Tuesday, 10 June 2025
TheStatesTimes

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ตกทะเลญี่ปุ่น คาดยิงโชว์ 'ทรัมป์' ก่อนรับตำแหน่ง

(6 ม.ค. 68) สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลตกลงในทะเลญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของปี 2025

ตามข้อมูลจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS) ของเกาหลีใต้ ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในครั้งนี้บินไปได้ไกลถึง 1,100 กิโลเมตร (683.5 ไมล์) ก่อนจะตกลงในทะเลญี่ปุ่น

การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นครั้งแรกในปี 2025 และเกิดขึ้นหลังจากการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา

ขีปนาวุธดังกล่าวตกลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นที่รายงานว่าไม่พบความเสียหายจากเหตุการณ์นี้

หน่วยงานยามชายฝั่งญี่ปุ่นยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทะเลจริง และหลังจากหกนาที หน่วยงานดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ว่า ขีปนาวุธได้ตกลงแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้เรือทุกลำรายงานชิ้นส่วนที่พบ แต่ห้ามเข้าใกล้พื้นที่ดังกล่าว

ทางทหารเกาหลีใต้ได้เพิ่มการเฝ้าระวังและความเข้มงวดในการควบคุม โดยเตรียมพร้อมรับมือกับการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยยังคงรักษาความพร้อมรบเต็มที่ ตามรายงานจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS)

การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้อาจเป็นการแสดงแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้

คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้กล่าวว่า “กองทัพยังคงรักษาท่าทีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ โดยแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พร้อมทั้งเพิ่มการเฝ้าระวังและเตรียมรับมือหากเกิดการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม”

ญี่ปุ่นยังได้ประกาศว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขีปนาวุธ ซึ่งคาดว่าวัตถุดังกล่าวได้ตกลงมาแล้ว

การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) และถือเป็นการยิงครั้งสุดท้ายก่อนที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมา

เพจ สนง.พลังงานลำปาง โพสต์ถล่ม ‘พีระพันธุ์’ ซัด รู้แต่กฎหมายไม่รู้เรื่องพลังงาน - ใช้นโยบายคร่ำครึ

(6 ม.ค. 68) พลังงานจังหวัดลำปาง น้อมรับทัวร์ลง..หลังแอดมินเพจ สนง.โพสต์ภาพ-ข้อความ ถล่ม “พีระพันธุ์” รู้แต่กฎหมายไม่รู้เรื่องพลังงาน - ใช้นโยบายคร่ำครึ เผยไม่ได้เขียนเอง-เป็นลิ้งค์ส่วนกลางส่งให้ทุกสำนักงาน/ทุกจังหวัดลงเผยแพร่ ก่อนรู้ว่าผิดลิ้งค์สั่งลบกันทันที

จากกรณีเย็นวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา หน้าเฟซบุ๊กเพจสำนักงานพลังงานจังหวัดลำปาง ได้มีการโพสต์รูปนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมข้อความประกอบลักษณะโจมตีและต่อว่านโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง แบบดุเดือด แต่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ได้ไม่ถึง 20 นาที ก็ถูกลบออก

จากนั้นมีการขึ้นโพสต์ใหม่ โดยมีข้อความว่า..“พีระพันธุ์” โชว์ผลงาน 67 ตรึงค่าไฟ-ผุดกฎหมายพลังงาน ลั่นปี 68 เดินหน้าลดราคาน้ำมัน-หนุนโซลาร์รูฟ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงาน โพสต์สรุปผลงานปี 2567 เผยสามารถตรึงค่าไฟฟ้าที่ 4.18 บาทต่อหน่วย และ 3.99 บาทสำหรับกลุ่มเปราะบาง

พร้อมผลักดันกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎหมายกำกับการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายส่งเสริมโซลาร์รูฟ สำหรับแผนงานปี 2568 จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง (SPR) กำหนดให้สำรองน้ำมันขั้นต่ำ 90 วัน คาดช่วยลดราคาน้ำมัน 2.50-4 บาทต่อลิตร พร้อมผลักดันการผลิตอินเวอร์เตอร์ราคาถูกสำหรับโซลาร์รูฟ รมว.พลังงาน ยังตอบโต้กระแสข่าวขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันได้รับการสนับสนุนจากทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐา ในการทำงานตามนโยบายรัฐบาล”

อย่างไร็ตาม แม้ว่าโพสต์โจมตี รมว.พลังงาน ดังกล่าวทางสำนักงานจะลบไปแล้ว แต่ปรากฏว่ามีการแคปข้อความไว้ทันจนกลายเป็นกระแสข่าวผ่านสื่อและมีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นเชิงลบกับสำนักงานพลังงานจังหวัดลำปางกันจำนวนมาก และต่อเนื่อง

ล่าสุด วันนี้ (6 ม.ค.)นางสายธาร ประสงค์ความดี พลังงานจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของโพสต์ดังกล่าวว่า ปกติหน้าเพจของสำนักงานฯจะมีแอดมินดูแล-โพสต์กิจกรรมและภารกิจของสำนักงานอยู่แล้ว รวมถึงนำเสนอข่าวที่โดยทีมงานประชาสัมพันธ์ส่วนกลางส่งให้ทุกจังหวัดซึ่งก็จะมีทั้งสองด้าน

ส่วนโพสต์ที่กำลังเป็นข่าว ทางสำนักงานฯก็ไม่ได้เขียนเอง แต่ทางส่วนกลางส่งลิงค์มาให้ทุกจังหวัดนำลงประชาสัมพันธ์เพราะเห็นว่าเป็นช่องทางการเผยแพร่ที่เร็วที่สุด ซึ่งแอดมินก็ดำเนินการโพสต์ทันที แต่หลังจากนั้นทราบว่าเป็นการส่งลิงค์ข่าวผิด จึงได้แก้ไขและสั่งให้ทุกจังหวัดลบโพสต์ออกและลงโพสต์ใหม่ในเวลาต่อมา ซึ่งก็เป็นสาเหตุว่าทำไมลงได้ไม่นานแล้วลบออก

“ประชาชนที่เห็นโพสต์หรือข่าวก็อาจจะเข้าใจผิดว่าทางสำนักงานเขียนเองลบเอง ซึ่งจริงๆไม่ใช่ เพราะสำนักงานไม่มีเจตนาที่จะลงข้อความใดๆเพื่อทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆขึ้น ตนในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมทำตามนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายรื้อลดปลดสร้าง ก็เป็นนโยบายหลักที่กำลังทำอยู่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด”

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ลิงค์ข่าวดังกล่าวเป็นสกู๊ปข่าวของสำนักข่าว THE ROO44 ซึ่งได้ลงข่าวในหน้าเว็บไซต์เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2568 โดยมีหัวข้อข่าวว่า รู้กฎหมาย ไม่รู้เรื่อง “พลังงาน” นโยบายย้อนยุคของ “พีระพันธุ์”

'ซิงซิง' ดาราดังจีนหายตัวที่ไทย พบพิกัดสุดท้ายอยู่ 'แม่สอด'

(6 ม.ค. 68) สื่อและโซเชียลจีนร่วมแชร์ข่าวการหายตัวอย่างลึกลับของ 'ซิงซิง' ดาราหนุ่มชื่อดังชาวจีน หลังเดินทางมาถ่ายงานที่ประเทศไทย โดยพิกัดสุดท้ายถูกระบุอยู่ที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ญาติและแฟนสาวของซิงซิงได้ประสานงานกับสถานทูตจีนในไทยและหน่วยงานความมั่นคงเพื่อขอความช่วยเหลือ ขณะที่โซเชียลจีนหวั่นว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับการล่อลวงคล้ายเนื้อหาในภาพยนตร์ดัง "No More Bets"

เพจ DomJeen ซึ่งรายงานเรื่องราวนี้เปิดเผยว่า แฟนสาวของซิงซิง ซึ่งใช้ชื่อว่า เจี่ยเจี่ย (Jiajia) ได้โพสต์ขอความช่วยเหลือในโซเชียลมีเดีย เธอเล่าว่า ซิงซิงได้รับการติดต่อจากทีมงานผ่าน WeChat ให้เดินทางมาร่วมแคสติ้งและถ่ายทำในประเทศไทย ซิงซิงออกเดินทางจากสนามบินเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 และถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเช้าวันเดียวกัน ก่อนขึ้นรถที่ทีมงานจัดเตรียมไว้

เหตุการณ์ก่อนการหายตัว
วันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 03.00 น. ซิงซิงเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิและเดินทางต่อโดยรถยนต์ที่ทีมงานจัดไว้ โดยแจ้งว่าจะไปยังสถานที่ถ่ายทำในจังหวัดตาก ระหว่างการเดินทาง ระบบติดตามตำแหน่งแสดงว่ารถที่ซิงซิงโดยสารได้เดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณอำเภอแม่สอด ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ซิงซิงขาดการติดต่อกับแฟนสาวและทีมงาน ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้ตั้งแต่นั้น การดำเนินการของครอบครัวและแฟนสาว แฟนสาวของซิงซิงได้ติดต่อทั้งสำนักงานความมั่นคงเซี่ยงไฮ้ สถานทูตจีนในกรุงเทพฯ และสถานทูตจีนในเชียงใหม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมประกาศเดินทางมายังประเทศไทยในวันนี้ (6 มกราคม 2568) เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ไทย

เธอยังเปิดเผยว่าเคยมีนักแสดงชาวจีนหลายรายที่ประสบเหตุการณ์คล้ายกัน โดยถูกล่อลวงให้มาทำงานในต่างประเทศและต้องเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยง

หลังเรื่องราวถูกเผยแพร่ใน เว่ยป๋อ (Weibo) แพลตฟอร์มโซเชียลยอดนิยมในจีน ชาวเน็ตและนักแสดงร่วมวงการต่างแสดงความห่วงใยและร่วมกันแชร์ข้อมูลเพื่อช่วยตามหา ซิงซิง ขณะที่บางส่วนแสดงความกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นการหลอกลวงเพื่อนำไปสู่การทำงานผิดกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมในพื้นที่

ชาวเน็ตจีนจำนวนมากภาวนาให้ซิงซิงปลอดภัยและกลับมาโดยเร็วที่สุด พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือในกรณีนี้

'หมอเปรมศักดิ์' ค้านร่างแก้รธน. ฉบับพรรคส้ม ชี้! ไม่ควรแตะหมวด 1,2 หวั่นกระทบอำนาจ สว.

‘สว.เปรมศักดิ์’ คัดค้านร่างแก้ไข รธน. ฉบับพรรคประชาชน ชี้ไม่ควรแตะต้องหมวด 1-2 หวั่นลดอำนาจ สว. สร้างความแตกแยก มองรอ 180 วันได้ ไม่ต้องรีบร้อน

(6 ม.ค. 68) ที่รัฐสภา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงข่าวแสดงจุดยืนในการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า ขอคัดค้านการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (6) ของ สส.พรรคประชาชน เรื่องการออกเสียงรับหลักการวาระแรก และเสียงเห็นชอบในวาระสาม ซึ่งเดิมกำหนดให้ใช้เสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ แต่ร่างที่แก้ไขใหม่ ได้เสนอให้ตัดเงื่อนไขที่ต้องใช้เสียงเห็นร่วมด้วยของ สว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ออกไป และเพิ่มเติมด้วยเสียงเห็นชอบจาก สส.ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 แทน

นพ.เปรมศักดิ์ ชี้ว่า เรื่องการตัดเงื่อนไขการนำไปออกเสียงประชามติ ก่อนการทูลเกล้าฯ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในมาตรา 256 (8) ตนเองไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขในมาตรานี้ เพราะถือเป็นการตัดทอนอำนาจของ สว. ลงอย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เรื่องอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ที่บัญญัติให้ สว. มีหน้าที่และอำนาจกลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านจากสภาผู้แทนราษฎร และอาจเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างสองสภา ที่สำคัญรัฐธรรมนูญมาตรา 156 (15) เดิมได้บัญญัติชัดเจนให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ต้องกระทำร่วมกันของรัฐสภา

นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะต้องไปแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาล หรือองค์กรอิสระ ดังนั้นจึงจะต้องไป แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เห็นควรว่าไม่ควรไปแตะต้องเลย เพราะจะสร้างความแตกแยกขึ้นในชาติบ้านเมือง

นพ.เปรมศักดิ์ ยังระบุอีกเหตุผลคือ เมื่อตนเองลงพื้นที่ช่วงปีใหม่ พบว่า ประชาชนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และถามว่าทำไมต้องเร่งด่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าปัญหาปากท้อง จึงมองว่ารออีก 180 วันก็ได้ ให้กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติแล้วเสร็จ

นพ.เปรมศักดิ์ เปิดเผยด้วยว่า จากที่ได้รับฟังเสียง สว. ส่วนใหญ่ก็เห็นคล้ายกับตนเอง คือไม่ควรแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ไม่ว่าพรรคใดจะเสนอก็ตาม เพราะไม่ได้ดูว่าพรรคการเมืองใดเสนอมาเป็นตัวตั้ง แต่หากพรรคเพื่อไทยเสนอมาในลักษณะเดียวกับพรรคประชาชน ตนเองก็ไม่เห็นด้วย

นพ.เปรมศักดิ์ ยังย้ำว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรรีบร้อน เพราะการกระทำอะไรที่รีบร้อน อาจจะส่งผลเสีย พร้อมมองว่า หากรอครบ 180 วัน แล้วสภาผู้แทนราษฎรยืนยันมติเดิม จะไม่ทำให้แตกหักกันระหว่าง 2 สภา เพราะส่วนตัวก็เห็นชอบกับการทำประชามติด้วยหลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว แต่มองว่า เรื่องกรอบเวลาไม่ควรเอาคำว่ากลัวจะแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 เป็นหลัก เพราะรัฐบาลนี้จะอยู่พ้นปี 2568 หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ

ปักกิ่งเปิดแผน 'ไมโครดรามาพลัส' ส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมสู่ชาวโลก

(6 ม.ค. 68) สำนักบริหารวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีนเปิดตัวแผนปฏิบัติการไมโครดรามาพลัส (micro drama plus) โดยมีเป้าหมายผสมผสานละครขนาดสั้นออนไลน์หรือไมโครดรามาเข้ากับหลายอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางวัฒนธรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบันละครขนาดสั้นออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การเล่าเรื่องรวดเร็ว มีธีมหลากหลาย และต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมากนัก ได้กลายมาเป็นศิลปะสำคัญรูปแบบใหม่ในภูมิทัศน์วัฒนธรรมของจีน

แผนริเริ่มไมโครดรามาพลัสมุ่งใช้ประโยชน์จากศิลปะรูปแบบนี้เพื่อเสริมสร้างภาคส่วนต่างๆ กระตุ้นความสร้างสรรค์ และเสริมสร้างวัฒนธรรม โดยจะผลิตละครขนาดสั้นออนไลน์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ราว 300 เรื่องในปีนี้

แผนริเริ่มข้างต้นประกอบด้วยหลายโครงการ เช่น “การเดินทางผ่านละครสั้น” ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการฟื้นฟูชนบทด้วยการผลิตละครสั้นออนไลน์ 100 เรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ทิวทัศน์ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวในเมือง

7 มกราคม พ.ศ. 2408 วันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ในสมัย ร. 4

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2408 หรือวันนี้ เมื่อ 160 ปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศร มหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี เป็นที่รู้จักกันในพระนามว่า ทูลกระหม่อมฟ้าน้อย เป็นพระราชบุตรลำดับที่ 50 หรือ พระราชกุมารพระองค์ที่ 27 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 3 ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระองค์พระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 10 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 ณ พระราชวังเดิม

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชวงศ์และเสนาบดีมีมติเห็นชอบให้ถวายราชสมบัติแก่พระมงกุฎ วชิรญาณะ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในกาลต่อมา) จึงมอบหมายให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ไปเฝ้าเจ้าฟ้ามงกุฎ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร แต่พระมงกุฎยังไม่ลาผนวชและตรัสว่าต้องอัญเชิญสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ขึ้นครองราชย์ด้วย เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่าเป็นผู้ที่สามารถควบคุมกำลังทหารเป็นอันมากได้ จึงมีพระชะตาแรงและต้องได้เป็นพระมหากษัตริย์ 

ดังนั้น จึงได้มีการเชิญสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ขึ้นทรงราชสมบัติที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีพระราชพิธีบวรราชาภิเษกเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม และทรงรับพระบวรราชโองการให้พระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 โดยได้รับการเฉลิมพระปรมาภิไธยจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า

"พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศร์มหิศเรศรังสรรค์ มหันตรวรเดชโชไชย มโหฬารคุณอดุลย สรรพเทเวศรานุรักษ บวรจุลจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อิศวรราชรามวรังกูร บรมมงกุฎนเรนทร สูรยโสทรานุชาธิบดินทร เสนางคนิกรินทร บวราธิเบศร พลพยุหเนตรนเรศวร มหิทธิวรนายก สยามาทิโลกดิลกมหาบุรุษรัตนไพบูลยพิพัฒนสรรพศิลปาคม สุนทรโรดมกิจโกศล สัตปดลเสวตรฉัตร ศิริรัตนบวรมหาราชาภิเศกาภิสิต สรรพทศทิศพิชิตไชยอุดมมไหสวริยมหาสวามินทร สเมกธรณินทรานุราช บวรนารถชาติอาชาวศรัย ศรีรัตนไตรสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิสรรพรัษฎาธิเบนทร ปวเรนทรธรรมมิกราชบพิตร พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว"

หลังจากพระราชพิธีบวรราชาภิเษกแล้ว พระองค์ก็เริ่มทรงพระประชวรบ่อยครั้ง หาสมุฏฐานของพระโรคไม่ได้ จนกระทั่งประชวรด้วยวัณโรคและเสด็จสวรรคตเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 2 แรม 6 ค่ำ เวลาเช้าย่ำรุ่ง ตรงกับวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 สิริพระชนมพรรษา 58 พรรษา ทรงอยู่ในบวรราชสมบัติทั้งสิ้น 15 ปี

ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ยังมิได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เพราะในขณะนั้นพระราชโอรสพระองค์โต คือ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ยังทรงพระเยาว์ มีพระชนมายุเพียง 12 พรรษา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงราชบัลลังก์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) จึงเสนอพระองค์เจ้ายอดยิ่งเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัย 

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระองค์เจ้ายอดยิ่งเป็นเพียงแค่ กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ เท่านั้น ก่อนที่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญขึ้นเป็น กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลพระองค์สุดท้าย

๘ มกราคม วันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า คณะผู้บริหาร และพนักงานสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES

8 มกราคม วันคล้ายวันประสูติ ‘สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา’

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง โดยเป็นวันคล้ายวันประสูติของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งประสูติเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2530 และทรงเจริญพระชนมายุครบ 38 พรรษา

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

เมื่อแรกประสูติทรงดำรงพระอิสริยยศ ‘หม่อมเจ้า’ มีพระนามว่า ‘หม่อมเจ้าบุษย์น้ำเพชร มหิดล’ ต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าจักรกฤษณ์ยาภา มหิดล’ จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระราชทานพระนามใหม่ว่า ‘หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล’ ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์’ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นทั้งนักกีฬาขี่ม้าและอดีตนักแบดมินตันทีมชาติไทย ในวันที่ 21 กรกฎาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศ ‘พันเอกหญิง’ ในฐานะพระอาจารย์หัวหน้าแผนก โรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า (อัตราพันเอก)

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชันและเครื่องประดับ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยทรงออกแบบเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ ‘SIRIVANNAVARI’ และ S’Home เสื้อผ้าของสตรีและบุรุษ ได้รับเสียงชื่นชมอย่างเนืองแน่นในวงการแฟชั่นโลก กับการออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงที่มีความประณีต ที่เหล่าผู้มีชื่อเสียงนิยม ทั้งยังมีแบรนด์ต่างๆ อย่าง Sirivannavari maison แบรนด์ของแต่งบ้าน รวมไปถึงแบรนด์ชุดแต่งงาน

นอกจากทรงออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันต่างๆ แล้ว พระองค์ยังทรงสนับสนุนผ้าไทย ด้วยการนำผ้าไหมมาตัดเย็บเป็นชุดต่างๆ ทั้งนี้ยังทรงออกแบบชุดให้กับ เดมี ลีห์ เนล ปีเตอร์ มิสยูนิเวิร์ส 2017 และโศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ได้สวมใส่ในการประกวดรอบไทยไนท์ของเวทีนางงามจักรวาลที่จัดประกวดที่ประเทศไทยอีกด้วย ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมถวายรางวัลศิลปาธร ประจำปี 2561 ในสาขาศิลปะการออกแบบ (แฟชันและเครื่องประดับ) ด้วยความสนพระทัยด้านแฟชัน พระองค์จึงเสด็จไปทอดพระเนตรงานปารีสแฟชันวีกอยู่เสมอ และได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อต่างชาติ อาทิ นิตยสาร Grazia ประเทศอังกฤษ จัดอันดับให้พระองค์ทรงอยู่ในลำดับที่ 1 ของเจ้าหญิงที่มีสไตล์ที่สุดในโลก จนได้รับการขนานนามว่าทรงเป็น ‘เจ้าหญิงแฟชัน’

ทั้งนี้ พระองค์ยังทรงเป็นพระอาจารย์สอนนักเรียนปริญญาเอก ศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ อีกด้วย

นักวิทย์จีนตั้งชื่อแมงมุมชนิดใหม่ 16 สายพันธุ์ ตามเพลงฮิตของนักร้องดัง 'เจย์ โชว์'

(6 ม.ค. 68) เจย์ โชว์ (Jay Chou) หรือ โจวเจี๋ยหลุน เป็นนักร้องป๊อปชื่อดังชาวจีนที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี เขาคือผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ถ่ายทอดความโรแมนติก ความคิดถึงวันวาน และเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม อย่างไรก็ตามหากแฟนๆ เปิดฟังเพลงของเขาในช่วงนี้ อาจจะนึกถึงสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น “แมงมุม”

งานวิจัยวิทยาศาสตร์ฉบับล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงชาวจีน จากการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ตามชื่อเพลงที่โด่งดังของนักร้องวัย 45 ปีรายนี้

แมงมุมสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ซึ่งถูกจัดอยู่ใน 6 สกุล ได้รับการค้นพบที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนสิบสองปันนา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ จวบจนถึงปัจจุบัน จีนพบแมงมุมทั้งหมด 920 สายพันธุ์ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ที่มีขนาดใหญ่ 11 ล้านตารางเมตร และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์แมงมุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ชื่อของแมงมุมเหล่านี้ได้แก่ “อันจิ้ง” (Silence-เงียบสงบ), “หลงเฉวียน” (Dragon Fist-หมัดมังกร), “เย่ฉวี่” (Nocturne-บทเพลงแห่งรัตติกาล), “ไฉ่หง” (Rainbow-สายรุ้ง) และ “เต้าเซียง” (Rice Field-นาข้าว) ซึ่งนักวิจัยบันทึกชื่อเหล่านี้ด้วยพินอินในเอกสารภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ในวารสาร “การวิจัยด้านสัตววิทยา : ความหลากหลายและการอนุรักษ์” (Zoological Research: Diversity and Conservation) เมื่อเดือนธันวาคมของปี 2024

เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อ หลี่ซูเฉียง หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันสัตววิทยา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนได้ให้คำตอบที่น่าประทับใจ โดยกล่าวกับนักข่าวซินหัวว่าสมาชิกในทีมของเขาทุกคนที่เกิดช่วงปี 1980-2000 ล้วนเป็นแฟนเพลงตัวยงของนักร้องและนักแต่งเพลงจากไต้หวันรายนี้ “พวกเขาเติบโตมากับการฟังเพลงของเจย์ โจว” หลี่กล่าว พร้อมเสริมว่าทีมงานมักฟังเพลงของเจย์ โจวในเวลาว่าง อันนำไปสู่การตัดสินใจตั้งชื่อสายพันธุ์แมงมุมทั้ง 16 ตามชื่อเพลงของเขา

ส่วนการเลือกชื่อให้แมงมุมแต่ละตัว หลี่เผยว่าไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด แต่เป็นการสุ่มเลือกโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับลักษณะของแมงมุม

หมี่เสี่ยวฉี ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยถงเหรินในมณฑลกุ้ยโจวผู้เขียนหลักของงานวิจัยชิ้นนี้ ก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบในตัวเจย์  โจวเช่นกัน หมี่ในวัยไล่เลี่ยกับเจย์ โจว กล่าวว่าเขาเคยตั้งชื่องานที่ค้นพบจากลักษณะทางกายภาพของสัตว์ แต่ในปี 2022 เนื่องจากชื่อที่เขาตั้งนั้นไปซ้ำกับงานวิจัยชิ้นก่อนหน้าของคนอื่น ทำให้บทความของเขาไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างราบรื่น “ตั้งแต่นั้นมาผมจึงระมัดระวังมากขึ้นในการตั้งชื่อแมงมุม ครั้งนี้ผมจึงเลือกวิธีตั้งชื่อที่แตกต่างออกไปเพื่อป้องกันชื่อซ้ำ” หมี่กล่าว

หมี่กล่าวเสริมว่าการตีพิมพ์การค้นพบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ในวารสารวิชาการพร้อมๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักวิจัยที่มีประสบการณ์หลายปี “ผมคุ้นเคยกับสายพันธุ์แมงมุมทั้งหมด แค่มองแวบเดียวก็สามารถบอกได้ว่าสายพันธุ์นั้นอยู่ในหมวดหมู่ใดและเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่”

ในสายตาของนักวิจัยแมงมุมชาวจีน สายพันธุ์แมงมุมมากมาย อันรวมถึงสายพันธุ์ที่เพิ่งค้นพบนี้ มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ เช่น แมงมุมตัวเมียโตเต็มวัยที่สามารถมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ได้หลายเท่า การค้นพบแมงมุมสายพันธุ์ใหม่จึงสะท้อนถึงความหลากหลายทางชีวภาพของจีน ตลอดจนความสำเร็จในการปกป้องระบบนิเวศ

หลังผลงานวิจัยนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หมี่กล่าวว่าเขารู้สึกพอใจกับความสำเร็จของทีมที่ทำให้ผลงานวิทยาศาสตร์ใกล้ชิดกับสาธารณชนมากขึ้น และหวังว่าผู้คนจะสนใจงานวิจัยของทีมและสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากขึ้น

ชาวเน็ตจีนในโซเชียลยกให้หมี่เป็น “แฟนตัวพ่อ” ของเจย์ โจว และชมวิธีการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ของเขาว่าเป็นวิธีการตามดาราหรือศิลปินที่สุดแสนจะสร้างสรรค์ ขณะที่แฟนๆ ของเจย์ โจวหลายคนยังพบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักร้องเพลงป๊อบรายนี้มีอิทธพิลต่อแวดวงวิทยาศาสตร์ เพราะเมื่อปี 2020 มีนักศึกษาปริญญาโทจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาหนานจิง ได้ค้นพบไทรโลไบต์ (กลุ่มของสัตว์ทะลขาปล้อง) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อายุประมาณ 500 ล้านปี และตั้งชื่อมันว่า “แฟนตาซี”  (Fantasy) เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากอัลบั้มที่สองของเจย์  โจว โดยนักวิจัยผู้นี้บอกกับสื่อว่าการตั้งชื่อดังกล่าวเป็นวิธีสุดโรแมนติกในการแสดงความยกย่องไอดอลของตน ขณะที่เมื่อปี 2009 นักดาราศาสตร์สมัครเล่น 4 คน ที่หลงใหลในเพลงของเจย์ โจว ก็ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งและตั้งชื่อให้มันตามชื่อของเขา

ในแวดวงการวิชาการ การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่หรือชนิดใหม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาการทั่วไป และยึดถือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ชื่อจะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของสายพันธุ์ที่มีอยู่เดิม และไม่ควรก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความขุ่นเคืองใจ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพื้นที่สำหรับ “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะการผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับความเป็นมนุษย์เป็นแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมในหมู่นักวิจัยทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อ

ระหว่างการสำรวจใต้ทะเลลึกในปี 2019 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแอมฟิพอด (Amphipod) หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดจิ๋วในทะเลลึกชนิดใหม่ และตั้งชื่อมันว่า “โดโรเธีย” (Dorotea) ตามตัวละครที่งดงามและจิตใจดีในนวนิยายระดับโลกเรื่อง “ดอน กิโฆเต้” (Don Quixote) ในทำนองเดียวกัน เมื่อปี 2018 ก็มีหนอนทะเลลึกชนิดหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อว่า “โฮดอร์ โฮดอร์” (Hodor hodor) เพื่อยกย่องตัวละครที่ได้รับความนิยมจากซีรีส์แฟนตาซีสัญชาติอเมริกันเรื่องเกมออฟโธรนส์ (Game of Thrones)

หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งแสดงความเห็นว่าการนำเอาองค์ประกอบของเพลงป๊อปมาใส่ในชื่อของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางที่น่าสนใจ แต่ยังช่วยดึงดูดให้ประชาชนหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้อยากออกไปสำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

เมื่อพรรคโกงจำนำข้าว แอบผสมโรงพรรคล้มล้างการปกครอง หวังขุด เจาะ ทะลวง เซาะกร่อนสถาบันผ่านสภา

(6 ม.ค. 68) ความเน่าเหม็นของรัฐบาลในหลาย ๆ เรื่อง จนเกิดเป็นความเบื่อหน่ายของประชาชนคนไทยจำนวนมาก บวกกับพรรคฝ่ายค้านที่ไม่ทำงาน “ตรวจสอบความผิดปกติของรัฐบาล” เงียบปากสนิทราวกับว่าแอบทำงานรับใช้รัฐบาลอยู่ หาใช่การเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนไม่ ที่น่าทุเรศที่สุดคือการออกตัวว่าเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ เข้ามาเพื่อต่อสู้และกำจัด “ความเหลื่อมล้ำ” อยากเห็นสังคมไทยเท่าเทียม แต่สิ่งที่เห็น กลับไม่กล้าหืออือสักนิดกับ “เศรษฐีชั้น 14” กรณีที่วางแผนลับไม่ให้ตนเองต้องติดคุกเหมือนนักโทษทั่วไปแม้เพียงวันเดียว 

ประชาชนที่มีปัญญาวิเคราะห์ก็พอจะบอกได้ว่าทั้ง “รัฐบาลและฝ่ายค้าน” น่าจะกำลังพึ่งพากันในเรื่องสำคัญ และถ้าเดาก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ไม่หวังดีต่อสถาบันเบื้องสูง เพื่อจะใช้แผน “สามัคคีชั่วชุมนุม” ต่อรองกับพรรคการเมืองฝั่งที่จะดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ 

ทุกลมหายใจเข้าออกของนักการเมืองสองพรรคนี้ มีแต่การ “เล่นการเมือง” เพื่อเป้าประสงค์และผลประโยชน์ของตนเอง ไม่มีสักนิดที่จะคิดทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนคนไทย

ฝ่ายค้านเห็นรัฐบาลทำเลว ก็เงียบ ไม่เร่งตรวจสอบ ไม่กล้าทักท้วง กลายเป็น “นักการเมืองทาสนักโทษ” ที่น่าละอายที่สุด แต่กลับเอาเวลาที่มีไปทำหน้าที่อุ้มชูพลเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านแทน ถือว่าเป็นฝ่ายค้านที่ไร้ประโยชน์ติดอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย  

ความนิ่งเฉยในการตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้าน ทำให้สังคมเริ่มได้กลิ่นการ “ผสมโรงชั่ว” ระหว่าง “นักล้มการปกครอง” กับ “นักโทษชั้น 14” เพื่อการทำลายสถาบันโชยมาเป็นระยะ จากนี้ไปคนไทยที่รักสถาบันต้องช่วยกันจับตาดูสองพรรคนี้ให้ดี ๆ เมื่อพรรคหนึ่งแม้จะได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ทำตามที่พูดไว้ไม่ได้จริง และไม่ได้ใจใครแม้แต่คนที่กาเลือกเข้ามา ทำให้คะแนนเสียงหดหาย ส่วนอีกพรรค เอาแต่คิดล้มล้างการปกครอง ทำแต่เรื่องแย่ ๆ โง่ ๆ ออกสื่อรายวัน จนคนที่เคยเลือกเริ่มจะหูตาสว่าง และถอยห่างกันมากโขแล้วในวันนี้ 

วิธีเดียวที่ทั้งสองพรรคจะต่อรองให้ตนเองมีที่ยืนเพื่อทำเรื่องชั่ว ๆ กับประเทศชาติได้อีกต่อไป ก็คือต้องหันหน้ามา “ผสมพันธุ์” กัน แล้วใช้สภาที่ตนเองอาศัยฟอกตัวอยู่รวมหัวทำร้ายสถาบันเงียบ ๆ 

ทฤษฎีที่ใครเคยบอกว่าเลือกแดงเพื่อมาล้มส้ม ผมพูดเสมอว่านั่นเป็นเพียงเรื่องในจินตนาการ

‘รองนายกประเสริฐ’ สั่งการ ‘สคส.’  ติดตามกรณี ‘สถานบันเทิงย่านบางใหญ่’ ส่อละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลประชาชน หากพบพฤติกรรมขายข้อมูลลูกค้าโยงกลุ่มธุรกิจสีเทา ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที 

วันที่  (6 ม.ค. 68) นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC เปิดเผยว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้สั่งการให้ สคส. ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด กรณีที่ปรากฎข้อมูลพนักงานสถานบันเทิงย่านบางใหญ่อาจมีการถ่ายภาพบัตรประชาชนของลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วเกิดความกังวลในการนำข้อมูลดังกล่าวไปขายให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทานั้นผับดังบางใหญ่ดังกล่าว โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าารกระทรวงดีอี กำชับให้เร่งรัดช่วยเหลือประชาชนที่อาจถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรืออาจได้รับความเสียหายโดยเร็ว จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สคส. เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางใหญ่ พบมีประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความเป็นหลักฐานไว้กับ สภ.บางใหญ่ จำนวน 65 ราย จึงได้บูรณาการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันเพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิประชาชนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนดดังนี้ 

1.แจ้งให้เจ้าของสถานบริการเร่งตรวจสอบ แก้ไข ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที และรายงานชี้แจงให้สคส.ทราบโดยเร็วภายใน 72 ชั่วโมง และ 2.ร่วมกับ สภ.บางใหญ่ ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลผู้ได้รับความเสียหายทราบสิทธิในการร้องเรียนต่อ PDPC เพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียนเพื่อแก้ไขเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนตลอดจนพิจารณาถึงโทษทางปกครองต่อไป นอกจากนี้ในส่วนของผู้เสียหายที่ได้แจ้งความ สภ.บางใหญ่ไว้แล้ว 65 รายนั้น ทาง สภ.บางใหญ่จะได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกนำเข้าสู่ระบบการรับเรื่องร้องเรียน PDPC ตามความประสงค์ของผู้เสียหายต่อไป และ 3.ร่วมบูรณาการตรวจสอบขยายผลหากพบว่ามีการขายข้อมูลโดยมิชอบหรือมีการกระทำผิดอาญาอื่นๆจะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

ทั้งนี้ในส่วนของกรณีห้างดังที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารูปแบบของข้อมูลที่ผู้อ้างตัวว่าเป็นแฮกเกอร์ เผยแพร่ นั้น ไม่ตรงกับข้อมูลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของห้างดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากมีประชาชนเจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าวสามารถใช้สิทธิร้องเรียนมายัง PDPC ผ่านทางเว็บไซต์ pdpc.or th ได้ทุกช่องทาง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top