Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘รมว.พิพัฒน์’ ถก ‘สมาคมจัดหางานฯ’ รุกขยายตลาดส่งออกแรงงานใหม่ พร้อมเสริมความปลอดภัย-ดูแลหนี้สินให้แรงงานไทยที่ไปทำงาน ตปท.

(2 ต.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง รวมทั้งหารือข้อราชการเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยมี นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “ในวันนี้ผมขอขอบคุณท่านนายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ที่ได้นำคณะผู้บริหารสมาคมฯ มาเข้าพบผมเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสการเข้ารับตำแหน่ง พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงแรงงานขอขอบคุณสมาคมฯ ที่ได้หารือในประเด็นต่างๆ ทั้งในเรื่องการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดส่งแรงงานทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลา

ในส่วนของการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศนั้น ในปี 2566 ผมมีนโยบายที่จะเพิ่มโควตาการจัดส่งอีก 100,000 อัตรา ซึ่งขณะนี้เราเตรียมที่จะส่งออกแรงงานไทยไปหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมทั้งส่งแรงงานฝีมือในสาขาช่างเชื่อมไปประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ไปเกิดผลมากขึ้น

รวมทั้งการป้องกันการถูกหลอกลวงไปทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าถึงได้ง่าย ในเรื่องนี้ต้องรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับการไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ผมขอฝากให้สมาคมฯ ซึ่งมีความถนัดในการส่งแรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศ ให้ช่วยดูแลเรื่องภาระหนี้สินและคำนึงถึงความปลอดภัยของแรงงาน ที่ไปทำงานในแต่ละประเทศเป็นสำคัญ”

ด้าน นายชินวัฒน์ ใจกุศลสูงยิ่ง นายกสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ กล่าวว่า ในนามผู้บริหารสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ฯ เป็นอย่างยิ่งที่เปิดโอกาสให้เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และรับทราบนโยบายการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศในวันนี้

ในส่วนของสมาคมฯ ต้องการให้มีการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนงานหางาน ที่ปัจจุบันยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดส่งแรงงานให้สามารถอำนวยความสะดวกขึ้น ร่วมมือกับสมาคมฯ ในการขยายตลาดแรงงานเก่าและตลาดแรงงานใหม่ในประเทศต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนและเป็นรูปธรรม ยกระดับทักษะภาษาและฝืมือแรงงาน โดยให้ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือยกระดับช่างไทยให้มีฝีมือ เพื่อให้สามารถไปทำงานในต่างประเทศได้มากขึ้น ให้เข้มงวดตรวจสอบกลุ่มมิจฉาชีพเพื่อป้องกันหลอกลวงคนหางานทางสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆ

รวมทั้งเร่งเจรจาขยายตลาดกับท้องถิ่นเมืองต่างๆ ในเกาหลีใต้ที่ประสงค์จะจ้างแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตร เพื่อรองรับให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอลได้ เนื่องจากอัตราค่าจ้างใกล้เคียงกัน ซึ่งผลจากการหารือทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิดต่อไป

‘แพทย์’ ชำแหละอาการ ‘แย้ม ธี่หยด’ ป่วย ‘โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน’ ชี้!! หากเทคโนโลยีการแพทย์ยุคนั้นทันสมัย อาจจะช่วยได้ทัน

(2 พ.ย.66) ‘ธี่หยด’ ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างมาจากเรื่องเล่าในเว็บไซต์ Pantip.com เมื่อปี พ.ศ. 2558 โดยคุณกิตติศักดิ์ กิตติวิรยานนท์ กลายเป็นกระทู้เรื่องผีที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ มียอดแชร์มากกว่า 130,000 ครั้ง นอกจากนั้นยังถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ และเจ้าของเรื่องยังได้นำไปเล่าในรายการเล่าเรื่องผีชื่อดัง จนกระทั่งได้ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบภาพยนตร์

ภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ กำกับโดยทวีวัฒน์ วันทา ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในหนังไทยเรื่องทองสุก 13 จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 5 วัน 25 - 29 ต.ค. 66 สามารถทำรายได้ 180 ล้านบาท จุดเด่นของเรื่องนอกจากเสียงหลอนประหลาดว่า ‘ธี่หยด’ ที่จะดังขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ยังมีอาการสุดประหลาดที่เกิดขึ้นกับ ‘แย้ม’ อีกหนึ่งตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้

ซึ่งอาการแปลกประหลาดของ ‘แย้ม’ สามารถเกิดขึ้นได้จริง และมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ โดยผู้ใช้ TikTok บัญชี @km.pearl หรือ ‘หมอไข่มุก’ พญ.ณัฐมณฑ์ บุญทาเลิศ ได้อธิบายอาการของโรคซึ่งตรงกับอาการของ ‘แย้ม’ ตัวละครสุดหลอน ในภาพยนตร์ธี่หยดว่า เป็นอาการของโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR

โดยผู้ป่วยโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้ต่ำๆ ในช่วงแรก และต่อมามีอาการทางสมอง นอนไม่หลับ หนักขึ้นจนไปถึงการไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่สามารถควบคุมความคิดการพูดหรือการขยับตัวได้

มีอาการหลงผิด สับสน หูแว่ว ประสาทหลอน นิสัยใจคอมีความก้าวร้าวมากขึ้น มีการเคลื่อนไหวใบหน้าที่ผิดปกติ เช่นการแสยะยิ้ม การเหลือกตา เคี้ยวปากตัวเอง

สาเหตุของการเกิดโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR ซึ่งมีอาการตรงกับตัวละครน้าแย้มในภาพยนตร์เรื่อง ‘ธี่หยด’ นี้ มาจากก้อนในรังไข่ของคนไข้ หรือเนื้องอกอัณฑะ ที่ทำให้ร่างกายผลิตภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ หรืออาจเกิดขึ้นเองจากการติดเชื้อไวรัสในร่างกาย

และจากเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ‘ธี่หยด’ ที่ระบุถึงผลการชันสูตรศพน้าแย้มว่า พบอวัยวะภายในฉีกขาดนั้น ในทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้จากการแตกของก้อนในช่องท้อง

ซึ่งก้อนในช่องท้องนี้ เรียกว่า ‘เนื้องอกเทอราโตมา’ หรือ Mature teratoma มีลักษณะเป็นถุงน้ำซึ่งมีการงอกของเส้นขน เส้นผม และฟันขึ้นภายในถุงน้ำได้ จึงอาจเป็นที่มาของความเชื่อว่าผู้ป่วย หรือผู้เสียชีวิตถูกคุณไสย หรือโดนทำของใส่

โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR นี้ มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย หรืออยู่ในช่วงอายุ 18 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยพบสัดส่วนผู้ป่วยโรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน หรือ Anti-NMDAR เป็นเพศหญิงอยู่ที่ 80% และเพศชาย 20%

ซึ่ง หมอไข่มุก ได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่าหากวิวัฒนาการด้านการแพทย์ในยุคนั้นมีความทันสมัย สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ‘แย้ม’ อาจได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและไม่เสียชีวิต

วิบากกรรม 'ลิซ่า' ขึ้นโชว์ระบำเปลื้องผ้า ที่ Crazy horse ผลกระทบลุกลาม ในวันที่ 'จีน' มีอิทธิพลต่อวงการตลาดโลก

(2 พ.ย.66) ทันตแพทย์สม สุจีรา ทันตแพทย์และนักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความในหัวข้อ 'ลิซ่า กับ โชว์เซ็กซี่ที่ Crazy Horse' ระบุว่า...

ไม่รู้ว่า ลิซ่าได้เงินจากการขึ้นโชว์ระบำเปลื้องผ้า ที่ Crazy horse เท่าไร…

แต่ขอบอกว่า ไม่คุ้มกันเลยกับภาพพจน์ที่เสียไป

ล่าสุด Celine และ Bvlgari กำลังพิจารณายกเลิกลิซ่าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

เพราะทำให้ภาพพจน์ของสินค้าเสียหาย

ที่จีนมีกระแสแอนตี้อย่างรุนแรงต่อการขึ้นไปแสดงครั้งนี้ 

แม้แต่คนดังชาวจีนอย่าง 'แอนเจลาเบบี้' เพียงเข้าไปดูโชว์

ก็ถูก Weibo เว็บโซเชียลอันดับหนึ่งของจีนแบนและบล็อกการใช้งาน

....เงินทองก็มีมากมายแล้ว จะขึ้นไปโชว์ระบำเปลื้องผ้าเพื่อ??...

แฟนคลับลิซ่ามาแก้ต่างว่าไม่แคร์ที่โดนจีนแบน 

ที่จริงไม่เฉพาะจีน คนเอเชียทั้งหมด หรือแม้แต่ในไทย ก็ไม่ชอบ แต่ไม่กล้าพูด

ที่คลินิกผู้เขียน เดนติสเต้ ส่ง Stand เป็นรูปลิซ่ายืนเท่าตัวจริง มาให้ตั้งหน้าร้าน

ต้องรีบเก็บออกทันที เพราะภาพของเธอ ไม่ใช่สาวน้อย ที่จะมาโฆษณายาสีฟันแล้ว

ลิซ่า เป็นคนเอเชีย ก็ควรงามแบบเอเชีย การไปเต้นโชว์เรือนร่าง สรีระ แบบเกือบเปลือย

ชาวตะวันตกมองเป็นเพียงสิ่งที่เงินซื้อได้ เอาคนดังของเอเชียมาทำแบบนี้ให้สะใจเล่นๆ แต่เทียบแล้วไม่ติดอันดับความเซ็กซี่ของสาวอเมริกัน

จีน มีอิทธิพลต่อวงการตลาดโลกเป็นอย่างมาก ถ้าสินค้าตะวันตกจะเข้าไปขายในจีน

ต้องอย่าไปทำอะไรที่ขัดใจชาวจีน...นับแต่นี้ไปจะให้ลิซ่าเป็นพรีเซนเตอร์ไม่ได้อย่างเด็ดขาด...

คนจีน รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ที่ครั้งหนึ่งเคยคลั่งไคล้ลิซ่า ยกให้เป็นไอดอล แล้วมาทำแบบนี้

คิดว่า ที่ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, มาเลเซีย, อินโดฯ, สิงคโปร์ หรือแม้แต่เกาหลีใต้ต้นสังกัดก็ไม่ชอบเช่นกัน

>> ลิซ่า ไม่เหมือน มาริลีน มอนโร ที่ภาพพจน์เริ่มต้นมาจากการขายเรือนร่าง 

แต่เป็นภาพของสาวน้อยน่ารัก ใสบริสุทธิ์ และมีความมานะพยายาม เป็นต้นแบบของเยาวชน

ภาพเหล่านั้นหายไปหมดเลยทันทีที่ขึ้นเวที Crazy Horse

รูปที่หลุดออกมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งอันน้อยนิดกับภาพความเซ็กซ์ที่ขึ้นโชว์ในวันนั้น

>> เมื่อบรรลุสัจจธรรมจะรู้ว่าเงินไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต มิฉะนั้น เอลวิส เพรสลี่ย์, ไมเคิล แจ็คสัน มาริลีน มอนโร ฯลฯ คงไม่มีตอนจบที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง

3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2500 ‘ไลก้า’ ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ กลายเป็นสุนัขอวกาศตัวแรกของโลก 

วันนี้ เมื่อ 66 ปีก่อน ‘ไลก้า’ (Leika แปลว่า เห่า) สุนัขอวกาศตัวแรกของโลก ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศไปโคจรรอบโลกด้วยยานสปุตนิค 2 ของสหภาพโซเวียต ตามโครงการสปุตนิค

สำหรับ ‘ไลก้า’ สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกีเพศเมีย ถูกจับมาจากข้างถนนในกรุงมอสโก และถูกนำมาใช้ทดลองในครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ยานสปุตนิก 2 ไม่ได้ออกแบบให้กลับสู่โลกอย่างสมบูรณ์ เรื่องของไลก้าจึงจบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจรู้แน่ชัดนัก 

ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ประเมินว่า ไลก้ามีชีวิตอยู่ได้ ระหว่าง 4-10 วันในวงโคจร บางคนบอกว่า อาหารมื้อท้าย ๆ ของไลก้ามีภาวะเป็นพิษ บางส่วนก็อ้างว่าเกิดจากภาวะขาดออกซิเจนเมื่อแบตเตอรี่หมด

ยานสปุตนิก 2 อยู่ในวงโคจรนาน 163 วัน โคจรรอบโลกครบรอบในเวลา 1 ชั่วโมง 42 นาที รวม 2,370 รอบ ตกลงสู่โลกและไหม้สลายหมดไปในอากาศเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2501 จากนั้นอีก 40 ปีให้หลัง อนุสาวรีย์ของสุนัขอวกาศไลก้าก็ได้มีการสร้างขึ้นนอกกรุงมอสโก 

'รุ้ง ปนัสยา' ซัด 'ปูอัด ก้าวไกล' หน้าด้าน ใช้ความเมาเป็นข้ออ้าง ชี้!! ถ้าก้าวไกลแก้ปัญหาเรื่องเพศไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไปไม่รอด

(2 พ.ย. 66) จากกรณีที่คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร พรรคก้าวไกล มีมติว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหาร โหวตขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่ง ถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ล่าสุด “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว @PanusayaS ระบุว่า...ปูอัดต้องลาออก อย่าหน้าด้าน เมาไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปกระทำเลวต่อคนอื่น ก้าวไกลต้องแก้ปัญหาเรื่องเพศให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็สู้ไม่รอด

‘พีระพันธุ์’ รับทราบข้อร้องเรียนกลุ่มผู้ใช้แก๊ส NGV  เล็งตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาอย่างครบถ้วน-รวดเร็ว-เป็นระบบ

(2 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังกลุ่มรถผู้ประกอบการรถตู้ รถเมล์สาธารณะ ร่วม บขส. และรถบรรทุก มายื่นเรื่องร้องเรียนขอให้ลดราคาเอ็นจีวีว่า ได้รับรายงานจาก น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว และเมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมรถบรรทุกมาได้ขอให้ดูแลราคาเอ็นจีวีเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเรื่องการที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปิดปั๊มแก๊สลงจำนวนมากทำให้กระทบต่อการประกอบอาชีพเป็นอย่างยิ่งด้วย ดังนั้นจะตั้งคณะทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบปัญหาและแก้ไขปัญหาทั้งหมดพร้อมกันทันที คาดว่าปัญหานี้น่าจะผ่อนคลายลง โดยจะให้กระทรวงพลังงานแจ้งความคืบหน้าการทำงานเรื่องนี้ให้ผู้เดือดร้อนทราบเป็นระยะต่อไป

“ผมได้รับเรื่องร้องเรียนมาแล้ว แต่ละกลุ่มมีปัญหาความเดือดร้อนลักษณะใกล้เคียงกัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างครบถ้วน รวดเร็ว และเป็นระบบ ผมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาทันทีเพื่อตรวจสอบปัญหาและแก้ไขไปพร้อมกันเลยทีเดียว ไม่ต้องรวมกลุ่มมาก็กำลังจะทำอยู่แล้ว เพราะรับทราบปัญหามาก่อน” นายพีระพันธุ์กล่าว

'สส.แจ้-ก้าวไกล' ตัดพ้อ!! 'ไร้คอนเนคชันการเมือง-เพื่อนน้อย' ชี้!! สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค มักลงเอยเช่นนี้

(2 พ.ย.66) จากกรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค แต่กับนายไชยามพวาน แค่ถูกคาดโทษเท่านั้น

โดยในวันนี้ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรีเขต 2 อดีต สส.พรรคก้าวไกล เปิดใจครั้งแรกหลังมีมติขับออกจากพรรคปมคุกคามทางเพศ เมื่อมาถึงนายวุฒิพงศ์ได้กล่าวก่อนแถลงว่า ไม่ได้เจอกัน 20 วันเพราะอยู่ภายใต้กระบวนการไม่สามารถออกมาพูดได้ โดยบอกว่ายอมรับมติของ สส.ในพรรคที่ออกมา แต่ผิดหวังกับกระบวนการสอบสวนของพรรคว่าเป็นธรรมหรือไม่

โดยนายวุฒิพงศ์ เล่าว่า ตนโดนเรียกไปสอบ 2 ครั้ง ครั้งแรกคือวันที่ 10 ตุลาคม กรรมการสอบวินัยมี 7 คน แต่มา 6 คนพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงตนก็ได้ยื่นหลักฐานต่าง ๆ ให้กรรมการสอบวินัยและเห็นบันทึกทีมกฎหมายมีแค่ 3 แผ่นเท่านั้น ส่วนครั้งที่ 2 คือวันที่ 30 ตุลาคมก็เข้าห้องประชุมของกรรมการช้าไป 1 ชั่วโมง คือนัด 10 โมง ได้เข้าห้อง 11 โมง ซึ่งกรรมการสุดท้าย จาก 7 คนเหลือเพียง 4 คน จึงรู้สึกข้อมูลที่ให้ต่อกรรมการไม่มีความสำคัญ และก่อนที่จะยุติการสอบสวนมีกรรมการคนที่ 5 เข้ามา นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าความสำคัญระดับนี้ของผู้แทนราษฎรของคนทั้งจังหวัดปราจีนบุรีไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

และตั้งข้อสังเกตว่าการแถลงของกรรมการบริหารพรรคบางคนล่วงหน้า เข้าข่ายเป็นการชี้นำสังคมหรือไม่ เพราะเป็นการแถลงก่อนที่จะมีการตัดสิน จึงถามความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำด้วยเหตุผลอะไร ทั้งนี้ยอมรับมติ สส. ของพรรคทุกคนโหวต มองเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้เดินหน้าต่อ

ทั้งนี้ในระหว่างแถลงข่าว นายวุฒิพงศ์ ยังโชว์ภาพหลักฐาน ที่เป็นภาพผู้หญิงหนอนหงายและมีการเซ็นเซอร์บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเขาอ้างว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพโป๊แม้มีการเซ็นเซอร์ เพราะภาพจริงผู้หญิงยังใส่กางเกง และเจตนาจริง ๆ ของตนคือแผลที่บริเวณขาของผู้หญิงในภาพ และได้รับคลิปส่วนตัวที่ไม่เหมาะสมอีก 50 คลิป รวมถึงจดหมายที่ผู้เสียหายเขียนถึงตนว่าอยากทำงานร่วมกับตนตลอดไป ไล่ก็ไม่ไป

โดย นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าหากผู้เสียหายรู้สึกถูกคุกคาม ณ ตอนนั้น ไม่น่าจะแสดงออกแบบนี้ พร้อมยอมรับว่าการพูดคุยที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งตนก็เป็นคนผิด แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือทำอะไรกับผู้เสียหาย และภายหลังตนก็ไม่ได้ทำงานร่วมกับผู้เสียหายแล้ว หากรู้สึกว่าถูกคุกคามทางเพศก็ไม่ต้องมาทำงานร่วมกันก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่มติของเขาต่างจากกรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.จอมทอง ที่มีปมคุกคามทางเพศเหมือนกันแต่ไม่ถูกขับออก เพียงถูกคาดโทษ นายวุฒิพงศ์ตอบว่าเป็นเรื่องของการเมือง ตนอาจเป็น สส.ต่างจังหวัด สส.ภูธร ทำงานเรื่องมลพิษ ค้านเรื่องเหมือง การเป็นคอนเนคชันกับเพื่อน ตนจะมีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ แต่ว่าตนไม่มีคอนเนคชันกับเพื่อนที่เป็นการทำงานเชิงการเมืองที่ต้องรู้จักคนเยอะ

นายวุฒิพงศ์ ยังกล่าวว่า ในการตั้งคณะกรรมการวินัยสอบควรจะเป็นกรรมการที่เป็นแพทย์หรือเป็นจิตแพทย์ทางด้านนี้โดยตรง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง ว่าผู้ที่ถูกคุกคาม มีความรู้สึกที่ถูกคุกคามจริงหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการวินัยในการสอบไม่มีคนนอกแต่เป็น สส. ทั้งหมด ตนมองว่ากรณีที่เสียงโหวต สส. ในพรรคก้าวไกลที่ต่างจากอีกกรณีกว่า 10 เสียงนั้น เพราะตนเองไม่มีคอนเน็กชันหรือความสัมพันธ์กับ สส.ในพรรค โดยมองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในพรรค

โดยนายวุฒิพงศ์ ยังแสดงความกังวลการใช้กระบวนการภายในของพรรคในการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะหากผู้ถูกร้องเรียนหรือ สส.บางคน ไม่ถูกกับกรรมการบริหารพรรค ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

เมื่อถามถึงเส้นทางการเมืองหลังจากนี้ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่าตนขอเวลาพักก่อนขอใช้เวลานี้ลงพื้นที่ และยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองใด

‘สุทิน’ ชี้ การยุบ ‘กอ.รมน.’ มีปัจจัยหลายอย่างต้องพิจารณา คนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่ต้องดูความเป็นจริงด้วย

(2 พ.ย. 66) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมาเรียกร้องให้ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ว่าคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ แต่การจะยุบต้องประเมินปัจจัยหลายๆ อย่าง บางเรื่องพูดได้แต่บางเรื่องก็เปิดเผยข้อมูลไม่ได้ เพราะฉะนั้น คนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลก็พูดได้ทุกอย่าง แต่เมื่อมาเป็นแล้ว ก็ต้องมาดูความเป็นไปได้อีกทีว่าทํายากแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับโครงสร้างกำลังพลของกองทัพ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายสุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวกำลังสรุปมาให้เป็นระยะๆ ตอนนี้อยู่ขั้นตอนการสรุปแนวทางว่าจะปรับอย่างไร เพราะฉะนั้นยังไม่เห็นแนวทางการปรับลดอย่างเป็นรูปธรรม เพราะยังไม่มีการปฏิบัติ ทั้งนี้ ตามแผนเดิมที่กองทัพได้ทำมาคือปรับตามแผนราชการที่ทำไว้ คาดว่าปี 2570 จะสามารถปรับกำลังพลได้เยอะ และจะมีการเพิ่มมาตราการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดแบบใหม่ น่าจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้พลทหารที่ไม่ใช่สายหลักเข้าสู่ระบบเยอะ และจะทำให้กำลังพลลดลงมาก

เมื่อถามว่า มีเป้าหมายที่จะทำให้กำลังพลลดลงเท่าไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า ตัวเลขยังไม่ชัดเจน กำลังทำอยู่ แต่ยืนยันว่าลดลงเยอะ ในปี 2570 เชื่อว่ากำลังพลโดยเฉพาะระดับนายพล จะลดลงไม่น้อยกว่า 20-30% ขณะเดียวกันก็ต้องคำนวณงบประมาณที่จะไปใช้ในการจ่ายให้กับผู้ที่ขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด กับเงินที่จะใช้หากกำลังพลขออยู่ต่อ ซึ่งพิจารณาแล้วเห็นว่าการจ่ายให้กำลังพลที่เกษียณก่อนกำหนดจะคุ้มกว่า จะช่วยให้ทั้งงบประมาณและกําลังพลลดลง

ถามว่า เมื่อกำลังพลลดลงแล้ว ภารกิจของกองทัพจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็ต้องมีการปรับตามบริบทเดิม โดยเฉพาะภัยคุกคามใหม่

เมื่อถามถึงนโยบายการเกณฑ์ทหาร หรือการรับสมัครทหารทางออนไลน์ นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) เป็นการรายงานตัวรอบแรกของทหารที่สมัครใจ พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว พบว่าปีนี้มีการสมัครมากขึ้น ซึ่งจากที่ผ่านมาจะพบว่าเมื่อถึงวันรายงานตัวมีคนเปลี่ยนใจเยอะ แต่ปีนี้ไม่มี ทั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนตัวเลขเท่าไหร่ ต้องรอให้จบโครงการแล้วจะสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี และขอฝากไปยังลูกหลานเยาวชนที่เดิมคิดว่า 2 ปีที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์จะเป็นการเสียโอกาส เป็นการสะดุดชีวิต แต่วันนี้เรากำลังทำให้เป็น 2 ปีแห่งการเพิ่มโอกาสของชีวิต เมื่อทุกคนเข้ามาเป็นทหารเกณฑ์แล้วจะได้รับโอกาสใหม่ๆ และดีๆ ซึ่งทางกองทัพกำลังเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากที่เอาคนมาฝึกทหารมาเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะเติมการพัฒนาทุกมิติ รวมถึงการซ้อมรบและการศึกษา คนที่มาเป็นทหารเกณฑ์ในสมัยนี้จะสามารถเรียนต่อได้ และจบพร้อมกับผู้อื่นที่ไม่ได้มาเป็นทหาร

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้วิชาทหารโอนมาเป็นหน่วยกิตใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้มีระบบเรียนออนไลน์ที่สามารถใช้เทียบวุฒิได้ เพราะฉะนั้นใครกำลังศึกษาอยู่ก็สามารถเรียนต่อได้เลยแม้ต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ เมื่อถามอีกว่า ทางกองทัพจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ได้มีการคุยไว้แล้ว และจะทําเอ็มโอยูกับทบวงมหาวิทยาลัย โดยจะเริ่มนำร่องบางแห่งก่อน และจะพยายามให้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะขณะนี้สถาบันการศึกษาก็ต้องการนักศึกษา และผู้ที่มาเป็นทหารเกณฑ์ ก็มีโอกาสที่จะเป็นข้าราชการประจำมากขึ้น

‘สาวแสบ’ กุเรื่องป่วยหาเงินรักษา-หลอกขายแบรนด์เนม  ด้านเหยื่อสงสาร หลงโอนเงินให้ สุดท้ายไม่ได้ของ!!

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พ.ต.อ.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รรท.ผบก.ปคบ., สั่งการ พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.ท.กฤษณ์ พิพัฒน์พูนสิริ สว.กก.1 บก.ปคบ. จับกุม นางอโณมา  อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3651/2566 ลง 25 ต.ค. 2566 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” ได้ที่ หน้าวัดเจดีย์หลวง ถ.พระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมโพสต์ข้อความตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อ้างว่า ตนเอง หรือ สามีป่วย ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จำเป็นต้องใช้เงิน ก่อนเสนอขายสินค้าจำพวกเสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนม ยี่ห้อต่างๆในราคาถูกราคาท้องตลาดทั่วไป จนมีผู้หลงเชื่อโอนเงินสั่งซื้อเพราะอยากช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ จึงเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเงิน จึงรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.1 บก.ปคบ. จนมีการออกหมายจับ และนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว 

สอบสวน นางอโณมา ให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

‘นักวิทย์จีน’ พัฒนา ‘แบตเตอรี่’ ชาร์จเร็ว 90% ภายใน 10 นาที!! ชี้ ประสิทธิภาพสูง-ทนทาน-คุ้มค่า เดินหน้าสายการผลิตเต็มสูบ

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. สำข่าวซินหัว, อู่ฮั่น รายงานว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ของจีนได้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จเร็ว ซึ่งสามารถทำให้ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือแตะ 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลาเพียง 10 นาที

ผลการศึกษาจากวารสารเนเจอร์ เอ็นเนอจี (Nature Energy) เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า แบตเตอรี่กราไฟต์นี้มีชั้นฟอสฟอรัสแบบบางพิเศษบนพื้นผิว ซึ่งสามารถเปลี่ยนอินเทอร์เฟสอิเล็กโทรไลต์ของแข็งด้วยการนำไฟฟ้าของไอออนสูง

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวจง ได้ทดสอบแบตเตอรี่ชนิดเพาช์เซลล์ที่มีขั้วบวกกราไฟต์นี้ และพบความจุแบตเตอรี่แตะ 80 เปอร์เซ็นต์ใน 6 นาที และ 91.2 เปอร์เซ็นต์ใน 10 นาที

ผลการศึกษาเสริมว่า ความสามารถเก็บประจุของแบตเตอรี่นี้ยังคงอยู่ที่ 82.9 เปอร์เซ็นต์ในการชาร์จกว่า 2,000 รอบ ณ อัตราการชาร์จระยะ 6 นาที

คณะนักวิจัยเผยว่า การผลิตแบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติทางเคมีไฟฟ้าอันยอดเยี่ยมนี้ สามารถทำได้ง่ายและคุ้มทุน จึงมีศักยภาพทางการตลาดอย่างมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top