Wednesday, 14 May 2025
TheStatesTimes

‘กทม.’ ผนึก ‘มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ จัด ‘TIP SPIRIT’ หนุนเยาวชนเสริมทักษะกีฬา-พัฒนาตนเอง ปูทางสู่นักกีฬาอาชีพ

(9 ก.ย. 66) ‘กรุงเทพมหานคร–มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย-ทิพยประกันภัย’ ร่วมจัดโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ให้เยาวชนไทยทั่วกรุงเทพฯ ได้เรียนรู้ทักษะกับโค้ชระดับตํานานฟุตบอล-วอลเลย์บอล ตั้งแต่ กันยายน-พฤศจิกายน 2566

ดร.ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ร่วมแถลงข่าวโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องบอลรูม สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ

สำหรับ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ เป็นโครงการที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล ต้องการให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแล และร่วมสร้างสรรค์สังคมปลอดภัย เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG โดยคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ด้านสังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) ภายใต้การบริหารงานอย่างมืออาชีพ

อีกทั้งในปี พ.ศ. 2566 นี้ ยังถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 72 อยู่เคียงข้างคนไทยและสังคมไทย จึงได้มีการริเริ่มโครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ขึ้นมา โดยร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร ผ่านโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์ฝึกกีฬาของกรุงเทพมหานครและ มูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 8-17 ปี ได้เรียนรู้ประสบการณ์การเล่นกีฬา และทักษะขั้นพื้นฐานในการเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล และวอลเลย์บอลได้อย่างถูกต้อง เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนไทยใช้การเล่นกีฬาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาศักยภาพตนเอง รวมถึงเพิ่มโอกาสในการก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ตลอดจนเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยในอนาคต

โครงการ ‘TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง’ ยังได้รับการตอบรับจากโค้ชและอดีตตำนานนักกีฬาไทยที่ให้เกียรติเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยฝึกฝนทักษะ และแบ่งปันประสบการณ์ให้กับเยาวชนไทย อาทิ น.อ. ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, สะสม พบประเสริฐ, วรวุธ ศรีมะฆะ, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย, ก้องภพ สรงกระสินธ์ คุณพ่อของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย, พ.ต. ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน โค้ชฟุตบอลโปรไลน์เซนส์, วีระยุทธ สวัสดี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และโค้ชมากฝีมืออดีตทีมชาติไทยอีกมากมาย รวมไปถึงตำนานวอลเลย์บอลหญิงไทย ทั้งปลื้มจิตร์ ถินขาว, มลิกา กันทอง, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ และปิยะนุช แป้นน้อย และโค้ชวอลเลย์บอลจากสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี- อี.เทค

นอกจากนี้ ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย ยังได้มอบกรมธรรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ ทุนประกันภัยรวม 150,000 บาท ให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และสร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยมี สมรักษ์ คำสิงห์, มนัส บุญจำนงค์, ปวีณา ทองสุก, วรพจน์ เพชรขุ้ม และ เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย ผู้สร้างตำนานคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ รวมถึง สืบศักดิ์ ผันสืบ เป็นตัวแทนรับมอบให้กับอดีตนักกีฬาทีมชาติไทยในกีฬาประเภทต่างๆ จำนวนกว่า 300 คน

โครงการ TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง จะจัดทั้งหมด 6 สนาม ดังนี้
- สนามที่ 1 วันที่ 16-17 กันยายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล)
- สนามที่ 2 วันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 ​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ มีนบุรี (ฟุตบอล)
- สนามที่ 3 วันที่ 14-15 ตุลาคม 2566 ​​ณ สนามเฉลิมพระเกียรติ บางมด (วอลเลย์บอล)
- สนามที่ 4 วันที่ 28-29 ตุลาคม 2566 ​​ณ ศูนย์กีฬาบางบอน (ฟุตบอล)
- สนามที่ 5 วันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ​ณ โรงเรียนนนทรีวิทยา เขตยานนาวา (ฟุตบอล)
- สนามที่ 6 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ​​ณ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง (ฟุตบอล) Final Match

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมสมัคร
1.) เยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง 8-17 ปีบริบูรณ์
2.) ต้องมีสุขภาพที่ดี ไม่มีโรคประจำตัว ร่างกายพร้อมรับการอบรม
3.) สามารถเดินทางเข้าร่วมโครงการตามสถานที่ต่างๆ ที่ลงทะเบียนได้

‘โครงการกีฬาฟุตบอล’ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดยทีมโค้ชมืออาชีพ จะมีการคัดเลือกนักกีฬาสนามละ 8 คน 4 สนาม รวม 32 คน (ยกเว้นสนามที่ 3 ซึ่งจะสอนวอลเลย์บอล) เป็นตัวแทนไปร่วมคัดเลือกเป็นสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT ในโครงการสนามสุดท้าย วันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 โดยจะมีการเรียนรู้ทักษะขั้นสูง และร่วมแสดงความสามารถ จากนั้นจะคัดเลือกนักกีฬาเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจำนวน 11 คน เพื่อรับรางวัลพิเศษจากโครงการ และขึ้นทะเบียนเป็นนักกีฬาของทิพยประกันภัย โดยจะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการของทิพยประกันภัยในซีซั่นต่อไป ส่วนอีก 21 คน จะได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 5 แสนบาท

‘โครงการกีฬาวอลเลย์บอล’ จัดขึ้นเพื่อให้น้องๆ ได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ทั้งการฝึกซ้อมฐานต่างๆ และได้ลงทีมเพื่อแสดงความสามารถอย่างรอบด้าน ผ่านการดูแลและคำแนะนำจากโค้ชและนักกีฬาทีมชาติของสโมสร สุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค โดยจะมีการคัดเลือกนักกีฬาเยาวชน จำนวน 6 คน เพื่อรับรางวัลสุดยอดนักกีฬา TIP SPIRIT และได้รับกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทุนประกันภัยคุ้มครอง 1 ล้านบาท พร้อมรับรางวัลพิเศษจากโครงการในโครงการวันสุดท้าย

‘ก้อย อรัชพร’ กั๊กเผยสถานะ ‘ไมค์ พิรัชต์’ ปัดตอบถูกจีบไหม? พร้อมโบ้ยให้ไปถามฝ่ายชาย ด้านแก๊งเพื่อนชงกันหนักมาก!!

ถูกจับพิรุธความสัมพันธ์กับนักร้องหนุ่ม ‘ไมค์ พิรัชต์’ สำหรับนักแสดงสาว ‘ก้อย’ อรัชพร โภคินภากร หลังทั้งคู่ออกอาการเขินกันหนัก ในรายการที่หนุ่มไมค์ไปเป็นแขกรับเชิญ เรียกว่าเคมีดีสุดๆ แถมสองเพื่อนซี้อย่าง ‘นัตตี้-ดรีม’ ยังชงกันใหญ่อีกด้วย

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 66 สาวก้อย ที่มาร่วมงานแถลงข่าว ‘เทศกาล Mooncake 2023 ของขวัญจากพระจันทร์ สุข สมหวัง ดั่งใจปอง’ ที่ S&P Hall สุขุมวิท26 ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานะความสัมพันธ์กับ ไมค์ พิรัชต์ มีโอกาสพัฒนามากแค่ไหน และยังเผยถึงเรื่องที่ ‘แบมแบม GOT7’ เข้าใจว่าตนเป็นแฟนกับ ‘เก้า จิรายุ’ ถึงกับช็อตฟีลไปเลย ทำเอาเพื่อนสนิทอย่าง ‘วี วิโอเลต’ ที่เป็นแฟนตัวจริง ด่าไปแอบซุ่มกันตอนไหน

คนจับตาความสัมพันธ์กับ ‘ไมค์ พิรัชต์’?
ก้อย : “ต้องยอมรับก่อนว่ารายการถ้าหนูรับฯ มันคือรายการอ้อล้อ มันคือรายการที่สร้างเคมีอยู่แล้ว เราจะไปด้วยพลังงานที่ว่าขึ้นรถ 30 นาทีโสด แล้วบวกกับตอนนี้เราไม่ได้มีพันธะอะไร เราก็เล่นไป คนอาจจะเชียร์เพราะดูมีเคมี”

เราก็ดูเขินๆ กันอยู่นะ ใส่ชุดเหมือนกันด้วย คุยกันหลังไมค์หรือเปล่า?
ก้อย : “ไปถามพี่ไมค์(หัวเราะ) ไม่ใช่ๆ เอางี้โดยสรุปเลย เป็นพี่น้องที่น่ารักกัน ถามว่าเขาสเป๊กมั้ย เขาน่ารักนะ ก้อยรู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นไอดอล ไม่ใช่แค่พี่ไมค์ พี่กอล์ฟ(พิชญะ) ด้วย ทั้งพี่กอล์ฟ พี่ไมค์ เป็นคนที่เราชื่นชมอยู่แล้วค่ะ”

ความสนิทสนมเบอร์ไหน?
ก้อย : “มันก็คงไม่ใช่เพื่อนที่อยู่กันมาเป็นสิบปี ก็คือเป็นแขกรับเชิญที่เรารู้สึกว่าพี่เขาน่ารัก มีความห่วงใยกัน อย่างแฟนมีตเขาก็รู้สึกยินดีด้วย และเขากำลังจะมีคอนเสิร์ต เราก็รู้สึกยินดีกับเขา”

แสดงว่าเรามีการคุยนอกรอบกันอยู่บ่อยๆ ตามที่เพื่อนเราแซว?
ก้อย : “ใช้คำว่าบ่อยอาจจะไม่ได้ ใช้คำว่าคุยบ้าง มีการคุยกันบ้างซึ่งไม่ใช่แค่พี่ไมค์นะ หมายถึงแขกรับเชิญเวลาเราร่วมงานกันมันก็จะกลายเป็นเพื่อน มันไม่ใช่แบบแขกรับเชิญถ่ายงานเสร็จแยกใครก็ไม่รู้ เรารู้สึกว่าทุกๆ คนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา เราก็คุยกันได้อยู่แล้ว”

รู้สึกยังไงหลายคนเชียร์หนักมาก?
ก้อย : “ก็ขอบคุณค่ะ ดีใจ หมายถึงว่าใครชอบเราคู่กับใครเราก็แฮปปี้”

ได้คุยกับไมค์เรื่องนี้มั้ยว่ามีคนเชียร์?
ก้อย : “ก็ขำ พี่ไมค์ก็แบบมันดูเรื่องใหญ่เรื่องโตเนาะ ก็ขำกัน”

แล้วเชียร์ขึ้นมั้ย โอกาสเป็นไปได้แค่ไหน?
ก้อย : “ก้อยว่า (ดูคิดนาน?) ไม่ใช่ๆ เราแค่รู้สึกว่าไม่รีบกับอะไรเลย ก็ค่อยๆ ดูไป แต่ถ้าตอนนี้กับพี่ไมค์คือพี่น้องเลยค่ะ พี่น้องที่น่ารัก”

แล้วเขามาหยอดเล่นคุยนอกรอบไหม?
ก้อย : “ไม่ๆ ก็น่ารัก คุยกันน่ารัก”

แล้วเขาจีบไหม?
ก้อย : “เวลาถามว่าใครจีบเรา แล้วเราบอกว่ามีคนจีบเรา มันดูตลกเนาะ ก็เราสวยเหรอ (หัวเราะ) ไม่ ถามว่าจีบมั้ย ก็ต้องไปถามเขา แต่ก้อยว่าไม่ เป็นพี่น้องน่ารัก”

เปอร์เซ็นต์โอกาสในการพัฒนา?
ก้อย : “ถ้าตอนนี้ก็พี่น้องค่ะ น่ารักเฮฮา ตอนเห็นข่าวก็รู้สึกตลกดีนะ คอนเทนต์สนุกสนาน”

ถามเรื่องที่ แบมแบม GOT7 เข้าใจว่าเราเป็นแฟน เก้า จิรายุ?
ก้อย : “คือแบมแบมน่ารักมากเลยอ่ะ เป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก ชื่นชมมาก เขาก็นั่งอยู่แล้วเขาก็พูดขึ้นมา พี่มีแฟนไม่ใช่เหรอ คือเราเพิ่งเลิกใช่มั้ย เราก็คิดเขาคงหมายถึงพี่นิกกี้ใช่มั้ย แต่เขาพูด พี่เก้าไม่ใช่เหรอ หน้าไอ้วีลอยพรึ่บขึ้นมาเลย ผิดผีไปหมด (หัวเราะ)”

เรางงมั้ยตอนนั้นช็อตฟีลเลย?
ก้อย : “ก็หน้าช็อกกันไป 3 คน เราก็บอก แบมแป๊บนึงนะ อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นก้อยกับเก้าเหรอ เขาก็เลยบอกว่า คลิปไงเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ มันเป็นซีนหนึ่งในหกฉาก เขาได้ดูซีนนั้น ก็เลยคิดมาตลอดว่าเราเป็นแฟนกัน”

ผิดผีเลย?
ก้อย : “ก็รีบบอกวีเลยว่าเป็นไง จริงๆ คนที่คบเก้าไม่ใช่เธอจ้ะ คือฉัน(ยิ้ม) วีก็ด่าค่ะ ไปซุ่มเมื่อไหร่”

ตอนบอกแบมแบมไปว่าไม่ใช่ เขาว่ายังไง?
ก้อย : “แบมก็ เหรอ เหมือนเขาก็น่าจะเข้าใจสิ่งนี้มานานแล้วว่าก้อย กับเก้า จิรายุ เป็นแฟนกัน แต่พอบอกเขาก็ขำๆ น่ารัก”

ถึงกับว้าวุ่นเลย?
ก้อย : “เราก็ว้าวุ่นเลย กลัวโดนเพื่อนด่า (ไอ้เราก็สวยซะด้วยสิ) ก็จริง (หัวเราะ) ก็ขำๆ แล้วก็บอกเก้าด้วย เก้าก็ไม่เก็บหน้าเลย คือก้อยบอกว่า แบมแบมบอกว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เก้าก็ว่า เขาคิดอะไร สีหน้าเก้าแสดงชัดเจนว่าไม่ เขารักแฟน เขาว้าวุ่นกับแฟนเขา”

แบมแบมติดตามผลงานเราด้วย?
ก้อย : “เขาน่ารัก เขาติดตามคอนเทนต์ไทยหลายๆ คอนเทนต์มากที่เราเซอร์ไพรส์”

ถามผู้หญิงในสเป๊กแบมแบม เขาก็ชี้มาที่เรา?
ก้อย : “ก้อยว่าอาจจะเพราะเราหน้าแปลกกว่าสองคนมากกว่า ช้อยส์มันมีอยู่ 3 เนอะ”

เราก็สวยมีแฟนหรือยัง?
ก้อย : “เอาจริงๆ ปะ ก็รอไหว้พระจันทร์อยู่เนี่ย (หัวเราะ) มีคนบอกให้ก้อยไปไหว้พระแม่ลักษมี เราก็คงต้องขอกันบ้าง แต่ว่าถ้าตอนนี้พูดตรงๆ เลยก็คือเปิด มีอะไรเข้ามาก็เปิดรับ จะมีแฟนเร็วๆ นี้มั้ย บอกเลยว่าไม่แน่นอน”

มีคนเข้ามาจีบเยอะ?
ก้อย : “ไม่ขนาดนั้น เพราะเราพูดมันมั่นอ่ะเนาะ ก็มีมาเอ๊าะแอ๊ะบ้างทักทายตามประสา”

ทำไมยังไม่เลือกใคร?
ก้อย : “เพราะเราไม่รีบไง ก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ามันนานขนาดนั้นด้วย จริงๆ โสดมันตาวาวเหมือนกันนะ ใช้เวลาหน่อยๆ ใจเย็นๆ แล้วคนที่บอกตลอดให้ใจเย็นๆ คือคุณแม่ ด้วยวัยของเราด้วย ปกติเวลามีแฟนเราค่อนข้างใส่เต็ม ก็เลยใจเย็นดูดีๆ เราก็หาทำเยอะ ทำแฟนมีต ทำนู่นทำนี่ มีอะไรให้ทำเยอะ แล้วอยู่ดีๆ เพื่อนก็ดันโสดด้วยกัน มันเหมือนค่อยๆ มา ตอนนี้ 3 แล้ว เพื่อนมี 7 เรากลัวมาก อย่าคนที่ 4 นะ เพราะถ้าสี่ ขนหัวลุกเลย ก็ดีค่ะ เป็นช่วงชีวิตที่ได้ใช้เวลากับตัวเอง ค่อยๆ ดูไป”

เรื่องที่คนเอารูปเราไปเป็นแบบ ขอพระแม่ลักษมี อยากได้แฟนหน้าเหมือนเรา แล้วก็ได้จริงๆ มีคนแชร์เยอะ?
ก้อย : “มีแต่คนพิมพ์มา ขนาดเราดูเหมือนเราตอนเด็กเนาะ เป็นน้องปะเนี่ย ก็แชร์ขำๆ สนุก”

รู้สึกยังไงที่เขาเอาหน้าเราไปเป็นเรฟฯ อยากมีแฟนหน้าเหมือนเรา?
ก้อย : “ขอบคุณค่ะ ก็ดี เวลาเห็นอะไรแบบนี้ก็น่ารัก จริงๆ เขาทำเยอะมากเลยใช่ปะในติ๊กต็อก ตอนนี้มันเป็นคอนเทนต์ที่ฮิต เราก็คิดเหมือนกันว่าถ้าจะขอพระแม่ลักษมี เราจะขอใคร จะเอารูปใคร จะเอาหน้าใคร ยังอยู่ในช่วงแอบคิด”

สเป๊กก้อยเป็นยังไง?
ก้อย : “เอาจริงๆ ไม่รู้เลย ถ้าภายนอกสมัยก่อนนะ จะมีทางที่ชอบ แบบไทยๆ คมๆ แต่พอโตขึ้นมาหรือเราพักก่อน เอาคุยกันรู้เรื่อง ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้คิดขนาดนั้นแล้วว่าต้องยังไง แต่ว่าต้องทำให้ก้อยเป็นตัวเองได้ พูดสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆ ได้ ก้อยว่าใช้เวลา”

เราว่าตัวเองโสดแล้วสวยขึ้นไหม?
ก้อย : “ก็ประมาณนึง (หัวเราะ) ก็โอเค ปีนี้ไม่มีแน่ๆ ค่ะ”

หมอดูว่ายังไงยังทักอยู่ไหม?
ก้อย : “อยากดูมากนะ เดี๋ยวรอก่อน แค่รู้สึกว่ายังไม่ได้เจอหมอดูเป็นจริงจังมานานแล้ว เหมือนชีวิตเราก็วนเวียนเรื่องนี้เหมือนกันนะ (มีแพลนไปดูเรื่องความรัก?) คิดว่าอยากดูเหมือนกัน เดี๋ยวพาเพื่อนไป”

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการจัดหาระบบ 5G Smart City ร่วมผลักดันพื้นที่ EEC ก้าวสู่เมืองอัจฉริยะน่าอยู่

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลในการดำเนินงาน โครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์ 5G Smart City สำหรับพื้นที่ EEC เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการเมือง และ ส่งเสริมความเป็นเมืองน่าอยู่ ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26 (1) ภายใต้กรอบนโยบาย Digital Government and Infrastructure

วันที่ 5 กันยายน 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ ผู้อำนวยการกองทุนฯ และเจ้าหน้ากลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน 'โครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์ 5G Smart City สำหรับพื้นที่ EEC เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการเมือง และ ส่งเสริมความเป็นเมืองน่าอยู่' ของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ขอทุนสนับสนุนในการดำเนินโครงการจัดหาระบบและอุปกรณ์5G Smart City สำหรับพื้นที่ EEC เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการเมือง และ ส่งเสริมความเป็นเมืองน่าอยู่ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในพื้นที่ EEC ได้แก่ การสร้างเครือข่าย Internet of Things และ CCTV พร้อม ทั้งต่อยอดการพัฒนาเครือข่าย 5G Mobile และสร้างให้มีการใช้พื้นที่ที่มีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมทั้งการสร้างความพร้อมในการพัฒนา Service Platforms ควบคู่กับการพัฒนาผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดธุรกิจ ใหม่ในด้านเมืองอัจฉริยะ และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเมือง ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร เพื่อความยั่งยืนในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่นักพัฒนาเมืองจะสามารถ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการแก้ปัญหา และต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ EEC ได้

โดยผลการดำเนินงานในโครงการ ประกอบด้วย การติดตั้งเสา Smart Pole จำนวน 90 ต้นในเขตเมือง ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวในเทศบาลเมืองพัทยา เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลด้าน IoT และระบบ CCTV ผ่านเครือข่ายสัญญาณ 5G ในการส่งเสริมการบริหารจัดการเมืองและความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ Intelligent Operation Center (IOC) ตั้งอยู่ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา ในการบริหารจัดการและดูแลระบบในการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเริ่มใช้งานจริง เพื่อยกระดับการพัฒนาเมืองพัทยาให้เป็น Smart City เมืองอัจฉริยะอย่างแท้จริง

‘ดร.เสรี’ เรียกร้องยกเลิกงบค่าอาหารของ ‘สส.-สว.’  แนะให้จ่ายเงินกินกันเอง จะช่วยชาติประหยัดได้เยอะ

(9 ก.ย. 66) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

เลิกงบอาหารสำหรับ สส. และ สว.เถอะ มีเงินเดือนขนาดนี้ และค่าโน่นค่านี่อีกมากมาย ให้หากินเองเถอะ

พื้นที่ในสภาฯ มากพอที่จะทำเป็นศูนย์อาหาร ให้เข้ามาหากินกันเองนะ

ที่จัดให้ในตอนนี้ใช้งบประมาณสูงเกินไป เสียดายเงินที่ต้องจ่าย

แล้วก็มาประชุมกันไม่ครบ สภาฯ ล่มก็กลับบ้าน ไม่ได้กิน แต่ก็ต้องจ่าย

เลิกงบนี้เถอะนะ แล้วให้จ่ายเงินกินกันเอง จะประหยัดช่วยชาติได้เยอะ

อยากเห็น สส.สักคนที่เสนอเรื่องนี้ในสภาฯ จะมีไหมนะ?

‘อ.เทพมนตรี’ เตือนสติ ‘พวกปากแจ๋ว-นักแจวคีย์บอร์ด’ อย่าคิดง่ายๆ หากเลือกหมิ่น 112 แล้วลงท้ายด้วยกระเช้าราคาถูก

(9 ก.ย.66) อาจารย์เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Thepmontri Limpaphayorm’ ระบุว่า...

คำเตือน

สังคมไทยเป็นสังคมนินทาว่าร้าย ถนัดฟังแต่เรื่องร้ายคนอื่น ส่วนเรื่องตนปกปิดซ่อนเร้นความโกหกตอแหล

จึงไม่เหนือความคาดหมายว่า พระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ก็มิได้ว่างเว้นต่อสิ่งเหล่านี้ หวังพึ่งพิงใครได้ คนพูดด้วยปากเวลาแก้ไขต้องใช้สติปัญญา มันจึงยุ่งยากที่จะทำความเข้าใจ อธิบายสิ่งใดถ้ามีอคติ ความไม่ชอบแล้วไซร้ก็ป่วยการ

เอาเป็นอย่างว่าที่มีมาตรา 112 ก็เหตุที่ว่าด้วยคนมิได้ใช้ปัญญาฟังอะไรใครมาจึงตัดสินแบบนั้น ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยน คนอ่านหนังสือน้อย ฟัง สนใจโลกออนไลน์เยอะ เวลาคนหมู่มากเชื่ออะไรแชร์อะไรก็คิดว่าผ่านการกลั่นกรองพิจารณามาแล้ว เวลาโดนฟ้องจึงเที่ยวโอดครวญว่าถูกกลั่นแกล้ง เข้าใจผิด ขอขมาด้วยกระเช้าราคาถูกหวังว่าเขาจะยกโทษให้ คุกสิพี่จึงจะดีที่สุด เรียกเงินกันเป็นแสนเป็นล้าน

ฟังอะไรใครมาควรใช้วิจารณญาณอย่างแรกมันเป็นเรื่องคนอื่น อย่างที่สองคุ้มกันไหมเมื่อต้องคดี อย่างที่สามมันเป็นบาปติดตัวใจเศร้าหมอง

ถ้าอยากเสือกกันนักตั้งแต่เรื่องพระเจ้าแผ่นดินยันมาถึงประชาขนอย่างเรา การแสวงหาความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด

โยก ‘รอย’ ไป สมช. ลดแรงเสียดทาน ‘บิ๊กต่อ’ ขึ้นแท่น!! เชื่อ!! เต็งจ๋าไม่พลิก แม้มีมือดีหาเรื่องดิสเครดิตกันระวิง

ถ้าจำกันได้ เมื่อเดือน ก.ย.เมื่อปี 2554 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ขณะนั้น ก็เคยถูกคำสั่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ไปนั่งตำแหน่งใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล คือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยโยกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.ไปนั่งตบยุ่งในตำแหน่งที่ปรึกษา

ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อเปิดทางให้ พี่สาวของคุณหญิงอ้อ ‘พจมาน ดามาพงศ์’ อย่าง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผงาดขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.เพราะเหลือเวลาปีเดียว

ไม่น่าเชื่อ… กรณีย้ายนายถวิลโดยมิชอบดังกล่าว ทำให้ เดือน พ.ค. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และถูกดำเนินคดี… หนีหมายศาลอยู่จนทุกวันนี้ นอกเหนือจากคดีจำนำข้าว

ร่ายมาซะยาว… เพียงเพื่อจะโยงเข้าเรื่องว่า โยกย้ายตำรวจปีนี้ ‘บิ๊กตู่’ อดีตประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.คนเก่า (คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ) ไม่กล้าทุบโต๊ะเหมือนย้ายทหาร ส่งมอบให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธาน ก.ตร.คนใหม่ บริหารจัดการเอง… ว่า 4 แคนดิเดต ผบ.ตร.จะให้ที่ประชุมเลือกใคร… 

มีรายงานข่าวน่าเชื่อถือว่า… รัฐบาลเสี่ยนิดจะโยก พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ที่อาวุโสสูงสุด แต่จะเกษียณปี 2567 ไปนั่งตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แทน พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ที่จะเกษียณปีนี้… ทำให้แคนดิเดต ผบ.ตร.เหลือ 3 คน มีอาวุโสตามลำดับคือ… 

- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ เกษียณปี 2569
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ‘บิ๊กโจ๊ก’ เกษียณปี 2574 
- พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ‘บื๊กต่อ’ เกษียณปี 2567

ชื่อ ‘บิ๊กต่อ’ นั้นเป็นเต็งหนึ่งมาโดยตลอด… ถ้า พล.ต.อ.รอย นั่งอยู่ที่เดิมแปลว่าต้องข้ามอาวุโสถึงสามคน แต่พอท่านรองรอยลุกไป ก็จะข้ามแค่สองคน อยู่ปีเดียวแล้วลุกจากไป… ปีหน้าเปิดทางให้ บิ๊กต่าย กับ บิ๊กโจ๊ก และรอง ผบ.ตร.คนใหม่อีกคนไปลุ้นกัน… 

เรื่องอาวุโสก็เป็นปัจจัยสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่เป็นปัจจัยชี้ขาด ยังมีปัจจัยความรู้ความสามารถความเหมาะสมด้วย… เพียงแต่ระบบราชการไทยโดยเฉพาะแวดวงสีกากี ไม่มีใครไว้ใจใครได้ ถ้ามีโอกาสก็จะต้องคว้าเอาไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน… เพราะปล่อยไปวันหน้าการเมืองเปลี่ยน… ไม่มีอะไรที่แน่นอน… 

แม้แต่กรณีบิ๊กโจ๊กที่จะเกษียณอีก 8-9 ปีข้างหน้า ดูแล้วก็คงไม่พลาด เก้าอี้ ผบ.ตร.ไม่มีไปไหนแน่… 

แต่เอาเข้าจริง… ไม่มีอะไรแน่นอน

ดังนั้น สรุปรวมความนาทีนี้… เต็งจ๋าไม่น่าจะแปรเป็นอื่นก็คือ ‘บิ๊กต่อ’ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายปราบปราม ที่เพิ่งไปดูการวิสามัญ ‘หน่อง ท่าผา’ มือปืนที่ฆ่าสารวัตรทางหลวงอย่างอุกอาจเมื่อไม่กี่วันก่อน…

แต่ล่าสุดสายข่าวตะแล็บแก๊บรายงาน ‘เล็ก เลียบด่วน’ มาว่า ขณะที่เดินหน้าลุยงานโน่น นี่ นั่น ปรากฏว่ามีมือดีพยายามปฏิบัติการเผยแพร่เอกสารโจมตี ‘บิ๊กต่อ’ ข้อหาต่างๆ… โยงใยเรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องชายแดน...เป็นเรื่องเสียๆ หายๆ ในทางลบ...

พร้อมๆ กับจุดกระแสว่า… อาจจะมีการพลิกโผ ผบ.ตร.

เรื่องของเรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับท่านสารวัตร...แต่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่เชื่อหรอกว่าจะพลิก...

คนที่มาพลิกนั่นแหละ… จะพลิกแทน!!

สวัสดี

‘เศรษฐา’ ส่งสัญญาณ!! ผ่าตัดใหญ่ตลาดหลักทรัพย์  ยกระดับการกำกับดูแลผู้ลงทุนให้มีความเข้มข้นขึ้น

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 66 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มีเป้าหมายปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อยกระดับการกำกับดูแลประชาชนผู้ลงทุนให้มีความเข้มข้นขึ้น ทั้งการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในตลาดหุ้น

การปรับโครงสร้างองค์กรตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ โดยกรรมการตลาดหลักทรัพย์ปัจจุบันมีจำนวน 11 คน เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มาจากการสรรหาและการคัดเลือกของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 คน คือนายภากร ปิตธวัชชัย

อีก 6 คนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอีก 4 คนเป็นตัวแทนจากบริษัทสมาชิกหรือตัวแทนจากบริษัทโบรกเกอร์ โดยมี ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เป็นประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ
.
โครงสร้างใหม่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปรับเปลี่ยนให้มีความหลากหลายขึ้น โดยมีตัวแทนกระจายในแต่ละกลุ่มอาชีพ รวมทั้งตัวแทนของประชาชนผู้ลงทุน ส่วนตัวแทนของโบรกเกอร์อาจลดจำนวนเหลือเพียง 1 คน เพราะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กระจุกตัวในกลุ่มคนแวดวงตลาดทุนและอดีตข้าราชการระดับสูงจากกระทรวงการคลังหรืออดีตผู้บริหารแบงก์ชาติ

กรรมการตลาดหลักทรัพย์ที่ขาดความหลากหลาย และเป็นกลุ่มผลประโยชน์ในตลาดทุน นำไปสู่ข้อจำกัดแนวความคิดในการแก้ปัญหาตลาดหุ้น และการขาดความกระฉับกระเฉงในมาตรการปกป้องประชาชนผู้ลงทุน ซึ่งเห็นได้ชัดจากความเสียหายกรณีการแต่งบัญชี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ‘STARK’ ซึ่งถือเป็นความหละหลวม บกพร่องร้ายแรงของตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนั้น เมื่อพฤติกรรมโกงใน STARK ถูกเปิดโปง ตลาดหลักทรัพย์ฯ กลับดำเนินการแก้ปัญหาที่ล่าช้า ทั้งที่มีอำนาจในการกำกับ ควบคุมดูแล และจัดการแก้ปัญหาได้ในทันที เพื่อระงับยับยั้งความเสียหายไม่ให้ลุกลามในวงกว้าง

อีกเป้าหมายการจัดโครงสร้างการบริหารงานภายในที่นายเศรษฐา ให้ความสำคัญคือ การรื้อฟื้นบทบาทของฝ่ายกำกับ ซึ่งปัจจุบันต้องอยู่ภายใต้ฝ่ายการตลาด โดยจะยกระดับบทบาทการทำงานของฝ่ายกำกับให้มีความเข้มข้น

แยกเป็นหน่วยงานที่มีความอิสระและมีความคล่องตัวในการทำงาน มุ่งการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน ตั้งแต่เริ่มต้นสัญญาณการเกิดปัญหา และมีฝ่ายที่จะตรวจสอบงบการเงิน รวมทั้งธุรกรรมต่างๆ ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะ โดยเมื่อพบปัญหาที่อาจสร้างความเสียหายให้ผู้ลงทุนจะเข้าแก้ไขในทันทีตั้งแต่ต้นน้ำ

ไม่ปล่อยให้ปัญหาลุกลาม จนสร้างความเสียหายให้นักลงทุน และกลายเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการกระทำผิดในบริษัทจดทะเบียนหลายกรณี

ตลาดหลักทรัพย์มีสภาพเหมือนองค์กรในแดนสนธยา เพราะสาธารณชนไม่มีโอกาสรับรู้เงินเดือนของกรรมการและผู้จัดการ ไม่รู้อัตราโบนัสพนักงานในแต่ละปี และไม่รู้การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยในการดูแลกรรมการทั้ง 11 คน

รายได้ของกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมแล้วปีละประมาณ 30 ล้านบาท และกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯเดินทางดูงานต่างประเทศบ่อยครั้ง โดยเดินทางสายการบินระดับเฟิร์สคลาส พักโรงแรมหรู กินอาหารชั้นดีราคาแพง

และแม้แต่การจัดเลี้ยงงานประชุมกรรมการ ยังสั่งไวน์ราคาแพงๆมาจิบกันเพลิน ทั้งที่การทำงานของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มักสายเกินไปเสมอ โดยปัญหาเกิดขึ้นลุกลามบานปลายแล้ว ประชาชนผู้ลงทุนได้รับความเสียหายแล้ว ตลาดหลักทรัพย์จึงลงไปแก้ไข

รวมทั้งการใช้มาตรการกำกับหุ้นที่มีพฤติกรรมการสร้างราคา ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังนักลงทุนรายใหญ่ขายหุ้นทำกำไรออกไปก่อนแล้ว และมีกรณีล่าสุดหุ้นในตลาด MAI ที่ราคาถูกลากขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนที่จะถูกถล่มขายจนราคาดิ่งลงหนัก ทำให้นักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปเก็งกำไรขาดทุนป่นปี้

การรื้อโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ครั้งใหญ่ กำลังคืบคลานเข้ามา และเมื่อการทำงานของรัฐบาลนายเศรษฐา เข้าที่เข้าทาง การเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์อาจเกิดขึ้นทันที

แน่นอนว่า กรรมการตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 11 คน จะต้องมีใครไปใครอยู่ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง

เป้าหมายในการปกป้องประชาชนผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไม่ให้เสียหายจากการซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำซากตลอดเกือบ 50 ปีถูกกำหนดไว้แล้ว

และการรื้อโครงสร้างคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการปกป้องนักลงทุนไม่ให้ถูกปล้นจากแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหุ้นของรัฐบาลเศรษฐา

‘จเรหิน’ เตรียมฟาดซ้ำ!! สั่งสอบวินัย 25 ตร.ร่วมวงสังสรรค์ หลังปล่อยมือสังหารสารวัตรสิวลอยนวล ชี้!! โทษถึงไล่ออก

จากกรณีเกิดเหตุนายธนัญชัย หรือ ‘หน่อง ท่าผา’ ได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง พ.ต.ต.ศิวกร  สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.เสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านของนายของนายปวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ ที่ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ทั้งๆ ที่มีตำรวจระดับ ผกก. - ผบ.หมู่ อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุจำนวนถึง 25 นาย ซ้ำร้ายยังปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้อย่างลอยนวล รวมถึงมีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 ซึ่งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงว่า พล.ต.อ.ดำรงศักด์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงทางวินัย

ล่าสุด วันนี้ (9 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยผู้สื่อข่าว ถึงกรณีดังกล่าวว่า…

“ขณะนี้ ยังไม่มีคำสั่งที่เป็นทางการ แต่ก็ได้สั่งการให้เตรียมการในเบื้องต้นไว้แล้ว โดยในส่วนการสอบสวนคดีอาญา ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ก็ได้ลงไปควบคุมสั่งการอยู่แล้ว แต่ในส่วนจเรตำรวจก็เป็นเรื่องทางวินัย ซึ่งตนจะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการของจเรตำรวจเข้าไปสอบวินัยตำรวจทั้ง 25 นาย โดยจะมีการประสานข้อมูลกับพนักงานสอบสวนคดีอาญาอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน พยานหลักฐานชุดเดียวกัน

โดยเฉพาะประเด็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้คนร้ายหลบหนี ปล่อยให้มีการทำลายที่เกิดเหตุ ทำลายพยานวัตถุ ทำลายหลักฐาน ทำลายระบบการบันทึกระบบวงจรปิดในที่เกิดเหตุ นอกจากนั้น จะสาวข้อมูลให้ลึกลงไปด้วยว่า ตำรวจทั้ง 25 นาย มีการประพฤติตนอันไม่สมควรอื่นๆ ที่เอื้อต่อกำนันรายนี้อย่างไร เช่น การเรียกรับส่วย การรับผลประโยชน์ และการเอื้อผู้มีอิทธิพลที่กระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ซึ่งเป็นที่มาของการกล้ากำเริบเหิมเกริมก่อเหตุสังหารตำรวจระดับสารวัตร ต่อหน้าตำรวจที่นั่งกันอยู่เต็มงาน แถมยังมีตำรวจผู้ใหญ่ระดับ ผกก.นั่งอยู่ด้วยถึง 3 นาย ในครั้งนี้ โดยไม่มีตำรวจคนใดกล้าจับกุม หรือขัดขวางการหลบหนี ปล่อยให้เพื่อนตำรวจถูกยิงเสียชีวิตคาตา

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนยืนยันได้ว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานไม่มีการละเว้น และความผิดทางวินัยในเรื่องนี้ มีโทษขั้นสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ

‘ยุ้ย จีรนันท์’ ประกาศท้องแล้ว ขึ้นแท่นว่าที่คุณพ่อ-คุณแม่ เผย เป็นข่าวดีที่สุดในชีวิตที่มีลูกมาเติมเต็มครอบครัว

(9 ก.ย. 66) เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักคนบันเทิง ที่ขยันและตั้งใจทำงานกันมาตลอด สำหรับคู่ของ ‘ยุ้ย จีรนันท์’ และ ‘ธัญญ์ ธนากร’ เพราะไม่ว่าจะเป็นงานแสดง งานธุรกิจ หรืองานไลฟ์สดขายของต่างๆ ที่ได้เงินมาทั้งคู่ทำหมด ล่าสุดวันนี้ 9 กันยายน 2566 ด้าน ‘ยุ้ย’ ออกมาประกาศข่าวดี ตั้งท้องลูกคนแรก ทำเอาคนในวงการบันเทิง รวมไปถึงแฟนคลับเฮลั่นกันสนั่นไอจีเลยทีเดียว

โดยแฟนหนุ่มอย่าง ‘ธัญญ์’ ได้ออกมาโพสต์ภาพตัวเองถ่ายคูกับที่ตรวจครรภ์ พร้อมกับระบุแคปชันเอาไว้ว่า “วันนี้ที่รอคอยเติมเต็มครอบครัวของเรา หนูจะเป็นดวงใจของพ่อกับแม่นะ”

ส่วนทางด้านยุ้ย ก็ได้ออกมาโพสต์ประกาศข่าวดีด้วยเช่นกัน พร้อมระบุแคปชันเอาไว้ว่า “เธอ+ฉัน = เรา 3 คน ทุกปาฏิหาริย์ต้องใช้เวลา… เบบี๋น้อยของเรามาแล้วน๊าาา ดีใจที่สุด… มีความสุขที่สุดเลย”

งานนี้คนในวงการบันเทิง และแฟนคลับต่างเข้ามาแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม อาทิ
“ยินดีกับพี่ทั้ง2มากๆนะคะ”
“กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณพี่ เลิศ ดีใจมากกก อร๊ายยยยยยย”
“ดีใจด้วยนะคะพี่ยุ้ยพี่ธัญ”
“Congratulations to both of u na ka”
“ดีใจสุดๆๆๆ ป๋าป๊า ธัน”
“น้องมาแล้ว ยินดีด้วยนะคะ”
“ในที่สุดรอวันนี้มานานมาก ยินดีกับคุณพ่อคุณแม่แล้วนะคะมีตัวเล็กแล้ว” เป็นต้น

‘พงษ์ภาณุ’ สะท้อนภาพ ภาคท่องเที่ยวเชียงใหม่น่าห่วง หวังเห็นแสงสว่าง หลังภาคีเครือข่ายรัฐเอกชนร่วมกู้วิกฤต PM2.5 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยว นับเป็นฟันเฟืองที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ นั่นเพราะรายได้ราว 80% มาจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงที่บูมสุดขีดมีมากถึง 10 ล้านคน ในปี 2562 ก่อนที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด-19

แม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลายเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่า กลับมาได้รับผลกระทบจากไฟป่า และฝุ่น PM2.5 ซ้ำเติมเข้าไปอีก ทำให้สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ไม่ฟื้นตัวตามเป้าหมายที่คาดการณ์กันไว้

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้มุมมองต่อผลกระทบจาก PM2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ว่า จากข้อมูลด้านเศรษฐกิจของเชียงใหม่ พบว่ารายได้ประมาณ 80% มาจากภาคการท่องเที่ยวใหญ่มา สะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวมีความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่กระทบต่อการท่องเที่ยว จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของเชียงใหม่อย่างปฏิเสธไม่ได้

ทั้งนี้ จากการติดตามตัวเลขสถิติด้านการท่องเที่ยวอย่างละเอียด จะเริ่มเห็นสัญญาณที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเชียงใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว และคาดว่าน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อประเทศจีนเปิดประเทศ เพราะคนจีนชอบมาเที่ยวเชียงใหม่อยู่แล้ว แต่ทว่า หลังจากเกิดวิกฤต PM2.5 กลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก และคงเป็นเรื่องยากที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเมื่อปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนเชียงใหม่ถึงกว่า 10 ล้านคน

ในขณะเดียวกัน จากกรณีที่ศาลปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ได้ตัดสินให้ประชาชนชนะคดีกรณีรัฐละเลยในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นข่าวดีที่ชาวเชียงใหม่ชนะคดี แต่เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า กลไกภาครัฐในการดูแลแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมล้มเหลว ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างเหมาะสม

“การที่ประชาชนชนะคดีภาครัฐในเรื่องสิ่งแวดล้อม ถือเป็นกรณีประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทำให้เราได้รู้ว่าจะพึ่งพาภาครัฐอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ในอดีตเมื่อครั้งที่ผมเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต เคยมีแนวคิดที่จะเก็บภาษีจากการปล่อยคาร์บอน โดยเฉพาะในเรื่องการเก็บภาษีรถยนต์ จากเดิมที่เก็บตามจำนวนซีซี แต่จะเปลี่ยนไปใช้รูปแบบเก็บภาษีตามการปล่อยคาร์บอน ซึ่งสมัยนั้นทำการศึกษาเยอะแยะไปหมด แต่ก็ไม่สำเร็จ”

นายพงษ์ภาณุ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อชีวิตประชาชน คงต้องพึ่งกลไกของภาคเอกชนเข้ามาช่วยลด คาร์บอน ลดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะแนวคิดการเปิดตลาดคาร์บอนเครดิตของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหามลพิษได้อย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างมูลค่าจากอากาศที่บริษัท ประกอบกับโครงการหยุดเผาเรารับซื้อ ที่เริ่มเป็นรูปร่างจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เชื่อว่าจะเป็นทางออกในการคลี่คลายวิกฤตที่เกิดขึ้นและจะทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่กลับมาเหมือนเมื่อปี 2562 ได้อีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top