ค. 67 เป็นเงิน 12,303,509 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 12,135,868.20 ล้านบาท เดือน ม.ค. 68 จำนวน 12,712,231.30 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,421,496.40 บาท เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ 12,241,878.69 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,338,749,51 บาท เดือน มี.ค. 68 14,248,939.14 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 15,859,131,82 บาท และเดือน เม.ย. 68 เป็นเงิน 13,052,279.55 บาท เทียบกับปีก่อนหน้า 14,688,068.97 บาท ทั้งนี้สภาปิดสมัยประชุมเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการจดมิเตอร์ในช่วงปลายเดือนคือวันที่ 30 เม.ย.

ส่วน นายนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม.พรรคประชาชน ระบุว่า ภาพรวมงบประมาณค่าไฟของรัฐสภาอยู่ที่ 160 ล้านบาทต่อปี และในส่วนของค่าน้ำประปาอยู่ที่ปีละประมาณ 14 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านกว่าบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาคารรัฐสภามีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 424,000 ตารางเมตร ซึ่งรองรับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สส. สว. และผู้มาติดต่อราชการได้จำนวน 5,000 คน

สภากาชาดไทย ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาส 3 ปีตั้ง ‘สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด’

สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทย จัดงานวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ประจำปี 2568 ในโอกาสครบรอบ 3 ปี “เชิดชูเกียรติอาสาสมัครสภากาชาดไทย SPIRIT OF SUCCESS” ซึ่งตรงกับวันที่ 2 มิถุนายนของทุกปี 

เมื่อวันที่ (11 มิ.ย. 68)นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติและแสดงความยินดีใน พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่อาสาสมัครกาชาดผู้ทำคุณประโยชน์ ในโอกาสครบรอบ 3 ปีของการสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 

จากนั้น นางสุนันทา ศรอนุสิน ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด สภากาชาดไทยบรรยายพิเศษถึงความสำเร็จของการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมบทบาทของอาสาสมัครกาชาดให้มีส่วนร่วมในการทำประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวขอบคุณและส่งมอบกำลังใจให้แก่อาสาสมัครกาชาด ชมรมอาสาสมัครกาชาด และภาคีเครือข่าย ที่ร่วมกันปฏิบัติงานมาอย่างเข้มแข็งตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยมีอาสาสมัครกาชาดในระบบอาสาสมัครกาชาดจากทั่วประเทศ จำนวน 134,378 คน และกิจกรรม/โครงการเพื่อประชาชน และกลุ่มเปราะบางบนระบบ จำนวน 41,699 รายการ พร้อมทั้งมอบวิสัยทัศน์แนวทางการทำงาน และประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาด ให้อยู่เคียงคู่สภากาชาดไทยสืบไป

โอกาสนี้ นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย ประธานในพิธี ได้กล่าวขอบคุณ และมอบกำลังใจแก่อาสาสมัครกาชาด ที่ร่วมกันขับเคลื่อนงานอาสาสมัครกาชาดให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

เนื่องในโอกาสวันสถาปนาสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ครบรอบปีที่ 3 โดยวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อเป็นการบอกเล่าเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติงานของอาสาสมัครกาชาดที่ทุ่มเท มุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะดูแลช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและปฏิบัติภารกิจเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ได้ตระหนักถึงความสำคัญยิ่งของอาสาสมัครกาชาด ถือเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และแสดงความขอบคุณอาสาสมัครสภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายที่อุทิศตนทำงานจิตอาสาเพื่อสังคมด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละ

โดยในงานจัดให้มีกิจกรรมจากชมรมอาสายุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด เพื่อเป็นการจัดแสดงผลงานของอาสาสมัครทั่วประเทศ ภายในงานมีผู้เข้ารับการเชิดชูเกียรติ จำนวน 363 คน รวม 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. รางวัลส่งเสริมมาตรฐานชมรมอาสายุวกาชาด
2. รางวัลเชิดชูเกียรติกาชาดหัวใจครู
3. รางวัลวิทยากรแกนนำดีเด่น
4. โล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายโครงการอาสาสมัครป้องกันไข้เลือดออกเพื่อชุมชนจังหวัดตราด ด้วยการบริหารระบบอาสาสมัครทางไกล
5.เข็มผู้อำนวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาด 

โดยงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด ในการสร้างพลังอาสาสมัครให้เป็นกำลังสำคัญของสภากาชาดไทย มุ่งสร้างและพัฒนา 'อาสาสมัคร' ให้เป็น 'อาสาสมัครที่พึ่งพาได้' ของสังคมและประเทศชาติต่อไป

‘ปธน.มาครง’ ของฝรั่งเศส เสนอช่วยปมพิพาทชายแดน ยินดีจัดหาเอกสารให้ ‘ไทย-กัมพูชา’ หากต้องการ

(12 มิ.ย. 68) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แสดงความพร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาเอกสารให้แก่ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา หากจำเป็น เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ โดยเปิดเผยระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเร็ว ๆ นี้

ข้อมูลดังกล่าวเปิดเผยโดยนายฌอง-ฟรองซัวส์ ตัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระหว่างแถลงข่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มิถุนายน โดยระบุว่าการพบปะกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเยือนฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร ครั้งที่ 3

นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ย้ำจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ปัญหาชายแดนกับไทยผ่านแนวทางสันติวิธี โดยเสนอ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ การรักษามิตรภาพกับไทย, การเสนอข้อพิพาทปราสาทและพื้นที่บางส่วนให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ), การร่วมมือผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อรักษาความสัมพันธ์อย่างยั่งยืน

นายกฯ กัมพูชา ชี้แจงว่า การยกประเด็นข้อพิพาทชายแดนในการหารือกับผู้นำฝรั่งเศสครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อชี้แจงจุดยืนของกัมพูชา ไม่ใช่เพื่อขอการสนับสนุนใดเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาครงได้แสดงความพร้อมในการช่วยเหลือด้านเอกสารหรือข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หากมีความจำเป็น เพื่อส่งเสริมแนวทางแก้ไขอย่างสันติ

ทั้งนี้ การหารือดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศที่เมืองนีซของผู้นำกัมพูชา ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเวทีหนึ่งที่กัมพูชาใช้ในการสื่อสารจุดยืนทางการทูตต่อเวทีโลกเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top