Saturday, 17 May 2025
TheStatesTimes

‘ณวัฒน์’ เตรียมคุย ‘ชาล็อต’ ปมภาพหลุดคู่ผู้ชาย ลั่น!! ครั้งที่ 3 แล้ว เตือนบ่อยๆ ก็เบื่อและเหนื่อยล้า

(28 พ.ย. 66) หลัง ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ ได้ออกมาไลฟ์ฟาด เรื่องภาพความสนิทสนม ของสาว ‘ชาล็อต ออสติน’ รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 กับหนุ่มปริศนา ที่ภายหลังมีการโยงไปว่าเป็น ‘ซี ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ’ นักแสด งซีรีส์วาย ว่าอย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ยังไงก็ไม่ใช่แฟนกัน เพราะไม่ได้อนุญาตให้มี แต่ถ้ามีก็จะหยุดรับงาน พร้อมซื้อผ้าอ้อมและอุปกรณ์เด็กอ่อนเตรียมให้ ก็ทำเอาโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันหนักมาก ถึงกฎที่บอกว่าห้ามมีแฟน 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 66) ‘ณวัฒน์’ ก็เผยเหตุผลอีกครั้งหนึ่ง ระบุว่า…

“กับชาล็อตตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยคุยกัน แต่ตอนนั้นวันรุ่งขึ้นก็ตักเตือนทันที แต่เรียกเข้าไปไม่ทัน เนื่องจากน้องมีงานต่างจังหวัด ก็เลยโทร.หาแล้วเปิดลำโพง ให้ทุกคนในออฟฟิศได้ฟังด้วย ก็ตำหนิไปค่อนข้างเยอะ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำและไม่เหมาะสม บางคนบอกทำไมไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขา มันเป็นเสรีภาพ แต่ผมอยากอธิบายว่าเวลาเราทำงาน เราจะเข้าใจว่าอะไรควรต้องทำหรือไม่ต้องทำ แต่ถ้าเรื่องส่วนตัวเขาทำได้ แต่ต้องย้ำอีกทีหนึ่ง ว่าถ้าทำเรื่องส่วนตัวแล้วงานมันหดหายไป คุณก็ต้องยอมรับสภาพด้วย เราเป็นคนตรง ๆ เราก็จะบอกว่าถ้าสิ่งนี้สำคัญกว่าสิ่งนี้ แล้วมันมีผลกระทบ คุณยอมรับมัน เราก็แฮปปี้ เราก็ยินดีที่จะซื้อผ้าอ้อมเด็กให้ แล้วก็ของใช้เด็กอ่อน ก็พูดไปแล้ว แต่ถ้าเกิดคุณคิดว่าอยากเป็นสตาร์ดวงใหญ่ อยากมีเงินเยอะ ๆ อยากโด่งดังไปอีกไกลแสนไกล คุณก็ต้องดูเส้นทางชีวิตของคุณให้ดี ควรจะเดินแบบไหน อันนี้เราก็เตือนอยู่”

เตรียมเรียกคุย และทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการ

“ตอนนี้ก็ได้แต่ตักเตือนอย่างเดียว ยังไม่ได้เรียกคุย กะว่าพรุ่งนี้หรือมะรืนจะขอคิวแล้วเรียกน้องไปคุยที่ออฟฟิศ ทำข้อตกลงที่เป็นทางการมากขึ้น แต่ต้องยืนยันว่ามันไม่ใช่แฟนหรอกครับ แต่มันเหมือนเป็นการปาร์ตี้กัน พูดง่าย ๆ ว่าตอนนี้น้องเข้าโหมดนักแสดง อยู่กับกอง มีเพื่อนมากขึ้น แล้วเพิ่งปิดกล้อง คนนี้เป็นเพื่อนคนนี้ ไปเที่ยวก็ไปด้วยกัน มันเลยไปเรื่อย ๆ ภาพมันเลยออกมาค่อนข้างหวือหวานิดหนึ่ง”

บอกลูกคนนี้ดื้อมาก รู้สึกถอดใจเพราะเบื่อคุยเรื่องเดิม ๆ นี่เป็นการเตือนครั้งที่ 3 แล้ว

“ดื้อมากครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้รู้สึกเฉย ๆ รู้สึกถอดใจนิดหนึ่ง เบื่อ เบื่อที่มานั่งคุยกันเรื่องเดิม ๆ แล้วก็เบื่อว่าตกลงจะเอายังไง เพราะเราสร้างมูลค่า แต่คุณจะไม่เอามูลค่า คุณมองไม่ออกเหรอว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ อันนี้มันหลุดออกไปได้ยังไง แล้วก่อนจะหลุดออกไปคือจะมาสนุกสนานอะไรกันมากมาย มันไม่ควรจะทำ แล้วไม่ใช่ครั้งแรก ครั้งที่ 3 แล้วครับ (หัวเราะ) ก็เตือนทุกครั้งครับ ถึงบอกว่าจะเรียกเข้าออฟฟิศ ไปทำงานด้วยกัน 3 วันก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลย เขาเข้าหน้าผมไม่ติดอยู่แล้ว ก็เห็นเขาพูดบนเวทีเมื่อคืนว่าขอโทษ อาจจะดื้อไปบ้าง แต่มันจะมากไปกว่านี้ไม่ได้ มันจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อย แล้วก็ล้า”

ไม่ได้ห้ามมีแฟน แต่ห้ามทำให้คนสับสน และแบรนด์ที่ปั้นอยู่สั่นสะเทือน

“จริง ๆ น้องยังทำอะไรได้อีกเยอะ ถามว่าให้โอกาสไหม ก็ให้โอกาสนะครับ แต่มันต้องเรียกมาคุยกันเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว (ลายลักษณ์อักษรคือห้ามมีแฟน?) ไม่ คือเราต้องตกลงกัน ว่ามันจะต้องไม่เกิดอะไรที่ทำให้คนสับสน และทำให้แบรนด์ที่เราปั้นอยู่มีมันเกิดการสั่นสะเทือน แล้วก็ต้องเห็นใจพรีเซ็นเตอร์สินค้าด้วย งานด้วย ก็คุยกันหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็ต้องให้ออฟฟิศช่วยดูแลด้วย ให้เป็นลายลักษณ์อักษร”

รู้ตัวคนแคปรูปมาปล่อย ไม่อยากพูด แต่อย่าทำอีก

“ภาพหลุดน้องเป็นคนถ่ายเอง สตอรี่เอง นักเลงพอ แต่เฉพาะโคลสเฟรนด์นะ มีไม่กี่คนในนั้น (เราสืบได้?) รู้ แต่ไม่อยากพูดแล้วกัน แต่ไม่เป็นไรครับ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ใครที่ทำอะไรประหลาด ๆ ก็อย่าทำอีก มันอาจจะเป็นเรื่องที่คุณคิดว่าไม่ใหญ่ แต่บังเอิญว่าออกมาแล้วมันเป็นเรื่องที่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภาพลักษณ์ด้วย ก็อย่าทำกัน”

เส้นทางในการเติบโต ต้องใช้สติและสมอง

“ก็ยังดีที่รู้สึกตัวว่าเป็นคนดื้อ แล้วก็ซ้ำ ๆ ซาก ๆ อายุก็ไม่น้อยแล้ว ปีนี้ย่าง 24 แล้ว เพราะฉะนั้นเส้นทางในการเติบโต มันต้องใช้สติ ใช้สมอง ต้องรู้ว่าต้องเลือกอะไร เราอยากอยู่บนภัตตาคาร เลือกอาหารที่ดีที่สุด แต่เราก็ยังพยายามไปกินบุฟเฟต์มาก่อน เละเทะไปหมด ชีวิตมันจะไม่สมบูรณ์”

ลั่นเป็นศิลปินไม่แนะนำให้มีแฟน ถ้าอยากมีก็ต้องยอมรับเรื่องลดงานให้ได้

“ถ้าเป็นศิลปินผมไม่แนะนำให้มีครับ โดยปกติอย่างอิงฟ้า ชาล็อต สแน็ก ไผ่หลิว มีนา ผมไม่แนะนำให้มี คือถ้าจะมีก็ได้นะครับ เดินมาบอกดี ๆ แล้วเราก็ต้องลดงานลง เพราะเราไม่อยากให้ลูกค้าคาดหวัง เพราะลูกค้าจะคาดหวังเสมอว่า น้องจะต้องสดใส ร่าเริง เป็นโสด นี่คือโจทย์ของสินค้าทั่วไปอยู่แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์เป็นแบบนี้ ถ้าอยากทำงานกับคนหมู่มาก ต้องเสิร์ฟเขาในบริบทแบบนี้ ถ้าเลือกมีครอบครัว ก็ต้องไปถาม น้ำ พัชรพร แต่งงานเรียบร้อย อันนั้นคือเลือก เราก็ใส่ซองให้เรียบร้อย เลือกได้ครับ ใครว่าเลือกไม่ได้”

แจ้งให้ทราบคนที่จะมาสมัคร ถ้าได้มงฯ แล้วจะมีครอบครัวก็ลาออก อย่าจับปลาหลายมือ

“ก็ทุกคนครับ ถ้าได้มงฯ แล้วจะแต่งงาน ก็แต่งได้ เดินมาบอกดี ๆ เดี๋ยวใส่ซองให้ แล้วก็จะหยุดรับงานให้ เราจะวุ่นวายอะไรกับคนที่เขาจะไปมีครอบครัว คนที่มีครอบครัวผมว่าเขาต้องโฟกัสครอบครัว ใครจะมาวุ่นวายมากมายในชีวิตแบบนี้ ความรักมีได้เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าไปอ้างว่าผมเผด็จการ มันเป็นลักษณะเฉพาะที่เรารีเควส คุณต้องเข้าใจ ถ้าคุณจะทำเรื่องส่วนตัว จะลาออกได้ ไม่มีปัญหาเลย แต่อย่าจับปลาหลายมือ งานก็จะเอา ดังก็อยากดัง เงินก็อยากได้ จะมีแฟนอีก มันทำไม่ได้หรอกในชีวิตจริง ถามว่าปีหน้าต้องเพิ่มกฎนี้เข้าไปไหม ก็ไม่หรอกครับ ผมว่าพูดดกันก็น่าจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็พูดกันบ่อย ๆ หน่อย เอาเป็นว่าใครอยากเจริญเร็วก็ปฏิบัติมา อยากเจริญช้าก็พักไปก่อน”

‘LINE’ ยอมรับ!! ทำข้อมูลผู้ใช้ ‘รั่วไหล’ กว่า 3 แสนรายการ พร้อมดำเนินการปิดกั้นเรียบร้อย หลังถูกมือที่สามเจาะระบบ

เมื่อวานนี้ (27 พ.ย. 66) รายงานข่าวจาก LY Corporation บริษัทแม่ในญี่ปุ่นของ ‘ไลน์’ (LINE) เปิดเผยว่า บริษัทพบการเข้าถึงระบบภายในจากบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้มีการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้, พันธมิตรธุรกิจ, พนักงานและบุคลากรอื่น ๆ ซึ่งบริษัทได้ทำการบล็อกการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์จากภายนอกโดยระบบบริษัทในเครือ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเส้นทางที่เซิร์ฟเวอร์ถูกเข้าถึงได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับความเสียหายในระยะที่สอง รวมถึงการใช้ข้อมูลของผู้ใช้และพันธมิตรทางธุรกิจในทางที่ผิด แต่บริษัทจะดำเนินการสอบสวนต่อไปและดำเนินการทันทีหากจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เคร่งครัด

รายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องหนึ่งของพนักงานในบริษัทรับช่วงสัญญาในเครือของ NAVER Cloud Corporation ในเกาหลีใต้ และ LY Corporation ได้รับมัลแวร์ เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีการแลกเปลี่ยนระบบภายในองค์กรเพื่อจัดการข้อมูลของพนักงานและข้อมูลของบุคลากรอื่น ๆ ซึ่งจัดการโดยใช้ระบบการยืนยันตัวตนร่วมกัน ส่งผลให้มีการเข้าถึงเครือข่ายภายในของบริษัท LINE เดิมและบุคคลที่สามก็สามารถเข้าถึงระบบของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตผ่าน NAVER Cloud Corporation ในวันที่ 9 ต.ค. 2566

นอกจากนี้ บริษัทยังพบการเข้าถึงต้องสงสัยภายในระบบ ณ วันที่ 17 ต.ค. 2566 เช่นเดียวกัน และหลังจากได้วิเคราะห์เหตุการณ์แล้ว จึงได้ผลสรุปว่า ในวันที่ 27 ต.ค. 2566 มีความเป็นไปได้สูงที่มีการเข้าถึงระบบจากภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งบริษัทกำลังใช้มาตรการเพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด และป้องกันไม่ให้ข้อมูลแพร่กระจาย อีกทั้งบริษัทได้รายงานไปยังกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

>> รายละเอียดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ได้รับการยืนยันแล้วเป็นดังนี้

1. ข้อมูลผู้ใช้

- ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับผู้ใช้ จำนวน 302,569 รายการ (เป็นของผู้ใช้ญี่ปุ่น 129,894 รายการ)
- ข้อมูลผู้ใช้ประมาณ 49,751 รายการ (เป็นของผู้ใช้ญี่ปุ่น 15,454 รายการ) ได้แก่ ประวัติการใช้บริการที่เชื่อมโยงกับตัวระบุตัวตนภายในของผู้ใช้ LINE
- ในจำนวนทั้งหมดนี้ 22,239 รายการ เป็นข้อมูลความเป็นส่วนตัวด้านการสื่อสาร (เป็นของผู้ใช้ญี่ปุ่น 8,981 รายการ)
- รวมประมาณการ 3,573 รายการ (เป็นของผู้ใช้ญี่ปุ่น 31 รายการ)
- หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นไม่รวมข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือข้อความแชตในแอป LINE

2. ข้อมูลที่เกี่ยวกับพันธมิตรธุรกิจ

- ข้อมูลพันธมิตรธุรกิจ 86,105 รายการ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของพันธมิตรธุรกิจและผู้อื่น เช่น ที่อยู่อีเมลของพันธมิตรธุรกิจ เป็นต้น
- ที่อยู่อีเมลของพันธมิตรธุรกิจ 86,071 รายการ
- รายชื่อของพนักงาน LINE และพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงชื่อของบริษัทและแผนกต่าง ๆ, ที่อยู่, อีเมล 34 รายการ

3. ข้อมูลที่เกี่ยวกับพนักงานและบุคลากรอื่น ๆ

- ข้อมูลบุคลากรและพนักงาน เช่น ชื่อ, รหัสประจำตัวพนักงาน, ที่อยู่อีเมล 51,353 รายการ
- ข้อมูลบุคลากรและพนักงาน และข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการเอกสารที่มีการรั่วไหลทั้งหมด 6 รายการ
- ข้อมูลบุคลากรและพนักงานที่อยู่ในระบบการยืนยันตัวตนทั้งหมด 51,347 รายการ แบ่งเป็น LY Corporation 30,409 รายการ และ NAVER 20,938 รายการ

>> ไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้

- 9 ต.ค. 2566 : มีการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของ LY Corporation โดยไม่ได้รับอนุญาตผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทในเครือ
- 17 ต.ค. 2566 : ทีมงานรักษาความปลอดภัยของ LY Corporation ได้ตรวจพบการเข้าถึงในระบบที่ต้องสงสัยและทีมงานเริ่มทำงานตรวจสอบ
- 27 ต.ค. 2566 : มีการระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเข้าถึงจากภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต มีการรีเซ็ตรหัสผ่านของพนักงานที่อาจถูกใช้เพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาตและตัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ในระบบของบริษัทในเครือ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นทางที่สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ภายในบริษัท
- 28 ต.ค. 2566 : บังคับให้พนักงานเข้าสู่ระบบภายในของบริษัทอีกครั้ง
- 27 พ.ย. 2566 : ส่งแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ พนักงานและบุคคลอื่น ๆ

ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุด้วยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทได้บล็อกการเข้าถึงจากภายนอก และแจ้งเตือนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว รวมถึงในอนาคต LY Corporation วางแผนที่จะพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการการเข้าถึงของเครือข่ายในระบบและทำการแยกระบบยืนยันตัวตนข้อมูลพนักงานออกจาก NAVER Cloud Corporation ซึ่งได้ซิงโครไนซ์ภายใต้ระบบภายในของบริษัท LINE เดิม

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน 'ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture'

ประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่งไทยไปลอยกระทง ณ วัดอรุณราชวราราม ในงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยวธ.ร่วมมือภาครัฐ-เอกชน เน้นให้ประชาชน ร่วมสืบสานคุณค่าสาระประเพณีไทย พร้อมเตรียมเสนอยูเนสโกขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566 “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อม คณะทูตานุทูต ประเทศลาว สิงคโปร์ เกาหลี ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และอินโดนีเซีย พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมด้วย นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยกรุ๊ปฯ และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ ประธานสภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ภาคีเครือข่ายที่ร่วมงาน ซึ่งภายในงานมีประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่งชุดไทยมาเที่ยวงาน และร่วมลดขยะด้วยการลอยกระทงร่วมกัน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า งานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช ๒๕๖๖ “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” เป็นหนึ่งในโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่ ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่พี่น้องชาวไทยจะได้ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน ร่วมงานด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความภาคภูมิใจ เพราะเป็นประเพณีที่เต็มไปด้วยคุณค่า ความหมายที่จะสร้างสรรค์สังคม และชุมชนให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติที่มีคุณต่อมนุษย์นับแต่อดีตจนปัจจุบัน และความเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตที่งดงามของคนไทยที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา 

“งานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ปีนี้ เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเผยแพร่และสืบสานคุณค่าสารัตถะประเพณีลอยกระทง แล้ว ยังได้มีการจัดประกวดกระทงในประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ การจัดแสดงผลงานของเด็กและเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จากท้องถิ่นสู่เลอค่า การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์กรมศิลปากร การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรีลูกทุ่งจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ตลอดจนการสาธิตอาหารไทย ขนมโบราณ การสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนต่าง ๆ มาให้พวกเราได้สัมผัสในหลากหลายรูปแบบ ถือเป็นงานลอยกระทงที่งดงามเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม” นายเสริมศักดิ์ กล่าว

โดยนายเสริมศักดิ์ ประธานพิธีได้มอบรางวัลการประกวดกระทงประเภทสวยงามและสร้างสรรค์ จำนวน ๑๒ รางวัล และมอบรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก Local สู่เลอค่า รวมจำนวน ๘ รางวัล จากนั้น ประธานพิธีพร้อมคณะฯ ได้ร่วมลอยกระทงพร้อมกัน ณ บริเวณท่าน้ำ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จากนั้นได้รับชมการแสดงดนตรีออร์เคสตร้า “รุ่งอรุณ สู่ค่ำคืน” ผลงานเพลงที่รังสรรค์พิเศษเพื่องานลอยกระทง โดย สมเถา สุจริตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ประพันธ์เพลงร่วมสมัย)  พุทธศักราช ๒๕๖๕

นักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานลอยกระทง ณ วัดอรุณฯ ได้ชมและร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อาทิ การสาธิตการทำกระทงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสาธิตการทำอาหารและขนมโบราณ กิจกรรมลานอรุณ รักษ์ไทย by Thai Group  ได้ความรู้จากนิทรรศการเผยแพร่คุณค่าสาระความสำคัญของประเพณีลอยกระทง  ชมกระทงสวยงามและสร้างสรรค์ ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในงาน  ชมผลงานจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก local สู่เลอค่า และยังได้ชิมอาหารและขนมจากโครงการ “๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” 

ของกรุงเทพมหานครและพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ ข้าวตอกตั้ง แกงเหงาหงอด และชมชิมการสาธิตอาหารไทยโบราณ อาหารท้องถิ่น ได้แก่ หมูโสร่ง ขนมถุงเงินถุงทอง ขนมบัวลอย ดอกพิกุล ขนมต้มญวน เมี่ยงดอกบัว ขนมวงและขนมบัว ขนมกระทงทอง ขนมล่าเตียงไส้มะพร้าวกุ้ง ขนมพวงประทัด ขนมตระกูลทอง (ทองหยิบ ทองเอก ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน จ่ามงกุฏ สเน่ห์จันท์) น้ำสมุนไพร ขนมจีนน้ำยาเห็ด ขนมไข่ปลา ข้าวเหนียวมะม่วง และในช่วงดึกยังได้เพลิดเพลินกับการแสดงดนตรี โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร และปิดท้ายด้วยความบันเทิงการเพลงลูกทุ่งจากศิลปินนักร้องดาวรุ่ง นัน ไมค์ทองคำ และที่สำคัญยังได้ร่วมกันลดปริมาณขยะ ๑ ครอบครัว ๑ กระทง ลอยผ่านรางน้ำหรือสไลเดอร์ อย่างสะดวกปลอดภัย ณ บริเวณท่าน้ำวัดอรุณฯ จึงเป็นค่ำคืนที่สวยงามและประทับใจยิ่ง

นอกจากนี้ ในส่วนภูมิภาค กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยังสนับสนุนให้จังหวัดต่าง ๆ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีลอยกระทง คงอัตลักษณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่น เช่น งานเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย / งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1000 ดวง จังหวัดตาก / งานประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ / งานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม / งานประเพณีลอยกระทงที่ จังหวัดมหาสารคาม อุดรธานี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ เฟสบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และประชาสัมพันธ์จังหวัดของภูมิภาคต่าง ๆ

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับราษฎรชาวลาวในการทำคลอดฉุกเฉิน ข้ามฝั่งท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้รับแจ้งจาก ท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ว่ามีราษฎรชาวลาวเจ็บป่วยฉุกเฉิน ทราบชื่อ นางแหม่ม จันทะลัก อายุ 17 ปี ราษฎรบ้านท่าสะอาด เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว มีอาการปวดท้องใกล้คลอด จึงได้จัดกำลังพลเข้าให้การช่วยเหลือนำราษฎรหญิงชาวลาวใกล้คลอด ลงมาจากเรือแล้วนำขึ้นยังฝั่งท่าเรือฯ พร้อมกับประสาน รพ.บ้านแพง เพื่อนำหญิงใกล้คลอด นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพง จังหวัดนครพนม 

และเมื่อรถฉุกเฉินพร้อมบุคลากร โรงพยาบาลบ้านแพง มาถึง ปรากฎว่า ราษฎรหญิงชาวลาว ทนเจ็บท้องไม่ไหว หน่วยจึงได้อำนวยความสะดวกในการกันพื้นที่ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลบ้านแพง ได้ทำคลอดฉุกเฉิน ณ พื้นที่ บริเวณท่าเรือน้ำลึกอำเภอบ้านแพง ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม โดยการช่วยเหลือราษฎรชาวลาวในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรม ที่หน่วยได้ปฏิบัติด้วยดีตลอดมา และเพื่อรักษาและสืบสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างราษฎรทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง ให้คงอยู่สืบไป การทำคลอดฉุกเฉินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ราษฎรหญิงชาวลาว ได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก พร้อมน้ำส่ง โรงพยาบาลบ้านแพง เพื่อดูแลรักษาหลังการคลอดต่อไป มารดาและญาติของราษฎรหญิงชาวลาว มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก พร้อมขอบคุณที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 ให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี

‘Netflix’ จ่อฟ้องผู้กำกับ ‘Carl Rinsch’ หลังให้ทุนสร้างหนัง 400 ลบ. แต่เจ้าตัวกลับเอาเงินไป ‘ลงทุน-เทรดหุ้น’ จนเกือบหมดหน้าตัก!!

เมื่อไม่นานนี้ ‘Netflix’ ได้มอบเงินลงทุนเพิ่มแก่ ‘Carl Rinsch’ ผู้กำกับซีรีส์ไซไฟ ‘Conquest’ จำนวน 400 ล้านบาท แต่ Rinsch กลับนำเงินทั้งหมดไปลงทุนเทรดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ‘Gilead Sciences’ และ ‘S&P 500’ จนขาดทุนเกินกว่าครึ่งของเงินทุนที่ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม Rinsch ได้กำไรจากการลงทุน ‘Dogecoin’ กว่า 950 ล้านบาท

Carl Rinsch ผู้กำกับซีรีส์ไซไฟ ‘Conquest’ จากค่ายยักษ์ใหญ่ด้านการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ได้รับเงินลงทุนทำหนังมูลค่า 400 ล้านบาท แต่เขากลับสูญเสียเงินไปกว่า 200 ล้านบาท ในการเทรดหุ้นบริษัทยาและ S&P 500 จนทำให้ชาวเน็ตกล่าวว่า “Netflix มีหนังที่มี ‘พล็อตเรื่องที่ดี’ อยู่ในมือแล้ว!!” จากเหตุการณ์ในครั้งนี้

Carl Rinsch ได้ทำการฝากเงินจำนวน 371 ล้านบาท เข้าบัญชีซื้อขายส่วนตัว Charles Schwab และขาดทุนเกินครึ่งจากการเทรดหุ้น บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Gilead Sciences และ S&P 500

ย้อนกลับไปในปี 2018 แพลตฟอร์ม Netflix ได้ตัดสินใจซื้อซีรีส์ไซไฟ จาก Rinsch มาลงในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของตัวเอง และ Netflix ยังได้ให้เงินทุนในการสร้างซีรีส์แก่ผู้กำกับรายนี้กว่า 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020

ภายหลัง Carl Rinsch ยังเรียกร้องเงินเพิ่มอีกจำนวน 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก Netflix เนื่องจากมีปัญหาความล่าช้าในการถ่ายทำซีรีส์ ซึ่งรวมแล้ว Netflix ได้ให้เงินลงทุนในโครงการนี้ไปทั้งหมดมูลค่า 1.9 พันล้านบาท

แต่ Carl Rinsch ก็สูญเงินดังกล่าวไปอย่างรวดเร็วกว่า 200 ล้านบาท จากทุนเดิม 400 ล้านบาท ที่ได้รับมาไปกับการเทรดหุ้นบริษัทยา Gilead Sciences และ S&P 500

นอกจากนี้ เขาได้ยังลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยเลือกเหรียญมีมยอดนิยมอย่าง ‘Dogecoin’ โดยลงทุนไปจำนวน 141 ล้านบาท และสามารทำกำไรได้กว่า 950 ล้านบาท ทำให้ Netflix หยุดการลงทุนในโครงการนี้ และในขณะนี้ Netflix ก็กำลังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้องกับ Carl Rinsch

‘อินเดีย’ อ่วม!! เกิดเหตุฝนฟ้าคะนองรุนแรงผิดปกติ ทำให้ฟ้าผ่าชาวบ้านดับ 24 ศพ บาดเจ็บอีก 27 ราย

(28 พ.ย.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดฝนตกฟ้าคะนองรุนแรงแบบผิดปกติ ทั่วรัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย โดยมีรายงานว่าเกิดน้ำท่วม ลูกเห็บตกหนัก และมีฟ้าผ่าประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 24 ศพ นอกจากนี้ บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย และยังมีผู้บาดเจ็บจากฝนตกหนักแล้วอย่างน้อย 27 ราย

ทางด้านนักอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า อุณหภูมิพื้นดินและพื้นผิวทะเลที่สูงขึ้นทำให้เกิดพายุรุนแรงผิดปกติในรัฐคุชราต คาดว่าจะยังมีฝนตกหนักและพายุลูกเห็บอย่างต่อเนื่องอีกหลายวัน ในภาคตะวันตกของอินเดียในสัปดาห์นี้

‘ศุภชัย’ บิ๊กใหญ่ ‘ซีพี’ ชงพลิกโฉมการศึกษาไทย รับมือโลกยุค 5.0 หนุนเด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์ เสริมทักษะดิจิทัล-ภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 66 รายงานข่าวเผยว่า นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่อง ‘The Future of Education พลิกโฉมการศึกษาไทยเท่าทันอนาคต’ ภายในงาน ‘THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2023 FUTURE READY THAILAND’ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ นายศุภชัย ได้ฉายภาพรวมความท้าทายของโลกและเมกะเทรนด์ปี 2023 - 2030 โดยระบุว่า เด็กรุ่นใหม่ในยุคนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายของโลกในหลายด้าน ดังนั้น เราต้องปรับตัวให้ทัน และต้องให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลมากขึ้น เพราะเราหยุดความก้าวหน้าของโลกไม่ได้ แม้ว่าในตอนนี้โลกอยู่ในยุค 4.0 ซึ่งเป็นยุคของการเข้าถึงข้อมูลเป็นดั่งน้ำมันในอากาศ

เวลานี้กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค 5.0 ซึ่งเป็นยุคของการผสมผสานเทคโนโลยี AI และกรอบความคิดของคน รวมถึงหลักความยั่งยืนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และเป็นยุคที่ให้ความสำคัญในการเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลขั้นสูงให้กับคนในประเทศ

แต่ทั้งนี้ เมื่อมาดูผลสำรวจความสามารถทางทักษะดิจิทัล พบว่า เด็กไทยยังขาดทักษะดิจิทัลและภาษาอังกฤษที่ยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน และหากดูการจัดอันดับการแข่งขันในเวทีโลก GDP ไทยอยู่อันดับที่ 26 แต่ GDP/CAPITA อยู่อันดับที่ 84  ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของไทยในการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ รวมไปถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษาทำให้เด็กเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เพราะประสิทธิภาพของทรัพยากรมนุษย์ คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นายศุภชัย ได้เสนอแนะสิ่งที่จะพลิกโฉมการศึกษาไทยให้เท่าทันความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคตว่า ระบบการศึกษาไทยควรต้องปรับการเรียนรู้จาก 2.0 เป็น 5.0 เข็มทิศสำคัญคือการให้ความรัก ให้ความมั่นใจกับเด็ก เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง โดยบทบาทของครูจะต้องปรับเปลี่ยนจากผู้สอนไปเป็น ‘โค้ช’ หรือผู้นำกระบวนการเรียนรู้ (Facilitator) ต้องสอนให้เด็กเป็น ‘นักค้นคว้า’ มีกรอบความคิดใหม่ และเกิดการปรับตัวให้อยู่รอดในโลกที่ท้าทายตอนนี้ เพราะฉะนั้น การเรียนรู้จึงต้องปรับให้เด็กเกิดการตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ ลงมือทำร่วมกัน อภิปรายด้วยเหตุผล เพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนา โดยทุกโรงเรียนต้องปรับเป็น ‘Learning Center’

พร้อมกันนี้ได้เสนอโมเดล ‘Sustainable Intelligence Transformation’ (SI Transformation Model) ผ่าน 5 ฐานสำคัญในการเปลี่ยนระบบการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ประกอบด้วย

1.) Transparency โรงเรียนต้องมีตัวชี้วัด School Grading พร้อมตัวชี้วัดใหม่ที่มีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และต้องมีสมุดพกดิจิทัล วิเคราะห์และพัฒนาศักยภาพรายบุคคล

2.) Market Mechanism สร้างกลไกตลาดและวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมไปถึงการส่งเสริมสื่อคุณธรรม

3.) Leadership &Talents ไม่จำกัดวิทยฐานะผู้อำนวยการ สร้างผู้นำและบุคลากรที่มีทักษะ 5.0

4. Empowerment เน้นการเรียนผ่านการลงมือทำในแบบ Action Based Learning บนสามขาความยั่งยืนคือเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และควรต้องมี Computer Science เป็นวิชาหลักครอบคลุมดิจิทัลเทคกับเอไอ

5.) Technology เสนอให้นักเรียนทุกคนมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต พร้อมส่งเสริมการสร้างสตาร์ทอัพ และดันให้ประเทศไทยเป็นฮับด้านนวัตกรรม

“เด็กทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เพราะนั่นคือห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุด และต้องมีการส่งเสริมศักยภาพของคนรุ่นใหม่ เพื่อการพัฒนาประเทศให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้ การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน เป็นเรื่องใหญ่ หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงอนาคต เราต้องเปลี่ยนเจเนอเรชั่นถัดไป เพราะพวกเขาคือผู้ที่จะรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ และต้องสร้างทักษะดิจิทัลให้พวกเขามีศักยภาพในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างเท่าทัน” ซีอีโอเครือซีพี กล่าว

'หมอป่วยมะเร็งหนัก' ขอตั้งมั่นใช้เวลาที่เหลือถ่ายทอดความรู้แพทย์ เตือนผู้คน!! อย่าเครียด โหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดีๆ

(28 พ.ย. 66) นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู โดยหลังจากที่คุณหมอสมรส เคยออกมาเปิดเผยถึงการป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ไปแล้วนั้น 

ล่าสุดคุณหมอได้โพสต์อัปเดต ระบุว่า รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก จนผมร้องไห้

1.หลังผ่าตัดมะเร็งที่แพร่ไปต่อมน้ำเหลืองที่คอไม่ถึงสองสัปดาห์ ผมยังไปบรรยาย TMS ไปเข้าร่วมได้สามงาน ก็เข้าใจว่าตัวเองแข็งแรงพอสมควร จิตใจเข้มแข็งระดับนึง

2.แต่หลังจากกลืนแร่ไอโอดีนความเข้มข้นสูง 3 เท่าไปแค่วันเดียว มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลายรอบ ปวดมวนท้อง เจ็บจุกแน่นลิ้นปี่ แสบร้อนกลางอก ร้อนปลายเท้าปลายมือ ปวดจนลุกไม่ไหว คลื่นไส้ตลอดเวลา สงสัยเป็นหลอดอาหารอักเสบและกรดไหลย้อน (อาจจะของเดิม + หลังกลืนแร่ ร่างกายอ่อนแอ)

3.vdo call ไปหาพ่อ แม่ และพี่สาว ร้องไห้ให้สามคนนั้นเห็น เพราะกินอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้ำเปล่า อาเจียนตลอด ทรมานมาก ๆ เข้าใจคนไข้ได้เคโมเลย

4.บ่ายวันนั้นมีการ revise CPG (ทบทวนแนวทางการรักษาโรคของประเทศไทย) จำเป็นต้องฉีดยาและให้น้ำเกลือ จนพอที่ฝืนสังขารประชุมทั้งเช้าและบ่ายได้ หลังเสร็จก็นอนซมต่อ ต้องขอบพระคุณอาจารย์เจ้าของไข้ คุณหมอ resident และพี่พยาบาล ที่คอยช่วยดูแลครับ

5.หลังออกจากโรงพยาบาลอาการก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปรึกษาอาจารย์ทางเดินอาหาร GI Med และพี่ ๆ แนะนำควรกินยา 5 ตัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งชีวิตแทบไม่กินยาเกี่ยวกับทางเดินอาหารเลย แต่ทนไม่ไหวจริง ๆ ทรมานมาก

6.วันนี้ค่อย ๆ ดีขึ้นช้า ๆ จนสามารถพิมพ์โพสต์นี้ได้ด้วยตนเอง (ผมพิมพ์สัมผัส การพิมพ์ง่ายกว่าการพูด) ไม่อยากคุยกับใครเลยเพราะจุกแน่นหน้าอกตลอดเวลา

7.นึกภาพแต่ก่อนอาจารย์ทางเดินอาหาร GI med จะส่งคนไข้กรดไหลย้อนหรือกระเพาะอักเสบ GERD, dyspepsia, IBS มาให้ผมฝังเข็ม เสริมกับการกินยา ซึ่งก็สามารถช่วยคนไข้ได้หลายคน แต่ไม่คิดว่าวันนึงต้องมารักษาตัวเองเพราะอาการรุนแรงมากแบบเดียวกัน

ป่วยรอบนี้ ตกผลึกอะไรหลาย ๆ อย่าง 

8.ทางโลก ผมกำหนดเส้นตายไว้ 2 ปี จะถ่ายทอดความรู้และประสบกาณ์การทำ TMS ทั้งหมดที่ผ่านมา 11 ปี ที่เรียนมาจากยุโรปโดยตรง ให้อาจารย์ในโรงเรียนแพทย์เป็นหลักก่อน ให้ท่านทำวิจัยที่เห็นผลลัพธ์จริงอย่างชัดเจน จนนำไปสู่การทำวิจัยคุณภาพสูง เช่น double blinded randomized sham control trial บน paradigm ใหม่และ network neuroscience 

9.จะสนับสนุนให้งานวิจัยของคนไทย มากพอจนเพิ่ม TMS ลงใน CPG ของประเทศและโลกนี้ได้ 

มีหลาย ๆ โรคที่ผมไม่ได้ประชาสัมพันธ์หรือสอนเพราะมันซับซ้อน มีความเสี่ยงหากใช้ไม่เหมาะสม เป็นทักษะมือที่ไม่ใช่แค่อ่านงานวิจัยแล้วจะทำได้ผลดีปลอดภัย หรือไม่สามารถสอนในงานประชุมแค่ 2 วันได้ ต้องใช้เวลา 20 ชั่วโมงขึ้นไป จะสอน skill มือที่ไม่มีเขียนใน papers จะช่วย critic งานวิจัยต่าง ๆ ว่าเค้าไม่ได้บอกอะไรไว้บ้าง อีกอันที่อยากถ่ายทอดไว้คือ scientific acupuncture 

10.ทางธรรม ผมจะเพิ่มสัดส่วนทางธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2 ปี มีแนวโน้มจะตัดเรื่องทางโลกออก  90% อาจสร้างสถานปฏิบัติธรรมหรือวัดขึ้นมาเอง ให้สอดคล้องกับพุทธวจน พระไตรปิฎกและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ช่วยให้คนพ้นทุกข์ในอีกรูปแบบนึง

11.ด้วยความรู้ scientific buddhism ที่ลิงก์กับ neuroscience, astronomy, cosmology แต่ต้องปฏิบัติให้ตกผลึกให้รู้จริงก่อนที่จะไปสอนใคร ถ้าตัวเองละสังโยชน์ได้ 3 ข้อ ก็จะเผยแผ่คำสอนทั้งไทยทั้งอังกฤษไปทั้งโลก

12.จะปฏิเสธเยอะขึ้น ใน 2 ปีจากนี้ คนไข้กลุ่มไหนที่ทำให้ผมทุกข์มาก อธิบายเยอะแล้วก็ไม่เข้าใจแบบวิทยาศาสตร์ มีความเอาแต่ใจสูง ร่างกายผมคงรับไม่ไหว อาจจะต้องลดการรับเคสแบบนี้ลง 
หรือใครที่ร่วมงานกันแล้วทำให้ผมทุกข์มาก พยายามปรับตัวกันแล้วแต่ไม่ได้ ก็คงต้องลดการพบปะลง 
ตอนนี้ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงต้องปฏิเสธคนที่ไม่ใช่ออกให้มากที่สุด ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ ชีวิตผมเหลือน้อยแล้ว ผมอาจจะดีไม่พอสำหรับทุกคน ผมเหนื่อยกับการเป็นมะเร็งรอบที่สามแล้ว

13.จะสร้างองค์กรสร้างระบบให้ยั่งยืน ผมจะหาคนที่มีจริต มีศีลธรรม มี mindset และปัญญาเสมอกันมาช่วยกัน จะถ่ายทอดความรู้ทุกสกิลให้คุณหมอและทีมงานทั้งหมด สอนวิธีสร้างองค์ความรู้และ connection สายตรงจากยุโรป เพื่อให้ทุกคนในองค์กรได้พัฒนาตัวเองต่อไปแม้จะไม่มีผมแล้ว 

เดี่ยวจะพยายามหา CFO, CHRO, CMO, คุณหมอ นักกายภาพ ตัดต่อวิดีโอ Dogotal Platform เพื่อนร่วมงานหลายสาขามา ค่อย ๆ ร่วมทีมกันมากขึ้นในปีหน้า

14.สุดท้าย ขอบพระคุณอาจารย์ พยาบาล พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยดูแล สนับสนุน ให้คำปรึกษา ให้หนังสือ บางท่านส่งโปรตีนมาให้ทาน (ซึ่งช่วยได้มากเพราะกินอะไรไม่ได้เลย แล้วเป็นโปรตีนสำหรับคนไข้มะเร็งโดยตรง) บางคนจะมาช่วยบริหารงาน บางคนช่วยเรื่อง iT เรื่องสถิติเรื่อง Ai ผมซาบซึ้งทุกท่านจริง ๆ ขอบคุณคุณหมอและน้อง ๆ ในทีมที่ช่วยกันดูแลคนไข้ และขอบคุณคนไข้ที่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำถูกต้องอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับ 

รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก มากจนผมร้องไห้เลย 

นพ.สมรส #สู้ดิวะ #DrSomros

ปล. ไปทำประกันสุขภาพกันด้วยนะครับ จากใจคนไม่มีประกัน T _ T 

ปล 2. เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะครับ อย่าเครียดมาก อย่านอนดึก อย่าโหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดี ๆ จะได้ไม่ต้องมาทรมานแบบผมนะครับ

‘เศรษฐา’ ประกาศสางหนี้นอกระบบคนไทย 5 หมื่นล้าน ดอกห้ามเกินร้อยละ 15 ถ้าจ่ายเกินแล้วก็เลิกแล้วต่อกัน

(28 พ.ย. 66) ที่ตึกสันติไมตรี หลังใน ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าววาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยจำนวนมาก วันนี้เราจะเอาจริงเอาจัง ทำให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทย ในวันนี้เราได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน และฝ่ายตำรวจที่ช่วยกำกับดูแลบังคับใช้กฎหมาย จะมาทำงานร่วมกัน แก้ไขทั้งเรื่องหนี้ และมีเรื่องของความสัมพันธ์ในระดับชุมชนที่ละเอียดอ่อน นอกจากการแก้ไขหนี้แล้ว รัฐบาลก็จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนขึ้นไปถึงระดับมหภาค ยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบได้กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมอีกหลายประการ รัฐบาลได้ประเมินจำนวนครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งตนคิดว่าเลขนี้ น่าจะประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ และปัญหาจริงๆ น่าจะมีมากกว่านั้น คนที่ไม่ได้เป็นหนี้อาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ หนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ต้องเจอกับความเปราะบางที่เกิดขึ้นจากหนี้สิน ที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝัน หรือทำตามแพสชั่นได้ ปิดโอกาสการต่อยอดไปหลายอย่าง ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปยังทุกภาคส่วน สำหรับตน หนี้นอกระบบถือว่าเป็น Modern World Slavery เป็นการค้าทาสในยุคใหม่ที่ได้พรากอิสรภาพ ความฝัน ไปจากผู้คนในยุคสมัยนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหานี้เรื้อรัง และใหญ่ เกินกว่าที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง ในวันนี้รัฐบาลจึงต้องบูรณาการหลายภาคส่วนเข้ามาทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปอยู่ในวงจรหนี้สินนอกระบบอีก โดยภาครัฐจะรับบทบาทเป็นตัวกลางสำคัญในการไกล่เกลี่ยพร้อมกันทั้งหมด ดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงการปิดหนี้ การทำสัญญา ที่หลายครั้งไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม และกระบวนการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง ต้องจัดให้ทำสัญญาที่เป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย พูดง่ายๆ คือ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ภาครัฐจะต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน เพื่อทำให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ มีกำลังใจพอจะดำเนินชีวิต หาเงินมาปิดหนี้ให้ได้

นายกฯ กล่าวว่า ในความตั้งใจนี้ ตนได้สั่งการในช่วงต้นเดือน พ.ย. ให้ตำรวจและมหาดไทยไปทำการบ้านมา โดยทั้ง 2 หน่วยงานต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ให้ดีกว่าในอดีตที่เคยแยกกันทำพูดให้ชัดๆ คือ การแก้หนี้นอกระบบจะต้องทำด้วยกันแบบ End-to-end ต้องมีมาตรการต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในวงจรอีก และทั้งสองหน่วยงานจะต้องเข้าใจกระบวนการ ทำงานของกันและกัน ต้องทำให้กระบวนการทำงานไม่ซ้ำซ้อน มีขอบเขตหน้าที่ และความรับผิดชอบร่วมกัน ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีการทำฐานข้อมูลกลาง นำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความโปร่งใสตั้งแต่ต้นจนจบ มีการให้เลขตรวจสอบ (Tracking ID) ที่ประชาชนสามารถนำไปใช้ติดตามผลได้ มีวิธีการเข้าสู่กระบวนการหลายรูปแบบ เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน และต้องมีการสื่อสารกับประชาชนถึงความคืบหน้าต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา จะต้องมีกระบวนการถ่วงดุลระหว่างหน่วยงาน เพราะบางกรณีที่เจ้าหนี้หรือลูกหนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตนก็ขอให้ทุกส่วนทำงานอย่างตรงไปตรงมา เข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยให้ถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน ตนขอฝากให้ทั้งสองหน่วยงานทำงานอย่างมีเป้าหมาย มีเป้าประสงค์ (KPI) ร่วมกัน และกรอบเวลาที่ชัดเจน และตนจะติดตามดูผลอย่างใกล้ชิด

นายกฯ กล่าวว่า หลังจากขั้นตอนการไกล่เกลี่ยแล้ว รัฐบาลจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้ โดยกระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ทั้งการช่วยปรับระยะเวลา เงื่อนไข และ กระบวนการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถชดใช้หนี้ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เบียดบังการใช้ชีวิตจนทำให้พี่น้องท้อถอย แน่นอนว่ารัฐบาลก็จะระมัดระวังไม่สร้างภาวะอันตรายทางศีลธรรม ในมาตรการการช่วยเหลือทั้งหมด การแก้ไขหนี้ในวันนี้คงไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ที่จะทำให้หนี้นอกระบบไม่เกิดขึ้นอีก แต่ตนมั่นใจว่า ด้วยเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น จนไม่จำเป็นต้องก่อหนี้อีกในอนาคต และจะเพิ่มโอกาสให้พี่น้องประชาชนรายเล็ก รายย่อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้มากขึ้น นอกจากหนี้นอกระบบแล้ววันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีการแถลงเรื่องภาพรวมหนี้แบบครบวงจร ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบอีกครั้งนึง และตนจะทำให้โครงการนี้ช่วยปลดปล่อยพี่น้องประชาชนจากการเป็นทาสหนี้นอกระบบ ลืมชีวิตที่เคยลำบาก มีกำลัง มีแรงใจ ที่จะทำตามความฝัน นับจากนี้เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ จะมีหลักเกณฑ์เรื่องดอกเบี้ยอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ห้ามคิดเกินร้อยละ 15 ต่อปี และต้องดูว่าตั้งแต่เป็นหนี้ไปแล้วจ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่ หากจ่ายเกินไปแล้วก็ต้องยกเลิกต่อกัน

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการสำรวจอย่างจริงจังหรือไม่ว่า จำนวนหนี้นอกระบบมีเท่าไหร่ และมาตรการแก้หนี้นี้เหมือนทุกอย่างจะเป็นแบบเดิมที่เคยทำกันมาแล้ว จะทำอย่างไรไม่ให้มีปัญหาหนี้นอกระบบเช่นเดิมอีก นายเศรษฐา กล่าวว่า การแก้หนี้ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำแบบบูรณาการ ครั้งนี้ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายมั่นคง จะให้เจ้าหนี้มาเจรจา และกระทรวงการคลังที่จะเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังจะมีการแก้หนี้ในระบบด้วย ตรงนี้จะเป็นอีกส่วนที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ โดยจะมีการแถลงวันที่ 12 ธ.ค. เราจะนำการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและในระบบมาประสานกัน เพื่อทำให้ประชาชนกลับมาเป็นหนี้ยากขึ้น การจะไม่ให้เป็นหนี้เลยคงลำบาก แต่เราจะทำให้เป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด

เมื่อถามว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศมีเยอะ ผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอีลิท อาจไม่เห็นความชัดเจนของปัญหา นายเศรษฐา กล่าวว่า การที่เรามีวันนี้ คือ พูดคุยระหว่างฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง เชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่นำทุกภาคส่วนมาบูรณาการกัน ไม่ใช่ว่าเรามองไม่เห็น ถ้ามองไม่เห็นคงไม่มานั่งกันวันนี้ ยืนยันเรื่องนี้เราให้ความสำคัญ การยกระดับเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ นโยบายของรัฐบาลมีอีกหลายเรื่องที่จะทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น เราต้องเริ่มจากลดค่าใช้จ่ายก่อน ซึ่งตนทำแล้ว ทั้งลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร แต่เรื่องหนี้นอกระบบเราต้องแก้ไขอย่างจริงจัง วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในวันที่ 8 ธ.ค.จะมีการประชุมนายอำเภอและผู้กำกับทั่วประเทศ โดยจะให้นโยบาย มอบ KPI ติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง จะไม่เหมือนที่เคยทำกันมา

เมื่อถามว่า คนที่ปล่อยกู้นอกระบบส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล หากไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการการไกล่เกลี่ย จะดำเนินการอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลเราไม่ยอมรับผู้มีอิทธิพลนอกระบบ หรือเป็นมาเฟีย ตรงนี้ต้องจัดการไป บ้านเมืองมีกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยที่คิดไว้ต้องชัดเจน โดยเราจะเรียกทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้มาคุย 

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ขอยืนยันจะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาตินี้ ไปดำเนินการอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพต่อไป โดยเราจะใช้เครือข่ายและกลไกการทำงานที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ และใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนม และได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็ง ที่เราจะใช้ในการขับเคลื่อนภารกิจนี้ ที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น กระทรวงมหาดไทย ได้มีการดำเนินการผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและระดับอำเภอ โดยนายอำเภอจะมีบทบาทในฐานะประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ยร่วมกับพี่น้องประชาชนในนามคณะผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งนายอำเภอก็ได้ใช้อำนาจหน้าที่ดำเนินการให้คู่พิพาททำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ตามเงื่อนไขของหลักกฎหมาย

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับมาตรการล่าสุดของรัฐบาลนั้น จะเป็นการต่อยอดให้เราสามารถช่วยเหลือประชาชนในเชิงรุกได้มากขึ้นผ่านศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ทางกระทรวงมหาดไทยขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนถูกข่มขู่คุกคามหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมมาลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ในศาลากลางจังหวัดทุกแห่ง ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ในที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง และในส่วนของกรุงเทพมหานคร สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตทุกแห่ง เพื่อที่กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้แก่พี่น้องประชาชนเป็นรายๆ ไป เพราะแต่ละเคสก็มีความเฉพาะตัวที่ต่างกัน

นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งมีพฤติกรรมข่มขู่ใช้ความรุนแรง หรือเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น ทางฝ่ายปกครองจะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในส่วนนี้จะมีความสอดคล้องกับงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่กระทรวงมหาดไทยดำเนินการอยู่ด้วย เพราะหนึ่งในกลุ่มผู้มีอิทธิพลก็คือกลุ่มเจ้าหนี้นอกระบบด้วย ถือว่า Watch List ที่เรามีอยู่ ก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการจับตาพฤติกรรมกัน เชื่อว่าหลังการแถลงในวันนี้ ทุกฝ่ายคงร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และหากชุมชนช่วยกันสอดส่อง ตักเตือนให้ลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เราก็น่าจะไม่ต้องมีคดีความเพิ่มขึ้นมาก และจะโฟกัสกับการแก้ปัญหาหนี้สิน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ตั้งหลักได้ต่อไป 

ขณะที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สตช.รับผิดชอบบังคับใช้กฎหมาย เราเห็นความเดือดร้อนการท้วงโดยใช้ความรุนแรง โดยมีสายด่วน 1559 เพื่อรับแจ้งปัญหา มอบหมายให้ตำรวจตรวจตราพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อสำรวจข้อมูลผู้ประกอบการหนี้นอกระบบทั้งหมด โดยตั้งแต่ 1 ต.ค.2566 ถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 134 ราย ยึดของกลางมูลค่า 8 ล้านบาท ทั้งนี้ ผบ.ตร.พร้อมทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดการติดตามผลอย่างโปร่งใส 

ส่วน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลลูกหนี้นอกระบบ ภายหลังที่ปรับโครงสร้างหรือไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีธนาคารของรัฐดูแล อย่างธนาคารออมสิน และเรามีโครงการอยู่แล้วในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งจะให้กู้รายหนึ่งไม่เกิน 50,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี และอีกส่วน จะเป็นเรื่องของโครงการสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระรายย่อยเพื่อส่งเสริมอาชีพ ซึ่งนี่จะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาสูงสุด 8 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละราย นอกจากนี้ ทาง ธ.ก.ส.ก็มีโครงการเพื่อรองรับ หากใครจะนำที่ดินมาฝากขาย หรือติดจำนองที่เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ทาง ธ.ก.ส.จะมีวงเงินให้กับเกษตรกรต่อราย 2.5 ล้านบาท ในการแก้ไขเรื่องที่ดินทำกิน

"สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะดำเนินการให้ถูกกฎหมาย เรามีช่องทางให้ขออนุญาตเรื่อง pico finance ซึ่งมีผู้มาขออนุญาตแล้วพันกว่ารายทั่วประเทศ ซึ่งเรามีทุนจดทะเบียนให้ผู้ประกอบการแต่ละราย 5 ล้านบาท" นายกฤษฎา กล่าว

‘โฆษกอนาคตไกล’ ตอก!! ‘เจี๊ยบ’ ปมชื่อ-สีพรรคฯ ชี้!! ไม่เข้าใจ กม. แถมกินปลาน้อย สักแต่โพสต์เอามัน

(28 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 26 พ.ย. พรรคอนาคตไกล จัดประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1 เพื่อประชุมจัดตั้งและเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดแรก ต่อมา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ โดยระบุว่า ทั้งตั้งชื่อเหมือนรวม 2 พรรคอนาคตใหม่กับก้าวไกลไว้ด้วยกัน รวมทั้งยังเลือกใช้สีส้ม ไม่ทราบหวังผลอะไร?

ล่าสุด นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นางอมรัตน์ น่าจะกินปลาน้อยไปหน่อยและขาดความเข้าใจในกฎหมายพรรคการเมือง ควรอ่านเสียบ้าง ไม่ใช่โพสต์เอามัน เสียบรรยากาศในวันเพ็ญ เดือน 12 ประเพณีลอยกระทง ต้องสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ติดตามพรรคอนาคตไกลที่เพิ่งเปิดตัวและประชุมใหญ่ไปแล้ว ดังนี้ 

1.ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่ได้นำชื่อพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่มารวมกัน เพราะพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไปแล้ว ดูแล้วอาจไม่เป็นมงคล กฎหมายห้ามเหมือนหรือคล้ายคลึงชื่อพรรคที่ยุบไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี และชื่อพรรคก้าวไกล ของนางอมรัตน์ อาจเป็นพรรคก้าวสั้น เพราะมีกระแสร้อนแรงเพราะนโยบายแก้ ม.112 มีตัวแปรสูงเข้าข่ายถูกยุบพรรค ดังนั้น ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่เชื่อมโยง เอาทั้งสองพรรคตามที่เจี๊ยบ ก้าวไกล ยกขึ้นกล่าวอ้าง มโน คิดไปเองฝ่ายเดียว เป็นการคาดคะเน ไร้สมมติฐานและหลักฐานอ้างอิง ประกอบกับชื่อ ‘พรรคอนาคตไกล’ เป็นชื่อใหม่ ไม่ซ้ำกับพรรคการเมืองใด โดยไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคก้าวไกลได้ผูกขาดรายชื่อไม่ว่าตัวสะกดใด เมื่อฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบกับนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ไม่มีรายชื่อนี้ อยู่ในสารบบ และไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ สามารถจดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และด้วยความชอบธรรม

โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวต่อว่า 2.สำหรับเสื้อแขนยาวพรรคอนาคตไกล แตกต่างจากพรรคก้าวไกล  มีความแตกต่างหลายจุด มีความโดดเด่นกว่าก้าวไกลแน่นอน ทั้งคอเสื้อ แขนเสื้อ ขอบชายเสื้อและชื่อพรรคภาษาอังกฤษ โลโก้พรรค ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่า พรรคอนาคตไกลมีความโดดเด่นและจำได้ง่ายกว่า ทั้งไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ประกอบกับไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ใช้สีพรรคสีเสื้อต้องไม่เหมือนกัน การใช้สีส้มไม่ได้ผูกขาดเฉพาะพรรคก้าวไกล พรรคอนาคตไกล สามารถใช้สีส้ม สีแดง หรือสีอื่นๆ ได้ คุณเจี๊ยบ อมรัตน์ฯ หัดใจกว้างหน่อย อย่าใช้ฐานอคติที่ลำเอียง ประชาชนจะสับสน ไม่มีประเด็นใดที่หวังผลทางการเมือง รัฐบาลนี้ กำลังบริหารราชการแผ่นดินอยู่ ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง ไม่ต้องกลัวพรรคอนาคตไกล แต่จะมาแทนที่พรรคก้าวไกลให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ พรรคอนาคตไกลจึงสื่อสารมายังพี่น้องประชาชน ผู้รักความยุติธรรม ความเสมอภาคและ รักประชาธิปไตย ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคตไกล บนหลักพื้นฐานที่ว่า "อนาคตไกล อนาคตประเทศไทย ก้าวไกลไปกว่าเดิม"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top