Friday, 16 May 2025
TheStatesTimes

'alt.Eatery' เอาใจสายรักสุขภาพ จัดงาน 'Eat Play Live' ชูแนวคิด 'ใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน' ตอกย้ำ!! ไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต

(24 พ.ย. 66) อินโนบิก-แสนสิริ-NRF ชวนคนรุ่นใหม่รักสุขภาพ-รักษ์โลก ช้อปชิมในงาน ‘Eat Play Live’ ระหว่าง วันที่ 22 - 24 พ.ย. 66 ณ alt.Eatery คอมมูนิตี้อาหารแพลนท์เบสใจกลางเมืองย่านทองหล่อ พบกับร้านค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าแพลนท์เบสกว่า 1,000 รายการ และร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์กช็อปภายในงานมากมาย

เอ็นอาร์พีที (Nutra Regenerative Protein Co. Ltd : NRPT) บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (อินโนบิก) และบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด หรือ NR Instant Produce Public Company Limited (NRF) และแสนสิริ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของประเทศ จัดงาน ‘Eat Play Live’ ณ ร้าน alt.Eatery สุขุมวิท 51 ระหว่างวันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของทุกคน ‘Sustainable Living for Everyone’ โดยให้ความสำคัญ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ ความยั่งยืนด้านสุขภาพ (Sustainable Health) ความยั่งยืนด้านอาหาร (Sustainable Food) และความยั่งยืนด้านการอยู่อาศัย (Sustainable Living) 

โดยภายในงานพบกับกิจกรรมร่วมสนุกมากมาย อาทิ การแบ่งปันความรู้ด้านอาหารแพลนท์เบสโดยอินฟลูเอนเซอร์สายรักษ์โลกชื่อดังอย่าง Root The Future กิจกรรมเวิร์กช็อปการทำอาหาร พร้อมเพลิดเพลินกับสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากผู้ประกอบการไทยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า จากการเข้าสู่สังคมสูงวัย และเทรนด์การใส่ใจด้านสุขภาพของคนไทย NRPT บริษัทในกลุ่มอินโนบิก มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร เพื่อเป็นอาหารแห่งความยั่งยืนของโลก สนับสนุนวิถีการมีสุขภาพดีแบบคนยุคใหม่ ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรภายในประเทศปัจจุบัน 

ร้าน alt.Eatery เป็นแบรนด์หนึ่งภายใต้บริษัท NRPT โดยเป็นคอมมูนิตี้อาหารและผลิตภัณฑ์แพลนท์เบสใจกลางกรุงเทพฯ แห่งแรกบนพื้นที่ของแสนสิริ ให้บริการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับทุกคน ทุกวัย ทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ เน้นย้ำเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ของอินโนบิก ด้วยการประยุกต์การวิจัยและเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต เพิ่มโอกาสและช่องทางการจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในอนาคต 

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (NRF) และประธานกรรมการบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยของสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี ไม่เพียงเริ่มจากการทานอาหารและความเป็นอยู่ที่ดี แต่จะต้องดีอย่างยั่งยืน ซึ่ง NRF เป็นอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหารที่เล็งเห็นความสำคัญในการผลิตและดำเนินงานอย่างยั่งยืน แม้อุตสาหกรรมอาหารจะเป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมใหญ่ที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง ซึ่งนับเป็นจุดสำคัญอย่างยิ่งที่เราคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย นี่จึงเป็นที่มาในการพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซในกระบวนการผลิต การหาแนวทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคต้นน้ำ หรือการพัฒนาธุรกิจที่นำมาสู่ ‘อาหารโปรตีนทางเลือก’ เพราะเราเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันต่างหันมาให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ตระหนักรู้ต่อปัญหาโลกร้อนมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยโลก เพราะอาหารโปรตีนทางเลือกปล่อยคาร์บอนเพียง 10% เมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ 

ในส่วนร้าน alt.Eatery นับเป็นร้านอาหารที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมสร้างและพัฒนาอย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตรที่ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน โดยร้าน alt.Eatery เป็นร้าน แพลนท์เบสที่ตั้งอยู่บนพื้นที่แสนสิริ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การทานอาหารที่ยั่งยืน สนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นที่ดีและมีคุณภาพ รังสรรค์เมนูอาหารที่น่ารับประทานรองรับผู้บริโภคทุกกลุ่มวัย ด้วยฝีมือเชฟชื่อดัง นอกจากนี้นับเป็นแลนด์มาร์กที่เพียบพร้อมทั้งอาหารจานหลัก ขนม เครื่องดื่ม และโซนจำหน่ายสินค้าแพลนท์เบสอีกด้วย

นายสมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกในไทยที่มุ่งมั่นสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนภายใต้พันธกิจ Sansiri Sustainability รวมถึงรายแรกที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น ‘ศูนย์’ (Net-Zero) ภายในปี 2050 วางเป้าหมายพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลก คำนึงถึงลูกค้า และสังคมเป็นสำคัญ โดยทำให้ความยั่งยืนนั้นเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและไลฟ์สไตล์ของทุกคน 

จากเทรนด์ของความยั่งยืนด้านการอยู่อาศัย แสนสิริเล็งเห็นถึงความสำคัญของการออกแบบ และนำมาปรับใช้กับการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน โดยล่าสุดได้พัฒนาบ้านประหยัดพลังงาน ผ่านแนวคิด Green Living Designed Home ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืน และตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ Well-Being มากขึ้น และที่ alt.Eatery แสนสิริ ได้ตอกย้ำวิสัยทัศน์ความยั่งยืน โดยผลักดันให้เป็นคอมมูนิตี้สีเขียวอย่างครบวงจร ทั้งการส่งเสริมแยกขยะต้นทางให้เกิดประโยชน์กับโครงการ Waste to WORTH: แยกไม่ยาก รวมถึงชวนพันธมิตรพลังงานสะอาดร่วมติดตั้งสถานีชาร์จรถ และติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อทดแทนการใช้ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ซึ่งเราหวังว่า alt.Eatery จะเป็นคอมมูนิตี้ต้นแบบที่เป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ร่วมกันขับเคลื่อนในการพัฒนาต่อไป”

รองผู้บัญชาการทหารเรือติดตามความก้าวหน้างานจัดซื้อจัดจ้างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพล

กองทัพเรือและครอบครัวในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ภายใต้กรอบงานคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินส่วนแบ่งรายได้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก 

วันที่ 22 พ.ย.66 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองประธานกรรมการบริหารกองทุนเงินส่วนแบ่งรายได้โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (กบรอ.) และคณะ เดินทางตรวจความก้าวหน้างานจัดซื้อจัดจ้างของ กบรอ. (งบประมาณปี ๖๖) โดยรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินการ ณ ห้องประชุมสโมสรสัญญาบัตรกองเรือยุทธการ และติดตามความก้าวหน้าตามแผนงานของหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ ในภาพรวมของการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างฯ มีความก้าวหน้าตามแผนงาน ประกอบด้วย
กองเรือยุทธการ - การซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารพักสัญญาบัตร ขนาด ๑๖ ห้อง และปรับปรุงห้องเรียน โรงเรียนสัตหีบ สาขากองเรือยุทธการ
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน - การปรับปรุงห้องเรียน โรงเรียนโยธินบูรณะ ให้เป็น E - Learning
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง - การซ่อมแซมอาคารเรือนแถวประทวน จำนวน ๑๐ ครอบครัว
ฐานทัพเรือสัตหีบ - การปรับปรุงห้องเรียน โรงเรียนสัตหีบ สาขาฐานทัพเรือสัตหีบ
กองการบินทหารเรือ - การซ่อมแซมเรือนแถวประทวน จำนวน ๒ แถว
อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ - การซ่อมแซมอาคารพักสัญญาบัตร จำนวน ๑ อาคาร

ในการนี้รองผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำหน่วยต่างๆ ให้เร่งรัดติดตามการดำเนินการให้ถูกต้องตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตรวจรับพัสดุ ครุภัณฑ์ให้ถูกต้องได้มาตรฐานตามสัญญา ตรวจรับงานซ่อมทำให้เรียบร้อย ได้คุณภาพ  และให้สามารถเบิกจ่ายเป็นไปตามแผนงาน  ซึ่งการใช้งบประมาณในส่วนนี้ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นอกเหนือจากงบประมาณปกติที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพลกองทัพเรือ และครอบครัว รวมท้ังสถานศึกษาในพื้นที่สัตหีบ ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น 

เป็นไปตามเจตนารมย์ของผู้บัญชาการทหารเรือในการเร่งรัดติดตามการใช้งบประมาณที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของกำลังพลกองทัพเรือ และครอบครัวให้ดีขึ้น บนพื้นฐานของการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง และรวดเร็ว

#เทิดทูนสถาบัน_ยึดมั่นระเบียบวินัย_ประชาชนภูมิใจ_ทะเลไทยมั่นคง
#Fitforthefuture

‘หลวงพ่อพัฒน์’ พระเกจิดัง วัดห้วยด้วน จ.นครสวรรค์ มรณภาพแล้ว สิริอายุ 101 ปี บวช 77 พรรษา

(24 พ.ย. 66) แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักงานพระราชมงคลวัชราจารย์’ แจ้งประกาศจากวัดธารทหาร หรือ ‘วัดห้วยด้วน’ เรื่อง การมรณภาพของพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ ‘หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม’ ว่า…

“ท่านเจ้าคุณพระราชมงคลวัชราจารย์ อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดธารทหาร ได้ถึงแก่มรณภาพ ในวันนี้ วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 01.35 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ด้วยอาการอันสงบ”

สำหรับหลวงพ่อพัฒน์ ท่านเกิด 12 พ.ค.2465 สิริอายุ 101 ปี บวช 77 พรรษา เป็นพระเกจิอาจารย์ ชาว จ.นครสวรรค์ ส่วนใหญ่ จะรู้จักท่านเรื่องการสร้างวัตถุมงคล เช่น การสร้างเหรียญต่างๆ ของหลวงพ่อพัฒน์ ซึ่งที่ผ่านมาจะอนุญาตให้ดำเนินการ ด้วย เจตนาอันเป็นกุศล เพื่อนำปัจจัยรายได้มาร่วมกันสร้างสาธารณสมบัติให้กับประชาชน ประกอบด้วย การบูรณะวัดธารทหาร การก่อสร้างโรงพยาบาล การนำเงินไปช่วยพัฒนาบูรณะวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ และการให้ทุนการศึกษาแก่เด็ก

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2564 หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน ถูกกลุ่ม ไวยาวัจกรวัด ทุจริตเงินวัดกว่า 60 ล้านบาท จนเกิดเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินวัด ที่ไม่โปร่งใส ทำให้คณะศิษย์ เข้าแจ้งความกองปราบปราม จนกระทั่งสามารถติดตามเงินมาคืนได้ ส่วนกลุ่มไวยาวัจกรวัด ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายฉ้อโกง

‘Microsoft’ เล็งใช้ไทยเป็น ‘ฮับ AI’ ในภูมิภาคเอเชีย ‘ตั้งศูนย์ฯ AI - พัฒนาระบบคลาวด์’ พาไทยโบยบินด้วยดิจิทัล AI

(24 พ.ย.66) นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการพบหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้บริหารบริษัทภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ หลายบริษัท ระหว่างการเยือนนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2566 

โดยในส่วนของบริษัท Microsoft ประเทศไทย วางแผนที่ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภูมิภาคเอเชีย โดยจะจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI และพัฒนาข้อมูลระบบคลาวด์ภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลไทย และบริษัท Microsoft ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล AI 

โดยบริษัท Microsoft เห็นว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น 1 ในศูนย์กลาง AI ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็พร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ภายในปี พ.ศ. 2568 ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ทั้งหมดของ Microsoft ทั่วโลกจะใช้พลังงานหมุนเวียน 

‘ปตท.’ ส่ง ‘GML’ จับมือ ‘อ.ต.ก.’ ผลักดันสินค้าเกษตรไทย ขยายตลาดส่งออกผ่านระบบทางราง นำร่องเส้นทางไทย-จีน

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด (GML) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านระบบการขนส่งทางราง มุ่งสร้างเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถเข้าสู่ตลาดการค้าต่างประเทศ โดยมี นายพีรพันธ์ คอทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประธานกรรมการ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และนายชาญศักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และนายไกรยสิทธิ์ อินทรพาณิชย์ รักษาการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด เป็นผู้ลงนาม

นายไกรยสิทธิ์ อินทรพาณิชย์ เปิดเผยว่า GML ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร เชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งของประเทศไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกจากประเทศไทย 

ปัจจุบัน GML ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการขนส่งสินค้าไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาชนลาว กัมพูชา สำหรับความร่วมมือนี้ GML และ อ.ต.ก. จะนำศักยภาพของทั้ง 2 องค์กรมาสนับสนุนการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย ผ่านระบบขนส่งทางรางไปยังประเทศเป้าหมาย โดย GML จะบริหารจัดการระบบการขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ และอ.ต.ก. จะเป็นผู้จัดหาสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกและกระจายสินค้าของประเทศไทยสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน สหพันธรัฐรัสเซีย รวมทั้งประเทศในกลุ่มยุโรป เอเชียกลาง และตะวันออกกลาง

นายปณิธาน มีไชยโย เปิดเผยว่า จากความร่วมมือกันระหว่าง อ.ต.ก. และ GML ที่ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น โดยจะดำเนินการส่งสินค้าเกษตรผ่านระบบการขนส่งทางรถไฟไทย-จีน ซึ่งสอดรับกับโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ One Belt One Road (OBOR) หรือ แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบกของจีน ที่ผลักดันการเชื่อมโยงและเส้นทางการค้าระหว่างประเทศสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก 

สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการขยายตลาดสินค้าเกษตรในต่างประเทศ ซึ่ง อ.ต.ก. เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตร และพร้อมที่จะผลักดันนโยบายดังกล่าว สร้างโอกาสในการจำหน่ายให้แก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเกษตรไทยสามารถเข้าสู่ตลาดการค้าต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเส้นทางการค้าทางรถไฟจากประเทศไทยสู่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะผลไม้ไทย อาทิ ทุเรียน กล้วยไข่ มังคุด และ ส้มโอ ซึ่งมีปริมาณการนำเข้า ไม่น้อยกว่า 20,000 ตัน/ปี โดย อ.ต.ก. จะดำเนินการจัดส่งข้าวหอมมะลิ ลำไยสด ลำไยอบแห้ง นำร่องไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านการขนส่งทางราง

MASTER ไขความลับ!! ปั้นธุรกิจสู่แนวหน้าศัลยกรรมความงามเมืองไทย ชู!! 'สวย-หล่อ' ไม่ตามปกคนดัง แต่ดูปังในแบบตัวเองจนใครก็ต้องมอง

จากรายการ THE TOMORROW ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 25 พ.ย.66 ได้พูดคุยกับ คุณลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย เปิดเผยถึง อุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทย ระบุว่า...

ปัจจุบันอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3%-3.6% (YoY) ทยอยกลับมาฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย 

แต่มูลค่าดังกล่าวยังไม่กลับไปเท่าก่อนโควิด-19 และตัวเลขการเติบโตในภาพรวม อาจไม่ได้สะท้อนผลประกอบการที่ดีขึ้นของผู้ประกอบการทุกราย ขึ้นอยู่กับการตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งในเรื่องของค่าบริการ รสนิยม คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ รวมถึงผลลัพธ์หรือความพึงพอใจในผลงานของแพทย์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ผู้บริโภคมีต่อการเลือกใช้บริการธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามที่แตกต่างกันออกไป (ข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลกสิกรไทย)

ทั้งนี้จากภาพทั่วโลกคาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตที่ประมาณ 13.2% ในช่วงปี 2024-2032 เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านศัลยกรรมความงาม และมาตรฐานของอุตสาหกรรมดังกล่าวในระดับสูง คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของตลาดในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

กลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงด้านศัลยกรรมความงามของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในเอเชียไทยเป็นรองแค่เพียงประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น โดยมีปัจจัยเอื้อคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์และความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโซเชียลมีเดีย ทุกคนจึงสามารถเข้าถึงการทําศัลยกรรมความงามได้มากขึ้น (หมายเหตุ: ตลาดศัลยกรรมความของเกาหลีใต้มีมูลค่า 1.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากอิทธิพลของคนดังและมาตรฐาน K-beauty ที่สูง ตลาดคาดว่าจะเห็นการเติบโตต่อไปในช่วงคาดการณ์ของปี 2024-2032 โดยเติบโตที่อัตราการเติบโตประจำปีแบบทบต้น (CAGR)13.2%)

คุณลภัสรดา กล่าวอีกว่า จากสถิติมีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหัตถการที่โดดเด่นสองถึงสามอย่าง ได้แก่ การดึงหน้า ยกคิ้ว การทำตาสองชั้น การผ่าตัดปรับโครงสร้างหน้า ยุบโหนก ตัดกราม การเสริมจมูกโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างจมูกโอเพน

"ที่ผ่านมา MASTER ได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามในเมืองไทย ด้วยการวางมาตรฐานใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมแพทย์ หรือการทำราคาเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าที่ติดต่อผ่านมาทางช่องทางใดก็ตาม การปฏิวัติดังกล่าวส่งผลกระทบต่อวงการอุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ กระตุ้นให้ผู้คนจํานวนมากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเลือกทําศัลยกรรมความงามที่เมืองไทยเพื่อเพิ่มความงามของพวกเขา"

เมื่อถามถึงเทรนด์ในปีหน้า? คุณลภัสรดา เผยว่า จากข้อมูลของ Mintel บริษัทวิจัยระดับโลก ได้รายงานแนวโน้มข้อมูลเชิงลึกถึงเทรนด์ที่เริ่มส่งผลต่ออุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม และก้าวต่อไปในปี 2024 โดยเทรนด์แรกที่ Mintel ระบุไว้คือ NeuroGlow (กายงามใจฟู / ใจสุขกายฉ่ำ)

"ช่วงชีวิตต่อไปของสุขภาพที่ดี จะเป็นความงามด้านคุณค่าทางจิตใจและร่างกาย ซึ่งทั้งภายในและภายนอกมีความเชื่อมโยงถึงกัน นวัตกรรมนี้ได้ถูกใช้ประโยชน์แล้ว สำหรับกลุ่มความงาม และอาหารเสริม ที่มุ่งเน้นให้ทั้งคุณประโยชน์ด้านความงามและความรู้สึกดีเพิ่มขึ้น โดยความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพจิตที่ดี การมีสุขภาพกายที่ดี สภาวะของจิตใจส่งผลโดยตรงต่อสภาพผิวพรรณ ความงาม ซึ่งบริการของมาสเตอร์ เป็นมากกว่าแค่การทำหัตถการ เราต้องการให้ลูกค้าสัมผัสได้ว่า บริการของเราสามารถสร้างประสบการณ์ ความสุข ความภูมิใจ และปลอดภัย สุขภาพดี"

คุณลภัสรดา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความงาม x ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเปลี่ยนอุตสาหกรรมความงาม โดยทำให้มีอัตลักษณ์เฉพาะบุคคล และมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมากขึ้น ทั้งในแง่นวัตกรรมเทคโนโลยี และข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก ความรู้และทักษะจะก้าวกระโดดไปพร้อมกัน

"ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เครื่องสร้างความเป็นจริงเสมือน (VR) และเครื่องสร้างความเป็นจริงเสริม (AR) เป็นตัวสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล พร้อมติดตามชี้วัดความเป็นอยู่ว่าดีจริงหรือไม่ และให้คำปรึกษาด้วยการวิเคราะห์แนวทางการมีสุขภาพที่ดีแบบเสมือนจริง ซึ่งตรงนี้จะเกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมสุขภาพ การติดตามการรักษา การดูแลผู้ป่วย และผู้สูงอายุ"

ทั้งนี้เมื่อถามถึงความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ศัลยกรรมความงามที่อยากให้ผู้คนจดจำมากที่สุด? คุณลภัสรดา กล่าวว่า MASTER 'เรา' ไม่ได้มาเปลี่ยนใครให้กลายเป็นคนอื่น เพราะสิ่งที่เรายึดมั่นเสมอคือ Be a Better You หรือ เป็นเราในแบบที่ดีกว่าเดิม ฉะนั้นการมาทำศัลยกรรมที่ รพ.มาสเตอร์พีช ลูกค้าก็จะยังคงเป็นตัวเองในนเวอร์ชันที่ดีที่สุด

เหตุผลเพราะเราต้องการช่วยให้เกิด…

1. ความพอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น เสริม / ลด หรือ แก้ไข ปรับสภาพ ทุกอย่างจะมุ่งเน้นไปสู่ความไม่ใหญ่โต หรือแปลกแตกต่างจากธรรมชาติ เช่น การเสริมจมูกก็จะไม่แปลกแตกต่างจากโครงของเชื้อชาติกำเนิด หรือมากจนน่าตกใจ เสริมหน้าอกในความพอดี เหมาะกับสัดส่วนร่างกาย หรือแม้แต่การเสริมขนาดน้องชายด้วยฟิลเลอร์ของคนเอเชีย ก็พิจารณาให้พอเหมาะพอดีกับคู่ชีวิต หรือการปลูกผม คิ้ว หนวด เครา ก็ให้เหมาะกับลุคส์ เหมาะกับตัวตน และวิถีชีวิต

2. ความงามเฉพาะบุคคล ปรับให้เหมาะกับคนนั้น เพราะหมดยุคของการนำรูปมาปรึกษา แล้วบอกว่า เอาแบบนี้ เราต้องการเป็นอย่างเขา ศิลปิน คนดัง คนนั้นคนนี้ เพราะท้ายสุดความเข้าใจในสัดส่วน สรีระ โครงสร้างใบหน้า ร่างกาย เฉพาะบุคคลเป็นสิ่งสำคัญกว่า จะเป็นไปตามหลักสมดุล ของทั้งตัวผู้รับบริการ และเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อเคสนั้น ๆ เท่านั้น เราจะไม่มี นางสาวเอ สิบคน นางสาวบี ยี่สิบคน แต่จะมี นางสาวเราคนนี้คนเดียว สวยเหมือนกัน แต่ไม่ซ้ำกัน

3. ความยั่งยืนของโลกศัลยกรรมความงาม ต้องมาจากความคุ้มค่า มาตรฐานและความปลอดภัย เพราะเราพบข่าวเศร้าและสะท้อนสังคมบ่อยครั้ง จากการรับบริการการศัลยกรรมความงามในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่ปลอดภัย โลกอุตสาหกรรมอื่น ๆ เชิงกายภาพ อาจลดการใช้ ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ สำหรับโลกธุรกิจบริการ คือการทำให้คุ้มค่า ซื้อเท่านี้ ได้เกินคุ้ม เกินคุ้มคือ ได้ของดี น่าพอใจ ไม่ต้องแก้

"เพราะทุก ๆ การแก้ศัลยกรรมมีค่าใช้จ่ายไม่แพ้กับการทำศัลยกรรม หรืออาจสูงกว่ามากหากอาการหนัก ฉะนั้นแล้วสังคมและผู้บริโภคจึงเริ่มตระหนักในข้อนี้ แต่ต้องไม่ตระหนก" คุณลภัสรดา ทิ้งท้าย

ผบ.ตร.เปิดการอบรมสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล (Stronger Together) ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่องจิตอาสา และการป้องกันตัวจากเหตุกราดยิง

วันนี้ (24 พ.ย.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการอบรมผู้นำประชาชน ตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล (Stronger Together) ของตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย  พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมคณะ ณ อาคารกีฬาศูนย์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้เข้าอบรมจำนวน 1,900 คน เป็นผู้แทนของประชาชนในพื้นที่ตําบลต่างๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตํารวจในสังกัด 38 สถานี สถานีตํารวจละ 50 คน ใช้เวลาในการอบรมรุ่นละ 1 วัน จํานวน 3 รุ่น ในวันนี้เป็นการอบรม รุ่นที่ 3

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลในการดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม Stronger Together” มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหาชุมชน สังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรม
และการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน

การอบรมในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านคือผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะสรรค์สร้างประโยชน์ให้แก่สังคม ชุมชน ท้องถิ่นที่ท่านอาศัยอยู่ จึงขอให้ทุกท่านได้ภาคภูมิใจ และร่วมกันขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สร้างชุมชนและสังคมให้เติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน เชื่อมั่นว่าจะสามารถเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขความเดือดร้อนของสังคมได้ตรงกับความต้องการ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ การสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ แก่ผู้เข้าร่วมอบรมจากนั้น ผบ.ตร.บรรยายให้ความรู้ในเรื่องการเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (Active Shooter) หนี ซ่อน สู้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเอาตัวรอดจากเหตุดังกล่าวด้วย

จากนั้นเป็นการบรรยายพิเศษจาก พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรื่อง การสร้างเครือข่ายพลังแผ่นดิน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของบ้านเมือง และการมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ (การก่อเกิด การพัฒนา การรักษา การคงอยู่) , และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ บรรยายในหัวข้อ การปฏิบัติงานของตำรวจในยุคปัจจุบัน รายการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้ด้วย

‘จีน’ เปิดม่าน ‘มหกรรมการค้านานาชาติ’ ปี 2023 ที่เทียนจิน รวมสินค้านานาชาติ หนุนการลงทุน-แลกเปลี่ยนความรู้ทางธุรกิจ

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, เทียนจิน รายงานว่า งานมหกรรมการลงทุนและการค้านานาชาติ (เทียนจิน) แห่งประเทศจีน และงานมหกรรมสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในภาคพื้นแปซิฟิก (PECC Expo) ประจำปี 2023 ที่ได้เริ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (23 พ.ย.) ที่ผ่านมา ณ เทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นการบริโภค

งานมหกรรมฯ รวบรวมผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ซึ่งรวมถึงอาหาร ไวน์ เครื่องสำอาง ของเล่น และงานฝีมือจากนานาประเทศ อาทิ รัสเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย พร้อมด้วยบูธสินค้านานาชาติ 1,500 บูธ กระจายอยู่บนพื้นที่จัดแสดง 50,000 ตารางเมตร

งานมหกรรมฯ ระยะเวลา 4 วัน แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การเจรจาการลงทุน การค้าสินค้าโภคภัณฑ์ และการแลกเปลี่ยนบุคลากร โดยจะมีการจัดงานเกี่ยวกับการประชุมและการลงนามสัญญาต่างๆ

ทั้งนี้ งานมหกรรมการค้าเทียนจินดังกล่าว เริ่มจัดขึ้นเมื่อปี 1994 และตั้งแต่ปี 2011 ได้ถูกจัดร่วมกับงานมหกรรมสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจฯ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติรอบด้าน ที่ได้รับอนุญาตจากสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภาคพื้นแปซิฟิก และกำลังกลายเป็นงานมหกรรมการค้าที่ทรงอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ทางตอนเหนือของจีน

‘กองเชียร์เพื่อไทย’ อึ้ง!! สส.ก้าวไกลตั้ง ‘เมีย-ผัว-พ่อ’ เป็นผู้ช่วย สส. ย้อน!! คราวคนอื่นทำโดนด่ายับ แต่พอเป็นก้าวไกล บอก “เข้าใจได้”

(24 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ปีใหม่ ปีใหม่’ ซึ่งเป็นแฟนคลับพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความตอบโต้พรรคก้าวไกล กรณีแต่งตั้งคนในครอบครัวเป็นผู้ช่วย สส. ระบุว่า

ตอนหมอชลน่านแต่งตั้งภรรยาเป็นที่ปรึกษา รมว. สาธารณสุข วิจารณ์กันกระจุยกระจาย ไม่ต่างอะไรจาก ‘สภาผัวเมีย’ ที่เคยด่า สว. และ รัฐบาลประยุทธ์

พอทราบประวัติการทำงานว่า พญ.นวลสกุล เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้ริเริ่มวางรากฐานระบบเครือข่ายพยาบาลประชาสัมพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534

การได้รับการแต่งตั้งจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นคณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ด้านการสื่อสารสาธารณสุข แบบไม่มีเงินเดือน และ ไม่ใช่ ข้าราชการการเมือง เรื่องจึงสงบไป

แต่พอ สส.เท่าภิภพ แต่งตั้งพ่อตัวเองเป็นที่ปรึกษา สส. ก้าวไกลจันทบุรีแต่งตั้งสามีตัวเองเป็นที่ปรึกษา และ ล่าสุด สส. จิรัฎฐ์ (ฉายา สส. วนพวงหรีด) ให้ภรรยาลาออกจากงานประจำมาทำหน้าที่ที่ปรึกษาตัวเองกินเงินเดือนจากภาษี 15,000 บาท ด้วยเหตุผลต้องการคนที่ไว้วางใจได้ FC พากันอุทาน "เข้าใจได้"

ลองย้อนอ่านด้านบน ก็เกิดคำถามตามมา แล้วคนอย่างหมอชลน่าน คนอย่าง สว. คนอย่างรัฐบาลประยุทธ์ เขาคิดและต้องการความไว้วางใจได้แบบ สส. ก้าวไกล บ้างไม่ได้เหรอคะ?

วัน ๆ มีแต่เรื่องจุกจิกหยุมหยิม จ้องแต่จะหาเรื่องกัน เอาชนะกัน แล้วเราจะพัฒนาประเทศได้ยังไง?

กรุ๊ปไกด์จอร์เจีย ตีแผ่!! นทท.ไทย เริ่มโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ หวั่น!! แอบหนีเข้าไปทำงาน พร้อมเผย 'จอร์เจีย' ไม่น่าเที่ยวเหมือนเก่า

(24 พ.ย.66) แหล่งข่าวจากไกด์ท่านหนึ่งในจอร์เจีย ได้เปิดเผยว่า เริ่มมีดรามาในกรุ๊ปจอร์เจีย เหตุเกิดจากนักท่องเที่ยวโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ 

นั่นก็เพราะคนไทยหนีเข้าไปทำงานแบบผิดกฎหมายกันเป็นจำนวนมาก ช่วงนี้เลยโดนเพ่งเล็ง โดยส่วนใหญ่คนที่โดน จะพบเหตุผลเหมือนกันคือ แลกเงินมาน้อยเกินไป เช่น 300USD/EUR สำหรับเที่ยว 1 อาทิตย์

ไกด์ดังกล่าว เผยต่ออีกว่า จอร์เจียเริ่มไม่น่าเที่ยวเหมือนเมื่อก่อน เข้าประเทศยากขึ้น ค่าใช้จ่ายหลายอย่างขึ้นราคาแบบแพงมาก ถนนไป Juta ที่พังเป็นปีจนตอนนี้ก็ยังไม่ซ่อม ไว้มีตั๋วไปสวิตฯ ราคางามๆ จะพาไปเที่ยวสวิตฯ แทน

"ใครมีแพลนไปช่วงนี้ก็แลกเงินไปเผื่อเยอะๆ หน่อย ถ้าไม่ได้เข้าประเทศคงเซ็งน่าดู กลายเป็นมีประวัติโดนปฏิเสธติดตัวไปอีก

"ส่วนทริปสเปนทำเสร็จแล้ว เป็นทริป 3 ประเทศ ฝรั่งเศส อันดอร์ร่า สเปน แต่ค่าใช้จ่ายแรงเหมือนกัน ลังเลอยู่ว่าจะเปิดทริปดีมั้ย..."


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top