ลูกนักการเมืองท้องถิ่น ของฟินแลนด์ วัย 20 ปี อาสาไปรบที่ยูเครน ไปได้ 4 เดือนเสียชีวิต ศพก็ไม่ได้คืน 

(5 พ.ค. 68) อาสาสมัครชาวฟินแลนด์ในยูเครนอยากกลับบ้าน แต่ไม่ได้กลับ

ความโหดร้ายของสงครามได้สร้างบาดแผลให้กับครอบครัวหนึ่งในเมืองตูร์คูอย่างรุนแรง

การตัดสินใจไปอาสาร่วมรบในยูเครนเป็นเรื่องใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิต ไม่ใช่การผจญภัยหรือภารกิจเล่น ๆ และไม่ใช่สิ่งที่สามารถถอนตัวได้ง่าย ๆ โดยสำนักข่าว Yle ของฟินแลนด์ได้พูดคุยกับครอบครัวหนึ่งที่ได้รับบทเรียนนี้ด้วยตนเองโดยตรง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ได้เตือนอาสาสมัครที่กำลังจะไปรบที่ยูเครน โดยเน้นย้ำถึงข้อผูกพันของสัญญาการรับราชการทหารยูเครน ซึ่งชายหนุ่มคนหนึ่งจากตูร์คูอาจไม่เห็นประกาศเตือนนั้นทันเวลา

จิร์กิ โอแลนด์ (Jyrki Åland) ชาวเมืองตูร์คู ได้กอดลูกชายของเขาเป็นครั้งสุดท้ายที่สถานีรถไฟคุปปิตตา เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม

ลูกชายวัย 20 ปีชื่อ ลีโอ (Leo) ได้แรงบันดาลใจในการสมัครไปรบในยูเครนขณะที่เขารับราชการทหารในฟินแลนด์ โดยผู้เป็นพ่อเล่าว่า ลีโอรู้สึกเหมือนเป็นภารกิจ แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

“พวกเราพูดถึงอันตรายของสงครามและขอให้เขาไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่เขารู้สึกว่าพวกเรากำลังกดดันเขา จนสุดท้ายเขาตัดสินใจออกเดินทางเร็วกว่าที่วางแผนไว้” ผู้เป็นพ่อกล่าว

ลีโอประจำการในยูเครนประมาณสี่เดือน และพ่อผู้ซึ่งเป็นประธานเขตพรรค Finns Party ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ ก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของลูกชายในวันเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 13 เมษายน

พ่อหวังว่า การเล่าเรื่องของลูกชายจะเป็นการเตือนคนอื่นไม่ให้เดินตามรอย
สำหรับชาวฟินแลนด์ การไปรบในยูเครนทำได้ง่ายมาก แค่นั่งรถบัสสองต่อจากเฮลซิงกิก็ถึงแนวหน้าแล้ว
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีชาวฟินแลนด์กว่า 100 คนเข้าร่วมรบในยูเครน และมีประมาณ 10 คนที่เสียชีวิต ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ
หลังจากที่ส่งลูกชายที่สถานีรถไฟไปแล้ว จนผ่านไปสามสัปดาห์ จิร์กิถึงได้ข่าวจากลีโออีกครั้ง
“ผมยังไม่ตาย แต่การมาที่นี่มันทำให้ตาสว่างจริง ๆ มันหนักมาก ผมไม่คิดจะอยู่นาน มาที่นี่เป็นความผิดพลาด”

– ข้อความ WhatsApp, 26 มกราคม 2025

ต่อมาพ่อจึงได้รู้ว่าลีโอเซ็นสัญญาผูกพันกับกองทัพยูเครนเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน พาสปอร์ตของเขาถูกยึด และการใช้โทรศัพท์ถูกจำกัด
“มันอาจดูเหมือนเป็นการกระทำที่กล้าหาญในการไปรบกับรัสเซีย แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ที่ชายหนุ่มต้องมารบแทนพวกคนแก่” จิร์กิกล่าว
จุสซี แทนเนอร์ (Jussi Tanner) ผู้อำนวยการด้านบริการกงสุลของกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลทราบว่ามีอาสาสมัครบางคนเปลี่ยนใจในช่วงฝึกและต้องการกลับบ้าน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้

แม้จะมีคำแนะนำจากกระทรวงเกี่ยวกับลักษณะของสัญญาการรับราชการในยูเครน ซึ่งอธิบายว่าเป็นสัญญาภาคเอกชนที่ยกเลิกได้ยากมาก แต่ลีโอไม่เคยเห็น เพราะเอกสารถูกเผยแพร่หลังจากที่เขาเดินทางออกจากประเทศแล้ว

จิร์กิเผยว่าลูกชายต้องการกลับบ้าน ตามที่ปรากฏในข้อความที่พวกเขาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่ง Yle ได้รับสำเนาไว้
“ผมรู้ว่าสิ่งที่เจอจะทำให้ผมที่เติบโตเป็นลูกผู้ชาย แต่ที่นี่มันยากจริง ๆ ผมพยายามปรับตัวอยู่ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาทำไม”

– ข้อความ WhatsApp, 2 กุมภาพันธ์ 2025

จิร์กิพยายามติดต่อกระทรวงการต่างประเทศเพื่อช่วยพาลูกชายกลับบ้าน แต่ล้มเหลว
หลังจากฝึกเสร็จกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลีโอถูกส่งเข้าหน่วยรบ เขาดูเหมือนจะสนิทกับเพื่อนร่วมรบ และน้ำเสียงในข้อความก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่พูดถึงการกลับบ้านอีก

ช่วงเวลาเดียวกัน สื่อรายงานว่ารัสเซียเริ่มยึดพื้นที่คืนในภูมิภาคเคิร์สก์
“ผมเตือนเขาว่าอาจถึงเวลาที่เขากลับบ้านจริงๆ เพราะรัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกในฤดูใบไม้ผลิ แต่ลูกเขาคิดว่าหน่วยของเขาคงไม่ถูกส่งไปแนวหน้า”
ข้อความสุดท้ายที่จิร์กิส่งถึงลูกชายคือวันที่ 9 เมษายน ลีโอไม่ได้ตอบกลับอีกเลย
สี่วันต่อมา ระหว่างที่จิร์กิกำลังเตรียมตัวไปร่วมงานเลือกตั้งของพรรค เขาได้รับข่าวการเสียชีวิตของลีโอ
“เขาเสียชีวิตในยูเครนตะวันออก จากการโจมตีจากโดรน รูปแบบที่เขากลัวที่สุด — เป็นโดรนที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์” จิร์กิกล่าว
ข่าวการเสียชีวิตมาจากเพื่อนร่วมรบของลีโอ เพราะทางการยูเครนยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการ

ไม่มีศพให้ฝัง

จิร์กิกล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดในฟินแลนด์ที่สามารถเตรียมลูกชายให้พร้อมกับสิ่งที่เจอในยูเครนได้ แม้ขณะที่อยู่แนวหน้า ลีโอยังพยายามกรอกใบสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เด็กวัย 20 ปีไม่ได้คิดถึงเรื่องความตาย

การตัดสินใจของลีโอได้เปลี่ยนชีวิตครอบครัวไปตลอดกาล
ปัจจุบัน จิร์กิลาป่วยจากงานขับแท็กซี่ และคอยตรวจสอบทุกวันว่าของใช้ของลูกชายจะถูกส่งถึงสถานทูตหรือยัง
เพื่อนร่วมรบของลีโอกล่าวว่า ร่างของเขาไม่มีอะไรหลงเหลือ และตอนนี้เขาถูกจัดว่า “สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่”
“ถ้าไม่มีศพที่สามารถระบุตัวตนได้ พวกเราก็ไม่สามารถฝังเขาได้ อย่างน้อยต้องรออีกปี” จิร์กิอธิบาย
หลังปลดประจำการจากกองทัพฟินแลนด์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลีโอเคยหวังจะถ่ายทอดประสบการณ์สงครามสมัยใหม่ในยูเครนให้กับกองทัพฟินแลนด์

จิร์กิกล่าวว่า ตอนนี้เขาจะพยายามทำให้ฝันของลูกเป็นจริงให้ได้มากที่สุด

“ฟินแลนด์ควรใช้โดรนให้มากกว่านี้ และเปลี่ยนกลยุทธ์พอสมควร โดรนพวกนี้เห็นไกลมาก แถมยังมีทั้งกล้องอินฟราเรดและฟังก์ชันอื่น ๆ อีกเยอะ”
– ข้อความ WhatsApp, 1 กุมภาพันธ์ 2025

ขณะกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองวาซาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ประธานาธิบดีฟินแลนด์ อเล็กซานเดอร์ สตุบ ได้แสดงความกังวลต่อยุทธวิธีของรัสเซียในสงครามรุกรานยูเครน

เขาชี้ว่ารัสเซียยังไม่ยอมรับหรือปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐและสนับสนุนโดยยุโรป ทำให้เกิดความหวั่นใจว่าสงครามจะยืดเยื้อ
“รัสเซียกำลังถ่วงเวลาอีกครั้ง” สตุบกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มแรงกดดันต่อเครมลิน “การหยุดยิงคือหนทางเดียวที่จะหยุดการสังหาร”