Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

เอกสารแถลงนโยบาย ครม. หลุด!! แบ่งกรอบทำงานระยะสั้น-กลาง-ยาว ครบ!!

(6 ก.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังเตรียมการแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา มีเอกสารคำแถลงของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ คือ กรอบการทำงานของรัฐบาลที่แบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

ระยะสั้นจะออกนโยบายการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิตอลวอลเล็ท จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจให้ถึงฐานราก รัฐบาลเองก็จะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษี และที่สำคัญ การดำเนินนโยบายนี้จะเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศให้เข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความโปร่งใสให้กับกลไกการชำระเงินของระบบเศรษฐกิจและรัฐบาล

นอกจากนี้จะแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงินสำหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนากลางและขนาดย่อม

ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที นอกจากนี้รัฐบาลจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงาน สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงาน ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียง และสำรวจแหล่งพลังเพิ่มเติม

ตั้งเป้าจะเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกปรับปรุงขั้นตอนการขอวีซ่า และการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การจัดทำฟาสแทร็ควีซ่าสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE)

นโยบายเร่งด่วนสุดท้าย คือ การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ให้สินค้าและบริการของประเทศ อาทิ กลุ่มสหภาพยุโรป กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง อินเดีย แอฟริกา อเมริกาใต้ รวมถึงการให้ความสำคัญกับตลาดเดินที่รวมถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เร่งการเจรจากรอบความร่วมทางการค้าระหว่างประเทศ (FTA) ปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ในเอกสารแถลงนโยบาย ระบุด้วยว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชน รัฐบาลจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างของหน่วยงานความมั่นคงให้มีความทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการคุกคามและภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ในศตวรรษที่ 21 รวมถึงรัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของประเทศพร้อมกับประชาชน โดยจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์ ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูง และกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจปัจจุบัน และอนาคตของประเทศ

ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้มีความทันสมัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับรูปแบบและความเสี่ยงของภัยคุกคาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะการใช้เพื่อการเกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค การเพิ่มพูนความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และการใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการสร้างรายได้ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างเข้มแข็งด้านสังคมของประเทศ

รวมถึงยกระดับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

‘ก้าวไกล’ เสนอ ‘บิ๊กทิน-รบ.ใหม่’ เขย่ากองทัพ หากการันตี ‘ยกเลิกเกณฑ์ทหาร’ พร้อมร่วมมือ

(6 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลชุดใหม่ เกี่ยวกับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ขณะนี้สังคมกำลังจับตามอง ทางพรรคก้าวไกลจะมีการชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ซึ่งตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ได้ให้อำนาจกองทัพสามารถบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเข้าเป็นทหารแม้ในยามที่ไม่มีสงคราม ทำให้มีช่องว่าง เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยอดผู้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารเฉลี่ย 30,000 คนต่อปี น้อยกว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการคือ 90,000 คนต่อปี ทำให้วันนี้ทุกฝ่ายคงเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่าย เมื่อมีการบังคับคนเข้าไปเกณฑ์ทหาร กระทบต่อเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หรือการทำตามความฝัน การใช้เวลากับครอบครัว ไปจนถึงการดึงทรัพยากรมนุษย์ออกจากตลาดแรงงานในระดับสังคม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเราอยากจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารให้สำเร็จ โดยไม่ให้กระทบภารกิจการรักษาความมั่นคง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพต้องการ หรือลดยอดผี คือ ชื่ออยู่ในทะเบียนแต่ตัวไม่อยู่ในค่ายทหาร ลดทหารรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่นคง ทบทวนงานบางอย่างตามบริบทภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปขณะเดียวกันต้องเพิ่มยอดสมัครใจในการเกณฑ์ทหาร ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ทั้งค่าตอบแทน ความปลอดภัย โอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพ

“การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มี 2 แบบคือ 1.) ลุ้นยกเลิกแบบปีต่อปี ค่อยๆ ลดช่องว่างกำลังพล ตามแผนของกระทรวงกลาโหมปี 2566-70 ที่กำลังดำเนินการอยู่ และ 2.) ที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือ เลิกแบบการันตีไม่มีเกณฑ์ทหาร คือการแก้ไข พ.ร.บ.รับราชการทหาร ปี 2497 ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจ ในการบังคับคนเป็นทหาร ในช่วงไม่มีสงคราม เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเราจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารสำเร็จในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ เพราะสามารถกำหนดได้ในกฎหมาย ทำให้ผู้ที่เกณฑ์ทหารไม่ต้องมาลุ้นปีต่อปีเหมือนการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารแบบแรก ขณะเดียวกันจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้กองทัพปฏิรูปตัวเอง และให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตพลทหาร ก็คงต้องจับตาดูการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ว่าแนวทางการยกเลิกฯ จะเป็นอย่างไร” นายพริษฐ์ กล่าว 

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าการชี้แจงของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เกี่ยวกับกับเรื่องนี้ ดูจะเป็นแนวทางการยกเลิกฯ แบบที่ 1 ถ้าในที่สุดออกมาเป็นแบบที่ 1 ก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังในแต่ละปีอย่างไรจนเป็นศูนย์ แต่ถ้าเป็นแบบที่ 2 พรรคก้าวไกลยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพราะเราได้ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายรับราชการทหารเข้าสู่สภาฯ แล้ว อยู่ในขั้นตอนการรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่เซ็นรับรองให้สามารถถูกบรรจุในสภาฯ แล้วมีการถกเถียงกัน

เมื่อถามว่านายสุทิน ออกมาระบุยืนยันในเดือน เม.ย.ปีหน้า จะไม่มีการเกณฑ์ทหารแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบที่ 1 มันจะอยู่ในสภาวะที่ต้องลุ้นปีต่อปี ตัวเลขแรกในยอดกำลังพลที่จะลดในแต่ละปี ก็ยังไม่ได้มีการสื่อสารออกมา ถึงแม้ปีหน้าจะสามารถลดให้เหลือศูนย์ได้จริง แต่คงต้องมาลุ้นในปีต่อไปอีกว่า ยอดกองทัพจะมีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการรับประกันให้เยาวชนที่ต้องวางแผนชีวิตว่าจะมีความเสี่ยงในการรับการเกณฑ์ทหารหรือไม่

“การปฏิรูปกองทัพต้องมีไอเดียมาจากรัฐบาลพลเรือนที่เป็นกรอบการดำเนินการด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้องค์กรนั้นๆทำแผนที่ตัวเองคิดมาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ผ่านมาอาจมีกฎหมายบางส่วนที่ทำให้กองทัพมีอำนาจเหนือพลเรือนเช่น พ.ร.บ.ระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า การตัดสินใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของรมว.กลาโหม ที่เป็นตัวแทนของพลเรือน แต่กลับไปอยู่ในอำนาจของสภากลาโหมที่ประกอบไปด้วยข้าราชการทหารเป็นหลัก ทำให้ขัดหลักที่ว่ารัฐบาลพลเรือนควรอยู่เหนือกองทัพ” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้านร่วมกัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมามีแต่การพูดคุยในพรรคก้าวไกลเป็นหลัก 

ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยาพร้อมเปิดงาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 พบผู้ซื้อรายใหญ่ เสริมแกร่งผู้ประกอบการในพื้นที่ EEC สร้างมูลค่าการเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท

ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยา นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พร้อมด้วย ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพย.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายมนู เลียวไพโรจน์, ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย และนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, ผู้อำนวยการ สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ร่วมเปิดงานจัดงาน MIRA และ SUBCON EEC 2023 โดยมีผู้ประกอบการ แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน

การจัดงานที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุชพัทยาในครั้งนี้ มีความพร้อมในเรื่องสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงาน โดยงานเริ่มตั้งแต่วันที่6-8 กันยายน 2566 จะเป็นงานเชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถสร้างตลาดและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก (Global Supply Chain) เพราะเราตระหนักดีว่า  ในการสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบอัตโนมัติ EV หัวใจสำคัญคือ การมี Supply Chain ที่ครบวงจรและเข้มแข็ง 

สำหรับการจัดงานในปีนี้ ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยในภาคอุตสาหกรรมมาจัดแสดงกว่า 150 ราย พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมการประชุมและสัมมนาในหัวข้อสำคัญๆ อาทิ การเสวนาหัวข้อ "จากกระบวนการผลิต สู่การเลือกใช้ระบบอัตโนมัติที่เหมาะสม และ "A Case Study of Prompt Engineering for Industrial Cybersecurty using ChatGPT และที่พลาดไม่ได้คือ โซนเทคโนโลยีพิเศษ MIRA x FIBO ที่ผู้จัดงานได้ร่วมมือกับ สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำ 3 เทคโนโลยีพิเศษมาจัดแสดง ได้แก่ 1.มดบริรักษ์ หุ่นยนต์ผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ช่วงโควิดที่สามารถนำแนวคิดไปต่อยอดในการจัดการ 2.CHESS ROBOT กิจกรรมการเล่นหมากรุกระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เล่นหมากรุกสากล และ 3.InteractiveVitual Aquarium ที่สามารถสร้างสรรค์ปลาที่มี character เฉพาะตัวของผู้ชมงานแต่ละคนปล่อยลงสู่ Virtual Aquarium ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน ทุกภาคส่วนมองตรงกันว่าเวที่นี้จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการร่วมสร้างหมุดหมายใหม่ในการลงทุนให้กับภาคเศรษฐกิจไทย"

ส่อง 4 มรดกโลก ใกล้รถไฟความเร็วสูงยิ่งกว่า 'อยุธยา' แต่!! ไม่เดือดร้อน ไม่ถูกถอดถอนจากลิสต์!!

ประเด็นความกังวลเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เริ่มมีมากขึ้น หลังจากมีกลุ่มคนออกมาคัดค้านพร้อมแจงเหตุผลว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้อยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้รับประกาศเป็นมรดกโลก เกรงว่าหากมีการก่อสร้างจะสั่นคลอนถึงตำแหน่งมรดกโลก แม้ตัวโครงการรถไฟความเร็วสูงและอุทยานฯ จะอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรก็ตาม…

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวม 4 สถานที่ในโลกที่ได้ขึ้นชื่อเป็น ‘มรดกโลก’ แต่ก็ยังมี ‘สถานีรถไฟ’ อยู่ใกล้ ๆ แถมยังไม่ถูกปลดออกจากตำแหน่งด้วย จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกัน…

ทัวร์ลง ‘กระติ๊บ ชวัลกร’ หลังคอมเมนต์ ‘แน็ก ชาลี-เก๋ไก๋’ ประโยคเดียวสะเทือนทั้งโซเชียล จนชาวเน็ตขอเลิกติดตาม

(6 ก.ย. 66) เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับ ‘แน็ก ชาลี’ หรือที่รู้จักในชื่อ ‘ชาลี ไตรรัตน์’ เป็นนักแสดงและนักร้องลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ เข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ยังเด็ก มีผลงานสร้างชื่อในภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน ที่ทำรายได้สูงสุด 140 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2546 และภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ สำหรับการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในปี พ.ศ. 2549

เเละหลายคนคงทราบกันดีว่า ‘แน็ก ชาลี’ นั้นเพิ่งประกาศเปิดใจคบหาสานความสัมพันธ์ กับยูทูบเบอร์สาวคนดัง ‘เก๋ไก๋’ ได้เพียงไม่นาน เละล่าสุด งานนี้เจ้าตัวนั้นก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอเล่นเปียโนอวยพรวันเกิดแฟนสาว พร้อมระบุแคปชันว่า “ขอให้เก๋มีความสุขมากๆ ครับ ขอให้ทุกๆ วันมีแต่สิ่งดีๆ เจอแต่สิ่งดีๆ ขอให้มีแต่คนรักเยอะๆ แบบนี้ตลอดไป”

เเต่งานนี้ก็ทำเอาดรามาจนได้เมื่อ ทัวร์ลง ‘กระติ๊บ ชวัลกร’ นักแสดงดัง หลังโผล่คอมเมนต์ ‘แน็ก ชาลี-เก๋ไก๋’ แค่ประโยคเดียวสั้นๆ แต่กลับงานเข้าเต็มๆ โดยสาเหตุมาจากสาวกระติ๊บ ชวัลกร ได้เข้ามาคอมเมนต์โพสต์ดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า “ดูดีกว่าอีกคู่เยอะ hbd ka” ทำคนแห่กดไลก์ไปเกือบหมื่นคน

หลังจากนั้น เหล่าบรรดาชาวเน็ตต่างก็เข้ามาคอมเมนต์เดือดทัวร์ลงกระติ๊บอย่างหนักกหน่วง อาทิ

“ชมคู่นี้แต่แขว๊ะอีกคู่มันดีหรอคะ โตแล้วควรมีวุฒิภาวะให้มาก คอมเมนต์แขวะให้คนอื่นตาม ไม่น่ารัก”
“การที่จะชมคนอื่นไม่เห็นต้องแซะคนอื่นเลย ดูไม่มีวุฒิภาวะเลยค่ะ”
“มารยาทขั้นพื้นฐานบ้งมากเลยนะคะ คุณกระติ๊บ”
“นี่ใครง่ะ ไปแชะคู่เขา หิวแสงหรือคะ รู้จักเขาหรอไปว่าเขา เราติดตามผลงานคุณ แต่ตอนนี้คงเลิกติดตามแล้วเเหละ รู้เลยนิสัยแบบนี้ เขาไม่รู้จักคุณด้วยช้ำจะโยนประเด็นเพื่อ?”
“ผมแฟนคลับชาลีนะ แต่เมนต์แบบนี้มันไม่ได้ดูดีเลยครับ แฟนคลับชาลีจริงๆ ก็คงไม่ได้ชอบใจอะไร ถ้าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กัน ต่างคนต่างอยู่ ดีกว่าไปเหน็บเขาแบบนี้ ในขณะที่บางคนก็เข้ามาชมว่าคอมเมนต์แบบนี้ จริงค่ะ”
“ชัดเจนมาก”
“ถูกใจมากแม่!”!

ตำรวจไซเบอร์ ตามรวบเอเย่นต์รับซื้อบัญชีม้า ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 2.5 ล้าน

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 จับกุมเอเย่นต์รับซื้อบัญชีม้า ในขบวนการแอบอ้างเป็นหญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาตีสนิทผ่านโลกออนไลน์ ลวงเหยื่อลงทุนเทรดเงินดิจิทัล ผลตอบแทนสูงร้อยละ 50 สูญเงินรวมกว่า 2.5 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา มีประชาชนซึ่งตกเป็นผู้เสียหาย จากการถูกกลุ่มขบวนการ Hybrid Scam หลอกให้รักแล้วลงทุน ใช้โปรไฟล์หญิงสาวหน้าตาดี เข้ามาทักทายตีสนิทผ่านทางเฟสบุ๊ค จากนั้นได้มีการพูดคุยติดต่อกันทางแอปพลิเคชั่น ไลน์ และได้เริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรด ซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล USDT ซึ่งมีผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 50 ของเงินลงทุน เมื่อผู้เสียหายสนใจ คนร้ายได้ส่งแพลตฟอร์ม Bidget-coins เพื่อให้ผู้เสียหายสมัครสมาชิกเข้าไปลงทุน ซึ่งในช่วงแรกสามารถทำกำไรและเบิกถอนเงินได้ตามปกติ จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย จำนวน 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 2,588,000 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยคนร้ายใช้ข้ออ้างต่างๆ เช่น ต้องชำระค่าภาษีหรือค่าธรรมเนียม หรือ ต้องเพิ่มการลงทุนให้มากขึ้น จึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงได้มาร้องทุกข์กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 จึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งต่อมาชุดสืบสวน กก.4 บก.สอท.1  สามารถจับกุมขบวนการนี้ไว้ได้ ซึ่งได้ให้การรับสารภาพและซัดทอดว่า นายธานุศักดิ์ฯ หรือเกมส์ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้ว่าจ้างให้เปิดบัญชี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้

ต่อมาวันที่ 5 กันยายน 2566 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน กก.4 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายธานุศักดิ์ หรือ เกมส์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ชักชวนและว่าจ้างให้เปิดบัญชี เพื่อรวบรวมบัญชีม้าไปส่งให้นายทุนใหญ่อีกทอดหนึ่ง ได้ที่ บริเวณบ้านเอื้ออาทร ซอยรังสิตนครนายก 24 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า ผู้ต้องหามีประวัติพัวพันกับยาเสพติดก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมตัวมาแล้วหลายครั้ง

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ กล่าวว่า “จากการจับกุมบัญชีม้าก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขยายผลจนทราบว่า นายธานุศักดิ์ ทำหน้าที่ชักชวนคอยหาบัญชีม้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพโดยว่าจ้างให้เปิดบัญชีธนาคาร และลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ (บัญชีม้า ซิมม้า) โดยให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 700 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลไปยังนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป”

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ ผบก.สอท.1 ได้ฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ โดยไม่ควรรับแอดเพื่อนในสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่รู้จัก หากจะรับขอให้ตรวจสอบข้อมูลในบัญชีให้ดี และหากมีการชักชวนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นมิจฉาชีพ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของการลงทุนอีกด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถปรึกษาสอบถาม สายด่วน ตำรวจไซเบอร์ 1441 ได้ทันที

‘กองทุนดีอี’ ติดตามโครงการโดรนสำรวจความสมบูรณ์ของป่าไม้ ชี้ ผลสำเร็จตามเป้า หลังเก็บข้อมูล 11 อุทยาน กว่า 10 ล้านไร่

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลสำเร็จในการดำเนินงาน โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ในปีประกาศ พ.ศ. 2564 ตามมาตรา 26(1) ภายใต้กรอบนโยบาย Digital Government and Infrastructure

วันที่ 4 กันยายน 2566 กองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นำโดยคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลโครงการ ผู้แทนจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาโครงการ ผู้อำนวยการกองทุนฯ และเจ้าหน้าที่กลุ่มติดตามและประเมินผล ได้ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงาน “โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ของ กองการบิน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

กองการบินฯ ได้ขอทุนสนับสนุนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีภารกิจในการดูแลทรัพยากรป่าไม้ของประเทศและการดูแลประชาชน ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศ การบินลาดตระเวนทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ ในการสนับสนุนภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาจัดทำฐานข้อมูลแผนที่ป่าอุทยาน และพัฒนาระบบจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และแสดงผลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศความละเอียดสูงสำหรับสนับสนุนการจัดการพื้นที่ทำกิน ให้บริการแก่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงระบบแสดงผลข้อมูลสถานการณ์ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ด้านไฟป่าและน้ำป่าไหลหลากในรูปแบบ real time บน web map service และ mobile application เพื่อแจ้งเตือนประชาชน

โดยกองการบินฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานของโครงการที่มีผลสัมฤทธิ์ในโครงการตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ สามารถพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับแบบขึ้นลงแนวดิ่ง จำนวน 14 ระบบ แบ่งเป็น อากาศยานขนาดใหญ่ใช้ในการลาดตระเวนทางอากาศ จำนวน 4 ระบบ อากาศยานขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 10 ระบบที่ใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายทางอากาศแบบหลายช่วงคลื่น แล้วนำไปเก็บข้อมูลทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ป่าจำนวน 11 อุทยาน บนพื้นที่กว่า 10 ล้านไร่ และพัฒนาระบบบริหารจัดการในการใช้งาน ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้ในโครงการ เป็นฐานข้อมูลในการปฏิบัติงานและบูรณาการการใช้งานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการลดการบุกรุกพื้นที่ป่า การบริหารจัดการพื้นที่ทำกิน รวมถึงการแจ้งเตือนสถานการณ์ไฟป่า น้ำป่าไหลหลากให้ประชาชนได้ทราบอย่างทันท่วงที โดยกองการบินได้สาธิตการทำงานของอากาศยานไร้คนขับในแต่ละระบบ โดยจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานของหน่วยงาน ณ สนามบินเล็กพัทยา จ.ชลบุรี มีผลความสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี

‘หนุ่ม CM108’ เจ้าของเพจชื่อดัง เสียชีวิตลงในวัย 56 ปี จากภาวะหัวใจล้มเหลว หลังเพิ่งเดินทางไปรีวิวร้านอาหาร

(6 ก.ย.66) รายงานข่าวแจ้งว่า ‘หนุ่ม CM108’ หรือ นายนราธิป หิรัญวุฒิกุล อายุ 56 ปี ผู้ก่อตั้งเพจ CM108 ชื่อดังของ จ.เชียงใหม่ ได้เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา นายนราธิป พร้อมด้วยทีมงานเดินทางไปรีวิวร้านอาหารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่แล้วเกิดอาการไม่สบาย โดยหนุ่มได้บอกทีมงานให้กลับไปก่อน จากนั้นเจ้าตัวได้ขับรถมาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม 1 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อมาได้เสียชีวิตลงจากอาการภาวะหัวใจล้มเหลวดังกล่าว

สำหรับประวัติของ นายนราธิป หิรัญวุฒิกุล เกิดที่บ้านแม่ฮ้อยเงิน ต.แม่ฮ้อยเงิน อ.ดอยสะเก็ด ไปทำงานที่ กทม. เป็นผู้สนใจเรื่องไอทีมาตั้งแต่ต้น จึงเข้าสู่วงการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่ก่อนปี 2540 จากนั้นได้ก่อตั้งเว็บไซต์ ‘หรรษา@com’ และอีกหลายเว็บไซต์

และได้ขายให้กับกลุ่มทุนใน กทม. เกือบ 30 ล้านบาท หอบเงินกลับมาเปิดธุรกิจและเว็บไซต์ข่าวสาร CM108.com จนเกิดสมาชิกจำนวนมากต่างนำเสนอข่าวสาร และข้อร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ล่าสุดปี 2565 มีผู้เข้าชมมากกว่าล้านคนแล้ว

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ช่วยเหลือผู้พิการด้อยโอกาสในส่วนภูมิภาค จัดทีมลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร และนครสวรรค์ มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ รวมมูลค่ากว่า 5 แสนบาท

วันนี้ (วันพุธที่ 6 กันยายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก และนายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก และนางสาวศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร มอบรถเข็นวีลแชร์ ในโครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม” แก่ผู้พิการ จำนวน 100 คัน พร้อมมอบค่าพาหนะ คนละ 500 บาท คิดเป็นมูลค่า 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) พร้อมนำหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการทันตกรรม และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยมี นางสาววรางคณา วงศ์มหาชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสกลนครในนามผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานในพิธี คณะเมตตาธรรมมูลนิธิสกลนคร เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย  อาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊-อัญชลี) ร่วมแจกจ่ายในครั้งนี้  ณ เมตตาธรรมมูลนิธิสกลนคร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

และในวันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์พร้อมค่าพาหนะ จำนวน 100 คัน พร้อมนำหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการทันตกรรม และบริการตัดผม แก่ประชาชน ณ บริเวณโรงเรียนประชานุเคราะห์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์

รวมการดำเนินการมอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการด้อยโอกาสในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และนครสวรรค์ จำนวน 200 คัน  พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 500 บาท รวมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 595,000 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน)

สำหรับ“โครงการ ป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์สังคม” มอบรถเข็นวีลแชร์ให้กับผู้พิการ เป็นส่วนหนึ่งที่มูลนิธิได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 และได้กระจายความช่วยเหลือไปสู่ภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘อังกฤษ’ จ่อขึ้นบัญชีดำ ‘Wagner’ กลุ่มทหารรับจ้างของรัสเซีย ชี้!! เป็นองค์กรก่อการร้ายที่มีความอันตรายเทียบเท่า ‘ISIS’

‘รัฐบาลอังกฤษ’ เตรียมที่จะขึ้นทะเบียน ‘Wagner PMC’ บริษัททหารรับจ้างเอกชนของรัสเซีย เป็นองค์กรก่อการร้าย นั่นหมายความว่าใครก็ตามที่เป็นสมาชิกขององค์กร Wagner หรือให้การสนับสนุน ถือว่าผิดกฎหมายก่อการร้ายของอังกฤษ

ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเตรียมผ่านชงเรื่องการขึ้นบัญชีดำกลุ่ม Wagner ผ่านสภาฯ ในวันพุธนี้แล้ว และหากประเด็นนี้ผ่านการพิจารณาในสภาฯ สำเร็จ รัฐบาลอังกฤษจะมีอำนาจในการยึดทรัพย์ อาญัติบัญชีทรัพย์สินของกลุ่ม Wagner และเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องในอังกฤษได้ทันที

‘ซูเอลลา บราเวอร์แมน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอังกฤษ กล่าวว่า “Wagner ถือเป็น กลุ่มที่ก่อความรุนแรง สร้างความหายนะทั้งในยูเครนและแอฟริกา เป็นเครื่องมือการทหารของ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ผู้นำรัสเซีย ที่ใช้ในการวางเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งบ่อนทำลายความมั่นคงของโลก ดังนั้น ตามกฎหมายก่อการร้ายของอังกฤษ (Terrorism Act 2000)  Wagner เข้าข่ายองค์กรก่อการร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย”

และด้วยกฎหมายก่อการร้ายฉบับปัจจุบันของอังกฤษ ได้มอบอำนาจให้กระทรวงมหาดไทยของอังกฤษสามารถขึ้นบัญชีดำองค์กรใดๆ ก็ตามในโลกที่เข้าข่ายก่อการร้าย จากเดิมที่ครอบคลุมเพียงกลุ่มก่อการร้ายในไอร์แลนด์เหนือเท่านั้น และอังกฤษก็ได้ขึ้นทะเบียนผู้ก่อการร้ายมาแล้วหลายกลุ่มทั้ง อัลกออิดะห์, ISIS, ฮามาส, โบโก, ฮาลาม และล่าสุดคือ กลุ่ม Wagner

และหลังจากขึ้นทะเบียนกลุ่มก่อการร้ายเรียบร้อยแล้ว บุคคลที่เป็นสมาชิก ผู้ที่สนับสนุนกลุ่ม Wagner หรือแม้แต่การแสดงความเห็นในที่สาธารณะในเชิงสนับสนุน จัดกิจกรรมรวมกลุ่ม หรือแม้แต่ใช้โลโก้ ธง สัญลักษณ์ของ Wagner ในอังกฤษ จะถือเป็นความผิดในคดีอาญา มีโทษจำคุกถึง 14 ปี หรือปรับเงิน 5,000 ปอนด์

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษได้รับแรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้าน ให้เร่งขึ้นทะเบียนผู้ก่อการร้ายกับกลุ่ม Wagner มานานหลายเดือนแล้ว จากเหตุรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซีย ซึ่งกลุ่ม Wagner มีบทบาทสำคัญในการยึดครองพื้นที่ในยูเครน อีกทั้งยังมีหลักฐานการใช้ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย และสังหารประชาชนชาวยูเครน

แต่รัฐบาลอังกฤษเพิ่งเตรียมพิจารณาผ่านญัตติการขึ้นบัญชีดำกลุ่ม Wagner ในวันนี้ หลังจากที่กลุ่มได้สลายตัวไปหลังเหตุการณ์ Wagner ลุกฮือในรัสเซียเมื่อ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ตามด้วยการเสียชีวิตของ ‘เยฟเกนี พริโกซิน’ หัวหน้าผู้ก่อตั้งองค์กร จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่ยังเป็นปริศนาในอีก 2 เดือนต่อมาก็ตาม

ถึงจะทำช้า แต่ก็ทำนะ สำหรับการตัดสินใจของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเชื่อว่าเครือข่าย Wagner ยังคงอยู่ แม้ผู้นำจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่บทบาทจะยังคงเหมือนเดิม หรือเปลี่ยนชื่อเป็นองค์กร หรือ รูปแบบอื่นๆ ไปแล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าขอบเขตกฎหมายของอังกฤษจะตามทันหรือไม่

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top