Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

คนเอเชียไอคิวสูง อันดับต้น ๆ ของโลก!!

(15 ม.ค. 68) หากเอ่ยถึง ความฉลาดทางสติปัญญา หรือ หลายคนคงอยากรู้ว่าคนประเทศใดมีค่า IQ เฉลี่ยเท่าไหร่กันบ้าง โดยเฉพาะประเทศไทยจะอยู่อันดับที่เท่าไหร่

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจล่าสุดของ International IQ Test โดยเป็นการทดสอบ IQ ระหว่างประเทศ พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว คนเอเชีย มี IQ สูงติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับไหน ไปส่องกันเลย

'ERDI-CMU จับมือ บจก. เจริญชัย' ต้อนรับอธิบดี พพ. ชมเทคโนโลยี Platform AI บริหารจัดการ Solar กับ Energy Storage ด้วยหม้อแปลง IoT พร้อมทำ Net Zero, Near Zero, Peak Demand, Demand Response

เมื่อวันที่ (9 ม.ค.68) รองศาสตราจารย์ ดร.อิทธิชัย ปรีชาวุฒิพงศ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้เชี่ยวชาญ ด้านพลังงานและผู้แทนพิเศษ สถาบันฯ และคณาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ กรรมการบริหาร ( นวัตกรรม )บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ให้การต้อนรับ นางสาวนันธิกา  ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหารกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมเทคโนโลยี Platform AI บริหารจัดการ Solar กับ Energy Storage ด้วยหม้อแปลง IoT (Low Carbon) ประโยชน์สูงสุดและเสถียรภาพ พร้อมทำ Net Zero, Near Zero, Peak Demand, Demand Response และประหยัดค่าไฟฟ้า ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อรับฟังบรรยายเกี่ยวกับ เทคโนโลยีหม้อแปลงพลังงาน Low Carbon (IoT) และระบบจัดการพลังงานที่พัฒนาเพื่อรองรับแนวคิด Energy Management System (EMS) 

ซึ่งสามารถช่วยจัดการพลังงานทดแทน เช่น Solar และ Energy Storage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับ เทคโนโลยีหม้อแปลงพลังงาน Low Carbon (IoT) เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ERDI-CMU) ร่วมกับบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้พัฒนานวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon ที่สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการทดสอบพบว่าหม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 5-20% 

นอกจากนี้ หม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon ยังมีระบบบริหารจัดการพลังงานที่สามารถทำงานร่วมกับพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นวัตกรรมนี้ได้รับการยอมรับในระดับอาเซียน โดยได้รับรางวัล ASEAN Energy Awards 2023 ในประเภท Cutting Edge Technology ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการลดโลกร้อนการพัฒนาหม้อแปลงไฟฟ้า Low Carbon นี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน

‘ปธ.กมธ.อุตสาหกรรม’ ต้อนรับรัฐมนตรีไอซีที สปป.ลาว พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ในโอกาสมาร่วมประชุม ADGMIN

(15 ม.ค.68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วานนี้ (14 ม.ค. 68) ตนและคณะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายบ่อเวียงคำ วงศ์ดารา รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร สปป.ลาว และภริยา พร้อมด้วยนายคำพัน อั่นลาวัน เอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย ที่เดินทางมาประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ADGMIN ครั้งที่ 5 ณ กรุงเทพมหานคร มีนายพวงประเสริฐ แก้วสะหวัน ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร ของ สปป.ลาว และคณะ ร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย

GC เดินเครื่องผลิต ‘เชื้อเพลิง SAF’ เป็นรายแรกของไทย เฟสแรก 6 ล้านลิตร/ปี หนุนไทยสู่ศูนย์กลางการบินคาร์บอนต่ำ

GC ผลิต SAF เชิงพาณิชย์สำเร็จเป็นรายแรกของไทย วางแผนเฟสแรกผลิต 6 ล้านลิตรต่อปี ใช้น้ำมันพืชใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลัก พร้อมกางแผนจ่อขยายการผลิต 24 ล้านลิตรต่อปีในอนาคตรับความต้องการพลังงานทดแทนอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์

(15 ม.ค. 68) นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวว่า “การผลิต SAF เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในวันนี้ พร้อมรองรับความต้องการพลังงานทดแทนของอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์ไทยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และให้ความสำคัญกับการนำแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง SAF ของ GC ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISCC CORSIA (International Sustainability and Carbon Certification – Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ยอมรับในอุตสาหกรรมการบินสำหรับการรับรองความยั่งยืน และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80%* เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วไป (*อ้างอิงตามมาตรฐานการรับรอง ISCC CORSIA) นอกจากนี้ GC ยังได้รับรองมาตรฐาน ISCC Plus (International Sustainability and Carbon Certification Plus) ซึ่งมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบชีวภาพและวัสดุหมุนเวียนใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดย GC ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงอีกกว่า 10 ชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมสิ่งทอ ถือเป็นการยืนยันถึง ความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้กรอบความยั่งยืนสูงสุด”

ความท้าทายของตลาด
ความต้องการของตลาด SAF กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลจากความตระหนัก ด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการบินเชิงพาณิชย์และการกำหนดกรอบกฎหมายที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

GC ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาสนี้ ด้วยจุดแข็งสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการกลั่นน้ำมัน และการบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการนำน้ำมันพืชใช้แล้วภายในประเทศมาผลิตเป็น SAF เชิงพาณิชย์

นอกจากนี้ GC ยังได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรสำคัญในอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งจะช่วยให้ GC สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด SAF ได้อย่างมั่นคง และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการบินพาณิชย์และพลังงานในอนาคต
 
จุดเด่นที่สำคัญโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) 
• นวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง : ในเฟสแรก GC วางแผนผลิต SAF 6 ล้านลิตรต่อปี โดยใช้น้ำมันพืชใช้แล้วเป็นวัตถุดิบหลัก และมีแผนขยายการผลิตเป็น 24 ล้านลิตรต่อปีในอนาคต ด้วยการใช้เทคโนโลยีการปรับปรุงโรงกลั่นที่มีอยู่เดิม ทำให้สามารถประหยัดการลงทุนเมื่อเทียบกับการสร้างโรงงานใหม่ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายขีดความสามารถการผลิตพลังงานชีวภาพเพื่อรองรับการเติบโตที่ยั่งยืน (ให้เพิ่มเรื่องการลงทุนต่ำไปด้วย)

• พันธมิตรเชิงกลยุทธ์: ความร่วมมือระหว่าง GC กับพันธมิตรสำคัญอย่าง OR และการบินไทยในการนำ SAF ไปใช้กับเที่ยวบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับเป็นก้าวสำคัญของ การพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

• ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง: GC ได้พัฒนาเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมสำคัญหลากหลายประเภท ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ รวมถึงยาและเวชสำอาง โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม  

• ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม: การลงทุนในโครงการนี้ไม่เพียงช่วยเสริมความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการบิน แต่ยังเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่นผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร ตอกย้ำบทบาทของ GC ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนของประเทศ  

แผนการเติบโตในอนาคต:
• ขยายกำลังการผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ใช้พลังงานทดแทน และการลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ชีวภาพในอนาคต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาว

• เสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและขยายฐานการตลาด รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพและพลังงานทดแทน เพื่อผลักดันการพัฒนาและขยายตลาดผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน

• พัฒนาและส่งเสริมความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบทางชีวภาพที่ยั่งยืนไปจนถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพื่อให้กระบวนการผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีความยั่งยืนมากขึ้น ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

• ส่งมอบโซลูชันอย่างครบวงจรสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน 

• สร้างภาพลักษณ์องค์กรในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาล พร้อมสร้าง ความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและผู้ถือหุ้นในระยะยาว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจเหตุครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 2 นาย เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายวางระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเต็มที่

(15 ม.ค.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกรณีวันที่ 14 มกราคม 2568 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วจ่อยิงซ้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน บนถนนสายศรีสาคร- ลูโบ๊ะยือริง ช่วงบริเวณบ้านไอร์กือแด หมู่ 4 ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนเสียชีวิต 2 นาย ได้แก่ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครู (สบ 3) กก.ตชด.44 ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอ อ.ศรีสาคร จว.นราธิวาส และบุตรชายคือ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ผบ.หมู่ กก.ตชด.44 ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอ 

ทั้งนี้ ทางผู้บังคับบัญชาได้เคลื่อนย้ายศพ พ.ต.ท.สุวิทย์ฯ และ ด.ต.โดมฯ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 หมู่ 1 ต.ซากอ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เพื่อนำร่างไปประกอบพิธีศาสนา ซึ่งทางญาติฝังศพที่กุโบร์บ้านหน้าวัง หมู่ 8 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจมา ณ โอกาสนี้ นับเป็นการสูญเสียกำลังพลตำรวจผู้ทรงคุณค่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ผู้มีใจที่ยิ่งใหญ่ เสียสละ ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ด้วยความมุ่งมั่น มิเกรงกลัวภัย เพื่อเด็ก เยาวชน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้มีการศึกษา มีชีวิตที่ดี โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเต็มที่ให้สมเกียรติตำรวจกล้า และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวมา ณ โอกาสนี้

สำหรับสิทธิประโยชน์กรณีข้าราชการตำรวจทั้ง 2 นาย เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ดังนี้
พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครู (สบ 3) กก.ตชด.44 ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านตืองอ
- ได้รับเงินสวัสดิการและเงินช่วยเหลือ โดยประมาณ 3,519,970 บาท
- เลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษไม่เกิน 7 ขั้น และเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พล.ต.อ.

ด.ต.โดม ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ ผบ.หมู่ กก.ตชด.44 ครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
- ได้รับเงินสวัสดิการและเงินช่วยเหลือ (โดยประมาณ) 2,722,970 บาท
- เลื่อนเงินเดือนกรณีพิเศษไม่เกิน 7 ขั้น และเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พล.ต.ต.

‘แกนนำ คปท.’ ชี้ 'อิ๊งค์' อาจมีสิทธิ์หลุดจากเก้าอี้นายกฯ เซ่นตั้ง 'หมอเลี้ยบ' นั่งรองประธานที่ปรึกษาของนายกฯ

เมื่อวันที่ (14 ม.ค.68) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า “รัดแน่นกว่าเดิม”

กรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อาจขาดคุณสมบัตินั้น ก็น่าสนใจ

เลขาฯกฤษฎีกา ท่านก็บอกให้กลับมาศึกษาการตีความ ซึ่ง กฤษฎีกาเคยตีความไว้แล้วนั้น

มีอีกกรณี และน่าจะหลายกรณี เมื่อเทียบเคียงกับการตีความของกฤษฎีกา เทียบเคียงกับกรณีของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีลักษณะตีความคล้ายกันเป๊ะ ๆ

น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเช่นเดียวกัน ก็เข้าข่ายชัดเจนเมื่อเทียบกับ กรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง

เหตุเพราะ

1.นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ก็มีตำแหน่ง รองประธานที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี

2.ประธานคณะกรรมการพัฒนาการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

3.กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเป็นประธาน

เมื่อเทียบเคียงกับกรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แล้วยังรับตำแหน่งประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ด้วย

ซึ่ง ประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย นั้นเป็นตำแหน่งที่ กฤษฎีกา ตีความว่า เป็นตำแหน่งที่มีลักษณะ "ควบคุมบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญ"

เมื่อมาเทียบเคียงกับกรณี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แล้ว ตำแหน่ง ที่นายกฯแพทองธาร ชินวัตร มอบให้ในข้อ 2-3 ที่เขียนมาตอนต้น เหมือนกับ กรณี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้รับมอบหมายชัดเจน

เช่นนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี คือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ดังนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีสิทธิ์หลุดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแน่นอน

สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ

(15 ม.ค. 68) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY ตรวจสอบป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการประสานงานจาก สน.คลองตัน โดย พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เกี่ยวกับเบาะแสของร้านทำผมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนกลางจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น รอง ผกก.ป.สน.คลองตันพร้อมกำลังนับสิบนายลงพื้นที่ตรวจสอบ ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา 

สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณสถานประกอบการตามที่ได้รับเบาะแส ในเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะมีห้องสำหรับทำผม และเปิดประตูเข้าไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจพบทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติกำลังรับบริการตัดแต่งและจัดทรงผมเป็นจำนวนมาก ลูกค้าบางส่วนยังเข้าคิวรอรับบริการอยู่ โดยมีช่างตัดแต่งทรงผมทั้งที่เป็นชาวไทยและที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติเอเชียตะวันออกอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของช่างทำผมที่กำลังทำหน้าที่อยู่ทั้งหมด ผลการตรวจสอบจึงพบว่า ช่างทำผมมีสัญชาติเกาหลี 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 ดังนามสมมติต่อไปนี้ MR.LEE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MR.KIM สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี, MS.JIYOEN สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MS.JI HYE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 24 ปี และยังพบหญิงสัญชาติเมียนมา 1 คน คือ MS.THIN THIN สัญชาติเมียนมา อายุ 33 ปี โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 4 รายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการผ่อนผันการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว 90 วันซึ่งจะไม่สามารถทำงานได้ ส่วนชาวเมียนมาอีก 1 รายนั้นมีใบอนุญาตทำงานแต่ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังทำผมให้กับลูกค้าซึ่งอาชีพการทำผม ตัดผม เสริมสวย เป็นหนึ่งในงานต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เช่นเดียวกับ งานเร่ขายสินค้า และงานนวดไทย เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”  และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมาในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้ ควบคุมตัวส่ง พงส.สน.คลองตัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวกล่าวสอบถาม พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า การประกอบอาชีพสงวนที่ต้องห้ามเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว หากถูกจับกุม นอกจากจะมีโทษปรับตามกฎหมายคือตั้งแต่ 5,000-50,000 บาทแล้ว จะมีผลไปถึงการถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และผลักดันออกไปนอกราชอาณาจักรนอกจากนี้ยังขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า สตม. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่มาตรฐานสากลในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และทำความผิดอื่นๆ ทั้งนี้หากท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่   อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ จักขอบพระคุณยิ่ง

สนามบินในเซินเจิ้น ทดลองบริการ 'จอดรถอัตโนมัติ' ชูจุดเด่น สั่งงานง่ายผ่านแอปฯ ช่วยนักเดินทางประหยัดเวลา

(14 ม.ค. 68) เซินเจิ้น เมืองศูนย์กลางทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีและการผลิตขั้นสูงในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน ได้เปิดให้บริการจอดรถอัตโนมัติที่สนามบิน โดยนักเดินทางสามารถเคลื่อนย้ายรถจากพื้นที่รับรองผู้โดยสารไปยังลานจอดโดยอัตโนมัติด้วยการกดสั่งผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

สำหรับการบริการจอดรถอัตโนมัติ ในระยะทดลอง ได้เริ่มต้นให้บริการที่ท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน เมื่อวันจันทร์ที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา และจัดการโดยกลุ่มผู้ประกอบการอย่างหัวเหวย (Huawei) และบริษัท เซินเจิ้น เออร์เบิน ทรานสปอร์ต แพลนนิง เซนเตอร์ จำกัด (SUTPC)

ผู้ขับขี่สามารถเลือกช่องจอดที่กำหนดไว้ ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางวิ่ง สภาพแวดล้อมโดยรอบ และตำแหน่งของรถยนต์แบบเรียลไทม์ รวมถึงสามารถเรียกรถยนต์ที่จอดอยู่มายังพื้นที่รับรองผู้โดยสารโดยอัตโนมัติ โดยยานยนต์ที่วิ่งอัตโนมัติสามารถหลีกทางให้ยานยนต์ที่วิ่งสวนมาและหลีกเลี่ยงคนเดินเท้า

อนึ่ง การทดลองนี้ใช้ได้เฉพาะยานยนต์ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนขั้นสูงจากหัวเหวยเท่านั้น ด้านจิ้นอวี่จื้อ ซีอีโอหน่วยธุรกิจโซลูชันยานยนต์อัจฉริยะของหัวเหวย ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมเลือกท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน เป็นพื้นที่ทดลองการบริการจอดรถอัตโนมัตินี้

จิ้น กล่าวว่า ระบบขับขี่และจอดรถอัตโนมัติสามารถประหยัดเวลาของนักเดินทางที่ต้องรีบขึ้นเครื่อง โดยปริมาณผู้คนและยานยนต์ที่ท่าอากาศยานแห่งนี้อยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องมีข้อกำหนดเข้มงวดในการควบคุมยานยนต์อย่างแม่นยำเพิ่มขึ้น ซึ่งการทดลองที่นี่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเทคโนโลยี

หลินเทา ประธานบริษัท เซินเจิ้น เออร์เบิน ทรานสปอร์ต แพลนนิง เซนเตอร์ จำกัด กล่าวว่าการทดลองที่ท่าอากาศยานนี้จะเป็นต้นแบบในการขยายการบริการสู่สถานที่อื่นๆ เช่น โรงพยาบาล จุดท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้า

โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จ.สกลนคร แถลงเปิดรับบริจาคสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์

โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวการเปิดรับบริจาคสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ แก่โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จ.สกลนคร พร้อมร่วมงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ โดยร่วมงานพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป ณ.วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร จำนวน 3 องค์ ในวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ณ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร เวลา 9.00 – 15.00 น.

สำหรับ กำหนดการ ประกอบไปด้วย...
- 09:00 – 09:30 น. >> สื่อมวลชนลงทะเบียน รับแผ่นทองเพื่อเขียน ชื่อ-นามสกุล เพื่อร่วมหล่อพระพุทธรูป
- 09:30 – 09:40 น. >> พิธีกรกล่าวต้อนรับ
- 09.40 – 09.50 น. >> ชม VDO โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร
- 09.50 – 10:30 น. >> วงสนทนา การเปิดรับบริจาคสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น โดย...
1. พระเดชพระคุณพระพรหมวชิรเวธี (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
2. พระธรรมวัชรญาณวิศิษฏ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม
ประธานดำเนินงานโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
3. นพ.พันธวี คำสาว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
- 10.30 – 10.45 น. >> ร่วมชมตัวอย่างสารคดีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ชุด 'ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว' พร้อมแนวคิดการสร้างสารคดี โดยคุณพสุ ตีรวัชร 
-10:45 – 11:00 น. >> ถ่ายภาพหมู่
- 11:00 – 11:15 น. >> สื่อมวลชนสัมภาษณ์เพิ่มเติม
- 11:15 – 11:45 น. >> นำคณะสื่อมวลชน ชมพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
- 12:00 – 13:00 น. >> รับประทานอาหารกลางวัน (Lunch Set) พร้อมรับเหรียญหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร
- 13:09 – 15:00 น. >> ขอเชิญเข้าร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป จำนวน 3 องค์ ณ อุโบสถ เพื่อนำไปประดิษฐานที่โรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จ.สกลนคร โดยประธานในพิธี พระเดชพระคุณพรหมวชิรเวธี (อมร ญาโณทโย) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
- 15:00 น. >> จบกิจกรรม

สำหรับสื่อมวลชนและผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมงานได้ โทร.098-695-0325 กลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หรือ LINE: @pmhdonation เพื่อจัดเหรียญหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มอบเป็นที่ระลึกให้ต่อไป

ส่วนผู้ประสงค์บริจาคผ่านการโอนเงินได้ที่บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสพกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชื่อบัญชี 'กองทุนเครื่องมือแพทย์ รพ.พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต' เลขที่บัญชี 020229922839 (สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า)

'ลิซ่า ลลิษา' เตรียมโยนเหรียญเลือกแดนคู่บิ๊กแมตช์ ศึกพรีเมียร์ลีกลอนดอนดาร์บี้ อาร์เซนอล ปะทะ สเปอร์ส

'ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล' เตรียมโยนเหรียญเลือกแดน ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนอร์ธลอนดอนดาร์บี้ ระหว่าง อาร์เซนอล กับ สเปอร์ส

(15 ม.ค. 68) สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ สำหรับ 'ลิซ่า' ลลิษา มโนบาล ศิลปินชาวไทยชื่อดังระดับโลก ที่ในช่วงค่ำคืนวันที่ 16 มกราคม เวลา 03.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) 'ลิซ่า' เตรียมปรากฏตัวในเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ศึกนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ คู่ระหว่างอาร์เซนอล และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ณ สนามเอมิเรตต์ สเตเดียม

โดยทาง Guinness แบรนด์เครื่องดื่มชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยผ่านอินสตาแกรมออฟฟิเชียลของประเทศเกาหลีใต้ ว่า 'ลิซ่า' เตรียมรับหน้าที่สำคัญ คือ การโยนเหรียญเลือกแดนก่อนเปิดเกมพรีเมียร์ลีก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top