Thursday, 15 May 2025
TheStatesTimes

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 28 ส.ค. - 1 ก.ย. 66 จับตาปัจจัย 'บวก-ลบ' ชี้แนวโน้ม 4 - 8 ก.ย. 66

ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงทุกชนิด เฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 1 ก.ย. 66 เพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดคาดว่าซาอุดีอาระเบียจะขยายเวลาอาสาลดการผลิตน้ำมันดิบ (ปริมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ออกไปถึงเดือน ต.ค. 66 จากเดิมช่วง ก.ค.- ก.ย. 66 ขณะที่รัสเซียจะขยายเวลาลดการส่งออกน้ำมันดิบออกไปถึง ต.ค. 66 เช่นกัน (ก่อนหน้ารัสเซียประกาศลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. 66 ปริมาณ 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเดือน ก.ย. 66 ปริมาณ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และอาจจะอาสาลดการผลิตจนสิ้นปีนี้

พายุเฮอริเคน Idalia (ระดับ 3: ความเร็วลมสูงสุด 179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เคลื่อนผ่านรัฐ Florida ของสหรัฐฯ ทำให้บริษัท Chevron อพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม (Platforms) แถบ Gulf of Mexico (GoM) บางส่วน โดย Reuters คาดว่าจะกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 0.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ GoM ผลิตน้ำมันดิบประมาณ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 15% ของการผลิตในสหรัฐฯ

ด้านเศรษฐกิจ ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (Core Personal Consumption Expenditure: PCE) ที่ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ซึ่งใช้วัดเงินเฟ้อ ในเดือน ก.ค. 66 อยู่ที่ +3.3% จากปีก่อน ต่ำกว่าผลสำรวจนักวิเคราะห์จาก Reuters คาดว่าจะอยู่ที่ +4.2 จากปีก่อน ทำให้ FedWatch Tool ของ CME Group ประเมินว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) วันที่ 19-20 ก.ย. 66 นักลงทุนให้น้ำหนัก 88% ที่ FOMC จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% และให้น้ำหนัก 12% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

ภาคอุตสาหกรรมของจีนยังคงชะลอตัว โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index: PMI) ภาคการผลิตของรัฐวิสาหกิจและบริษัทขนาดใหญ่ ในเดือน ส.ค. 66 อยู่ที่ 49.7 จุด รัฐบาลจีนมีแนวโน้มจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่อง

คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

‘ปตท.’ ปลุกพลังคนรุ่นใหม่ ประลองไอเดียขายสินค้าชุมชน  ในโครงการ ‘Young Influencer Challenge Thailand 2023’

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานปฐมนิเทศ โครงการ ‘Young Influencer Challenge Thailand 2023 : ชวน U สร้างรอยยิ้ม’ กิจกรรมที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงพลังและไอเดียความคิดสร้างสรรค์ แข่งขันจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนใน ‘โครงการชุมชนยิ้มได้ โดย กลุ่ม ปตท.’ ผ่าน 30 ทีมเยาวชนจาก 10 มหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้นด้วยความร่วมมือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีระยอง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด โดยมีคณาจารย์ และนิสิตนักศึกษา กว่า 200 คน ร่วมงาน ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

นางกนกพร เปิดเผยว่า ปตท. เล็งเห็นถึงศักยภาพและพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ที่สามารถช่วยสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนเข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น จึงจัดโครงการ ‘Young Influencer Challenge Thailand 2023 : ชวน U สร้างรอยยิ้ม’ เพื่อเฟ้นหาทีมสุดยอดนักขายผลิตภัณฑ์ชุมชน ผ่าน  www.ชุมชนยิ้มได้.com ซึ่งนิสิต นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับประสบการณ์จริง จากการนำทักษะความรู้มาใช้ในการจัดทำแผนการตลาดและเทคนิคการขายสินค้าชุมชนออนไลน์ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเจ้าของสินค้า อันจะนำไปสู่การสร้างเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนให้เติบโตต่อไป

อนึ่ง ‘โครงการชุมชนยิ้มได้ โดย กลุ่ม ปตท.’ เป็นหนึ่งในโครงการ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ชุมชนมีความยากลําบากด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ปตท. จึงพัฒนา Platform www.ชุมชนยิ้มได้.com ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัด เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น และยังคงเปิดช่องทางจําหน่ายนี้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และเปิด ‘ร้านชุมชนยิ้มได้ Official Store’ แห่งแรก ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย

ตลอดระยะเวลา 45 ปี ปตท. มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานประเทศ ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

‘เปาะเปี๊ยะข้าวยำหมูย่าง’ เมนูสุดเด็ดเชฟส์เทเบิ้ล ของดีเมืองตรัง ได้รสสัมผัสข้าวยำปักษ์ใต้ หอมกลิ่นสมุนไพร ลองแล้วจะติดใจ!!

เปิดสูตรเด็ด ‘เปาะเปี๊ยะข้าวยำหมูย่าง’ อาหารกินเล่นสุดว้าว จากเชฟส์เทเบิ้ล ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนเป็นเมนูยอดฮิตของรีสอร์ทหนึ่ง ในจังหวัดตรัง

‘ข้าวยำไส้หมูย่างทอดกรอบ’ เมนูสุดว้าวจากเชฟส์เทเบิ้ล อร่อย 1 คำ จะได้รสสัมผัสของข้าวยำปักษ์ใต้ ที่หอมคละคลุ้งไปด้วยสมุนไพร และในขณะเดียวกันก็จะได้กินหมูย่างเมืองตรังไปด้วย

แม้ข้าวยำจะเป็นอาหารประจำถิ่นที่นิยมรับประทานใน 3 จังหวัดชายแดนได้ และล่าสุด ‘กรมส่งเสริมวัฒนธรรม’ (สวธ.) ประกาศรายชื่อผลคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ภายใต้โครงการการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย ‘รสชาติ...ที่หายไป’ (The Lost Tasts) ประจำปี 2566 ซึ่งจังหวัดได้รับการคัดเลือก ‘ข้าวยำโจร’ นั้นข้าวยำโจร ก็มีลักษณะเป็นข้าวยำคลุกด้วยเครื่องสมุนไพร ก็ไม่ต่างกับข้าวยำคลุกในจังหวัดอื่นในภาคใต้

แต่ที่จังหวัดตรัง นายจิรวัฒน์ วิระพรสวรรค์ หรือมิก อายุ 28 ปี หนุ่มสถาปนิก จากรั้วสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับบ้านช่วยครอบครัวบริหารรีสอร์ท และเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร จนนับได้ว่าเป็น เชฟส์เทเบิ้ล แนวหน้าคนหนึ่งของจังหวัดตรัง โดยการคิดและค้นหาวัตถุดิบในชุมชนมารังสรรค์เป็นอาหารสุดว้าว ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ผ่านเมนูจานอาหารที่เชฟรังสรรค์ขึ้น โดยแต่ละเมนูนั้นจะมีความพิเศษทั้งในเรื่องของวัตถุดิบและเรื่องราวมากมายที่เกิดจากชุมชน มานำเสนอในจานอาหาร

โดยนำ ‘ข้าวเบายอดม่วง’ ข้าวพื้นเมืองชื่อดังที่กำลังอยู่ระหว่างการผลักดันให้ได้รับ GI สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นข้าวพื้นเมืองของจังหวัดตรัง มาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นเมนูที่หลากหลาย โดยเฉพาะข้าวยำไส้หมูย่างทอดกรอบ นอกจากนี้มีการวิจัยพบว่าข้าวเบายอดม่วงมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีนสูง แต่คาร์โบไฮเดรตต่ำ รับประทานแล้วไม่อ้วน และข้าวเบายอดม่วง มีลักษณะเนื้อข้าวที่เหนียวหนึบนุ่ม คล้ายกับข้าวญี่ปุ่น เหมาะต่อการนำมาทำข้าวยำไส้หมูย่างทอดกรอบ เวลาม้วนข้าวจะมาแตก เกาะตัวกับไส้ได้เป็นอย่างดี

เพิ่มความอร่อยด้วยการนำหมูย่างเมืองตรัง ที่ได้รับการคุ้มครองเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ในปี พ.ศ. 2548 มาเป็นส่วนผสมในข้าวยำไส้หมูย่างทอดกรอบด้วย เมื่อรับประทานข้าวยำไส้หมูย่างทอดกรอบ 1 คำจะได้รสสัมผัสของข้าวยำปักษ์ใต้ ที่หอมคละคลุ้งไปด้วยสมุนไพร และในขณะเดียวกันก็จะได้กินหมูย่างเมืองตรังไปด้วย เปรียบได้กับกินจังหวัดตรังไปเลยที่เดียว

การทำเปาะเปี๊ยะข้าวยำหมูย่าง ทางนายจิรวัฒน์ ก็ได้นำสมุนไพรที่ปลูกไว้ในสวนของรีสอร์ท มาเป็นส่วนผสมไม่ว่าจะเป็น ตะไคร้ ในมะกรูด ใบชะพลู ดอกดาหลา ถั่วฝักยาว มะม่วงเบา มะพร้าวคั่ว และที่ต้องซื้อหาเพิ่มเติม เช่น กุ้งแห้งป่น พริกป่น น้ำบูดู ขั้นตอนการทำก็เริ่มจากนำเครื่องข้าวยำ ที่เตรียมไว้ใสลงไปในถ้วยแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำบูดูลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นนำใบชะพลูมาเรียงก่อนที่จะตักข้าวยำที่คลุกเคล้าแล้ว ลงไปวางบนใบชะพลูตามด้วยการใส่หมูย่างลงไป ก็ทำการม้วนให้แน่น

ก่อนนำไปชุบแป้งทอดกรอบ และนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ประมาณ 5-10 นาที ตักขึ้นมาพักให้เย็นจึงจะหันมาเป็นชิ้นๆ รับประทานเปาะเปี๊ยะข้าวยำหมูย่าง 1 คำ จะได้รสสัมผัสที่มีความเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นตรัง เพราะมีทั้งความเป็นข้าวยำ น้ำบูดู แบบฉบับของปักษ์ใต้ หอมหวานด้วยหมูย่างเมืองตรัง ความกรอบนอกนุ่มในของแป้งและใบชะพลู อร่อยไปอีกแบบ

ส่วนใครสนใจ ลิ้มลองเมนู ‘เปาะเปี๊ยะข้าวยำหมูย่าง’ ไปกันได้ที่ห้องอาหาร กะช่องฮิลล์ รีสอร์ท 45 หมู่ 7 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง โทรศัพท์ : 075-573-513 ส่วนใครจะนำไปทำรับประทานเองก็ไม่หวงสูตร

‘ชลน่าน’ ยัน พร้อมยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค  รื้อระบบให้ ปชช. เข้าถึงการรักษาได้ทุกที่ ทุกเวลา

(6 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายแรกด้านกระทรวงสาธารณสุขที่จะดำเนินการว่า จะเป็นไปตามนโยบายที่เราจะแถลงต่อรัฐสภา เป็นเรื่องแรกที่เราจะต้องทำ

เมื่อถามถึงการยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค? นพ.ชลน่าน กล่าวว่า "เราใช้คำว่ายกระดับ เพราะเป็นโครงการเดิมแล้วปรับตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ซึ่งเดิมมีลักษณะของคนที่มีรายได้ เมื่อเข้ารับบริการจะเสียค่าธรรมเนียม 30 บาท แต่เมื่อมีการปรับมาเรื่อย ๆ ตรงนี้ก็หายไป ตัดออกไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเมื่อเข้ารับการรักษา

"ส่วนโครงการใหม่ที่เราจะทำนั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องการจ่าย แต่เราพูดถึงเรื่องยกระดับขึ้นมาเพื่อที่จะให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น โดยใช้บัตรประชาชนสามารถเข้ารักษาได้ทุกที่ เป็นการครอบคลุมเรื่องของคุณภาพและประสิทธิภาพ ถ้าระบบเราสมบูรณ์จะสามารถใช้ได้ทุกที่"

เมื่อถามว่า ระบบดังกล่าวจะใช้เวลานานหรือไม่? นพ.ชลน่าน กล่าวว่า "ก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนา ส่วนจะนานหรือไม่นั้นตนต้องขอดูในรายละเอียด"

‘หัวเว่ย’ เปิดตัวสมาร์ตโฟน ‘Mate 60 Pro’ ใช้ ‘ชิป 7 นาโนเมตร’ ผลิตในจีน เร็วกว่า 5G!!

‘หัวเว่ย’ (Huawei) เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ Mate 60 Pro ที่สร้างเสียงฮือฮาอย่างมากในหมู่ผู้ใช้งาน โดย TechInsights บริษัทวิเคราะห์ระบุว่า สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดของหัวเว่ยใช้ชิป 7 นาโนเมตร ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งผลิตขึ้นเองในจีนทั้งหมด

TechInsights เผยว่า สมาร์ตโฟน Mate 60 Pro ใช้ชิป Kirin 9000 ที่ผลิตขึ้นในจีนโดยบริษัท Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เทคโนโลยี 7 นาโนเมตรที่ทันสมัยที่สุดของ SMIC ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลจีนกำลังมีความก้าวหน้าในความพยายามที่จะสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการพัฒนาชิปภายในประเทศ

การเปิดตัวสมาร์ตโฟนดังกล่าว ได้สร้างความคลั่งไคล้ขึ้นในผู้ใช้โซเชียลมีเดียของจีน และสื่อของรัฐฯ โดยผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือ Mate 60 Pro ของหัวเว่ยได้โพสต์วิดีโอแบบแยกส่วน และแชร์ข้อมูลของการทดสอบความเร็วในโซเชียลมีเดีย ซึ่งพวกเขาบอกว่า Mate 60 Pro มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงกว่าโทรศัพท์มือถือชั้นนำที่ใช้ระบบ 5G

บางคนตั้งข้อสังเกตว่า กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการเดินทางเยือนจีนของจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่ง ‘แดน ฮัตชิสัน’ นักวิเคราะห์จาก TechInsights บอกกับรอยเตอร์ว่า พัฒนาการที่เกิดขึ้นดังกล่าวเหมือนกับการ ‘ตบหน้า’ สหรัฐฯ เพราะไรมอนโดเดินทางมาจีน เพื่อหาทางทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น แต่ชิปตัวนี้เหมือนจะพูดว่า “ดูสิ่งที่เราสามารถทำได้สิ เราไม่ต้องการคุณ”

ตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา สหรัฐฯ จำกัดไม่ให้หัวเว่ยเข้าถึงเครื่องมือสร้างชิปที่จำเป็นสำหรับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยที่สุด ซึ่งทำให้บริษัทเปิดตัวมือถือรุ่น 5G ได้เพียงจำกัดโดยใช้ชิปที่มีเก็บไว้เท่านั้น

อย่างไรก็ดี บริษัทวิจัยบอกกับรอยเตอร์เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า พวกเขาเชื่อว่าหัวเว่ยกำลังวางแผนที่จะกลับเข้าสู่อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน 5G ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้ความก้าวหน้าของตนเองในการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ ควบคู่กับการผลิตชิปจาก SMIC

‘อินเดีย’ ส่งซิกอาจเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ‘ภารัต’ ในเวทีประชุม G20 ส่วนทางด้านรัฐบาลยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องนี้

(6 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อินเดียอาจกำลังพยายามจะเปลี่ยนชื่อประเทศจากอินเดีย เป็น ‘ภารัต’ ซึ่งเป็นชื่อประเทศอินเดียในภาษาฮินดี

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อหลายคนพบเห็นป้ายคัตเอาท์ที่มีข้อความต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี 20 ที่อินเดียเป็นเจ้าภาพที่กรุงนิวเดลี ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ย. นี้ โดยใช้ชื่ออินเดียในภาษาอังกฤษ และ ภารัต หรือภารตะในภาษาฮินดี

นอกจากนี้ ในบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ที่ประธานาธิบดีดรูพาดี มูร์มู ของอินเดีย ส่งให้ผู้นำต่างชาติ ได้ระบุว่าเธอเป็นประธานาธิบดีแห่งภารัต ยิ่งทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลอินเดียกำลังดำเนินความพยายามที่จะเปลี่ยนชื่อประเทศอย่างเป็นทางการ จากอินเดีย เป็นภารัต อันเป็นภาษาฮินดีที่หมายถึงประเทศอินเดีย และมีที่มาจากชื่อกษัตริย์ภารตะที่เคยครอบครองดินแดนในแถบอินเดียทั้งหมด

รัฐบาลอินเดียยังไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้ ขณะที่เว็บไซต์ของทางการยังคงใช้ชื่อประเทศอินเดียอยู่ ด้านสมาชิกพรรคภารติยะ ชนตะหรือบีเจพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอินเดียพากันยกย่องและแสดงท่าทีเห็นด้วย เพราะมองว่าคำว่า ภารัต เป็นความภาคภูมิใจของชาวอินเดีย เป็นชื่อประเทศอินเดียแท้ๆ ไม่ใช่คำว่าอินเดียที่ถูกนำมาใช้ในยุคที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ และเป็นสัญลักษณ์แห่งระบบทาส ภายใต้การปกครองของอังกฤษนาน 200 ปี จนกระทั่งได้รับอิสรภาพในปี พ.ศ.2490 ขณะที่ พรรคฝ่ายค้านอินเดียวิพากษ์วิจารณ์ และแย้งว่าควรใช้ชื่ออินเดียและภารัตไว้ในฐานะชื่อทางการต่อไป

ด่วน!! ออกหมายจับ ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’ หลังเบี้ยวนัดศาล คดีอนุมัติสร้างคอนโดหรู บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา

(6 ก.ย. 66) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จังหวัดระยอง ได้ออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมายว่า…

เรื่องดังกล่าวได้ทราบจาก นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ว่าพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้นัดให้ ป.ป.ช. นำตัวนายอิทธิพลมาพบพนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่นายอิทธิพลไม่เดินทางมาตามนัด พนักงานอัยการจึงแจ้งให้ ป.ป.ช.ผู้ร้องไปดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 5 ก.ย. พนักงานอัยการมีหน้าที่ประสานให้นำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องตามกฎหมายต่อไป

“คดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการเมื่อวันที่ 3 ส.ค. อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้อง 30 ส.ค. คดีอยู่ที่อัยการไม่ถึงเดือน” นายโกศลวัฒน์ กล่าว

‘เศรษฐา’ ย้ำ!! ครม. ทำงานเพื่อประชาชน ในฐานะรัฐบาลของทุกคน เน้นโปร่งใส!! ภารกิจใดทำได้โดยไม่ติดข้อกฎหมายให้เร่งทำทันที

(6 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) โดยช่วงหนึ่งระหว่างการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงแนวทางในการทำงานให้กับรัฐมนตรี ว่า ในฐานะรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งได้พูดไปแล้วในหลายเวที ว่าจะเป็นรัฐบาลของประชาชน จะทำงานเพื่อประชาชน ที่ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรม และตามกฎหมาย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำงานแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้ทุกท่านรีบทำ รีบสร้างผลงานออกมา เพราะว่าพี่น้องประชาชนทุกคนกำลังเดือดร้อน กำลังรอคอยการทำงานของรัฐบาล เมื่อทุกท่านเข้ากระทรวงแล้วขอเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบการทำงาน พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องการโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอให้เข้าใจเห็นใจข้าราชการที่ตั้งใจทำงานมาตลอดทั้งชีวิต ต้องการความก้าวหน้าทางด้านการงาน เรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่ต้องการให้เอาเปรียบข้าราชการ ขอให้ทุกท่านให้เกียรติข้าราชการ ส่วนการจัดเตรียมงบประมาณประจำปี ขอให้คณะรัฐมนตรีช่วยไปดูกระทรวงในกำกับว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงนโยบายฯ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขอให้คณะรัฐมนตรีตระหนักว่าเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้มีการแบ่งแยกพรรคพวก เป็นรัฐบาลที่ทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ 

“ทุกคน ในฐานะที่เป็นรัฐบาลของประชาชนคนไทยทุกคน ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน โดยยึดหลักของกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อน สังคม และความแตกแยกทางความคิด ยืนยันว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ สิ่งใดที่สามารถทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ก็จะเร่งดำเนินการ ขณะเดียวกันขอเน้นย้ำในเรื่องของความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ” นายเศรษฐา กล่าว

‘พีมูฟ’ จี้!! ‘เศรษฐา’ บรรจุข้อเสนอเรื่องที่ดินไว้ในนโยบายรัฐบาล พร้อมดันยกร่าง รธน.ทั้งฉบับ ตั้ง ‘สสร.’ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม

(6 ก.ย. 66) ที่ด้านหน้าสนง.กพ.เดิม ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ ‘P-Move’ นำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ และ น.ส.ศิรวีย์ ทิพย์วงศ์ รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่อง ข้อเสนอของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เพื่อให้บรรจุไว้เป็นนโยบายของรัฐบาล

โดยระบุว่า เนื่องจาก ช่วงรณรงค์การเลือกตั้งที่ผ่านมาภาคประชาชนได้จัด ‘เวทีภาคประชาชนเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง’ โดย ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเสนอนโยบายด้านการแก้ไขปัญหาที่ดินและการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นธรรม และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่อพรรคการเมืองและสื่อสารสาธารณะต่อประชาชนชาวไทย ถึงแนวคิดในการบริหารทรัพยากรโดยยึดหลักสิทธิชุมชน

โดยเชิญหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยพลังประชารัฐได้ตอบรับการเข้าร่วมเวที และได้ส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ มานำเสนอนโยบายของพรรค

ดังนั้น เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการตามนโยบายที่ได้ให้คำมั่นกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมและประชาชน สามารถบรรลุตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ตอนรณรงค์การเลือกตั้งกับ ประชาชนในนามของพีมูฟ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้บรรจุนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาป่าไม้-ที่ดิน รัฐสวัสดิการและประชาธิปไตย ไว้ในนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ดังต่อไปนี้

1.) ให้ยกระดับโฉนดชุมชนให้เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ภายใต้มาตรา 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562

2.) ผลักดันให้มีการทบทวนปรับปรุงการดำเนินงาน ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (มหาชน) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการกระจาย การถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน สู่เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจน รวมทั้งผลักดันให้มีการจัดตั้ง ‘ธนาคารที่ดิน’ ให้เป็นองค์กรที่มั่นคง และจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานอย่างพอเพียง

3). แก้ไขกฎหมายคืนความเป็นธรรมในเรื่องที่ดินและทรัพยากรป่าไม้ ให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม สังคายนากฎหมาย ที่ดิน-ป่าไม้ทั้งระบบ ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิ.ย.2541, มติคณะมนตรีวันที่ 26 พ.ย.2561 และมติคณะรัฐมนตรีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

4.) เร่งออกกฎหมายว่าด้วยการนิรทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบ จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ.....โดยระหว่างการออกกฎหมายดังกล่าว ขอให้ชะลอการดำเนินคดีและการบังคับคดีทางปกครอง ก่อนการพิสูจน์สิทธิ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายเกี่ยวกับคดีที่ดินป่าไม้ ตามที่อ้างถึง

5.) ผลักดันให้มีการจัดระบบสวัสดิการถ้วนหน้าแก่ประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

6.) ผลักดันให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ โดยให้การจัดตั้งและสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่สามารถกำหนดแนวทางได้ในทุกขั้นตอนโดยเร็ว

ทั้งนี้ เนื่องจากพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในการเปลี่ยน สปก. 4-01 ให้เป็นโฉนด ซึ่ง ขปส.ได้ประกาศจุดยืนไว้แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอสงวนสิทธิ์ในการไม่ให้การสนับสนุนนโยบาย ‘การแปลงสปก.-401 เป็นโฉนด’ อย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายดังกล่าว ด้วยความรอบรอบคอบรัดกุม ไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มนายทุน และทำให้เกิดวิกฤติความเหลื่อมล้ำและการกระจุกตัวของที่ดินมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ มีนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกมนตรี (สปน.) รับหนังสือดังกล่าวไว้เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งกลุ่ม ผู้ชุมนุมพอใจ และใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัย ก่อนที่จะเดินทางกลับ

พิธีกรดังสวนเดือดเซเลปตระกูลดัง ปั่นกระแสงานระดับโลก  'ในหลวง-พระราชินี' เสด็จฯ ช้า งานเลิกต้องรอขบวนเสด็จฯ

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

#สงสารในหลวง

มีคนไทยบางประเภทสร้างดรามาใส่พระองค์ท่านอีกแล้วในงานยิ่งใหญ่ระดับ Maestro อย่างท่านสุบิน เมห์ธา มาแสดง

ดรามาในโซเชียลว่าคนดูต้องรอเพราะในหลวงพระราชินีเสด็จช้า พองานเลิกคนก็ต้องรอในฮอลล์ ออกไม่ได้จนกว่าขบวนเสด็จจะพ้นไป 5 กิโล บลาบลาบลา

โชคดีเหลือเกินที่เจ้าของดรามานั้นส่งแมสเสจมาฟ้องคุณวารินทร์ สัจจเดว Nomad Media Thailand ซึ่งคุณวารินทร์ดันอยู่ในงานนั้นจริงๆ!!! (โป๊ะแตก!!)

คุณวีจึงสามารถแก้ข่าวนินทาว่าร้ายทุกเรื่องว่าไม่จริง!
คุณวียังถามเจ้าของแมสเสจ (ซึ่งเป็นตระกูลดัง) เลยว่า “คุณไปงานนั้นด้วยตัวเองหรือ”
เขาบอกว่า “เปล่า ที่บ้านไป”

คุณวี-วารินทร์ทำสีหน้าตอนอ่านแมสเสจออกอากาศได้น่ารักแต่สะใจมากค่ะ!! 😂

ขอขอบพระคุณคุณวารินทร์ และแขกรับเชิญคุณ แพท แสงธรรม มากเหลือเกินที่ปกป้องพระเกียรติในหลวงราชินีของเรานะคะ 🙏🙏 

ขอบคุณขอบคุณขอบคุณ 💙💛🇹🇭

https://youtu.be/f3s0-0HqMvo?si=dtoyOc0YzXDrDzqq 

ทุกท่านไปดูคลิปรายการตอนนี้ได้เลย เริ่มตั้งแต่ต้นคลิป คุณวีเล่าถึงเบื้องหลังงานแสดง เล่าเรื่องท่านสุบินยกมือไหว้ในหลวงของเรา และแหกแมสเสจไฮโซจอมเสี้ยม ต่อเนื่องกันเลยค่ะ

ทั้งนี้คุณวารินทร์ สัจจเดว ได้อธิบายอีกมุมหนึ่งของดรามาไว้ในรายการ Thailand Morning Call เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 โดยมีอาจารย์แพท แสงธรรม เป็นแขกร่วมรายการ โดยคุณวารินทร์ระบุว่า…

“เซเลปตระกูลดังได้ส่งข้อความมาเป็นภาษาไทยว่า หลังการแสดงทุกคนถูกกักบริเวณในหอประชุมเกือบครึ่งชั่วโมง จนขบวนเสด็จพ้นไปประมาณ 5 กิโลเมตร ผมอ่านเพียงแค่นี้ก็ส่งอิโมจิหัวเราะกลับไปเลย และถามว่า หากคุณถูกกักบริเวณในหอประชุมจริง ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าขบวนเสด็จผ่านพ้นไปแล้ว 5 กิโลเมตร อันนี้คือข้อที่ 1 ส่วนข้อที่ 2 คือผมอยู่ในงานวันนั้นด้วย ต้องบอกว่า ทั้งตอบเสด็จมาหรือเสด็จกลับ ผมไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย และไม่ได้รู้สึกว่ารอนานอะไร ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันยังรู้สึกเลยว่า ทุกอย่างรวดเร็วมาก ๆ

หลังจากนั้นผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ถึงนะครับ ผมอยู่ในงาน ขั้นตอนเสด็จมาและกลับ เรียบร้อยและรวดเร็วมาก ๆ ครับ เป็นผม ถ้ารับไม่ได้ ก็จะเลี่ยงไม่ไปดูรอบที่มีเสด็จ ซึ่งผมเคยทำแล้ว ผมทราบตารางงานล่วงหน้า หากมีงานต่อ ผมรู้ ผมก็ไม่ไป รอดูทางอื่นเอา จากนั้นผมก็ถามกลับไปว่า คุณเป็นคนที่อยู่ในงานไหม ทางนั้นตอบว่ามา ไม่ได้อยู่ในงาน แต่ครอบครัวอยู่”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top