Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

เชียงใหม่-สสว.จัดงานแสดงสินค้า SME ONE FESTIVAL 2023  “น้องมะเฟือง ชวนช้อปของดี SME ทั่วไทย”@ จ.เชียงใหม่ 

สสว. เดินหน้า จัดงาน SME ONE  FESTIVAL 2023  By สสว."น้องมะเฟือง ชวนช้อปของดี SME ทั่วไทย"ภายใต้โครงการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเศรษฐกิจฐานราก วิสาหกิจชุมชนและรายย่อย เพื่อการเข้าถึงโอกาสทางการตลาดและช่องทางการตลาด ปีงบประมาณ 2566 กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด ผ่านงานแสดงสินค้า Physical Mark ระหว่างวันที่ 10 - 12 พฤศจิกายน 2566 ณ ลานกิจกรรมมีโชคพลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ในฐานะหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ MSME ได้ดำเนินโครงการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเศรษฐกิจกิจชุมชนและรายย่อย เพื่อการเข้าถึงโอกาสทางการตลาดและช่องทางการตลาด ปีงบประมาณ 2566 กิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด ผ่านงานแสดงสินค้า Physical Market เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและรายย่อย หรือกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี ภายใต้สโลแกน “น้องมะเฟือง ชวนช้อปของดี SME ทั่วไทย”

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สมาคมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จัดงานแสดงสินค้า SME ONE FESTIVAL 2023 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มไมโครเอสเอ็มอี ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงชีพ จำหน่ายสินค้าหรือให้บริการในตลาดชุมชนและท้องถิ่น ไม่สามารถจำหน่ายหรือให้บริการสินค้าและบริการในกลุ่มเป้าหมายใหม่ หรือสถานที่ใหม่ได้ ขาดโอกาสในการพัฒนาอาชีพให้เติบโต 

ทั้งนี้มีปัจจัยมาจากปัญหาด้านการเงิน การลงทุน ความเหลือมล้ำด้านรายได้ การเข้าถึงโอกาสจากภาครัฐ ขาดความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการ และขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการตลาด ซึ่งมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 85.56 ของผู้ประกอบการ MSME ทั่วทั้งประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มช่องทางตลาด สร้างโอกาสทางการขายให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและรายย่อยกว่า 3,300 ราย และคาดว่าจะเกิดยอดขายรวมแล้วไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท 

ซึ่งการจัดงานแสดงสินค้าดังกล่าวจะมีการจัดงานหมุนเวียนทุกภาคจำนวน 10 ครั้ง ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ รวมถึงสร้างประสบการณ์ด้านการตลาดและเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีให้สามารถอยู่รอด มีรายได้ต่อเนื่อง สู่การทำธุรกิจแบบมืออาชีพ มีแนวคิดและวิธีการทำงาน สามารถพัฒนาต่อยอดอาชีพเพิ่มมูลค่าได้

สำหรับการจัดงานแสดงสินค้า SME ONE FESTIVAL 2023 ครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้า กว่า 200 ร้านค้า มีสินค้าหลากหลายมากมาย อาทิ สินค้าชุมชน สินค้าผลผลิตทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร อาหารสด อาหารทะเล อาหารแปรรูปสินค้าหัตกรรมพื้นบ้าน ของใช้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายฝีมือชาวบ้าน สินค้าของฝากของดีของเด่นของจังหวัดเชียงใหม่ และไมโครเอสเอ็มอีจากทั่วไทย

วิภาดา/เชียงใหม่

สตูล  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลให้การต้อนรับ พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

สตูล  ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลให้การต้อนรับ พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และคณะ เนื่องในโอกาสลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของ ศรชล.ภาค 3 พื้นที่จังหวัดสตูล ที่ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสตูล อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ในฐานะผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล ให้การต้อนรับ พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค.3) ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และคณะ เนื่องในโอกาสลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานของ ศรชล.ภาค 3 พื้นที่จังหวัดสตูล จากนั้นเข้าร่วมประชุมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ ปลัดจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพียงกัน ณ ห้องประชุมโต๊ะพญาวัง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสตูล

สำหรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ เพื่อรับทราบภารกิจหน้าที่ของ ศรชล.จังหวัดสตูล รับทราบโครงสร้างการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้ ศรชล.ภาค 3 ซึ่งมีภารกิจป้องกัน ปราบปราม สกัดกั้น ควบคุม ดำเนินการตามกฎหมายสำหรับการประทำผิดกฎหมายทางทะเลทุกรูปแบบที่ส่งผลกระทบต่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และความมั่นคงทางทะเลในพื้นที่ตอนใต้ หรือพื้นที่ทะเลจังหวัดสตูล รวมถึงรับทราบสถานการณ์ความมั่นคงทางทะเลในกรอบภัยคุกคาม 9 ด้าน ประกอบด้วย การป้องกันและปราบปรามเรือโจรสลัดและการปล้นเรือ , การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล , การป้องกันและปรับปรามการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง , การทำประมงผิดกฎหมาย , การขนส่งสินค้าสองวัตถุประสงค์และต้องห้ามของ UN , การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสินค้าผิดกฎหมาย , อาวุธสงคราม และการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง หลังจากรับฟังการรายงานผลและสถานการณ์ ผอ.ศรชล.ภาค.3 ได้ให้คำปรึกษา และหารือในการแก้ปัญหา เน้นย้ำการปฏิบัติงานตามหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติให้บริการประชาชน พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆอีกด้วย

จากนั้น ผอ.ศรชล.ภาค.3 และคณะ เดินทางต่อไปยังท่าเทียบเรือสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสตูล อำเภอเมืองสตูล เพื่อตรวจเยี่ยมหน่วยงานศรชล.จังหวัดสตูล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ กล่าวให้ขวัญกำลังใจแก่กำลังพลในการปฏิบัติงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

‘รัฐบาล’ เตรียมผลักดัน ‘กรมอุตสาหกรรมฮาลาล’ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว-ส่งออกไปตลาดที่มีศักยภาพ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาล ว่า อุตสาหกรรมฮาลาลมีมากกว่าเรื่องอาหาร​ แต่รวมถึงการผลิตหรือการบริการอื่น ที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนาอิสลาม ได้แก่ เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ประจำวัน เครื่องนุ่งห่ม สาธารณูปโภค การผลักดันให้ไทยได้เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลในภูมิภาค หรือ ฮาลาลฮับ (Halal Hub) และเป็นครัวโลกนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น​ ฮาลาลเป็นยิ่งกว่าอาหาร​ ฮาลาลคือความศรัทธาและวิถีชีวิต เราจะไปให้ไกลกว่าแค่เรื่องอาหาร

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ในก้าวแรกนี้​ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมมาตรการและแผนงาน รวมทั้งแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลสำหรับรองรับการท่องเที่ยวและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง อาเซียน และเอเชียใต้ เป็นต้น นอกจากนี้จะมีการผลักดันกรมก่อตั้งกรมอุตสาหกรรมฮาลาล ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อยกระดับฮาลาลไทยสู่สากลอย่างเต็มที่ ​

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ตลาดอาหารฮาลาลเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ที่มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.5 ตามสัดส่วนประชากรมุสลิมโลกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลในปี 2566 เพียงครึ่งปีแรก (ม.ค.-ก.ค.) สามารถส่งออกมีมูลค่าถึง 136,503 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารฮาลาลโดยธรรมชาติ เช่น ข้าว ธัญพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ ในขณะที่กลุ่มอาหารที่ต้องผ่านการรับรอง เช่น เนื้อสัตว์-อาหารทะเล อาหารแปรรูป ฯลฯ มีอัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 7.5 และ 10.3 ตามลำดับ ซึ่งไทยมีผู้ผลิตอาหารฮาลาลกว่า 15,043 ราย มีร้านอาหารฮาลาลมากกว่า 3,500 ร้าน ดังนั้น หากจะผลักดันให้อาหารฮาลาลของไทยขยายตลาดมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก 

นางรัดเกล้า กล่าวว่า การผลักดันครั้งนี้​ เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับคนไทย​ โดยเฉพาะพี่น้องมุสลิม ซึ่งการที่ไทยมีพรหมแดนติดกับประเทศมาเลเซียนั้นเป็นจุดแข็งให้สามารถเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลในภูมิภาค หรือ ฮาลาลฮับ (Halal Hub) เป็นฐานการผลิตที่ดีสำหรับทั้งชาวมุสลิมในประเทศเองและเพื่อส่งออกรองรับตลาดโลก สอดรับกับการเป็นครัวของโลกอย่างชัดเจน​ และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือนี่เป็นเพีบงแค่จุดเริ่มต้น

'มาร์เวล สตูดิโอ' ปล่อยโปสเตอร์ฉลองเปิดตัว #TheMarvels จับ 3 สาวซูเปอร์ฮีโร่สวมชุดไทย ในธีมลอยกระทง

'เดอะ มาร์เวลส์' ก็มา 'ลอยกระทง'

หลังจากที่เปิดตัวรอบปฐมทัศน์กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ 'เดอะ มาร์เวลส์' (The Marvels) หนังซูเปอร์ฮีโร่สัญชาติอเมริกันเรื่องล่าสุด สร้างจากตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ โดยมี 'บรี ลาร์สัน' รับบท 'แครอล แดนเวอร์ส' หรือ 'กัปตันมาร์เวล' ยอดมนุษย์สาวพลังคอสมิกเช่นเคย สมทบด้วย 'โมนิกา แรมโบ' และ 'กมลา ข่าน' เป็น 'มิสมาร์เวล'

The Marvels ภาคนี้ได้ 'Nia DaCosta' (นีอา ดาคอสตา) ผู้กำกับหญิงแกร่งจากภาพยนตร์สร้างชื่อ Candyman (2021) มานั่งแท่นผู้กำกับ โดยหนังได้รับรางวัลดาว 6.1 จากเว็บไซต์วิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดัง imdb.com

ล่าสุด มาร์เวล สตูดิโอ ได้เฉลิมฉลองการเปิดตัว #TheMarvels ด้วย 8 โปสเตอร์จาก 8 ประเทศทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และหนึ่งในนั้นมีโปสเตอร์จากประเทศไทย โดยจับให้ซูเปอร์ฮีโร่สาวทั้งสาม สวมชุดไทยมาในธีมวันลอยกระทง เข้ากันกับเทศกาลที่กำลังจะมาถึงของไทย และเป็นงานรื่นเริงซึ่งสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ฝรั่งจะคิดอย่างไรไม่ทราบ แต่งานนี้เราขอเรียก Soft Power ไว้ก่อน

เรื่อง : พรชัย นวการพิศุทธิ์

13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456  ‘รพินทรนาถ ฐากูร‘ กวีเอกชาวอินเดีย ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม

วันนี้ เมื่อ 110 ปีก่อน 'รพินทรนาถ ฐากูร' กวีเอกชาวอินเดีย ได้รับรางวัลโนเบล สาขาวรรณกรรม จากบทประพันธ์ 'คีตาญชลี' นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456  (ค.ศ.1913) กวีชาวอินเดีย รพินทรนาถ ฐากูร ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม จากงานประพันธ์และแปลหนังสือรวมบทกวี 'คีตาญชลี' เป็นภาษาอังกฤษ นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว

รพินทรนาถ ฐากุร (Robindronath Thakur) เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2404 และเสียชีวิตเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2484 มีสมัญญานามว่า 'คุรุเทพ' เป็นนักปรัชญาพรหโมสมัช นักธรรมชาตินิยม และกวีภาษาเบงกาลี 

รพินทรนาถ เริ่มเขียนบทกวีครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 8 ปี ครั้นอายุได้ 16 ปี ก็ได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานกวีนิพนธ์ภายใต้นามปากกา ภาณุสิงโห และเริ่มเขียนเรื่องสั้นกับบทละครในปี พ.ศ. 2420 

รพินทรนาถเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น บทเพลง ละครเพลง และเรียงความมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองการปกครอง และเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ประจำปี ค.ศ. 1913 นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลนี้ และรับผลงานของเขายังสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน 

ในช่วงบั้นปลายของชีวิต รพินทรนาถต่อต้านการปกครองของรัฐบาลอังกฤษอย่างเปิดเผย และร่วมเคลื่อนไหวการประกาศเอกราชของประเทศอินเดียอีกด้วย

'ลดราคาน้ำมัน' นโยบายจากรัฐช่วยลดภาระประชาชน 3 เดือน ช่วงแรก 'น้ำมันหมด' จุดเสียงก่นด่า แต่เป็นการกรุยทางปรับลดระยะยาว

ขณะนี้นโยบาย ‘ลดภาระค่าใช้จ่ายราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำมัน’ กำลังดำเนินไป และมีการปรับลดราคาน้ำมันลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กลุ่มน้ำมันเบนซิน ที่มีการปรับลดราคาลงในคราวเดียว 2.50 บาท ต่อ ลิตร เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 ที่ผ่านมา โดยเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 1 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ส่วน E85 และ E20 ลดลง 0.80 บาทต่อลิตร ซึ่งมีผลในวันที่ 7 พ.ย. 66 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป

แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่า ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นมา สถานีบริการน้ำมัน หลายแห่ง ขึ้นป้าย ‘น้ำมันหมด’ โดยเฉพาะ กลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ส่งผลกระทบต่อการเดินทางสัญจรของประชาชน จนมีกระแสข่าวว่า สถานีบริการน้ำมันกักตุนน้ำมันไม่ยอมนำออกมาจำหน่าย

ซึ่งหากติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวต่าง ๆ รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผ่านมา ย่อมเข้าใจได้ว่า หลัง มติ ครม. ที่ให้ปรับลดราคาน้ำมัน ผ่านกลไกภาษีสรรพสามิต และบริหารจากกองทุนน้ำมันฯ โดยปรับลดราคาน้ำมันสูงสุด 2.50 บาท ต่อลิตร นาน 3 เดือน มีผล 7 พ.ย. 66 สถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ ย่อมต้องบริหารสต๊อกน้ำมัน เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุด เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ชดเชยส่วนต่างที่ปรับลงอย่างรุนแรงให้ ส่งผลให้แทบไม่มีสถานีบริการน้ำมันใด สั่งน้ำมันมาจำหน่ายในช่วงก่อนปรับลดราคา

และในวันที่ 9 พ.ย. 66 ก็มีการปรับลดราคาน้ำมันลงอีก 60 สตางค์ต่อลิตร หากสถานีบริการใด ที่ยังสต๊อกน้ำมันที่ซื้อก่อนวันที่ 6 พ.ย. 66 เท่ากับว่า ราคาลงไป 2.50+0.6 = 3.10 บาท ต่อลิตร นั่นหมายความว่า หากลองคำนวณว่า ยังมีน้ำมันคงเหลือ 10,000 ลิตร ปั๊มก็จะขาดทุนทันที 31,000 บาท ปรากฏการณ์น้ำมันหมด จึงเกิดขึ้นแทบทุกพื้นที่

การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนตามต่างจังหวัด ที่ใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางเป็นจำนวนมาก ย่อมได้รับเสียงชื่นชมนโยบายนี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 3 เดือน แต่ย่อมเริ่มเห็นทิศทางในการปรับกลไกราคาน้ำมัน ให้สอดคล้องตามต้นทุน และสามารถพยุงช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน ให้เหมาะสม

'น้ำมันหมด' ปรากฏการณ์สั้น ๆ ที่อาจได้รับเสียงก่นด่า จากผู้ที่เข้าเติมน้ำมันตามสถานีบริการ ในช่วงเวลานี้ ที่จะทำให้ประชาชนเริ่มยิ้มได้ กับ สถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่มีแนวโน้มลดลงในระยะยาว

เรื่อง: The PALM

States TOON EP.147

หา 'เรื่อง' ดิ๊

***สงวนลิขสิทธิ์ภาพดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนแบบ ดัดแปลง หรือนำส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ แต่อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ต่อได้ ตามต้นฉบับนี้ โดยไม่ต้องขออนุญาต

ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon
 

‘จีน’ เปิดตัว 'รถเมล์ผู้สูงวัย' จำนวน 6 สาย ชูจุดเด่น!! ออกแบบพิเศษให้ตอบโจทย์ใช้งานจริง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เปิดตัวรถบัสประจำทางที่เหมาะสำหรับให้บริการผู้สูงวัย จำนวน 6 สาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุที่เดินทางด้วยรถประจำทาง

รถบัสเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน อาทิ พื้นรถถูกปรับลดระดับความสูงลง การใช้งานได้แบบไร้สิ่งกีดขวาง อุปกรณ์สำหรับยึดรถเข็น เบาะพนักพิงที่นุ่มยิ่งขึ้น ตลอดจนมือจับที่มีข้อความน่ารักๆ อย่าง ‘ห่วงใยผู้สูงวัย สังคมแห่งน้ำใจ’ นอกจากนี้ คนขับรถและพนักงานบนรถบัสก็ยังได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเรื่องการบริการและดูแลผู้สูงวัยด้วยเช่นกัน

‘พระหฤทัยคอนแวนต์’ ไว้อาลัย 'ครูเจี๊ยบ' หลังถูกลูกหลงจนเสียชีวิต ยกเป็นบุคลากรที่เก่ง-เป็นที่รัก พร้อมยกระดับความปลอดภัยเข้มงวด

(11 พ.ย.66) จากกรณีเหตุสลด น.ส.ศิรดา หรือ ครูเจี๊ยบ อายุ 45 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถูกลูกหลงจนเสียชีวิต จากเหตุ 2 คนร้ายใช้อาวุธปืนไล่ยิงนักเรียนช่างกลอุเทนถวาย

ล่าสุด โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ออกประกาศระบุว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ไม่ไกลจากโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ มีผลให้โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ สูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและเป็นที่รักของรักเรียนและเพื่อนร่วมงาน ทางโรงเรียนและคณะผู้บริหารมีความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างสุดซึ้ง

ทั้งนี้ คณะผู้บริหารโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ มิได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทางคณะผู้บริหารได้ทบทวนและยกระดับมาตรการการรักษาความปลอดภัยทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เพื่อป้องกันและรับมือเหตุการณ์รุนแรง โดยได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ และ สน.ทุ่งมหาเมฆ เข้ามาเฝ้าระวังความปลอดภัยในพื้นที่โดยรอบ

และจากเหตุการณ์นี้โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ได้ดำเนินการติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ มาให้ความรู้ เสริมสร้างทักษะการป้องกันและวิธีรับมือต่อสถานการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ต่อคณะครู บุคลากรและนักเรียนทุกคน จะได้รับการอบรมดังกล่าวในวันจันทร์ที่ 13 พ.ย.นี้

ในการนี้โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์จะเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องของการเข้าออกโรงเรียน ทางโรงเรียนใคร่ขอความร่วมมือจากผู้ปกครองแบะท่านผู้มาติดต่อประสานงาน จึงขออภัยในความไม่สะดวก

เพจดัง ชี้!! 'สยามซอฟต์พาวเวอร์' ระบือไกล ทัชใจคนทั่วโลกใต้รัฐบาล 'สมบูรณาญาสิทธิราชย์'

(12 พ.ย.66) จากเพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

ในยุคที่ซอฟต์พาวเวอร์กลายมาเป็นความนิยมแห่งยุคสมัยปัจจุบัน ทว่าจะมีกี่คนรู้ว่าความจริงแล้ว สยามเราได้เริ่มใช้ ซอฟต์พาวเวอร์ในแบบสยาม มาตั้งแต่ครั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว และที่สำคัญซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ชั่นสยามนั้น ยังมีความหลากหลายและพิเศษชนิดที่สร้างความตราตรึงให้แก่ชนผิวขาวได้ตั้งแต่เพียงครั้งแรก ๆ ที่เราเข้าร่วมงาน

ซึ่งนั่นก็ตั้งแต่ประมาณร้อยกว่าปีก่อนแล้ว

โดยซอฟต์พาวเวอร์สยามที่ว่านั้น เริ่มจากการเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้าในลักษณะ Exhibition ที่เริ่มโดยประเทศจักรวรรดินิยมตั้งแต่ในราว ค.ศ. 19 เพื่อสำแดงให้โลกเห็นว่าตนได้เข้าไปครอบครองดินแดนและทรัพยากรพื้นเมืองของชนชาติต่าง ๆ ที่หลากหลายได้มากมายเท่าไร ผ่านการแสดงสินค้าอุตสาหกรรมที่ตนผลิตได้จาการครอบครองทรัพยากรในดินแดนอาณานิคมมาจัดแสดงไว้ด้วย แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ มีกระทั่งการนำเอาชนพื้นเมืองมาจำลองชีวิตในพื้นที่จำกัดคล้ายกับสวนสัตว์มนุษย์

สยามเองในเวลานั้นแม้จะเป็นเพียงชาติเล็ก ๆ แต่ก็เคยได้มีบทบาทในการนำสินค้าและความเป็นสยามเข้ามาจัดแสดงให้เป็นที่รับรู้ของชาวโลก เป็นครั้งแรกเริ่มตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2419 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเพราะสยามหาได้เคยเป็นดินแดนอาณานิคม ดังนั้นการจัดพื้นที่แสดง ‘สินค้าสยาม’ จึงกระทำในฐานะประเทศเอกราชจากตะวันออกไกล ที่แม้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าฝรั่งผิวขาว แต่สยามก็มีศักดิ์ศรีพอที่ไม่ต้องถูกฝรั่งจำลองทำเป็นพื้นที่ ‘สวนสัตว์มนุษย์’ เช่นที่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ของเราโดนเจ้าอาณานิคมของตนกระทำ

สำหรับไอคอนที่ทำให้ชาวต่างชาติเห็นถึงความเป็นสยามได้ตั้งแต่ไกลลิบ ๆ ในทุกครั้งที่เข้าร่วมงานจนถึงปัจจุบันก็คือการตั้งอยู่ของ ‘ศาลาสยาม’ อาคารที่ก่อสร้างเป็นทรงไทยตั้งตระหง่านที่ดูผิดแปลกกับอาคารทรงตะวันตกที่อยู่แบบทื่อ ๆ และพบได้เกลื่อนกลาดจนเป็นที่ชินตาของชาวยุโรปทั่วไป ในส่วนของสินค้าสยามที่คัดเลือกส่งไปนั้น มีทั้งเมล็ดพันธุ์ข้าว ไม้ หัวโขน เครื่องมือเกษตร เครื่องดนตรี บ้าน และวัดจำลอง แต่ที่เป็นที่ ‘ฮือฮา’ ที่สุดก็คือเครื่องราชูปโภคจำลองที่ทำด้วยเงินอย่างดีทั้งชุด นับแต่นั้นประเทศสยามมักได้รับการทาบทามให้ไปจัดแสดงสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง จึงไม่เกินจริงไปนักที่จะกล่าวว่า สินค้าสยามโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานฝีมือชั้นสูงคงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจฝรั่งเอามาก เพราะมีทั้งความยูนีคและลวดลายฝีมือที่แตกต่างกับงานฝีมือจากโลกตะวันตก นี่จึงนับเป็นมรดกของ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่ดำริโดยรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยังดำรงสืบมาจนถึงปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่าซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานานแล้ว ชาวต่างประเทศก็รู้จักประเทศของเราผ่านสินค้าที่สำแดงความเป็นเราได้อย่างชัดเจนและชื่นชอบโดยไม่ต้องมีการบีบบังคับแต่อย่างใด อาจเพราะซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มีเอกลักษณ์ชัดเจน และเป็นมรดกวัฒนธรรมที่นานาชาติต่างให้การยอมรับมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคนจวบจนปัจจุบัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top