Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich

(5 พ.ค. 68) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า …

ท่านมหาเธร์ อาจจะลืมไปว่า สมัยก่อน มาเลเซียยังไม่เป็นประเทศ มีรัฐเล็ก ๆ และสุลต่านปกครอง ยังเจริญไม่เท่าสยาม

การศึกษาสยามดีกว่า ตนกูอับดุลเราะห์มาน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนแรก เลยต้องมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ และมาพักที่บ้านพิบูลย์ธรรมของเจ้าพระยาธรรมากรณาธิบดีแห่งราชสกุลมาลากุล แล้วเดินไปโรงเรียน จากเชิงสะพานกษัตริย์ศึก

ตนกูอับดุลเราะห์มานนั้น ใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างมีความสุขยิ่งที่เมืองไทยครับ

คำพูดท่านมหาเธร์ น่าจะระมัดระวังกว่านี้ครับ

ลูกนักการเมืองท้องถิ่น ของฟินแลนด์ วัย 20 ปี อาสาไปรบที่ยูเครน ไปได้ 4 เดือนเสียชีวิต ศพก็ไม่ได้คืน 

(5 พ.ค. 68) อาสาสมัครชาวฟินแลนด์ในยูเครนอยากกลับบ้าน แต่ไม่ได้กลับ

ความโหดร้ายของสงครามได้สร้างบาดแผลให้กับครอบครัวหนึ่งในเมืองตูร์คูอย่างรุนแรง

การตัดสินใจไปอาสาร่วมรบในยูเครนเป็นเรื่องใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่การผจญภัยหรือภารกิจเล่น ๆ และไม่ใช่สิ่งที่สามารถถอนตัวได้ง่าย ๆ โดยสำนักข่าว Yle ของฟินแลนด์ได้พูดคุยกับครอบครัวหนึ่งที่ได้รับบทเรียนนี้ด้วยตนเองโดยตรง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ได้เตือนอาสาสมัครที่กำลังจะไปรบที่ยูเครน โดยเน้นย้ำถึงข้อผูกพันของสัญญาการรับราชการทหารยูเครน ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งจากตูร์คูอาจไม่เห็นประกาศเตือนนั้นทันเวลา

จิร์กิ โอแลนด์ (Jyrki Åland) ชาวเมืองตูร์คู ได้กอดลูกชายของเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่สถานีรถไฟคุปปิตตา เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม

ลูกชายวัย 20 ปีชื่อ ลีโอ (Leo) ได้แรงบันดาลใจในการสมัครไปรบในยูเครนขณะที่เขารับราชการทหารในฟินแลนด์ โดยผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลีโอรู้สึกเหมือนเป็นภารกิจ แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

“พวกเราพูดถึงอันตรายของสงครามและขอให้เขาไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่เขารู้สึกว่าพวกเรากำลังกดดันเขา จนสุดท้ายเขาตัดสินใจออกเดินทางเร็วกว่าที่วางแผนไว้” ผู้เป็นพ่อกล่าว

ลีโอประจำการในยูเครนประมาณสี่เดือน และพ่อผู้ซึ่งเป็นประธานเขตพรรค Finns Party ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ ก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายในวันเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 13 เมษายน

พ่อหวังว่า การเล่าเรื่องของลูกชายจะเป็นการเตือนคนอื่นไม่ให้เดินตามรอย
สำหรับชาวฟินแลนด์ การไปรบในยูเครนทำได้ง่ายมาก แค่นั่งรถบัสสองต่อจากเฮลซิงกิก็ถึงแนวหน้าแล้ว
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีชาวฟินแลนด์กว่า 100 คนเข้าร่วมรบในยูเครน และมีประมาณ 10 คนที่เสียชีวิต ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ
หลังจากที่ส่งลูกชายที่สถานีรถไฟไปแล้ว จนผ่านไปสามสัปดาห์ จิร์กิถึงได้ข่าวจากลีโออีกครั้ง
“ผมยังไม่ตาย แต่การมาที่นี่มันทำให้ตาสว่างจริง ๆ มันหนักมาก ผมไม่คิดจะอยู่นาน มาที่นี่เป็นความผิดพลาด”

– ข้อความ WhatsApp, 26 มกราคม 2025

ต่อมาพ่อจึงได้รู้ว่าลีโอเซ็นสัญญาผูกพันกับกองทัพยูเครนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน พาสปอร์ตของเขาถูกยึด และการใช้โทรศัพท์ถูกจำกัด
“มันอาจดูเหมือนเป็นการกระทำที่กล้าหาญในการไปรบกับรัสเซีย แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ที่ชายหนุ่มต้องมารบแทนพวกคนแก่” จิร์กิกล่าว
จุสซี แทนเนอร์ (Jussi Tanner) ผู้อำนวยการด้านบริการกงสุลของกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลทราบว่ามีอาสาสมัครบางคนเปลี่ยนใจในช่วงฝึกและต้องการกลับบ้าน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้

แม้จะมีคำแนะนำจากกระทรวงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญาการรับราชการในยูเครน ซึ่งอธิบายว่าเป็นสัญญาภาคเอกชนที่ยกเลิกได้ยากมาก แต่ลีโอไม่เคยเห็น เพราะเอกสารถูกเผยแพร่หลังจากที่เขาเดินทางออกจากประเทศแล้ว

จิร์กิเผยว่าลูกชายต้องการกลับบ้าน ตามที่ปรากฏในข้อความที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่ง Yle ได้รับสำเนาไว้
“ผมรู้ว่าสิ่งที่เจอจะทำให้ผมที่เติบโตเป็นลูกผู้ชาย แต่ที่นี่มันยากจริง ๆ ผมพยายามปรับตัวอยู่ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาทำไม”

– ข้อความ WhatsApp, 2 กุมภาพันธ์ 2025

จิร์กิพยายามติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเพื่อช่วยพาลูกชายกลับบ้าน แต่ล้มเหลว
หลังจากฝึกเสร็จกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลีโอถูกส่งเข้าหน่วยรบ เขาดูเหมือนจะสนิทกับเพื่อนร่วมรบ และน้ำเสียงในข้อความก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่พูดถึงการกลับบ้านอีก

ช่วงเวลาเดียวกัน สื่อรายงานว่ารัสเซียเริ่มยึดพื้นที่คืนในภูมิภาคเคิร์สก์
“ผมเตือนเขาว่าอาจถึงเวลาที่เขากลับบ้านจริงๆ เพราะรัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกในฤดูใบไม้ผลิ แต่ลูกเขาคิดว่าหน่วยของเขาคงไม่ถูกส่งไปแนวหน้า”
ข้อความสุดท้ายที่จิร์กิส่งถึงลูกชายคือวันที่ 9 เมษายน ลีโอไม่ได้ตอบกลับอีกเลย
สี่วันต่อมา ระหว่างที่จิร์กิกำลังเตรียมตัวไปร่วมงานเลือกตั้งของพรรค เขาได้รับข่าวการเสียชีวิตของลีโอ
“เขาเสียชีวิตในยูเครนตะวันออก จากการโจมตีจากโดรน รูปแบบที่เขากลัวที่สุด — เป็นโดรนที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์” จิร์กิกล่าว
ข่าวการเสียชีวิตมาจากเพื่อนร่วมรบของลีโอ เพราะทางการยูเครนยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการ

ไม่มีศพให้ฝัง

จิร์กิกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดในฟินแลนด์ที่สามารถเตรียมลูกชายให้พร้อมกับสิ่งที่เจอในยูเครนได้ แม้ขณะที่อยู่แนวหน้า ลีโอยังพยายามกรอกใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เด็กวัย 20 ปีไม่ได้คิดถึงเรื่องความตาย

การตัดสินใจของลีโอได้เปลี่ยนชีวิตครอบครัวไปตลอดกาล
ปัจจุบัน จิร์กิลาป่วยจากงานขับแท็กซี่ และคอยตรวจสอบทุกวันว่าของใช้ของลูกชายจะถูกส่งถึงสถานทูตหรือยัง
เพื่อนร่วมรบของลีโอกล่าวว่า ร่างของเขาไม่มีอะไรหลงเหลือ และตอนนี้เขาถูกจัดว่า “สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่”
“ถ้าไม่มีศพที่สามารถระบุตัวตนได้ พวกเราก็ไม่สามารถฝังเขาได้ อย่างน้อยต้องรออีกปี” จิร์กิอธิบาย
หลังปลดประจำการจากกองทัพฟินแลนด์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลีโอเคยหวังจะถ่ายทอดประสบการณ์สงครามสมัยใหม่ในยูเครนให้กับกองทัพฟินแลนด์

จิร์กิกล่าวว่า ตอนนี้เขาจะพยายามทำให้ฝันของลูกเป็นจริงให้ได้มากที่สุด

“ฟินแลนด์ควรใช้โดรนให้มากกว่านี้ และเปลี่ยนกลยุทธ์พอสมควร โดรนพวกนี้เห็นไกลมาก แถมยังมีทั้งกล้องอินฟราเรดและฟังก์ชันอื่น ๆ อีกเยอะ”
– ข้อความ WhatsApp, 1 กุมภาพันธ์ 2025

ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวาซาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีฟินแลนด์ อเล็กซานเดอร์ สตุบ ได้แสดงความกังวลต่อยุทธวิธีของรัสเซียในสงครามรุกรานยูเครน

เขาชี้ว่ารัสเซียยังไม่ยอมรับหรือปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐและสนับสนุนโดยยุโรป ทำให้เกิดความหวั่นใจว่าสงครามจะยืดเยื้อ
“รัสเซียกำลังถ่วงเวลาอีกครั้ง” สตุบกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มแรงกดดันต่อเครมลิน “การหยุดยิงคือหนทางเดียวที่จะหยุดการสังหาร”

ภาพแห่งความรักที่งดงามของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี แห่งภูฏาน กับสมเด็จพระราชินี เจ้าชาย และพระธิดาน้อย ในทะเลทรายโกบี

(5 พ.ค. 68) แสงแห่งความรัก และอบอุ่นหัวใจของครอบครัวพระราชา

ภาพแห่งความรักที่งดงามของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี แห่งภูฏาน กับสมเด็จพระราชินี เจ้าชาย และพระธิดาน้อย

รอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนในค่ำคืนหนึ่งของทะเลทรายโกบี เป็นภาพสะท้อนถึงพระราชหฤทัยที่ทรงรักและห่วงใยครอบครัว — เฉกเช่นเดียวกับความรักอันลึกซึ้งที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวภูฏาน

และนั่นเอง...ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดพระองค์จึงทรงร่วมรับเสด็จในหลวงของไทยอย่างอบอุ่น ใส่ใจ และเปี่ยมด้วยไมตรีจิตสมกับเป็นมิตรแท้ระหว่างราชอาณาจักรทั้งสอง

ขอขอบคุณ Gan-Ulzii Photographer ซึ่งคุณ Gan Ulzii เป็นช่างภาพประจำประธานาธิบดีแห่งมองโกเลีย ผู้บันทึกภาพนี้ไว้ได้อย่างละเมียดละไม และอนุญาตให้เผยแพร่เพื่อแบ่งปันความประทับใจให้กับชาวโลก 
(ภาพถ่าย ณ ทะเลทรายโกบี ระหว่างการเสด็จเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ)

‘เนเน่ รัดเกล้า’ ยกวลีประจำบ้าน ‘สุวรรณคีรี’ ให้กำลังใจ ‘พีระพันธุ์’ หลังเจอ!! เกมการเมืองโจมตีอย่างหนัก ลั่น!! เราต้องช่วยกันปกป้องคนดี

(5 พ.ค. 68) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี หรือ ‘เนเน่’ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก “เนเน่ รัดเกล้า สุวรรณคีรี” ระบุว่า “ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว” วลีนี้เคยเป็นตัวอักษรตัวใหญ่หน้าบ้านคุณพ่อ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในวันที่ชีวิตการเมืองถูกกระหน่ำด้วย “เกมการเมือง” มากกว่า “การทำงานเพื่อประชาชน”

วันนั้นครอบครัวเราถูกโจมตีหนัก ลูกถูกบูลลี่ บัญชีถูกอายัด ต้องพึ่งญาติพี่น้องหาข้าวหาน้ำให้กิน ทั้งหมดเพราะ #ลมปากลวง ใส่ร้ายป้ายสีเพื่อดิสเครดิตนักการเมืองสีขาว เปิดทางให้นักการเมืองสีเข้ม คุณพ่อไม่หวั่นไหว ท่านประกาศชัด “ข้ากระทำแต่ความดี มีหรือจะกลัว” แล้วเดินหน้าสู้ด้วยความโปร่งใส สุดท้าย ความจริงก็พิสูจน์ท่าน—จากรัฐมนตรีหลายคนที่ถูกสอบ มีเพียงคุณพ่อคนเดียวที่ถูกตัดสินว่า “บริสุทธิ์” โดยมติเอกฉันท์

วันนี้เนเน่ขอหยิบเรื่องนี้มาเล่า เพราะเชื่อมั่นในท่าน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่กำลังเจอกับกระแสเกมการเมืองโจมตีจากรอบทิศ เนเน่เชื่อว่า ความจริงจะพิสูจน์ความดีในไม่ช้า และขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ท่าน ธรรมะย่อมชนะอธรรม ทองแท้ไม่แพ้ไฟ

และคนดี…ไม่ควรต้องกลัวเกมการเมือง

อย่าให้ความดีต้องพ่ายแพ้ต่อเกมการเมืองค่ะ เราต้องช่วยกันปกป้อง “คนดี” ให้อยู่ทำงานเพื่อประเทศต่อไป

‘วารินทร์ สัจจเดว’ โพสต์เฟซ!! ขอบคุณ ‘Harvard Club of Thailand’ ที่มอบหมายให้เป็นพิธีกร ในงานใหญ่ แม้ไม่ได้เป็นศิษย์เก่าของสถาบันนี้

(5 พ.ค. 68) ‘วารินทร์ สัจจเดว’ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ดำเนินรายการอยู่ดีๆ ลำโพงในห้องก็ร่วง ผมเลยเปรย

Trump is here! หุหุกันทั้งห้อง…

ผมไม่ได้จบ Harvard แต่จบตรีเศรษฐศาสตร์ มธ และ โท MBA Finance จากจุฬาฯ ก่อนไปทำโทอีกใบด้านสื่อที่ Boston ก็มีข้ามแม่น้ำ Charles ไปเที่ยว Harvard ฝั่ง Cambridge อยู่บ่อยครั้ง ขอบคุณพี่โจ้ นายกฯ Harvard Club of Thailand ที่มอบหน้าที่สำคัญในงานใหญ่ของสมาคมที่ทรงเกียรตินี้นะครับ 

#Moderator #ผู้ดำเนินรายการ

Rethinking Development in the Age of Discontent ตั้งสติใหม่เมื่อต้องพัฒนาโลกที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ ขอบคุณ #ITD ด้วยครับ ที่ช่วยประสานให้งานผ่านไปอย่างราบรื่น เข้าออกตึกสหประชาชาติไม่ใช่เรื่องง่าย

กระทรวงอุตฯ จับมือ สถาบันทดสอบและวิจัยของเกาหลีใต้ พัฒนางานด้านมาตรฐาน หนุน ‘อุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม’

(5 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้ลงนามความร่วมมือด้านการมาตรฐานกับ Korea Testing & Research Institute (KTR) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการทดสอบและวิจัยที่ดำเนินงานร่วมกับสถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการมาตรฐาน การตรวจสอบรับรองในด้านความปลอดภัย โดยมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีสีเขียว และความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งปัจจุบัน สมอ. กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม (BCG) แล้ว จำนวน 757 มาตรฐาน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์และแผงโซลาร์เซลล์มือสอง ปูนซิเมนต์ไฮดรอลิก ฉนวนกันความร้อน     ฟิล์มติดกระจกประสิทธิภาพพลังงาน เครื่องย่อยสลายขยะชีวภาพด้วยจุลินทรีย์ ระบบสูบน้ำด้วยระบบเซลล์แสงอาทิตย์ กระจกสะท้อนแสง  ยางล้อสูบลม  และคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับสภาพแวดล้อมทางทะเล เป็นต้น

“การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาด้านการมาตรฐานของไทยในระดับสากล โดยเฉพาะมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสีเขียวและความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้แข่งขันได้ในระดับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน” 

“สาธารณรัฐเกาหลีเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 13 ของไทย โดยในปี 2567 มีมูลค่าการค้าทวิภาคี รวมกว่า 15,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 520,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.64% จากปี 2566 โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยที่ส่งไปสาธารณรัฐเกาหลี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม และน้ำตาลทราย รวมทั้งยังเป็นผู้ลงทุนสำคัญอันดับที่ 11 ของไทย มีมูลค่าการลงทุนรวม 215 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,325 ล้านบาท ในสาขาอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กกล้าและวัตถุดิบ เคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี เครื่องจักรและยานพาหนะ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมการแพทย์”

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงนามความร่วมมือระหว่าง สมอ. กับ KTR ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านการมาตรฐาน การตรวจสอบและรับรองในสาขาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีสีเขียวและความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การจัดสัมมนาทางวิชาการ กระบวนการทดสอบ การฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรของทั้งสองหน่วยงานตามแนวปฏิบัติสากล รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องตามที่คู่ภาคีมีความสนใจร่วมกัน ถือเป็นการเริ่มต้นความร่วมมืออย่างเป็นทางการระหว่างสองหน่วยงาน โดยหลังจากนี้จะดำเนินการจัดประชุมวางแผนจัดกิจกรรมทางวิชาการด้านการมาตรฐาน การตรวจสอบและรับรองต่อไป

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ โพสต์ข้อความ ฟาดใส่!! ‘นายกฯอิ๊งค์’ เดินหน้าดัน!! ‘กาสิโน’ แต่ไม่คิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

(5 พ.ค. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สติปัญญามีแค่นี้

ในขณะที่ประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ตลาดเงียบสนิท มีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ จีดีพีของไทยต่ำเตี้ยติดดิน ต่ำกว่าลาว ไหนจะเจอกำแพงภาษีจากสหรัฐ แจกเงินหมื่นไม่เกิดพายุหมุน

แทนที่จะคิดแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เดินหน้า นายกรัฐมนตรีคิดได้อย่างเดียว แผ่นเสียงตกร่อง กาสิโนเป็นประโยชน์ยิ่งของประเทศ หรือของใครก็ไม่รู้ จะเอาให้ได้

‘อ.เจษฎา’ ออกโรงป้อง!! ‘นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน’ เผย!! เป็นอาจารย์แพทย์ ‘Harvard Medical School’

(5 พ.ค. 68) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า …

"เขาหาว่า คุณหมอ ธนีย์ ไม่เคยเป็นอาจารย์ Harvard " !?

สรุปกรณีที่มีคนมาโพสต์หาเรื่อง คุณหมอ ธนีย์ Tany (คุณหมอชื่อดัง ที่ทำช่องยูทูปให้ความรู้ด้านสุขภาพ และคอยแก้ไขข่าวปลอม ข่าวมั่ว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องโรคโควิด และวัคซีน) นะครับ

- มีคนโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ้คหนึ่ง (ซึ่งไม่ได้ใช้ชื่อจริง ระบุเพียงเป็นคนนครศรีธรรมราช) ซึ่งเมื่อเลื่อนดูแล้ว จะเห็นได้ว่าเคยโพสต์ข้อความจำนวนมากในเชิงต่อต้านวัคซีน mRNA โควิด และวัคซีนไข้หวัดใหญ่

- เขาได้โพสต์ตั้งคำถามว่า "แพทย์หรือตัวแทนบริษัทวัคซีนกันแน่ ? " โดยเน้นไปที่โจมตี คุณหมอ ธนีย์ (หรือ นพ. ธนีย์ ธนียวัน (Tany Thaniyavarn, MD) เจ้าของช่องยูทูป Doctor Tany https://www.youtube.com/@DrTany อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด วิกฤตบำบัด และการปลูกถ่ายปอด (Pulmonary and Critical Care Medicine/ Lung Transplant) ทำงานอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ) ว่า คิดว่าเป็นผู้แทนวัคซีนไฟเซอร์ เป็นแพทย์หรือตัวแทนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนกันแน่

- โดยเขาได้อ้างว่า "ไม่มีข้อมูลที่ระบุชัดเจน ว่า นพ.ธนีย์ ธนียวัน ทำงานที่ Harvard Medical School โดยตรง" , การเป็นอาจารย์แพทย์ในสหรัฐอเมริกานั้น ก็ "ไม่ได้ระบุชื่อสถาบันอย่างชัดเจน" , ช่อง YouTube ชื่อ "Doctor Tany" ไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับ Harvard , หนังสือ Health Talk กับ Doctor Tany และหนังสืออื่น ๆ ของเขา ไม่ได้ระบุสถานที่ทำงานปัจจุบัน 

- ทำให้เขาสรุปว่า "ไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน ในผลการค้นหาปัจจุบัน ที่ยืนยันว่า นพ.ธนีย์ ธนียวัน ทำงานที่ Harvard Medical School" รวมทั้งการสืบค้นในฐานข้อมูลของแพทยสภา พบ นพ. ธนีย์ ธนว*** TANY TNYV***, M.D. เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตั้งแต่ พ.ศ. 2549 แต่ข้อมูลไม่บอกสถานะความรู้ความชำนาญเฉพาะทางที่แพทยสภารับรอง 

(ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมคิดว่าเป็นการกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก และเข้าข่ายให้ฟ้องหมิ่นประมาทได้ .. เพราะมีทั้งคำที่กล่าวหาให้เสียชื่อเสียง และมีคนมาคอมเม้นต์ร่วมกล่าวหา เสียๆ หายๆ อีกเป็นจำนวนมาก)

ล่าสุด คุณหมอ ทนีย์ ได้โพสต์คลิปยูทูป อธิบายตอบประเด็นข้อกล่าวหาดังกล่าว ในชื่อคลิปว่า "เขาว่าผมไม่เคยเป็นอาจารย์ Harvard!? ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง!? — งั้นมาดูหลักฐานชัดๆ #กรี๊ดสิครับ" ( https://www.youtube.com/watch?v=mxxUJkDpXX4 ) โดยชี้แจงหลายประเด็น ดังนี้

- คุณหมอเคยทำงานที่เป็นอาจารย์แพทย์ Harvard Medical School และ Brigham and Women's Hospital แต่ปัจจุบันลาออกแล้ว เนื่องจากเกิดการควบรวมเข้ากับโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ทำให้เกิดปัญหาด้านการบริหาร ระบบที่สับสน ตัดงบงานวิจัย ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงลาออกมา

- ส่วนการที่ใช้คำว่า "อาจารย์แพทย์" นั้น คุณหมอบอกว่าเป็นความคิดส่วนตัว จากการที่เขายังคงทำงานด้านการให้ความรู้ด้านการแพทย์อยู่ เหมือนกับอาจารย์แพทย์ที่เกษียณแล้ว ก็ยังเรียกกันว่าเป็นอาจารย์ ..ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร

- ตั้งแต่เริ่มทำคลิปยูทูปมา คุณหมอก็ไม่ได้โปรโมทว่าตนเองเป็นอาจารย์แพทย์ที่โรงพยาบาลไหน ไม่ได้จงใจพูดในรายการเพื่อให้คนเชื่อตนจากสังกัด อยากให้เน้นที่เนื้อหามากกว่า ... แต่ผู้ชมไปทราบกันทีหลังเอง 

- คุณหมอได้แสดงหลักฐานต่าง ๆ ดังเช่น บัตรประจำตัว ที่ Harvard Medical School และที่โรงพยาบาล Brigham and Women's Hospital , บัตรประจำตัวที่ โรงพยาบาล Dana-Farber Cancer Institute (เป็นที่ปรึกษาอยู่ที่นั้น) , หนังสือรับเข้าทำงานที่ Harvard Medical School และ Brigham and Women's Hospital เมื่อปี 2018 (มีระบุชัดเจนว่า ได้เงินเดือนจ้าง หลักแสนเหรียญ ไม่ใช่แค่ไปทำ fellow ที่นั่น) , ประกาศนียบัตร รับรองให้ทำอาชีพแพทย์ที่รัฐแมสสาชูเซต เมืองบอสตัน ได้ , เอกสารระบุการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายปอด และการดูแลผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะระยะวิกฤติ ในการจัดคอร์สสอนต่างๆ ของ Brigham and Women's Hospital 

- คุณหมอแสดงหลักฐานผลงานทางวิชาการ เช่น ร่วมแต่งหนังสือ Lung Transplantation (2 เล่ม ปี 2022 และ 2023) และระบุว่า ยังทำงานที่ Veterans Affairs Boston Health Care ที่บอสตัน อีกแห่งหนึ่งด้วย

- ส่วนประวัติการศึกษานั้น ตอนประถมและมัธยมต้น เรียนที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก มัธยมปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดม ฯ และคุณหมอมีหลักฐานแสดงถึงการจบแพทยศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (จบปี พ.ศ. 2549) ผลการเรียนดีทุกวิชา , เคยทำกิจกรรมใหญ่ อย่างการเป็น chairperson ให้กับงาน The 25th Asian Medical Students Conference สมัยเรียนปี 5 , เคยเป็นหัวหน้าแผนกวิเทศสัมพันธ์ (หมายถึง ติดต่อกับต่างประเทศ) ของสโมสรนิสิตคณะแพทย์ , เรียนจบ เป็นสมาชิกแพทย์สภา , ทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาล สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา 3 ปี , สอบผ่านประกาศนียบัตร ECFMG (Educational Commission for Foreign Medical Graduates ) ด้วยคะแนนดีมาก เพื่อไปที่สหรัฐอเมริกา , ไปเรียน residency (Resident in Internal Medicine อยุรกรรม) ที่สถาบัน Albert Einstein Medical Center ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย และมีภาพข่าวประกอบในหนังสือพิมพ์ และจดหมายระบุถึงการเป็นคนไม่กี่คนที่ได้คะแนนสูงสุด รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกหลายอย่างของสถาบัน , สอบ หมออยุรกรรม ได้ประกาศนียบัตรจาก The American Board of Internal Medicine , ไปเรียนต่อจนจบ ด้าน โรคปอดและวิกฤติบำบัด จาก Department of Medicine School of Medicine Emory University และได้รางวัล outstanding fellow และ The Brainiac Award รวมทั้งชนะเลิศการแข่งขันรางวัลทางวิชาการต่างๆ , สอบได้ใบประกาศนียบัตร ด้านโรคปอด และอีกใบ ด้าน เวชบำบัดวิกฤติ จาก The American Board of Internal Medicine , ไปเรียนด้านการปลูกถ่ายปอด จากมหาวิทยาลัย Duke University Medical Center 

- คุณหมอทิ้งท้ายว่า จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ไม่เคยเอามาเล่าให้ใครฟังเลย ไม่คิดจะนำมาอวดอะไร แค่บอกแนะนำตัวว่าเป็นอาจารย์แพทย์ที่อเมริกา .. แต่อยากให้ฟังจากเนื้อหาข้อมูล รวมถึงตรรกะ ที่นำมาอธิบายทางรายการมากกว่า 

สรุปสั้นๆ ก็คือ โพสต์ของคนคนนั้น เป็นการกล่าวหาคุณหมอ ที่มั่ว และน่าเกลียดมากครับ โดยคุณหมอได้ชี้แจงอย่างชัดเจนมาก พร้อมหลักฐานประกอบครบถ้วน แก้ข้อกล่าวหาได้ (แถมอึ้งเลย ว่าคุณหมอจะโคตรเก่งอะไรปานนั้น 55) 

ป.ล. โดยส่วนตัว ผมไม่เคยได้พบคุณหมอ ทนีย์ ตัวจริงๆ เลย (เคยบังเอิญได้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุพร้อมกันครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับชุดตรวจ ATK โควิด) แต่ติดตามช่องยูทูปคุณหมอมานาน ตั้งแต่ยุคโควิดแล้ว ซึ่งหลายครั้งก็ได้เอาข้อมูลความรู้จากรายการมาช่วยเผยแพร่ต่อ เพราะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาก

BRN ใช้!! ‘ความเงียบ’ เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าก่อการร้าย ซุ่มยิง ลอบสังหาร ฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนพิการ อย่างโหดเหี้ยม

(5 พ.ค. 68) ขณะที่ประเทศไทยกำลังสลดกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ — เด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกยิงเสียชีวิต ผู้หญิงตาบอดถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม — กลับมีบางเสียงในสังคมผลักดันให้รัฐไทย "เจรจา" กับกลุ่มผู้ก่อเหตุภายใต้หน้ากากคำว่า "สันติภาพ" และ "หยุดยิงชั่วคราว" 15 วัน จากกลุ่ม BRN

ข้อเสนอของ BRN ดังกล่าวถูกส่งมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยอ้างว่าเพื่อสร้าง “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” และ “บรรยากาศสันติภาพ” แต่ตลอดช่วงเวลากว่าสามเดือนหลังจากนั้น — แทนที่เราจะได้เห็นท่าทีสงบ — กลับเต็มไปด้วยข่าวการซุ่มยิง การลอบสังหาร และที่รุนแรงที่สุดคือการฆ่าเด็ก ผู้หญิง และผู้พิการ

นั่นคือหลักฐานชัดเจนว่า BRN ไม่ได้รอการตอบรับ — แต่ใช้ “ความเงียบ” เป็นข้ออ้างในการเดินหน้าก่อการร้ายต่อ

1. ข้อเสนอที่ขาดความจริงใจ ไม่ใช่หนทางของประเทศไทย
“สันติภาพ” ที่ปราศจากจริยธรรม ไม่ใช่สันติภาพที่ประเทศไทยควรยอมรับ ข้อเสนอของ BRN ฟังดูหรูหราทางเทคนิค แต่ในทางคุณธรรม มันคือการขอคืนภาพลักษณ์จากสังคมโลก โดยไม่ต้องไถ่โทษให้เหยื่อแม้แต่รายเดียว ประเทศไทยจะให้รางวัลกับความรุนแรงหรือ??

2. หยุดยิง 15 วัน หรือหยุดเพื่อตั้งลำยิงใหม่?
ข้อเสนอ “หยุดยิงสองฝ่าย” โดยตั้งทีมติดตามจาก CSO และ NGO ที่ไร้ความชัดเจนในจุดยืน อาจเป็นเพียงกลไกให้ BRN ซุ่มสะสมกำลังใหม่ พื้นที่หยุดยิงคือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่สำหรับประชาชน

3. ความเงียบของทางการไทย คือหลักประกันว่าประเทศนี้ไม่อ่อนข้อให้ความตาย
การที่ไทยยังไม่ตอบรับตลอด 3 เดือน ไม่ได้แปลว่าไม่ใส่ใจ แต่เป็นการแสดงจุดยืนอย่างมีหลักการ เพราะความเงียบไม่ควรถูกตอบแทนด้วยกระสุนที่ยิงใส่เด็กวัย 9 ขวบ หรือคนชราที่ไร้อาวุธ

4. หาก BRN จริงใจ – หยุดยิงโดยไม่ต้องต่อรอง
ประเทศไทยไม่ใช่ผู้เริ่มความรุนแรง และไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยื่นมือก่อน หาก BRN ต้องการเจรจาจริง — ขอให้ปลดอาวุธ หยุดทุกการกระทำอันเป็นภัยต่อประชาชน และแสดงความเสียใจกับเหยื่อ เสียก่อน

5. ยื่นข้อเสนอแล้วฆ่าเด็ก = เจตนาไม่บริสุทธิ์
การที่ BRN ยื่นข้อเสนอหยุดยิง แต่กลับดำเนินความรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่อเป้าหมายที่อ่อนแอที่สุดของสังคม คือ การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์โดยตรงต่อแนวคิด “สันติภาพ”

หากยังมีใครพยายามผลักให้ประเทศไทยยอมอ่อนข้อในสถานการณ์เช่นนี้ — จงอย่าหลอกตัวเองว่านั่นคือสันติภาพ แต่คือการเปิดประตูให้กับการทำร้ายซ้ำอีกครั้ง

‘คาซัคสถาน’ เตรียมเป็นเจ้าภาพ ‘Astana International Forum 2025’ เวทีที่รวมผู้นำโลก นักเศรษฐศาสตร์ และนักคิดระดับนานาชาติ

(5 พ.ค. 68) ในวันที่ 29 – 30 พฤษภาคม 2568 กรุงอัสตานา เมืองหลวงของคาซัคสถาน จะกลายเป็นศูนย์กลางของการถกเถียงระดับโลกอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลคาซัคสถานประกาศจัดเวที Astana International Forum 2025 (AIF2025) ภายใต้แนวคิด “Connecting Minds, Shaping the Future” (เชื่อมโยงความคิด สร้างอนาคตร่วมกัน)

ภายใต้สถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และระบบการเงินที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน คาซัคสถานจึงเสนอให้ AIF เป็นพื้นที่กลาง (neutral platform) สำหรับการสร้างความเข้าใจร่วม และพัฒนาทางออกที่ใช้ได้จริงโดยไม่ยึดโยงกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

3 หัวข้อหลักที่เวทีจะเน้นในปีนี้ ได้แก่:
• 🌐 การต่างประเทศและความมั่นคง: สำรวจมิติใหม่ของความมั่นคงโลกหลังยุคสงครามเย็น
•⚡️ พลังงานและสภาพอากาศ: ถ่วงดุลระหว่างความต้องการพลังงานและเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
• 💰 เศรษฐกิจและการเงินโลก: เสนอแนวทางใหม่ในการปฏิรูประบบการเงินระหว่างประเทศ

รายชื่อผู้เข้าร่วมในอดีตที่สร้างความน่าสนใจให้เวทีนี้ ได้แก่:
• เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัลธานี
• ประธานาธิบดีคีร์กีซสถาน ซาดีร์ จาปารอฟ
• ผู้อำนวยการ UNESCO ออเดรย์ อาซูเลย์
• ผู้อำนวยการ IMF คริสตาลินา จอร์จีวา

ในปี 2025 คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมหลายร้อยรายจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยรวมถึงผู้นำประเทศ ผู้บริหารระดับสูงในภาคเอกชน นักคิด นักวิชาการ และองค์กรระหว่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top