Sunday, 8 June 2025
Southern

นราธิวาส - ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ร่วมส่งกำลังใจและมอบหน้ากากอนามัย ชุดเครื่องนอน ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส

วันที่ (14 ก.ค. 64) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และคณะ เดินทางมามอบหน้ากากผ้า และชุดเครื่องนอน ผ่านทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลสนามในจังหวัดนราธิวาส โดยมี นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์วิชัย วิเชียรวัฒนชัย ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ นายกิตติพนธ์ วุฒิวงศ์ หัวหน้าสำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส และผู้บริหารสาธารณสุข  ร่วมรับมอบในครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ชุดเครื่องนอน 60 ชุด หน้ากากผ้า 200 ชิ้น

ทางด้านนายจำนัล เหมือนดำ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล / รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับทางหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาแจกหน้ากากอนามัย และชุดเครื่องนอนให้กับผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามจังหวัดนราธิวาส ไม่เฉพาะในจังหวัดนราธิวาสเท่านั้น แต่จะรวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้กล่าวให้กำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ พี่น้องประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และดูแลตัวเองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

กระบี่ - กำหนดมาตรการลานเทปาล์มน้ำมันคุณภาพ 18 % ขึ้นไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ

พันตำรวจโท หม่อมหลวงกิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จังหวัดได้ติดตามการดำเนินงานตามโครงการขับเคลื่อนนโยบายเมืองแห่งปาล์มน้ำมันคุณภาพ และตรวจกำกับลานเทปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยกำหนดมาตรการเพื่อให้ลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมันคุณภาพ (18 % ขึ้นไป) ได้ปฏิบัติ ดังนี้ ลานเทปาล์มน้ำมันต้องมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม พื้นที่ปฏิบัติงานมีจำนวนพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม และถูกสุขลักษณะของพื้นที่ปฏิบัติงาน เครื่องชั่งได้มาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งานตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ ในการแยกลูกร่วง โดยรางทะลายปาล์มเป็นรางทึบ ไม่มีตะแกรง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในการแยกลูกร่วง  มีป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมายกระทรวงพาณิชย์  รับซื้อปาล์มทะลายและปาล์มร่วงในราคาเดียวกัน, รับซื้อปาล์มทะลายที่มีคุณภาพตาม มกษ.5402 โดยไม่ซื้อปาล์มดิบ และปาล์มที่ไม่มีคุณภาพ  ขนส่งปาล์มถึงโรงานภายใน 24 ชม. นับตั้งแต่รับทะลายปาล์ม ไม่กระทำการใด ๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วโดยผิดแผกไปจากธรรมซาติ เช่น ไม่รดน้ำ บ่มปาล์ม ใช้สารเคมี อื่นๆ ที่เร่งให้ปาล์มสุกเร็วขึ้น รวมทั้งมีสิ่ง อำนายความสะดวกอื่น ๆ อาทิ แสงสว่าง อุปกรณ์เครื่องมือ กล้องวงจรปิด ฯลฯ และได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO    

สำหรับลานเทที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดกำหนด และออกตรวจสอบกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้กำหนดโทษ ดังนี้  ลานเทปาล์มน้ำมันไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2552 มาตรา 28 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หากลานเทปาล์มน้ำมันไม่แจ้งปริมาณสถานที่เก็บและไม่จัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2442 มาตรา 24(5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมี่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละสองพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะมีการแจ้ง ลานเทปาล์มน้ำมันต้องประทับแสดงเครื่องหมายคำรับรองของสำนักงานกลางหรือสำนักงานสาขาที่เครื่องชั่งตวงวัดทุกเครื่อง หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พรบ. มาตรการชั่งตวงวัด (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2557 มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่กินสามปีและปรับไม่เกินหนึ่งแสนสองหมื่นบาท ห้ามแก้ไขหรือดัดแปลงส่วนประกอบของเครื่องชั่งหรือโปรแกรมที่ใช้กับเครื่องช่างโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอื่นที่คล้ายคลึงกันหรือกระทำด้วยวิธีการใด ๆ เพื่อให้ความเที่ยงของเครื่องชั่งผิดเกินอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด หากฝ่าฝืนมีความผิด ตาม พรบ. มาตราชั่วตวงวัด (ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2557 มาตรา 75 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิดเจ็ดปี และปรับไม่เกิดสองแสนแปดหมื่นบาท


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

พัทลุง - ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง สุดเจ๋ง !! จัดโครงการอบรมการทำอาหารให้กับชุมชนเพื่อสร้างงานสร้างรายได้สู้ภัยโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตลาดชุมชนสวนไผ่ขวัญใจ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ของป้าขวัญใจ ทางสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง ได้ใช้เป็นสถานที่จัดฝึกอบรมการทำอาหารให้กับกลุ่มแม่บ้านในชุมชน ใช้ชื่อว่า”หลักสูตรอาหารวิถีถิ่นพัทลุง” มีนายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง เดินทางมาให้กำลังใจ ได้รับเกียรติจากคณะอาจารย์มหาวิทยาลัยสวนดุสิตและเชฟชื่อดังมาเป็นวิทยากร โดยเน้นวัตถุดิบภายในท้องถิ่นเป็นหลัก แต่ละชุมชนจะมีอาหารเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชน เช่นชุมชนท่องเที่ยวโหม๋เหนือเขาปู อ.ศรีบรรพต ก็จะมีเมนู “ปุดจับไม้” “ยำมะเขือยาวไข่เจียว” หรือ “แกงป่าไก่บ้าน”  วิสาหกิจชุมชนท่าช้าง อ.เมือง  มีเมนู “ห่อหมกปลากด” “ห่อหมกใบชะพูลใบทำมัง” “ข้าวห่อใบบัว” และชุมชนสวนไผ่  อ.ควนขนุน ก็จะทำเมนู “ข้าวผัดไทย” ใช้ข้าวสังข์หยดของดีพัทลุงเป็นหลัก “เมี่ยงปลา”และ “หลนกุ้ง” เป็นต้น

ด้านนายสุรัตน์ จรณโยธิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง กล่าวว่าจังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่เป้าหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งแบ่งการท่องเที่ยวไปตามบริบทและลักษณะของภูมิศาสตร์ของพื้นที่อันประกอบไปด้วย “เขา ป่า นา เล” โซนท่องเที่ยว “เขา ป่า” มีรูปแบบการจัดการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในเขตพื้นที่อำเภอป่าบอน อำเภอตะโหมด อำเภอกงหรา อำเภอศรีนครินทร์ อำเภอศรีบรรพตและอำเภอป่าพะยอม จุดเด่นของโซนเขา ป่าก็คือการเที่ยวชมน้ำตก ภูเขาและล่องแก่ง เนื่องจากพัทลุงมีพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีเทือกเขาบรรทัดที่เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญและยังเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าหายากอย่างสมเสร็จซึ่งจะพบได้ที่ภูเขาล่อน ส่วนโซนการท่องเที่ยว “นา เล” เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรมประเพณีนั้นชาวจังหวัดพัทลุง ถือเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่สมบูรณ์และเป็นเมืองโนราห์ หนังตะลุง อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอ ควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้วและอำเภอปากพะยูน จุดเด่นของโซนนี้ ก็คือสำนักตักศิลาวัดเขาอ้อซึ่งเป็นสำนักทางพุทธาคมและไสยศาสตร์ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของภาคใต้ รวมทั้งเป็นสำนักที่รวบรวมเอาไสยเวทย์และเวชศาสตร์ไว้มาก โดยเฉพาะวิชาการแพทย์แผนโบราณ พร้อมทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายในพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่รอให้ผู้คนมาเยี่ยมเยือน

และจากการระบาด COVID-19 ทางท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวบรวมและจัดเก็บมรดกทางปัญญาด้านอาหารท้องถิ่นจังหวัดพัทลุง พัฒนาสูตรอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่นเป็นสินค้าเชิงอัตลักษณ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่จังหวัดพัทลุง เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชน หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายและเพื่อให้อาหารท้องถิ่นคงอยู่กับสังคมไทยสืบไป

สงขลา - นิพนธ์ฯ เร่งผลักดัน 3 วาระสำคัญ ศอ.บต. เดินสํารวจออกโฉนดที่ดินเสริมสร้างมั่นคง 4 จังหวัดชายแดนใต้ – เสริมโภชนาการเด็ก และพัฒนากลุ่มเกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อฯ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต รายได้ที่ยั่งยืน ในเวทีประชุมยุทธศาสตร์พัฒนาชายแดนใต้(กพต.)

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้15 กรกฎาคม 2564  ที่กระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ  มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference โดยที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานที่สำคัญตามมติ กพต.ที่ผ่านมา อาทิ การช่วยเหลือแรงงานไทยในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดย ศอ.บต.ร่วมกับกระทรวงแรงงานได้จัดอบรมให้ความรู้ ฝึกทักษะแนะแนวอาชีพ และช่วยเหลือให้มีงานทำแล้วมากกว่า 8,000 คน จากเป้าหมาย 10,000 คน พร้อมกับรับทราบการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่งยั่งยืน" ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งมีความก้าวหน้าที่น่าพอใจ เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลด้วยดี

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบโครงการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ปี 2565-2570 พื้นที่จ.ปัตตานี,จ.ยะลา,จ.นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพื่อให้ประชาชนได้รับเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหาสุขภาวะ และภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่ปี 2565-2568 และสนับสนุนการเสริมทักษะการสื่อสารภาษาไทย ควบคู่กับภาษาอื่น ๆ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขนำไปดำเนินการ

ทั้งนี้ นอกจากการเร่งรัดโครงการเดินสำรวจที่ดินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการเสริมสร้างโภชนาการเด็กฯในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ นายนิพนธ์ รมช.มท.ได้รับผิดชอบในการขับเคลื่อนและติดตามแล้วนั้น ยังได้มีการเสนอในที่ประชุมเพื่อให้การสนับสนุนการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ในโครงการพัฒนาโคพันธุ์เนื้ออย่างยั่งยืน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยเป็นแผนการดำเนินงานโครงการการจัดทำฟาร์มโคแม่พันธุ์ต้นแบบ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับสหกรณ์โคเนื้อศรีวิชัย (พัทลุง) จำกัด อีกด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ ศอ.บต. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ยึดเป็นแนวทางสำคัญในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนในการยกระดับคุณภาพชีวิต ส่งเสริมเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งสันติสุขในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยย้ำให้ ศอ.บต. ต้องให้การสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน เพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 ในขณะนี้อย่างเร่งด่วน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สุราษฎร์ธานี - เที่ยวบินปฐมฤกษ์เกาะสมุยพลัสโมเดลกลุ่มแรก 8 คนจาก 5 ประเทศถึงแล้ว ‘พิพัฒน์’ เตรียมเปิดเชื่อมโยงท่องเที่ยว 4 จังหวัดภูเก็ต-เกาะสมุย-กระบี่-พังงา

เมื่อเวลา 11.35 น.วันที่ 15 กรกฎาคม ที่ท่าอากาศยานสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ร่วมต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กรุงเทพฯ-สมุย เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกจำนวน 8 คน จากประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน สิงคโปร์ อังกฤษ และฮ่องกง ซึ่งหลังเสร็จพิธีการตรวจสอบเอกสารแล้ว ทั้งหมดได้เดินทางโดยรถตู้เฉพาะเดินทางไปยังโรงแรมที่พักที่กำหนดไว้ โดยในวันที่ 16 ก.ค.64 จะเข้ามาอีก 4 คน จากไต้หวันและญี่ปุ่น เป็นนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า วันนี้เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ได้มีความพร้อมเปิดบ้านรอรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามา หลังเว้นว่างจากการท่องเที่ยวมาปีกว่าธรรมชาติได้คืนความสมดุลได้พบโลมา เต่าทะเล และชายหาดต่างๆมีความสมบูรณ์ เช่น ขณะนี้หาดเฉวงมีความสวยงามมากและคลื่นลมสงบ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีความปลอดภัยได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เมื่อมาถึงจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำอีก 3 ครั้งและการเดินทางไปจะมีรถตู้เฉพาะ ส่วนโรงแรมที่พักเป็นพื้นที่เฉพาะเช่นกัน

“คนไทยที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว หรือมีผลตรวจโควิดเป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมงสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ จึงเชื่อมั่นได้การเปิดท่องเที่ยวจะไม่มีการนำเชื้อเข้าสู่เกาะสมุย ซึ่งประชากรบนเกาะสมุยได้รับการฉีควัคซีนเข็มที่ 1 กว่า 94 เปอร์เซ็นต์ และเกาะพะงัน เกาะเต่ามีการฉีดกว่า 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ให้ความมั่นใจได้ประชาชนทั้ง 3 เกาะมีภูมิคุ้มกันพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว ” นายวิชวุทย์ กล่าว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นโยบายเปิดประเทศ 120 วัน จุดแรกโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเปิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ซึ่งการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อก หรือสมุยพลัสโมเดลในอนาคตจะมีที่กระบี่ เกาะพีพี ไร่เล เกาะไหง ที่พังงา เขาหลัก ตรงนี้นโยบายของนายกรัฐมนตรี คิดว่า วันนี้ในพื้นที่ต่าง ๆ หลายจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19แบบควบคุมได้เช่นเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ควรจะทำเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในพื้นที่ไหนบ้าง

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในพื้นที่ 4 จังหวัดภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา ในปี 2562 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปคิดว่าควรจะเปิดการท่องเที่ยวที่ไหนก่อน จึงเริ่มที่ภูเก็ตก่อน เพราะมีรายได้จากนักท่องเที่ยว 4.7 แสนล้านบาทจากรายได้การท่องเที่ยวทั้งประเทศ 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2562 แต่ถ้าหากรวมเป็น 4 จังหวัดจะเพิ่มถึง 8 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ถือเป็นรายได้ที่มาก จึงเป็นที่มาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ซึ่งตนเองได้ลงพื้นที่มาก่อนหน้านี้ 3 เดือนโดยเฉพาะที่เกาะสมุยมาดูแล้วหลายรอบมาเก็บข้อมูลและทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเกาะสมุยนำวัคซีนมาฉีด 70 เปอร์เซ็นต์ชาวบ้านก็ยินดี

“ ที่ภูเก็ตก่อนจะเปิดแซนด์บ็อกซ์ ได้เปิดโครงการ SPV (สเปเชี่ยลทัวร์ริสต์)ในปี 2563 มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 10,000 -12,000 คน ในขณะที่ 14 วันภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบ 6,000 คน ตรงนี้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก และการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อโควิด-19เพียง 7 คนเท่านั้นเองไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดูแลตัวเองอย่างดี จึงเป็นความท้าทายของจังหวัดภูเก็ต เมื่อภูเก็ตและเกาะสมุยเดินได้ในอนาคตเราจะไปที่กระบี่และพังงาต่อ ” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า การริเริ่มเปิดเกาะสมุยพลัสโมเดล เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรมที่นำเสนอมาตรการ SOP ต่อศบค.เป็นความตั้งใจของผู้ประกอบการเกาะสมุยที่สามารถนำเสนอได้ครั้งเดียวผ่านการพิจารณาได้ ส่วนการประชาสัมพันธ์ออกไปอยู่ที่การเดินทางหรือไฟลท์บินไปลงที่สุวรรณภูมิหรือภูเก็ตก่อนมาเกาะสมุย ซึ่งเป็นข้อดีที่นักท่องเที่ยวทยอยเข้ามาไม่ต้องแห่เข้ามามาก เราจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ได้หารือทางประเทศสิงคโปร์ถ้าหากมีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปสิงคโปร์ให้บางกอกแอร์เวย์ไปรับเข้าเกาะสมุยมาได้จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้มากขึ้น

“ที่สำคัญการที่จะผนวกพื้นที่ 4 จังหวัดเข้าด้วยกันน่าจะเป็นไปได้ ภูเก็ตมีพร้อมสนามบินไปภูเก็ต 1 สัปดาห์ทำเส้นทางซีลรูทมาต่อที่เกาะสมุยอีก 7 วันครบ 14 วันก็จะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อจังหวัดอื่นๆในประเทศไทย ซึ่งจะหาหารือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาว่าจังหวัดไหนที่นักท่องเที่ยวควรไปเที่ยวต่อได้ กรณีชั่วโมงนี้ เช่น กรุงเทพฯและปริมณฑลยังไม่ควรไปเพื่อให้นักท่องเที่ยวปลอดภัย ซึ่งโครงการนี้จะเกิดในอนาคต” 

 ด้านนายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า วันนี้เกาะสมุยเริ่มต้นด้วย 3 เที่ยวบินต่อวันเป็นเที่ยวบินจากต่างประเทศโดยไม่ต้องกักตัวที่กรุงเทพฯ ในช่วงแรกเข้ามา 12 คนและเดือนแรกนี้มีการจองอยู่ที่ 33 คนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากระบบหนังสือการให้เข้าประเทศไทยเพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 2 วันที่แล้ว ฉะนั้นหลังจากนี้จะเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์การขายให้ทั่วโลกทราบว่า เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ได้เปิดการท่องเที่ยวแล้ว

นายรัชชพร กล่าวว่า การที่มีสมุยพลัสโมเดลเป็นที่แรกถ้าใช้ได้ผลจะนำไปใช้ที่อื่นๆด้วย เนื่องจากการที่อยู่ในโรงแรมบนเกาะสมุย 7 วันจะทำให้ปลอดภัยต่อประชาชนที่อยู่บนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และนักท่องเที่ยวชาวไทยยังเที่ยวได้เหมือนเดิมไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ จุดนี้จะเป็นโมเดลก่อนซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้น ศปก.เกาะสมุยจะให้ภาคส่วนอื่นมีส่วนร่วมทั้งท่องเที่ยวชุมชน สภาเกษตรกรนำสินค้าผักผลไม้นำมาให้ผู้ประกอบการช่วยเหลือต่อ และหลัง 7 วันเมื่อนักท่องเที่ยวปลอดภัยอยากเสนอให้ลงไปยังเที่ยวชุมชน มีระบบติดตามโควิดแอพริเคชั่นระบบไฮบริด ทั้งระบบและบุคคลติดตาม มั่นใจได้ว่าการฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันหมู่ทั้ง 3 เกาะเกิน 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว และปัจจัยความสำเร็จสำคัญอยู่ที่ผู้ประกอบการช่วยเคร่งครัดทางสาธารณสุขเป็นหลัก

“ เราคาดหวังอยากให้สมุยพลัสโมเดลเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจจะเข้าใจได้ว่าช่วงแรกนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่มาก แต่เมื่อได้ทำการตลาดมากขึ้นด้วยเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า มีชื่อเสียงอันดับโลกอยู่แล้วและภูเก็ตกับเกาะสมุยเป็นที่แรก ๆ ในเอเชียที่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้มาพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีโครงการสุขสมุยทำต่อจากนี้ ” นายรัชชพร กล่าว

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เที่ยวบินปฐมฤกษ์เปิดการท่องเที่ยวสมุยพลัสโมเดลวันนี้ (15 ก.ค.64)เป็นกลุ่มสื่อมวลชนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เชิญมาติดตามความพร้อมด้านการท่องเที่ยวของเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากนี้จะเน้นเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วหรือกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงปานกลาง เป็นกลุ่มลูกค้าเก่าของทั้ง 3 เกาะ เช่นกลุ่มยุโรป กลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่มครอบครัว

“ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในห้วงระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคมถึง 15 สิงหาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 1,000 คน อาจจะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่เพื่อให้เกาะสมุยดำเนินการท่องเที่ยวแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้วค่อยเร่งมาตรการด้านการท่องเที่ยว ขณะที่จะมีการเชื่อมโยงท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดโดยเปิดเส้นทางการบินระหว่างเกาะสมุยกับเกาะภูเก็ตแบบวันเว้นวัน และมีแผนเปิดทำการบินระหว่าง 2 เกาะทุกวันในเดือนสิงหาคมนี้ ”นายฉัททันต์ กล่าว

รายงานเพิ่มเติมว่า โรงแรมบนเกาะสมุย ปัจจุบันเปิดให้บริการ 177 แห่ง จำนวน 8,629 ห้องจากจำนวนทั้งหมด 671 แห่ง 25,000 ห้อง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องอยู่ในพื้นที่ 3 เกาะอย่างน้อย 14 วัน จึงจะออกไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้ ใน 7 วันแรกต้องเข้าพักโรงแรม Area Quarantine (AQ) ที่มี 19 แห่ง ประมาณ 400 ห้อง เมื่อ ครบ 3 วันแรกจึงจะสามารถออกท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนด (Sealed Routes) ได้ โดยมีบริษัททัวร์และเรือที่มีมาตรฐาน Samui Plus และวันที่ 8-14 จะเข้าพักโรงแรมที่ได้รับเครื่องหมาย SHA Plus(มาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย) ที่มี 320 แห่ง หรือไปเที่ยวพักบนเกาะพะงันกับเกาะเต่าได้

ส่วนเที่ยวบินสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กรุงเทพฯ-สมุย ไป-กลับ วันละ 3 เที่ยวบิน จะรับผู้โดยสารต่อเครื่องจากต่างประเทศเป็นการเฉพาะ ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-ตุลาคม 2564 มีผู้โดยสารจองตั๋วไว้แล้วเบื้องต้น 80 คน ประกอบด้วยเดือน กรกฎาคม 33 คน สิงหาคม 20 คน กันยายน 10 คน และตุลาคม อีก 17 คน 

สำหรับวันแรกของการเปิดโครงการฯ มีผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจำนวนรวม 11 คน จากเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของบางกอกแอร์เวย์ส กรุงเทพฯถึงสมุยเวลา 11.35 น. จำนวน 6 คน จากสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี, เที่ยวบินที่ 2 ถึงสมุยเวลา 16.05 น. 1 คนจากสิงคโปร์ และเที่ยวบินที่ 3 ถึงสมุยเวลา 18.40 น. 4 คนจากฮ่องกง ส่วนวันที่ 2 (16 ก.ค.) มีผู้โดยสาร 4 คน จากไต้หวัน 3 คน เป็นเจ้าของธุรกิจ 2 คน และมาทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย 1 คน และจากญี่ปุ่นอีก 1 คน เป็นนักธุรกิจ


ภาพ/ข่าว  สรเดช ส้มเกลี้ยง สุราษฎร์ธานี

ตราด - เหล่ากาชาดจังหวัดตราด ลงพื้นที่ 3 ตําบล พร้อมมอบบ้าน-มอบถุงยังชีพ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ทั้ง 3 ตําบล

วันพุธ​ที่​ 14​ กรกฎาคม​ 64​ นายขจิตเวช​ แก้วน้อย​ นายอำเภอ​คลองใหญ่​ ปลัดอำเภอ​ กิ่งกาชาด​อำเภอ​คลองใหญ่​ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่ 4 อ.คลองใหญ่ พร้อมด้วย นางสาวกิจปภา​ ประสิทธิเวช​ นายกเทศมนตรี​ตำบลหาดเล็ก​และคณะ​ นายสุรศักดิ์​ อิทรประเสริฐ​ นายกองค์การ​บริหารส่วนตำบลไม้​รูด​และคณะ​ ร่วมต้อนรับนางสรินยา​ ประกอบผล​ นายกเหล่า​กาชาด​จังหวัด​ตราด​ เนื่องในโอกาสลงพื้นที่มอบบ้านให้ผู้สูงอายุ​ ผู้พิการและผู้ยากไร้​ ในพื้นที่ตำบล​หาด​เล็ก​และตำบลไม้รูด​  ซึ่งได้รับอนุมัติจากเหล่ากาชาด​จังหวัด​ตราด​ ตำบล​ละ​ 1​ หลัง​ พร้อมทั้งส่งความห่วงใยมอบเครื่อง​อุปโภค​บริโภค​ให้แก่​ นางพา​ บุญ​ล้อม​ ผู้ที่ได้รับการอนุมัติ​​ซ่อมแซม​และก่อสร้างบ้าน​ ในพื้นที่​ หมู่​ 7​ ตำบล​คลองใหญ่​ อำเภอ​คลองใหญ่​ จังหวัด​ตราด​

ทั้งนี้เหล่ากาชาด​จังหวัด​ตราด​ ได้มอบถุง​ยังชีพ​ ให้กิ่งกาชาด​อำเภอ​คลองใหญ่​ ไว้ช่วยเหลือ​ผู้ประสบสาธารณ​ภัย​และกลุ่มเปราะบาง จำนวน​ 10​ ชุด​  อีกด้วยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

กระบี่ – คลัสเตอร์โรงเรียนปอเนาะ ยอดติดเชื้อผู้ป่วยลด ขณะที่จังหวัดกระบี่เตรียมผุดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 4 รับผู้ป่วยติดเชื้อกลับบ้าน

ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 จ.กระบี่ ได้รายผลการตรวจ เชื้อกลุ่มเสี่ยง ข้อมูล ณ เวลา 23.00 น. วันที่ 14 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยสะสมเป็น 882 ราย กำลังรักษา 471 รายรักษาหายกลับบ้าน 411 ราย โดยคลัสเตอร์ นักเรียนโรงเรียนเอกภาพศาสนวิชญ์ ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 2 ราย มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันนักเรียนโรงเรียนเอกภาพศาสนวิชญ์

นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้อ ในพื้นที่ อ.เมือง 4 ราย เป็นนักเรียนจากโรงเรียนจงรักสัตย์วิทยาจังหวัดปัตตานี 1 ราย จากพื้นที่เสี่ยง กทม. 2 ราย และมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช 1 ราย อำเภออ่าวลึก 1 ราย มาจากพื้นที่เสี่ยง กทม.อำเภอเกาะลันตา 1 ราย มาจากพื้นที่เสี่ยง กทม.อำเภอปลายพระยา 1 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยันจากจังหวัดนครสวรรค์ อำเภอเหนือคลอง 1 รายสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน

สำหรับการฉีดวัคซีน ป้องกันไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กระบี่ เป้าหมายฉีดวัคซีน จำนวน 352,476 คน ฉีดแล้ว 84,191 คน คิดเป็นร้อยละ 23.87 ขณะที่บางคนตั้งข้อสงสัยปนคำถาม ในโซเชียลว่า! “ยังหนักไม่พอหรือ มีบางกลุ่มทำโครงการ “รับผู้ติดเชื้อ กลับบ้าน” มาอีก ไป copy จังหวัดอื่นมา จนลืมข้อจำกัดของจังหวัดเราไป เช่น กระบี่ เป็นพื้นที่สีแดง ชาวบ้านที่ได้ ฉีดวัคซีน เข็มแรก ก็ยังมีไม่ถึง 50% บุคลากรทางการแพทย์ พอไหม เขาจะไหวรึ หากคุมไม่อยู่จนระบาดเป็นพื้นที่แดงเข้ม ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบตามมาเดือดร้อนมีอีกมาก ใครจะรับผิดชอบ หากผู้ติดเชื้อ กักตัวในโรงพยาบาลสนามแล้วหนีออกมา (เหมือนที่เคย) แล้วไประบาด จะทำไง การนำผู้ติดเชื้อกลับเวลานี้ เป็นการไปเพิ่มความเครียดให้คนในพื้นที่หรือไม่ จิตวิทยามวลชน สำคัญ และที่สำคัญไปกว่าคือ ชาวบ้านที่เขายังไม่ได้ฉีดเข็มแรกก็มีมาก และโดยเฉพาะรอบ ๆ โรงพยาบาลสนาม อย่าให้ไปเข้าสำนวนโบราณที่ว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็มาแทรกเลยครับ สงสารประชาชน”

ขณะที่ จ.กระบี่ ได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 4 ขึ้นที่ภายใน ม.กีฬา วิทยาเขตกระบี่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ รับผู้ป่วยได้ จำนวน 400 เตียง คาดว่า ไว้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตามโครงการรับผู้ป่วยกลับบ้าน


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

สงขลา –ขบวนคาราวานประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ นำถุงยังชีพ 50,000 ถุง แจกจ่ายแก่พี่น้องชาวภาคใต้ สู้ภัยโควิด-19

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (18 ก.ค.64 ) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยการมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ลงพื้นที่โรงเรียนเกาะแต้วพิทยาสรรค์ อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมด้วย นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายจักรธร สุริแสง นายกเทศบาลเมืองเขารูปช้าง นายร่อเซ็ง ไหรเจริญ นายกเทศบาลตำบลเกาะแต้ว นายสรรเพชญ บุญญามณี ปชป.เขต 1 สงขลา ผู้ช่วยดำเนินงานประธานรัฐสภา และนายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบต.สงขลา/นายกสมาคม SME จังหวัดสงขลา ตลอดจนตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่ชายแดนใต้ ร่วมปล่อยขบวนรถ "คาราวาน ประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ สู้ภัยโควิด"

โดย ขบวนคาราวานประชาธิปัตย์ช่วยคนใต้ สู้ภัยโควิด นี้จะนำถุงยังชีพจำนวนกว่าห้าหมื่นถุง ไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องชาวภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่งถุงยังชีพดังกล่าวได้รับการจัดสรรและบริจาคจากมูลนิธิม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช รวมถึง ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้นำมาส่งมอบให้เพื่อนำไปดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งภายในถุงยังชีพจะบรรจุ ข้าวสารหอมมะลิเกรดคุณภาพ 5 กก. ปลากระป๋อง หน้ากากอนามัย เป็นต้น โดยจะมีตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์แต่ละพื้นที่นำไปแจกจ่ายให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วทั้งภาคใต้ และ ในพื้นที่ภาคใต้ชายแดน

นายนิพนธ์ กล่าวว่า "ได้รับมอบหมายจากท่านจุรินทร์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ในการปล่อยขบวนรถคาราวานถุงยังชีพ ซึ่งประกอบด้วยข้าวสาร ปลากระป๋องและหน้ากากอนามัย ในการที่จะส่งไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคใต้ และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์โดยมูลนิธิม.ร.ว.เสนีย์ฯ ต้องการจัดถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนจากภัยโควิด-19  วันนี้จึงเป็นวันที่นัดปล่อยคาราวานถุงยังชีพลงไปในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบกับภัยโควิดอยู่ในขณะนี้  และขอถือโอกาสนี้ในการขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่ได้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภาวะความยากลำบาก"

"พรรคประชาธิปัตย์ โดยมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชก็ได้ดูแลพี่น้องมาตลอดตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ ด้วยการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ จำนวนกว่า 5 ล้านชิ้น แจกอาหารพร้อมรับประทาน รับซื้อพืชผลทางเกษตรเพื่อลดภาวะสินค้าเกษตรล้นตลาดราคาตกต่ำ ตลอดจนการประสานช่วยเหลือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องตลอดไป ซึ่งท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้สั่งการและมอบหมายให้แต่ละพื้นที่ลงไปดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ดังนั้นขบวนรถคาราวานถุงยังชีพ 50,000 ถุง โดยจัดไปในพื้นที่ 4จังหวัดชายแดนจำนวน 15,000ถุง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในหลายๆส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนมาโดยตลอดเพื่อให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว" นายนิพนธ์ กล่าว


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ลุยถึงสวนทุเรียน เข้ารับซื้อผลผลิตจากพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ ในโครงการทหารอิ่มท้อง พี่น้องเกษตรกรอิ่มใจ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิค-19

พลตรี ไพศาล  หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่ ลุยถึงสวนทุเรียน เข้าช่วยเหลือ รับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และ ทุเรียนพันธุ์พื้นบ้าน จากพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลซากอ อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส  เพื่อนำไปแจกจ่ายเป็นผลไม้ตามฤดูกาลให้กับกำลังพลของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และน้องๆทหารกองประจำการได้รับประทาน เป็นการบรรเทาผลกระทบจากกรณีผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ จากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามนโยบายของกองทัพบกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในทุกพื้นที่ ตลอดจนเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตามโครงการ "ทหารอิ่มท้อง พี่น้องเกษตรกรอิ่มใจ" ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบก

ทั้งนี้ การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร (ทุเรียนหมอนทอง และทุเรียนพันธ์พื้นบ้าน) ได้นำไปแจกจ่ายให้กับกำลังพลของหน่วยนั้น สร้างความสุขใจ อิ่มท้อง พร้อมทั้งมีโภชนาการ ให้กำลังพลทหารได้เป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานในพื้นที่ต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

สงขลา - ม.อ.ระดมอาจารย์แพทย์ พยาบาลจากวิทยาเขตหาดใหญ่และปัตตานีช่วยเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ชาวปัตตานี ร่วม 3,000 คน

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ส่งทีมแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ และพยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ เสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น จังหวัดปัตตานี ร่วม 3,000 คน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนม.อ.ปัตตานี โดยโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี

รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รองอธิการบดีวิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งดำเนินการโดยโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี ได้รับมอบหมายให้วัคซีนแก่ประชาชนปัตตานีรวม 2,989 คน ในการดำเนินการครั้งนี้ได้ระดมแพทย์ และพยาบาลจากทุกอำเภอของจังหวัดปัตตานีมาร่วมดำเนินการ แต่เนื่องจากทีมแพทย์ และพยาบาลในพื้นที่ส่วนใหญ่มีภารกิจล้นมือ ดังนั้นมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จึงได้ขอความร่วมมือ ไปยังคณะแพทยศาสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และคณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตปัตตานี ให้มาร่วมฉีดวัคซีนร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดปัตตานีในครั้งนี้ ประกอบด้วยคณะแพทยศาสตร์โดยการนำ ผศ. นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช  จำนวน  10 คน  คณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตหาดใหญ่ นำโดย ผศ.ดร.เนตรนภา คู่พันธวี  จำนวน 7 คน  คณะพยาบาลศาสตร์วิทยาเขตปัตตานี โดยการนำ ผศ.ดร.รอฮานิ เจะอาแซ จำนวน 6 คน

ผศ. นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช รองคณบดีฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ วิทยาเขตหาดใหญ่  เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากศูนย์ฉีดวัคซีนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ให้มาเสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี เนื่องจากวันนี้มีประชาชนจังหวัดปัตตานีมารับวัคซีนร่วม 3,000 คน นับว่ามีจำนวนมาก ทีมแพทย์และพยาบาลที่มาวันนี้ เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางการฉีดวัคซีน คาดหวังว่าการฉีดวัควัคซีนครั้งนี้ทำให้ประชาชนจังหวัดปัตตานีรอดพ้นจากภัยโควิดด้วยการฉีดวัคซีนในวันนี้


นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top