Sunday, 15 June 2025
TheStatesTimes

19 มกราคม 2545 รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ ทรงวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากพระราชทานชื่อ 'สุวรรณภูมิ' ซึ่งหมายถึง 'แผ่นดินทอง' เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 เพื่อใช้แทนชื่อเดิมว่า 'หนองงูเห่า'

อาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นอาคารเดี่ยวที่มีความกว้างใหญ่ ไม่มีเสากลางอาคาร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 563,000 ตารางเมตร และประกอบด้วย 9 ชั้น รวมทั้งชั้นใต้ดิน 2 ชั้น โดยมีสถานีรถไฟฟ้า สถานีรถโดยสาร ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าและขาออก รวมถึงสำนักงานของสายการบินต่างๆ

สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มเปิดให้บริการทดลองใช้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2549 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กันยายน 2549 โดยมีงบประมาณในการก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 155,000 ล้านบาท

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 เพื่อใช้แทนชื่อเดิม 'หนองงูเห่า' ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนนเทพรัตนและทางพิเศษบูรพาวิถี ในเขตตำบลหนองปรือและตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 25 กิโลเมตร

อาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิออกแบบโดยสถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน 'เฮลมุต ยาห์น' โดยใช้เหล็กและแก้วเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งยาห์นกล่าวว่าเป็น "สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 21" ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 28 กันยายน 2549 และเป็นสนามบินหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการบินในทวีปเอเชีย

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีหอควบคุมที่สูงที่สุดในโลก (132.2 เมตร) และอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก (563,000 ตารางเมตร) โดยสามารถรองรับเที่ยวบินได้ถึง 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และมีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารถึง 45 ล้านคนต่อปี พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศที่สามารถรองรับสินค้าได้มากกว่า 3 ล้านตันต่อปี

กระทรวงความมั่นคงเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ฯ หารือ 'พล.ต.อ.ธัชชัยฯ' ร่วมมือปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยให้หมดไป

(14 ม.ค.68) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต. วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต. ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ชรก.สตม. , พล.ต.ต. ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม. และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมประชุมกับ นายไมเคิล ชัวค (Mr. Michael Cheuk) รองปลัดกระทรวงความมั่นคงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยหารือในเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และปัญหาการค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดน 

การประชุมดังกล่าวมีประเด็นสำคัญคือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการไทยเกี่ยวกับแผนประทุษกรรมรูปแบบใหม่ของทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาทิ การปลอมเป็นพนักงานบริการลูกค้าของบริษัทโทรคมนาคม การหลอกไปทำงานรายได้ดีในต่างประเทศ และปัญหาการกำจัดบัญชีม้า ซึ่งทางเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้พบเจอกับปัญหาดังกล่าวมากขึ้นเช่นเดียวกับประเทศไทย จึงเห็นถึงความสำคัญในการร่วมมือกับทางการไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานเพื่อกำจัดปัญหาเหล่านี้

นายไมเคิล ชัวค รองปลัดกระทรวงความมั่นคงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีกรณีชาวฮ่องกง ชาวจีน ถูกหลอกลวงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันว่าเป็นการตกลงกันมาจากฮ่องกง มีการจองรถผ่านแอปพลิเคชันล่วงหน้า เหยื่อเข้าใจผิดเดินทางไปด้วยความสมัครใจ ไม่ได้มีการหลอกลวงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเมื่อตนเดินทางกลับจะทำการแถลงข่าว เพื่อให้ชาวฮ่องกงทราบถึงความปลอดภัยในการท่องเที่ยวในประเทศไทย และความร่วมมือที่ดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยต่อไป

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าขับเคลื่อนแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับประเทศต่างๆ เพื่อต่อสู้และปราบปรามกลุ่มคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทยให้หมดไปจากสังคม

สมาคมกีฬาปัญจกีฬาฯ เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรเรียนรู้  ป้องกันภัยล่วงละเมิดทางเพศในการกีฬา

เมื่อวันที่ (13 ม.ค. 68) พล.ร.อ.อภิชาติ ปัญญากิตติวัฒน์ และพล.ร.ต.หญิง เสาวนีย์ อุทัยสาง กรรมการสมาคมกีฬาปัญจกีฬาแห่งประเทศไทยเข้าร่วมประชุม โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา การล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ณ โรงแรม เดอะพาลาสโซ กรุงเทพฯ    

โดยมี ดร.สุวรรณา ศิลปอาชา กรรมการสภาโอลิมปิกแห่งเอเซีย ด้านความเท่าเทียมทางเพศ เป็นผู้ดำเนินรายการ มีนักกีฬาชื่อดังของไทย ร่วมเสวนา 4 ท่าน ได้แก่คุณเยาวภา บุรพพลชัย  นักกีฬาเหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2004 นายกสมาคมนักกีฬาโอลิมปิกไทย,  “โปรแหวน “ คุณพรอนงค์ เพชรล้ำ นักกอล์ฟหญิงประเทศไทย, คุณกัญญา ณัฐชาณรงค์ นักกีฬาเคอร์ลิงประเทศไทย, ” ซาร่า “ คุณนุศรา ต้อมคำ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง ทีมชาติไทย

ทั้งนี้ สมาคมกีฬาปัญจกีฬาแห่งประเทศไทย  ตระหนักถึงความสำคัญในมาตรฐานความปลอดภัย  และป้องกันภัยจากการล่วงละเมิดทางเพศ กับบุคคลากรทางกีฬา โค้ช เจ้าหน้าที่ และนักกีฬา สู่ "Safe Spot"  ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

สืบ ตม. รวบชายชาวไนจีเรียนลักลอบขายคีตามีนในย่านนานา

(14 ม.ค. 68) กก.1 บก.สส.สตม. จับกุม นายเคนเนดี้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียน พร้อมของกลาง ยาเสพติด ให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวขยายผล บก.ปส.4 บช.ปส ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในร้านสินค้าในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติผิวสีลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนานา แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงทำการสืบสวนติดตาม ดูพฤติการณ์มากว่า 3 เดือน จนชัดเจน จึงได้วางแผนจับกุม โดยให้สายลับติดต่อขอซื้อยาเสพติด จำนวน 30 กรัม ในราคา 60,000 บาท (กรัมละ 2,000 บาท) โดยนัดหมายส่งมอบภายในร้านสินค้า ในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เข้าไปแฝงกายปะปนกับผู้มาซื้อสิ้นค้าภายในร้าน  เพื่อเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของสายลับและนายเคนเนดี้ จนกระทั่ง นายเคเนดี้ ได้มาพบกับสายลับตามนัดหมาย จากนั้นได้ส่งมอบยาเสพติดตามที่ตกลงซื้อขายกันให้กับสายลับ สายลับจึงได้ส่งสัญญานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับ เข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกใส ห่อหุ้มด้วยเทปกาวพลาสติกสีดำ จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกล่องยาสีฟัน และทำการตรวจค้นตัวนายเคนเนดี้ พบเงินสดที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในมือซ้าย ต่อมาได้ตรวจค้นห้องพักของนายเคนเนดี้ พบซองพลาสติก และเทปพันสายไฟสีดำเช่นเดี๋ยวกับที่ใช้พันยาเสพติดของกลาง จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการตรวจสอบของกลางด้วยชุดทดสอบสาร เสพติดเบื้องต้น (ONCB 053 Modified Cobalt Thiocyanate Reagent) ซึ่งใช้สำหรับทดสอบคีตามีน สีของน้ำยาหลังทดสอบเป็นสีม่วงและตกตะกอนสีขาว สอบถามนายเคนเนดี้ ยอมรับว่ายาเสพติด (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งได้นำมาจำหน่ายให้กับสายลับในราคา 60,000 บาท ตามที่ตกลงซื้อขายกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ กำชับทุกหน่วยงาน พร้อมบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด แนะนำเทคโนโลยีเข้าช่วย 

(14 ม.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)  เปิดเผยถึงผลการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข , นายศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารสุข เป็นกรรมการและเลขานุการ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงาน 24 หน่วยงาน และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การป้องกันและการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษาสถานการณ์สภาพปัญหาการป้องกันและการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จากฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ศปก.ครส.) ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 - 5 มกราคม 2568 รวมระยะเวลา 97 วัน สามารถดำเนินการได้ ร้อยละ 26.58 ของเป้าหมายที่วางไว้ 

โดยแบ่งการดำเนินการ ดังนี้  1. การปราบปราม ดำเนินการจับกุมคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน  36,916 คดี ขยายผลจากการจับกุมในคดีความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดไปสู่คดีการสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ จำนวน 404 คดี และการยึด อายัดทรัพย์สิน คดียาเสพติด จากการดำเนินการจับกุม ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ จำนวน 2,167 ล้านบาท  และ 2. การแก้ไขปัญหาผู้ติดยาเสพติด บำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด จำนวน 25,984 ราย บำบัดรักษา ผู้เสพยาเสพติดที่มีอาการทางจิต จำนวน 3,951 ราย และผู้ที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพจนถึงการติดตาม (Retention Rate) จำนวน 11,168 ราย 

“ทั้งนี้ผมในฐานะประธานการประชุม ได้มีข้อสั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

'โรม' แฉ 'จีนเทา' เคยบุกถึงสภาฯ ขายงาน ห่วง ‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ ในไทยถูกใช้ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ (14 ม.ค.68) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของฝ่ายค้านหลังจากที่ ครม.มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า ในเรื่องนี้ที่ผ่านมามีกลุ่มจีนเทามาถึงรัฐสภา เพื่อมาพรีเซนต์ราวกลับเข้ามาขายงาน ซึ่งกลุ่มจีนเทาไม่ใช่ใครคือบริษัท หย่าไถ้ คือเจ้าของชเวโก๊กโก ที่เป็นประเด็นมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะเดินหน้าในเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความต้องการ ความมุ่งหมายของกลุ่มจีนเทาที่จะเข้ามา ซึ่งตนเป็นห่วงว่าอาจจะเข้ามาในฐานะผู้ประกอบการ และอาจจะนำเงินที่ผิดกฎหมาย มาฟอกเงินผ่านคาสิโนที่จะเปิดขึ้นในประเทศไทย จึงคือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเตรียมการ ตนในฐานะ สส. แทบไม่เห็น รัฐบาลสื่อสารหรือออกมาพูดเรื่องนี้เลย และไม่เห็นความพยายามของรัฐบาล ที่จะทำความเข้าใจต่อประชาชน ดังนั้นส่วนตัวของตนเป็นห่วงว่าหากมีการเปิดคาสิโน สิ่งที่จะตามมาคือจะรับมือกับทุนจีนสีเทาอย่างไร

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาที่สองคือเรื่องโครงสร้างกฎหมายระบบราชการ มีความพร้อมเพียงใดในการรับมือกับเรื่องนี้ นอกจากเจอปัญหาเรื่องบัญชีม้า ซิมม้า ปัญหาของทุนจีนสีเทาที่ใช้การฟอกเงิน และเจอปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ดังนั้นคำถามคือรัฐบาล มีแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร และประเด็นที่สาม เรื่องของความโปร่งใส ถ้าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นร่างที่เคยมีการรับฟังความเห็น จากประชาชนมาแล้ว ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องของการคอร์รัปชันที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ว่าใครจะได้ประโยชน์ในการเลือกให้ใบอนุญาต ตนจึงเป็นห่วงว่า อาจเกิดปัญหาเรื่องการล็อกสเป็ก ดังนั้นเมื่อนำเหตุผลมาประกอบทั้งหมดตนจะมีความกังวลจริงๆ ว่าการที่รัฐบาลจะเร่งรัดเรื่องของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อาจจะอันตรายต่อประเทศไทยได้

เมื่อถามเหตุผลของรัฐบาลที่จะดึงเม็ดเงิน 1 แสนล้านบาท เข้าสู่ประเทศจึงเกิดการเร่งรัดในเรื่องนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทย กำลังเจอปัญหา 2 อย่าง คือการถูกดึงเม็ดเงินออกด้วยธุรกิจสีเทาด้วยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 1 แสนล้านบาท เรื่องพนันออนไลน์ และ ปัญหายาเสพติด ซึ่งก็เข้าใจว่าทุกรัฐบาลอยากให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามา แต่ประเด็นประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อ จะได้เม็ดเงินเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งอย่าลืมว่าเรื่องนี้ต้องมีคู่แข่ง เช่น มาเก๊า สิงคโปร์ หรือที่โอซาก้าประเทศญี่ปุ่น หากมีการสร้างสำเร็จ อาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น ขณะเดียวกันในพื้นที่ กทม. ก็มีโรงแรมและห้องประชุม ครบอยู่แล้ว เพียงเติมคาสิโนเข้าไป ก็กลายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเช่นที่พัทยา และ ภูเก็ต ก็มีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เติมคาสิโนไปก็เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดังนั้นแทบจะไม่มีความจำเป็น จะต้องคิดถึงการลงทุนจำนวนมากมายมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดูนโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล (พรรคประชาชนเดิม) จะพบว่า ทางพรรคฯ มีนโยบายเกี่ยวกับคาสิโนเอาไว้เช่นกัน โดยอยู่ข้อที่ 286 และ 287 จากนโยบาย 300 ข้อ 

โดยข้อ 286 ระบุว่า คาสิโนถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล 
- อนุญาตให้ เสนอให้มีคาสิโนอย่างถูกกฎหมายโดย
- จำกัดอายุผู้เล่น ไม่ต่ำกว่า 20 ปี
- จำกัดฐานะของผู้เล่น โดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะมีสิทธิเล่นได้ ยึดตามรายได้ที่แจ้งต่อสรรพากรในปีภาษีก่อนหน้า
- จำกัดจำนวนคาสิโน โดยถ้าจังหวัดไหนจะมีคาสิโนได้ ต้องออกเป็น พ.ร.ฎ. กำหนดพื้นที่และจำนวนคาสิโนที่จะออกใบอนุญาตได้
- มีคณะกรรมการการพนันและขันต่อเป็นผู้ออกใบอนุญาต รวมทั้งกำหนดประเภทของการพนันและขันต่อที่จะมีในคาสิโนได้

ขณะที่ ข้อ 287 ระบุว่า คาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล

- ออก พ.ร.ฎ. กำหนดจำนวน และให้คณะกรรมการฯ ออกใบอนุญาต-ควบคุม เหมือนเป็นคาสิโนปกติ
- ข้อกำหนดอายุและข้อกำหนดอื่นเป็นเหมือนคาสิโนปกติ บัญชีธนาคารที่ผูกกับบัญชีคาสิโนต้องเป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น
- การพนันขันต่อบางอย่างอาจแตกต่างกันกับคาสิโนปกติ เช่น การพนันผลการแข่งขันกีฬา
- ต้องทำเรื่อง National Digital ID ให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการสวมรอยเข้ามาเล่นพนันโดยคนที่ขาดคุณสมบัติ

หนาวสมศักดิ์ศรี!! ส่องพื้นที่ กทม. – ปริมณฑล ยังหนาวยาวนาน

สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศวันนี้ 15 ม.ค.68 อากาศหนาววันนี้ พื้นที่กรุงเทพ หนาวต่อเนื่อง โดยมีอุณหภูมิต่ำสุด 18°C มีหมอกบางในตอนเช้าอีกด้วย

‘อาจารย์ สจล.’ สะท้อนปัญหาการศึกษาไทยยุคเรียนเอาเกรด หลังพบเด็กส่งผลงานสุดหรู แต่ไม่รู้แม้เรื่องพื้นฐาน – ตอบคำถามไม่ได้

(15 ม.ค. 68) รศ. ธีรวัฒน์ ประกอบผล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า 
"สัมภาษณ์ TCAS68...น่าห่วงกับการศึกษาไทย"

หลาย ๆ อย่างผมอาจคิดไปเองก็ได้ นักเรียนที่มาสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ความรู้ดี และเด็กไทยยุคนี้เกรด 4.00 แยะมาก เด็กส่วนใหญ่คะแนนสูง ๆ ทั้งนั้น แต่ผมก็อยากแนะนำไปถึงเด็ก ๆ และครูแนะแนวในการแนะแนวเด็กนักเรียนครับ

มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งจะมีการรับหลายรูปแบบ แม้ว่า TCAS รอบยื่นผลงาน แต่บางมหาวิทยาลัยอาจมีโครงการย่อยลงไปอีกที่แตกต่างกันไป ซึ่งนักเรียนควรศึกษาเรื่องแบบนี้ด้วย เพื่อเป็นช่องทางของตัวเอง

วันนี้ผมได้สัมภาษณ์ในส่วนของโครงการ "เด็กดีมีที่เรียน" และ "เด็กที่มีความสามารถพิเศษ" เมื่อเราจะยื่นโครงการลักษณะนี้ คำว่าเป็นเด็กดี เราก็ต้องแสดงออกมาว่าเราดีจริง ๆ และดีจนมหาวิทยาลัยอยากจะรับเรา การที่เราไปเป็นอาสาสมัคร หรือช่วยงานเป็นจ๊อบเล็ก ๆ เราก็ต้องดูว่าคู่แข่งของเรานั้นน่าจะมีผลงาน หรือทำดีมากกว่าเราอีกหรือไม่ การนำเสนอผลงานที่เราเป็นจราจรหน้าโรงเรียนนั้นเพียงพอหรือไม่ที่จะแสดงว่าเราเป็นเด็กดี ดังนั้นหลาย ๆ อย่างควรพิจารณา 

การนำผลงานมาใส่ในแฟ้มผลงานก็ควรจะเลือก ให้ความสำคัญในแต่ละงาน เรื่องใดสำคัญมากกว่า มีงานเรื่องเป็นการประกวดภายในโรงเรียน มีบางเรื่องเป็นการแข่งขันนานาชาติ แต่เขามาจัดที่โรงเรียนเราโรงเรียนเดียว แล้วแข่งกับต่างประเทศนั้น ก็ลองคิดดูว่าการแข่งขันแบบนี้น่าจะถือว่าเป็นนานาชาติหรือไม่

เมื่อผมสัมภาษณ์ผมมักจะให้เด็กเขียนและแสดงความรู้ออกมา ว่าเรารู้เรื่องนั้นจริง การนำเสนอของนักเรียนบางคนมักจะเตรียมมาพูดมากกว่าจะให้กรรมการถาม แต่แม้ว่าเรามีผลงานออกมาดีเมื่อกรรมการถามสิ่งที่เกี่ยวข้องกันก็ควรจะตอบได้ เช่น มีผลงานการพัฒนาแอพ พัฒนาโปรแกรม แต่เมื่อกรรมการถามให้ลองเขียนโปรแกรมง่าย ๆ เช่น อัลกอริทึม หรือโปรแกรมคำนวณดัชนีมวลกาย หรือตรวจสอบว่าจำนวนนี้เป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่ ก็ควรจะตอบได้ 

นักเรียนบางคนเรียนได้เกรดวิทย์ 4 หมด แต่ถามเรื่องโมเมนตัม เรื่องไฟฟ้ากระแสตรง ไฟฟ้ากระแสสลับพื้น ๆ กลับตอบไม่ได้ แต่กลับบอกสูตรได้ นำสูตรมาแทนค่าได้

ผมมักจะมองใบ ป.พ.1 ของนักเรียน ดูว่าเรียนอะไรกันมาบ้าง น่าเสียดายนักเรียนบางคนบอกว่าเรียนไม่ค่อยตรงกันที่ควรเรียน บางโรงเรียนวิทยาการคำนวณสอนแต่หุ่นยนต์ แต่ก็ต้องดูว่าเด็กทุกคนไม่ได้ชอบหุ่นยนต์ บางคนอยากไปแบบอื่น อยากเขียนโปรแกรมพื้นฐานให้ได้ ก็เขียนไม่ได้เลย เพราะครูสอนแต่หุ่นยนต์นั่นเอง

และเมื่อดูในใบ ป.พ.1 ซึ่งจะติดตัวนักเรียนไป ยังมีการเขียนที่แตกต่างกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่าสะกดผิด หรือผมเข้าใจผิดเอง บางโรงเรียนมีสอนวิชาการเขียนโปแกรมไพทอน บางโรงเรียนก็ไพทรอน สะกดไม่เหมือนกัน บางโรงเรียนสอนวิชา STAM บางโรงเรียนสอนวิชาท่อน้ำ 1 ท่อน้ำ 2 ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าผมคิดผิดไปเอง หรือเขียนแบบนี้ถูก แต่ที่แน่ ๆ สิ่งนี้จะติดตัวนักเรียนไปตลอด

ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจคิดไปเองก็ได้ เด็กส่วนใหญ่ตอบคำถามผมได้ดี แต่ก็มีบางคนที่ตอบไม่ได้อย่างที่ผมกล่าวมา 

แต่ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของการศึกษาไทยในยุคนี้ละครับ ที่เด็กได้คะแนนเกือบ 4 กันเกือบทั้งหมดเลยครับ น่าชื่นชมจริง ๆ เด็กไทยเกรดสูง ไม่ค่อยมีตกซ้ำชั้น

ITEL รีแบรนด์ Interlink Health Technology ยกระดับต่อยอดเทคโนโลยีทางการแพทย์

(15 ม.ค.68) ดร.ณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL ขยายอาณาจักรยิ่งใหญ่ในตลาด Health Tech รีแบรนด์ บริษัท โกลบอล ลิโธทริปซี่ย์ เซอร์วิสเซส จำกัด (Global Lithotripsy Services Company Limited) หรือ GLS เป็น บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เฮลธ์ เทคโนโลยี จำกัด (Interlink Health Technology Company Limited) หรือ IHT เพื่อขยายธุรกิจ พัฒนาเทคโนโลยีทางสาธารณสุขในประเทศไทย ยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บริษัทฯ มุ่งมั่นให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ พร้อมต่อยอดความสำเร็จในการขยายบริการทางด้านสุขภาพอย่างครบวงจรด้วยเทคโนโลยีที่นำสมัยตามแผนกลยุทธ์ New S-Curve ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า สร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ 200 ล้านบาท

Levi’s®  และ Undercover ฉลองครบรอบ 35 ปีของแบรนด์ญี่ปุ่น ด้วยคอลเลกชันพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

เดือนมกราคมนี้ Levi’s®  และ UNDERCOVER กลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง ผสานความโดดเด่นของดีไซน์ Undercover เข้ากับเอกลักษณ์เหนือกาลเวลาของ Levi’s® เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีของแบรนด์ระดับตำนานที่ก่อตั้งโดย จุน ทาคาฮาชิ แบรนด์แฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงด้านการผสมผสานระหว่างสตรีทแวร์ แฟชั่นระดับสูง และดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยการอ้างอิงถึงงานออกแบบในอดีตและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Levi’s® โดย คอลเลกชัน Levi’s® x Undercover ครั้งที่ 2 นี้จึงเกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและสไตล์ที่แสดงออกถึงตัวตน

คอลเลกชัน Levi’s® x Undercover ประกอบด้วยสินค้าทั้งหมด 9 ชนิดที่เน้นงานฝีมือและรายละเอียดการออกแบบที่ประณีต แจ็คเก็ต Pinnacle Type II Trucker มีดีเทลซิปถอดได้บริเวณแขน คอเสื้อ และตะเข็บข้าง ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับแต่งในสไตล์ของตนเอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโปรแกรม “Exchange” ของ Undercover ในคอลเลกชันฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1998 แจ็คเก็ตนี้ผลิตจากผ้าเดนิมริมแดงอินดิโกและผ้าลูกฟูกสีดำ พร้อมตกแต่งด้วยป้าย Jacron จากการออกแบบร่วมกันของทั้ง 2 แบรนด์ และป้ายคอ ‘Small Parts’ ที่สะท้อนถึงคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมของ Undercover

แจ็คเก็ต Type I Trucker ใช้ผ้าเดนิมสีดำ-ขาวน้ำหนัก 12 ออนซ์ พร้อมลวดลายปัก ‘Giza’ ที่แขนเสื้อและชายเสื้อ ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงกราฟิกของ Undercover ในปี 2003 ส่วนแจ็คเก็ต Type III Trucker มีลวดลายกราฟิกใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดหยินหยาง ประดับด้วยการปักคำว่า ‘แสงสว่าง’ และ ‘ความมืด’ บริเวณอกด้านหน้า และตกแต่งด้วยเทคนิคการพิมพ์และปักผสมผสานบริเวณด้านหลัง

ในคอลเลกชันยังมีกางเกงยีนส์อีก 2 รุ่น ได้แก่ 501® Jean และ Baggy Jean ที่สอดคล้องกับรายละเอียดของแจ็คเก็ต 501® Jean มีทรงคลาสสิก พร้อมลวดลายปัก ‘Giza’ ที่ตะเข็บข้าง และป้ายหลังจากการออกแบบร่วมกันของทั้ง 2 แบรนด์ ส่วน Baggy Jean เป็นทรงหลวมสบาย ตกแต่งด้วยเทคนิคการพิมพ์ และปักแบบผสมผสาน เพื่อให้เข้ากับแจ็คเก็ต Type III Trucker

ปิดท้ายด้วยเสื้อยืด 3 แบบที่นำเสนอภาษาภาพลักษณ์เดียวกัน ผลิตจากผ้าฝ้ายเจอร์ซีย์คุณภาพสูง เสื้อยืดแขนยาวสีขาวตกแต่งลายพิมพ์ ‘Giza’ บริเวณคอและแขนเสื้อ ส่วนเสื้อยืดแขนสั้นมีให้เลือกในสีดำและขาว พร้อมกราฟิกที่ใช้เทคนิคการพิมพ์และปักผสมผสาน

แคมเปญนี้ได้ Flea มือเบสวง Red Hot Chili Peppers มาร่วมถ่ายทอดจิตวิญญาณของคอลเลกชัน ผ่านภาพถ่ายที่บ้านในมาลิบูโดย Clara Balzary ลูกสาวของเขา Flea มีชื่อเสียงด้านดนตรีที่สะท้อนทั้งความสว่างและความมืด สไตล์ส่วนตัวที่เป็นเอกลักษณ์ และความคิดสร้างสรรค์แบบไม่มีขีดจำกัด

คอลเลกชัน Levi’s® x Undercover จะวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 18 มกราคม ผ่านทาง Levi.co.th, ร้านค้า Levi’s® สาขา ไอคอน สยาม, เซ็นทรัลเวิล์ด, เอ็มสเฟียร์, สยามพารากอน และ เซ็นทรัลชิดลม 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top