Monday, 16 June 2025
TheStatesTimes

บริษัทจีนสร้างเคเบิลใต้น้ำลึกทุบสถิติ ทนสภาวะความลึกถึงร่องมาเรียน่า

(29 พ.ย. 67) สื่อจีนรายงานว่า ทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยการเดินเรือต้าเหลียน ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์หลายแห่งของจีน ได้ทำการทดลองวางสายเคเบิลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ให้สามารถทนต่อแรงดันใต้น้ำและการกัดกร่อนได้สมุทรได้ยิ่งขึ้น ระบบใหม่นี้มีชื่อว่า Haiwei GD11000

หลี่ เหวินฮวา หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของโครงการ Haiwei GD11000 เปิดเผยว่า จากการทดลองสายเคเบิลชนิดใหม่นี้สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่า 15 ตัน มีอัตราความเร็วในการวางระบบใต้ทะเลที่  393.7 ฟุตต่อนาที อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการทดสอบความลึกที่มากกว่า 4 กิโลเมตร จากการทดสอบในทะเลจีนใต้ โดยเหวินฮวา ยืนยันว่า จากการทดสอบในหลายสภาวะใต้สมุทร Haiwei GD11000 เป็นเคเบิลที่สามารถทนความลึกได้ถึงระดับ 11,000 เมตร (36,089 ฟุต) ซึ่งเทียบเท่ากับความลึกของ Challenger Deep ของร่องลึกมาเรียน่า

เหวินฮวา กล่าวว่า จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ Haiwei GD11000 สามารถเป็นเคเบิลใต้น้ำที่วางระบบในมหาสมุทรทั่วโลกได้ในทุกความลึกและทุกสภาวะของพื้นใต้สมุทร สำหรับระบบเคเบิ้ลใต้น้ำลึก สถิติก่อนหน้านี้เป็นของบริษัท Prysmian ผู้ผลิตสายเคเบิลและผู้ให้บริการติดตั้งสายเคเบิลของอิตาลีที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมโดยบริษัทได้วางสายเคเบิลที่ความลึก 2,150 เมตร (7,053 ฟุต)

ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 Gulf MTP ต้อนรับคณะศึกษาดูงานจาก สนพท. และ สมาคมนักข่าวแห่งประเทศจีน

(27 พ.ย. 67)  ณ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นำโดย นายอาณัติ จันดี ผอ.สทร. และ บริษัทกัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (Gulf MTP)  นำโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ /ประชาสัมพันธ์ และนายศุภฤกษ์ โสภณราพงษ์ ผช.ผจก.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์  บริษัทที่ปรึกษาการก่อสร้างท่าเรือฯ ( PMSC ) และ คณะเจ้าหน้าที่จาก สทร. ร่วมต้อนรับ คณะผู้มาศึกษาดูงานจาก สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท)  นำโดย นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมฯ และ สมาชิกวุฒิสภา ฯ นายนพดล แสงวิไล กรรมการ สนพท. จ.ระยอง และคณะ พร้อมด้วย สมาคมนักข่าวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย นายหลี่ เจียนหมิน ผอ. สำนักข่าวซินหัว  นายซู่ ลี่จวิน  ผอ.สถานีวิทยุเฮยหลงเจียง  นายจางผิงจ้าว บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เปาอันเดลี่  นายหวาง หย่งโป รองผู้อำนวยการ สมาคมนักข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมกิจกรรม รวมกว่า 20 คน
บรรยากาศของกิจกรรม มีการกล่าวต้อนรับและบรรยาย โดย นายอาณัติ จันดี ผู้อำนวยการสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร)  ที่มาและความสำคัญของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ ที่ 3 ตามนโยบายรัฐบาล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก  เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ  รายละเอียดของโครงการก่อสร้างและความก้าวหน้าของโครงการถึงปัจจุบัน ซึ่งทางคณะผู้มาศึกษาดูงานจากประเทศจีน ให้ความสนใจเป็นอย่างมากและมีการซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน หลังจากการบรรยายแล้วได้นำคณะขึ้นไปชมภาพมุมสูงที่หอควบคุมของสำนักงาน สทร. ได้ชมภาพสถานที่จริงในการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ ที่ 3 ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้ว ก้าหน้าไปกว่า 90 % แล้ว
หลังจากนั้น คณะผู้ศึกษาดูงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมคารวะนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และจะไปศึกษาดูงานที่จังหวัดชลบุรี และ กรุงเทพมหานครต่อไป

รมว.พาณิชย์ ถกสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เตรียมตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ แก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญ และนอมินี สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย 

(28 พ.ย. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.ทองอยู่คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกและที่ปรึกษาสหพันธ์ ได้เข้าพบตนที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือนโยบายเกี่ยวกับการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจโลจิสติกส์ไทย รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีขนส่งศูนย์เหรียญจีน โอกาสนี้ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเร่งด่วน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการเชิงรุกในการติดตามและเร่งรัดมาตรการในการแก้ไขปัญหาให้ผู้ประกอบการในประเทศ โดยที่ประชุมได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและป้องปราม รวมถึงสืบสวน สอบสวนหรือตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลและนิติบุคคลที่อาจมีพฤติกรรมเป็นนอมินี โดยเร็วและเป็นรูปธรรมซึ่งคณะอนุกรรมการฯ มีผู้แทนจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมการจัดหางาน กรมการท่องเที่ยว กรมที่ดิน และกรมสรรพากร ร่วมแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โปร่งใส เพราะถือว่านอมินีทำลายธุรกิจ และเศรษฐกิจไทย

ซึ่งในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนมาตรการสำหรับการตรวจสอบธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีอย่างเข้มงวดและเป็นรูปธรรม กำหนดพื้นที่กลุ่มเสี่ยง แนวทางการตรวจสอบ และแผนการตรวจสอบ โดยในระยะเร่งด่วน กรมได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจและคัดกรองข้อมูลนิติบุคคล ซึ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง (โลจิสติกส์) แพลตฟอร์มออนไลน์ การให้เช่าโกดังสินค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและมีคนสัญชาติจีนร่วมถือหุ้นกับคนไทย ซึ่งกรมเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบตามมาตรการดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 โดยมีหนังสือให้ธุรกิจที่มีความเสี่ยงจะเป็นนอมินีในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (15 เขต) อาทิ เขตสัมพันธวงศ์ คลองสาน สาทร บางรัก ห้วยขวาง คลองเตย เป็นต้น ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและการลงทุน

และระยะที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย โดยสหพันธ์ฯ ได้มีหนังสือแจ้งประเด็นปัญหาและข้อหารือในระบบโลจิสติกส์ พร้อมนำส่งสรุปประเด็นการจดทะเบียน “นอมินี” ของทุนจีน และแจ้งข้อมูลรายชื่อบริษัทกลุ่มทุนจีน ซึ่งเป็นนิติบุคคลต้องสงสัยเป็น “นอมินี” เพื่อให้กรมฯดำเนินการตรวจสอบ จากนี้ กรมฯจะได้เพิ่มการตรวจสอบในธุรกิจ e-commerce การขนส่ง และคลังสินค้า ที่คาดว่านักธุรกิจชาวต่างชาติจะมีการใช้นอมินีในการประกอบธุรกิจ จากเดิมที่เน้นธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ท โดยจากการคัดกรองธุรกิจที่มีคนต่างด้าวร่วมถือหุ้นกับคนไทยทั่วประเทศ

“ตามที่ตนได้มอบหมายให้ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ล่าสุดได้มีการจัดประชุมฯ ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ร่วมกับ 10 หน่วยงาน สรุปแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) เป็นแผน 3 ระยะ บูรณาการการทำงานร่วมกันของคณะอนุกรรมการฯ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะมีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีประสิทธิภาพและมีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม ที่สำคัญจะทำให้ประชาชนและนักลงทุนไทยเกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจและไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำผิดอีกด้วย” รมว.พาณิชย์ กล่าว 

‘ดีเอสไอ’ แจงภาพข่าว ‘ดีเอสไอสอบผู้บริหารปตท. ทุจริต’ เป็นข่าวเท็จ ชี้! หากมีการตรวจสอบและออกข่าวจริง ต้องทำอย่างเป็นทางการ

(28 พ.ย.67) โฆษกดีเอสไอ เผยภาพข่าว ‘ดีเอสไออยู่ระหว่างสอบสวนข้อกล่าวหาผู้บริหาร ปตท. และ โออาร์ ทำธุรกรรมการซื้อขายไบโอดีเซล B100 กับบริษัทในเครืออย่างผิดปกติ’ จากการตรวจสอบพบเป็น ‘ข่าวเท็จ’ ขณะที่ ตลท.ขอให้ PTT-OR-DSI แจงข่าวเข้าตรวจสอบกรณีบังคับขายบี 100 จาก GGC ในราคาต่ำ

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จากที่มีภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า ดีเอสไออยู่ระหว่างสอบสวนข้อกล่าวหาผู้บริหาร บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ว่าได้ทำธุรกรรมการซื้อขายไบโอดีเซล B100 กับบริษัทในเครืออย่างผิดปกตินั้น ทางดีเอสไอได้ตรวจสอบภาพข่าวดังกล่าว ภาพที่ปรากฏไม่ใช่ภาพประชาสัมพันธ์ของดีเอสไอ เพราะหากมีการตรวจสอบและออกข่าวจริง จะต้องเป็นภาพที่เป็นทางการจากดีเอสไอเพราะเป็นหน่วยงานราชการ ซึ่งเรื่องการตรวจสอบ บจ.ต่างๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การจะดำเนินการจะต้องรอบคอบ จะต้องมีการนำเสนอเชิงลึกก่อนเปิดเผยประชาสัมพันธ์ ซึ่งกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีการสอบถามเข้ามา ทางดีเอสไอพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

นางสาวปวีณา ศรีโพธิ์ทอง รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.ได้ประสานและสอบถามไปยัง PTT และ OR รวมถึงดีเอสไอขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าดีเอสไออยู่ระหว่างสอบสวนข้อกล่าวหาผู้บริหาร PTT และ OR ว่าได้ทำธุรกรรมการซื้อขายไบโอดีเซล B100 กับบริษัทในเครืออย่างผิดปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพข่าวที่ออกมาตามสื่อออนไลน์ระบุว่า การสอบสวนสืบเนื่องจากนายสยามราช ผ่องสกุล อ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นของ PTT บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ยื่นคำร้องต่อดีเอสไอตั้งแต่ปี 66 ขอให้สืบสวนว่า OR ได้สั่งให้ GGC ขาย B100 ราคาต่ำกว่าราคาแนะนำให้รับซื้อ ของสำนักงานนโยบายบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ทำให้ GGC ขายในราคาขาดทุน เป็นการผ่องถ่ายกำไรของ GGC มายัง OR ผู้ยื่นคำร้องระบุการกระทำนี้เข้าข่ายการกระทำความผิดในลักษณะการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน หรือการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทในเครือ อันเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 281/2 มาครา 307 และ มาตรา 311 และเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

มุกดาหาร-สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ 42 “อนุทิน” แสดงวิสัยทัศน์ ตั้ง รองผวจ.เศรษฐกิจ ส่งออกสินค้าไทยทุกชายแดนเฟื่อง หนุนอุตสาหกรรมไทยรุ่ง

(28 พ.ย. 67) นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร ร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ณ สวนนงนุช จ.ชลบุรี ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบรางวัลสำเภาทอง แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด 22 รางวัล ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมมอบ รางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง ประจำปี 2567 ณ NICE HALL สวนนงนุช 

นายอนุทิน ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะพัฒนาระบบบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายหนุนภาคเอกชนกลุ่มผู้ค้า ผู้จำหน่วย ผู้ผลิตทุกแห่ง สามารถส่งสินค้าออกไปจำหน่ายได้ทั่วโลกภายใต้การบริหารในรูปแบบใหม่ที่ภาครัฐจะดำเนินการอำนวยความสะดวกในทุกช่องทางแก่ผู้ประกอบการ ส่วนของกระทรวงมหาดไทยจะต้องเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง เรียนรู้ ทราบถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละท้องถิ่นของจังหวัดนั้น ดังเช่นเมืองชายแดนที่อยู่ติดประเทศเพื่อนบ้านทุกแห่ง จะต้องเน้นให้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ในทุกรูปแบบ โดยไม่มีเงื่อนไขไม่ติดขัดเรื่องการส่งออกสินค้าแต่อย่างใด เพื่อความเจริญเติบโตทางด้านการผลิต เมื่อโรงงานมีใบสั่ง แรงงานก็มีงานทำ คนไทยทุกคนจะมีเงิน มีงานสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานภายในครัวเรือน สร้างเศรษฐกิจการค้าให้โตขึ้นในทุกจังหวัด 

โดยภาครัฐจะสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้ให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จังหวัดจะต้องร่วมผลักดันขับเคลื่อนอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ โดยเฉพาะการตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ จากในปัจจุบันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นผู้ดูแล ดังนั้นรองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจจะมาช่วยดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ประเทศกำลังต้องการฟื้นฟูระบบการค้าเพื่อให้เงินไหลเข้าประเทศ ดังที่ทางหอการค้าระบุว่าเศรษฐกิจไทยต้องโตอย่างน้อย 3% ดังนั้น ภาครัฐจะต้องมีส่วนผลักดันที่สำคัญ 

นายกานต์พนธ์ กล่าวตอนท้ายว่า จากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลเศรษฐกิจของจังหวัดทุกด้าน ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต แรงงาน นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล การเงินการคลัง ซึ่งรัฐบาลในทุกภาคส่วนในจังหวัดจะต้องพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายหอการค้าไทยตั้งเป้าไว้ใน ปี 2568 เศรษฐกิจ จะโตมากกว่า 3% ภาครัฐจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

น้ำท่วมภาคใต้ 6 จังหวัด ยังอ่วม 'ตชด.' เร่งช่วยเหลือ ขนย้ายของ ส่งเสบียงช่วยชาวสะเดา เคลื่อนย้ายหญิงป่วยติดเตียงหนีน้ำ  

(28 พ.ย.67) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( บช.ตชด. ) โดย กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 ได้ดำเนินการตามสั่งการของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ในทุกด้าน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย น้ำท่วมภาคใต้ ทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง สตูล ยะลา และนราธิวาส โดยให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 28 พฤศจิกายน 2567 ) กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 437 ร่วมกับเทศบาลเมืองสะเดา ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ชุมชนสะพานม้า ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งติดอยู่ในบ้าน 4 ราย ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร โดยได้เข้าไปแจกจ่ายข้าวกล่อง น้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ให้กับผู้ที่ติดอยู่ในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขณะเดียวกัน ชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4303 ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ บ.นา ม.5 ต.ปาดังเบซาร์, บ้านร็อก ม.2, บ้านบางควาย ม.7 ต.ทุ่งหมอ มีน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประมาณ 10 ครัวเรือน ได้ให้การช่วยเหลือประชาชน เคลื่อนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือชั่วคราว ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.7 และได้มอบเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อซื้อของอุปโภค บริโภค ในแก่ประชาชน  ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันตชด.สังกัด กองกำกับการ 9 กองบังคับการฝึกพิเศษ รับแจ้งมีหญิงป่วยติดเตียงติดอยู่ในบ้าน ในพื้นที่บ้านวังปริง ต.เขามีเกียรติ อ.สะเดา จว.สงขลา ซึ่งระดับน้ำรอบบ้านสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเข้าช่วยเหลือพาขึ้นรถ 6 ล้อ ออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย

ขณะที่ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ร้อย ตชด.445 ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากเหตุดินสไลด์ไหลเข้าบ้านเรือน ได้สำรวจความเสียหายเบื้องต้นและทำความสะอาดบ้านเรือนจนสามารถเข้าพักอาศัยได้ และร่วมกับเทศบาลเมืองเบตง ซ่อมแซมถนนในหมู่บ้านแกรนด์วิลล่า ซ.8 ที่ทรุดตัวจากเหตุฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ให้สามารถใช้สัญจรได้ชั่วคราว

และในพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่โรงเรียนบ้านต้นจันทน์ ร้อยตชด.424 ได้ช่วยขนย้าย หนังสือ อุปกรณ์การเรียน หลังจากได้รับความเสียหายจากฝนตกหนักลมกรรโชกแรงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทำให้ กระเบื้องหลังคา ฝ้าเพดานได้รับความเสียหายทั้งอาคาร โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือต่อไป

และในพื้นที่ ต.ท่าหมอไทร และ ต.สะพานไม้แก่น อ.จะนะ จ.สงขลา ร้อย ตชด.432  ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือ จากผู้ประสบภัย เพื่อช่วยอพยพผู้ป่วยติดเตียง และช่วยเหลือประชาชนที่มีน้ำท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง

5 ประเทศที่ลงทุนในไทยเยอะที่สุดใน 10 เดือนเเรกของปี 2567

(28 พ.ย. 67) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผย 10 เดือน ปี ‘67 ต่างชาติลงทุนในไทย 161,169 ล้านบาท ญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง 211 ราย เม็ดเงินลงทุน 91,700 ล้านบาท ส่วน 5 อันดับแรก มีประเทศใดบ้าง ไปส่องกันได้เลย

ไบเดนเหลือเงินอัดฉีดยูเครนกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ หลังทิ้งทวนรีบแจกอาวุธให้เซเลนสกีไม่อั้น

(29 พ.ย.67) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วงเดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งกำลังเร่งอัดฉีดทั้งเงินและอาวุธให้กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการรับมือกับสงครามจากรัสเซีย เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีจุดยืนไม่สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน

ล่าสุด ไบเดนได้อนุมัติงบประมาณและอาวุธมูลค่า 725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,934 ล้านบาท) ให้กับยูเครน เพื่อช่วยให้สามารถสู้ศึกรัสเซียได้ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาจะสิ้นสุดในเดือนมกราคมนี้ การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในหลายครั้งที่ไบเดนเร่งมอบให้ยูเครนในช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่กมลา แฮร์ริส แพ้การเลือกตั้ง

งบประมาณดังกล่าวมาจาก 'อำนาจเบิกจ่ายอาวุธของประธานาธิบดี' หรือ Presidential Drawdown Authority (PDA) ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ เบิกจ่ายอาวุธจากคลังของตนเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรในกรณีฉุกเฉิน ปัจจุบันสหรัฐฯ มีงบประมาณภายใต้ PDA ไม่น้อยกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 223,957 ล้านบาท ที่ไบเดนสามารถใช้ในการส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนในช่วงที่เหลือของการดำรงตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า เพนตากอนได้ถึงขีดจำกัดในการส่งอาวุธให้ยูเครนทุกเดือนโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการป้องกันของกองทัพสหรัฐฯ และการขนส่งยุทโธปกรณ์ไปยังยูเครนก็เริ่มประสบปัญหาด้านโลจิสติกส์

หากไบเดนต้องการใช้เงิน 6.5 พันล้านดอลลาร์ให้หมดภายในเวลาที่เหลือในตำแหน่ง นั่นหมายความว่าเขาจะต้องใช้เงินมากกว่า 110 ล้านดอลลาร์ต่อวันในการจัดหาอาวุธ ซึ่งเกินขีดความสามารถของโรงงานผลิตอาวุธในสหรัฐฯ และยังมีข้อจำกัดในการส่งมอบอาวุธไปยังแนวหน้า

ในรายงานของ WSJ เจ้าหน้าที่รัฐสภาสหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่า แม้ไบเดนจะเร่งรัดการแจกจ่ายเงินให้ยูเครนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถใช้เงินทั้งหมดได้ทันภายในเวลาน้อยกว่าเดือน เนื่องจากมีข้อจำกัดทั้งจากผู้ผลิตอาวุธและการขนส่งของกองทัพสหรัฐฯ

ม.อ.ประกาศรับบริจาคสิ่งของช่วยน้ำท่วมภาคใต้ พบหลายพื้นที่ยังสาหัสต้องอพยพคน - สิ่งของอย่างเร่งด่วน

(28 พ.ย. 67) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ประกาศรับบริจาคสิ่งของและอาหารแห้งช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่

จากกรณีฝนตกลงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ในพื้นที่ จ.ยะลานั้นทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ในเขตตัวเมืองยะลา โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจ หน้าสถานีรถไฟยะลา โรงแรมยะลารามา น้ำได้เข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร ชาวบ้านและร้านค้าต้องเร่งอพยพสิ่งของ เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ จ.นราธิวาสก็ประสบกับสถานการณ์อุทุกภัยเช่นกันกระทบทั้ง 13 อำเภอ น้ำยังท่วมและเอ่อล้นตลิ่งต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบ 42,285 ครัวเรือน 154,535 คน โรงเรียนประกาศปิดแล้ว 68 แห่ง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พ.ย. "กองพัฒนานักศึกษา ม.อ.หาดใหญ่" ประกาศเปิดรับบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2567 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง เวลา 09.30-17.00 น. สิ่งของที่ต้องการคือ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง นม ขนม น้ำดื่ม

หรือสามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์
ชื่อบัญชี : สงขลานครินทร์เพื่อผู้ประสบภัย
เลขที่บัญชี : 565-471106-1

สถานที่รับบริจาคสิ่งของ ณ อาคารกิจกรรมนักศึกษา
ข้างศูนย์อาหารโรงช้าง ม.อ.หาดใหญ่

ปตท. ชวนสัมผัส ‘งานมหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว’ ชมทิวลิปบานกลางกรุง ที่สวนหลวง ร.๙ ตั้งแต่ 1 - 10 ธ.ค.นี้

กลับมาอีกครั้ง กับทุก ๆ ช่วงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ชื่นชอบความสวยงามของดอกไม้นานาชนิดไม่ควรพลาด กับงาน “มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่สวนหลวง ร.๙” ประจำปี 2567 ระหว่าง 1 – 10 ธันวาคม 2567 โดยในปีนี้ทาง ปตท. เชิญชวนให้มาสัมผัสความงดงามของพรรณไม้เมืองหนาว ที่จะขึ้นภายใต้แนวคิด 'The Charming of Colorful Town'

โดยได้จำลองบรรยากาศเมืองแห่งสีสันในยุโรป มาไว้ภายใน อาคารถกลพระเกียรติ สวนหลวง ร.๙ เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เพลิดเพลินไปกับดอกไม้เมืองหนาวสุดพิเศษอย่างดอกทิวลิปหลากสี ไฮเดรนเยีย และไม้เมืองหนาวนานาพรรณ 

ไม่เพียงเท่านั้น ภายในงานยังจะมี สตรอว์เบอร์รีเกรดพรีเมียม ที่ปลูกโดยใช้พลังงานความเย็นจากกระบวนการแปรสภาพ LNG นวัตกรรมสุดล้ำที่สะท้อนถึงความยั่งยืน พร้อมอิ่มอร่อยกับเมนูสร้างสรรค์ทั้งขนมและเครื่องดื่มจากสตรอว์เบอร์รีคุณภาพโดยแบรนด์ Harumiki ที่ใช้สตรอว์เบอร์รีญี่ปุ่นพรีเมียมเป็นวัตถุดิบ ยกขบวนมาเสิร์ฟแบบจัดเต็มในงานนี้อีกด้วย

มาร่วมเก็บภาพความทรงจำสุดประทับใจในมุมถ่ายภาพสวย ๆ เหมือนเดินอยู่ในเมืองยุโรป พร้อมเลือกซื้อของฝากสุดพิเศษ ได้ตั้งแต่วัน วันที่ 1 - 10 ธันวาคม 2567 เวลาเข้าชม: 09.00-19.00 น. ค่าผ่านประตูสวนหลวง ร.๙ คนละ 10 บาท และ ค่าจอดรถคันละ 50 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานมูลนิธิสวนหลวง ร.๙ โทร. 0 2328 1385


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top