Monday, 9 June 2025
Southern

พังงา – ด่วน !! พบผู้ป่วยใหม่ 27 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในคลัสเตอร์แพปลาคุระบุรี

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid 19) จังหวัดพังงา (ศบค.พง) รายงานสถานการณ์การเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 18 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00 น. ว่าพบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน27 รายอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี เป็นคนไทย6คนแรงงานต่างชาติ 21 คน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมรวม 147 ราย โดยเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงาได้ออกตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วย  Rapid Test ประชาชนทั้งในกลุ่มคนไทยและแรงงานพม่าในชุมชนแพปลาบ้านหินลาด ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงาจำนวน 1,244 ราย พบผลเป็นบวกจำนวน 51 ราย ได้ส่งตรวจยืนยันผลอีกครั้งที่ห้องแล็บโรงพยาบาลตะกั่วป่า และผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 27 ราย ซึ่งจะส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามอำเภอคุระบุรี สำหรับผู้ที่ผลตรวจเป็นลบ จะให้สังเกตอาการและดูแลตัวเอง 14 วัน ตามมาตรการ DMHTTA   โดยทางจังหวัดพังงาได้ปิดพื้นที่ พร้อมกำหนดแผนการตรวจเชิงรุกต่อเนื่อง ไปจนถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2564 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดพังงา ล่าสุดมีผู้ป่วยสะสม147 ราย ยังพบผู้ป่วยรายใหม่อย่างต่อเนื่องในคลัสเตอร์แพปลาอำเภอคุระบุรี ซึ่งผู้ป่วยคลัสเตอร์นี้พบในอำเภอคุระบุรี 68 ราย อำเภอตะกั่วป่า 2 ราย และล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ในคลัสเตอร์นักเรียนที่เดินทางกลับมาจากโรงเรียนสอนศาสนาในจังหวัดยะลาจำนวน6ราย  ในอำเภอทับปุด 1ราย อำเภอเมืองพังงา 1 ราย และอำเภอตะกั่วทุ่ง 4 ราย และล่าสุดจังหวัดพังงาได้เตรียมความพร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามในอำเภอคุระบุรีอีก 2 แห่ง และเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามพังงา1ในสนามกีฬา อบจ.พังงา เพื่อรับมือผู้ป่วยรายใหม่ที่ยังเพิ่มไม่หยุด


ภาพ/ข่าว  อโนทัย งานดี

สงขลา – คลัสเตอร์ชุมชนบาลาเซ๊าะเก้าเส้ง ติดโควิด-19 เพิ่มเป็น 60 คน

นายกอบจ.สงขลา และนายอำเภอเมืองสงขลารวมทั้งชาวบ้านในชุมชนเก้าเส้ง เร่งให้การช่วยเหลือด้านอาหารการกินกับชาวบ้าน 782 คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน 14 วัน

สถานการณ์โควิด-19 ที่ จ.สงขลา ยังคงพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 เพิ่มขึ้นในหลายชุมชน โดยเฉพาะที่ชุมชนบาลาเซาะ ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนเก้าเส้ง ซึ่งเป็นชุมชนชาวประมงพื้นบ้านในเขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น60คนแล้ว จากจำนวนผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนบาลาเซ๊าะ 184 ครัวเรือนจำนวน 880 คน และมีการตรวจเชิงรุกไปแล้ว 351 คน และได้มีการล๊อคดาวน์ชุมชนบาลาเซ๊าะ 14 วันตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ถึง 28 มิถุนายน คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า และมีชาวบ้านกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านจำนวน 782 คน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

และในวันนี้ (18มิ.ย.) นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อม รองประธานสภาฯ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ร่วมกับนายนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา ยกทีมลงไปให้การช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนเก้าเส้งที่ถูกกักตัวอยู่บ้านโดยนำถุงยังชีพของกินของใช้ไปแจกให้กับชาวบ้านในชุมชนบาลาเซ๊าะเพื่อช่วยเหลือในเรื่องของอาหารการกินระหว่างที่กักตัว 14 วันและออกไปไหนไม่ได้

นายไพเจน มากสวุรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ทาง อบจ.สงขลา จะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างเต็มที่และต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเฉพาะชุมชนที่มีการล๊อคดาวน์ซึ่งชาวบ้านเดือดร้อนทั้งชุมชนบาลาเซ๊าะที่เก้าเส้งและพื้นที่อื่น ๆ ใน จ.สงขลา เพื่อให้ชาวบ้านมีอาหารการกินระหว่างที่มีการกักตัว

ด้านนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา เปิดเผยว่า ภาพรวมของสถานการณ์โควิด19ในชุมชนบาลาเซ๊าะเก้าเส้งขณะนี้พบผู้ติดเชื้อจำนวน 60 คน แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดภายในชุมชนโดยไม่แพร่กระจายไปในพื้นที่อื่น ๆ  นอกจากนี้ทางฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสงขลาจะเริ่มใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัยจับจริงปรับจริงทุกคนตามคำสั่งของทางจังหวัดซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน จ.สงขลา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของความช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบาลาเซ๊าะเก้าเส้ง นอกเหนือจากทาง อบจ.สงขลา ทางอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงมาช่วยเหลือแล้ว ในแต่ละวันก็จะมีพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเก้าเส้งเองก็ช่วยกันทำอาหารปรุงสดเช่นข้าวแกง ข้าวหมกไก่ และอื่น ๆ มาช่วยเหลือชาวบ้านในชุมชนบาลาเซ๊าะเช่นกัน เพื่อช่วยเหลือคนในชุมชนเก้าเส้งด้วยกันและไม่มีการตำหนิหรือรังเกียรติคนที่ติดโควิดทุกคนในเก้าเส้งต้องผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์

นราธิวาส - โฆษก ศรชล.เผย กู้อวนใต้เกาะโลซินสำเร็จ พบความเสียหายบางส่วน เร่งปลูกชดเชย เตรียมลงดาบเรือตัดอวน

วันนี้ ( 21 มิ.ย.64 ) เวลา 08.30 น. พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยถึงการปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน จว.นราธิวาสในวันสุดท้าย (20 มิ.ย.64) ว่า การปฏิบัติภารกิจยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ สภาพอากาศท้องฟ้าแจ่มใส โดยทีมนักดำน้ำได้ทำการดำในช่วงเช้า 2 เที่ยว เพื่อทำการตัดอวนที่เหลือ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถเก็บอวนขึ้นมาได้ทั้งหมดมีน้ำหนักถึง 800 กิโลกรัม ส่วนในช่วงบ่ายได้ทำการดำอีก 1 เที่ยวเพื่อประเมินความเสียหายของปะการังและปลูกซ่อมแซม

จากการสำรวจพบว่า พื้นที่อวนทั้งหมด 2,750 ตารางเมตร พื้นที่ที่อวนปกคลุมปะการัง 550 ตารางเมตร ผลการประเมินความเสียหายของปะการัง พบลักษณะความเสียหายหลักคือปะการังมีสีซีดจางร้อยละ 10 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด รองลงมาคือแตกหัก ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด และรอยถลอกเสียดสี บางส่วนบาดจนปะการังเคลือบติดกับเนื้ออวน ร้อยละ 5 ของพื้นที่ปกคลุมทั้งหมด

นอกจากนั้นยังมี ผลกระทบอื่นที่ไม่ใช่ปะการัง ประกอบด้วยดอกไม้ทะเลและสัตว์หน้าดิน เสียหายเล็กน้อย

สำหรับแผนการดำเนินการตามแผนฟื้นฟู ได้ปลูกปะการังทดแทนในพื้นที่เสียหายประมาณ 500 เข่งและติดตามผลการดำเนินการในอีก 3 เดือนโดยนักดำน้ำทั้งหมดที่มาจากกองทัพเรือ 16 นายนักดำน้ำของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และอาสาสมัครดำน้ำจำนวน 26 นายรวมทั้งนักข่าวใต้น้ำจำนวน 6 นายปลอดภัย การปฏิบัติการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีอุปสรรคใดๆ โดย พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 (ผบ.ทรภ.2) ได้ขอบคุณหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยเฉพาะนักดำน้ำและถ่ายภาพใต้น้ำทั้ง 38 นาย ที่เสียสละเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ จนทำให้ภารกิจได้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี

โฆษก ศรชล.กล่าวว่า สำหรับการติดตามผู้กระทำความผิด ทาง ศรชล.ร่วมกับ ทร./ทช./กรมประมง เพื่อดำเนินการร่วมกัน โดยเบื้องต้น ทช.จะนำของกลางเข้าแจ้งความเพื่อหาผู้กระทำผิด และศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1.ให้ศูนย์ยุทธการตรวจสอบ เรือประมงพานิชย์ ประเภทอวนล้อมจับ ที่มีประวัติเดินทางผ่าน เกาะโลซิน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.64- ปัจจุบัน

2. ซากอวนทั้งหมดที่ตัดมาให้นำอวนมาส่งที่ ท่าเรือตรวจประมง ปัตตานี และให้ ศรชล.จังหวัดปัตตานีตั้งคณะทำงานร่วมกันกับสมาคมประมง และประมงจังหวัด เพื่อหาที่มาของอวน

3.ให้ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดต่าง ๆ ตรวจสอบเรือที่แจ้งเข้าว่า อวนบนเรือมีลักษณะตรงกับตัวอย่างที่เก็บมาได้ และอวนบนเรือได้หายไปเนื่องจากการประมงหรือไม่เพื่อตรวจสอบหาเรือที่กระทำความผิดต่อไป

สำหรับโทษที่กำหนดไว้เกาะโลซินเป็นพื้นที่ห้ามทำประมงชอบ/อวน ตาม พรบ. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาตรา 17 โทษปรับ 100,000 บาท จำคุก 1 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงโทษตาม พรบ.สงวนคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ฐานทำให้ปะการังเสียหายหรือถูกทำลายจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตาก - โรงเรียนราษฎวิทยา จัดกิจกรรมการประกาศ เจตจำนงสุจริตในการบริหารงาน

ที่บริเวณห้องโถงของโรงเรียนราษฎวิทยา เขตเทศบาลนครแม่สอด นายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ผู้จัดการและผู้รับใบอนุญาต ของโรงเรียนราษฎวิทยา ประธานแม่สอดมูลนิธิสามัคคีการกุศล พร้อมด้วยนายวัชรินทร์  ใจยะสิทธิ์ ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการทุกฝ่าย ตัวแทนคณะครูได้จัดกิจกรรม การประกาศเจตจำนงสุจริตในการบริหารงานภายในองค์กร โรงเรียนราษฎร์วิทยา(ตี่มิ้ง) มุ่งเน้นการบริหารจัดการองค์กร อย่างมีธรรมาภิบาล

โดยให้ความสำคัญกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อสร้างความศรัทธา และเชื่อมั่นแก่สังคมว่าโรงเรียนราษฎร์วิทยา(ตี่มิ้ง) เป็นองค์กรธรรมาภิบาลในฐานะผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนราษฎร์วิทยา(ตี่มิ้ง)จึงขอประกาศเจตจำนงในการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้พร้อมรับผิดชอบและต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ทั้งนี้ขอให้บุคลากรทุกคนมุ่งมั่นปฏิบัติงานตามภารกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม และปราศจากการทุจริตภายใต้นโยบาย ดังต่อไปนี้

1. ด้านความโปร่งใส คือ เปิดเผยข้อมูลการดำเนินภารกิจของหน่วยงาน รวมถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง   เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และมีระบบการบริหารจัดการที่ชัดเจน

2. ด้านความพร้อมรับผิด คือ มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใต้กฎหมายระเบียบ วิธีการที่ถูกต้อง รับผิดชอบต่อการตัดสินใจและการบริหารงาน  พร้อมที่จะถูกตรวจสอบเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อโรงเรียน

3. ด้านความปลอดจากการทุจริต คือ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือรับสินบน

4. ด้านวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร คือ การทำให้หน่วยงานปลอดจากการทุจริต โดยไม่ยอมรับการทุจริตทุกประเภทและไม่เพิกเฉย ที่จะดำเนินการเพื่อยับยั้งการทุจริตในหน่วยงาน

5. ด้านคุณธรรมการทำงานในหน่วยงาน คือ กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ชัดเจนมีความเป็นธรรมในการปฏิบัติงาน อำนวยความยุติธรรมและมีความโปร่งใสในการบริหารงานบุคคล การบริหารจัดการงบประมาณ และการมอบหมายงาน

จึงประกาศให้ทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน


ภาพ/ข่าว วรภา พันลุตัน จ.ตาก

ชุมพร – ยื่นหนังสือ ขอผ่อนคลายให้ร้านอาหารจำหน่ายเครื่องดื่นแอลกอฮอล์ได้

วันนี้ (22 มิย. 64) เวลา 8.30 น นายกฤษฎา ถนอมรักษ์ ตัวแทนชมรมร้านอาหารจังหวัดชุมพรร่วมกว่า 30 ร้าน พร้อมด้วยสมาชิกได้ยื่นหนังสือขอผ่อนคลายให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดชุมพรเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ปัจจุบันเมื่อลูกค้ามานั่งแล้วสั่งอาหารกลับบ้าน หรือหากจะนั่งก็นั่งไม่นานซึ่งจนทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าได้รับผลกระทบแบกภาระค่าใช้จ่ายเช่น ค่าเช่า ,ค่าน้ำค่าไฟ ,ค่าภาษี ,ค่าจ้างค่าเยี่ยวยาพนักงาน ,ค่าดอกเบี้ยธนาคาร และค่าบำรุงรักษาต่าง ๆ

ทางด้าน นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผวจ.ชุมพร กล่าวว่า ได้คุยกับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชุมพร เพื่อให้ความช่วยเหลือร้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งให้ความร่วมมือทางจังหวัดกันตลอดมา และในวันนี้ก็ได้มีการประชุมของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชุมพร ก็จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อให้ความช่วยเหลือทางชมรมร้านอาหารจังหวัดชุมพร เพื่อให้ทางชมรมร้านอาหารจังหวัดชุมพรยืนอยู่ได้ เพราะเราก็คือ “ชุมพรทีม” เหมือนกัน

ที่ผ่านมาเราก็ได้รับความร่วมมือจากชมรมร้านอาหารจังหวัดชุมพรเป็นอย่างดี และขอขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกันตลอดมา จนสามารถให้เราควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ในพื้นที่ชุมพรได้ถึงวันนี้

ราชกิจจานุเบกษาผ่อนคลายมาตรการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ผ่อนคลายในพื้นที่เฝ้าระวังสูงสูด 53 จังหวัดประกอบด้วย กระบี่ ,กาญจนบุรี ,กาฬสินธุ์ ,กำแพงเพชร ,ขอนแก่น ,ชัยนาท ,ชัยภูมิ ,ชุมพร ,เชียงราย ,เชียงใหม่ ,ตราด ,ตาก ,นครนายก ,นครพนม ,นครราชสีมา ,นครสวรรค์ ,น่าน ,บึงกาฬ ,บุรีรัมย์ ,ปราจีนบุรี ,พะเยา ,พังงา ,พัทลุง ,พิจิตร ,พิษณุโลก ,เพชรบูรณ์ ,แพร่ ,ภูเก็ต ,มหาสารคาม ,มุกดาหาร ,แม่ฮ่องสอน ,ยโสธร ,ร้อยเอ็ด ,ลพบุรี ,ลำปาง ,ลำพูน ,เลย ,ศรีสะเกษ ,สกลนคร ,สตูล ,สิงห์บุรี ,สุโขทัย ,สุพรรณบุรี ,สุราษฎร์ธานี ,สุรินทร์ ,หนองคาย ,หนองบัวลำภู ,อ่างทอง ,อำนาจเจริญ ,อุดรธานี ,อุตรดิตถ์ ,อุทัยธานี และอุบลราชธานี


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร  

สงขลา - แพขนานยนต์ เปิดวิ่งให้บริการเริ่มเช้าวันนี้ หลังหยุดวิ่งมา 2 วัน พนักงานแพขนานยนต์บางส่วนติดโควิค ต้องกักตัวระยะหนึ่ง

เพื่อดูอาการและทางแพขนานยนต์ได้บิ๊กคลีนนิ่งทำความสะอาดแพขนานยนต์ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้ง 3 ลำรวมทั้งอาคารสำนักงานบริเวณท่าแพทุกหลังด้วย วันนี้สามารถเปิดให้บริการได้ แต่เปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการเป็น 2 ช่วงคือ ภาคเช้าตั้งแต่ 05.00น - 09.00 น. ภาคบ่าย 16.00 น.- 20.00 น.

เช้าวันนี้ (ที่ 23 มิ.ย.64) แพขนานยนต์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเปิดวิ่งให้บริการแล้ว ตั้งแต่เวลา 05.00 น.เป็นต้นมา มีประชาชนทั้งชาวสงขลาและชาวสิงหนครมาใช้บริการตามปรกติ หลังหยุดวิ่งมา 2 วัน พนักงานแพขนานยนต์บางส่วนติดโควิคต้องกักตัวระยะหนึ่งเพื่อดูอาการและทางแพขนานยนต์ได้บิ๊กคลีนนิ่งทำความสะอาดแพขนานยนต์ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ทั้ง 3 ลำรวมทั้งอาคารสำนักงานบริเวณท่าแพทุกหลังด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความจำเป็น ต้องใช้แพขนานยนต์ ข้ามฟากเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ดีที่สุดในขณะนี้

ในขณะเดียวกัน ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ออกประกาศ ขอเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการแพขนานยนต์เป็น 2 ช่วงเวลา ดังนี้ ช่วงที่ 1 เวลา 05.00 น. - 09.00 น. ช่วงที่ 2 เวลา 16.00 น. - 20.00 น. ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง จึงเรียนมาเพื่อทราบและขออภัยในความไม่สะดวก

สำหรับสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลงเวลาจำกัดการให้บริการ สาเหตุเนื่องจากพนักงานแพขนานยนต์บางส่วนติดโควิค ต้องกักตัวระยะหนึ่ง 14 วันเพื่อดูอาการจนกว่าแน่ใจว่าหายดีแล้ว แพขนานยนต์ถึงจะได้มาให้บริการเต็มรูปแบบตามปกติอีกครั้งหนึ่ง โดยในเช้าวันนี้ ใช้แพขนานยนต์ 2 ลำ คือ หมายเลข 9 และหมายเลข 11 โดยหมายเลข 9 บรรทุกรถยนต์และรถจักรยานยนต์บางส่วน ส่วนหมายเลข 11 ใช้บรรทุกเฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น เนื่องจาก มีรถจักรยานยนต์ทั้งฝั่งสิงหนครและฝั่งอำเภอเมืองสงขลาที่จะเดินทางไปทำงานเป็นจำนวนมากจึงต้องแยกแพขนานยนต์คนละลำเพื่อความรวดเร็วสำหรับคนทำงาน ที่ใช้รถจักรยานยนต์

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาใช้บริการแพขนานยนต์เหมือนปรกติไม่ได้ลดน้อยลงเลย เนื่องจากมีความมั่นใจในความปลอดภัยและการปลอดเชื้อเพราะทางแพขนานยนต์ได้บิ๊กคลีนนิ่งทำความสะอาดแพขนานยนต์ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อแพ ทั้ง 3 ลำรวมทั้งอาคารสำนักงานบริเวณท่าแพทุกหลังด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

กระบี่ - แม่ค้าขายทุเรียน โดนเอง สั่งซื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทอง จากล้งทุเรียนรายใหญ่ 3 รอบ เจอทุเรียนอ่อนปะปนมากกว่า 500 กก.

วันที่ 24 มิ.ย.64 หลังจากที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดกระบี่ ได้บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ สุ่มตรวจแผงจำหน่ายทุเรียน ในพื้นที่ จ.กระบี่ เพื่อป้องกันการนำทุเรียนอ่อน ออกมาจำหน่าย ได้รับการร้องเรียนจากแม่ค้าบางรายว่า ถูกพ่อค้าทุเรียนรายใหญ่ ขายทุเรียนอ่อนปะปนมากับทุเรียนแก่ เมื่อนำมาขายให้กับลูกค้า ก็ถูกลูกค้าเอาทุเรียนมาคืน เนื่องจากรับประทานไม่ได้ ทำให้ขาดทุนแล้วหลายหมื่นบาท 

นางอรจิตร พันทรภาค แม่ค้าทุเรียนรายย่อย ในพื้นที่ จ.กระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้สั่งซื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากล้งทุเรียนรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดชุมพร มาประมาณ 3 ครั้ง ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมาเพื่อมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ครั้งละ 1-2 ตันพบว่ามีทุเรียนอ่อนปะปนมาด้วยทุกครั้ง รวมแล้วกว่า 500 กิโลกรัม คิดเป็นเงินกว่า 60,000 บาท

นางอรจิตร กล่าวอีกว่า สำหรับแม่ค้ารายย่อย ไม่ได้มีเจตนาจะจำหน่ายทุเรียนอ่อน และหากว่าลูกค้าที่ซื้อทุเรียนไปเจอทุเรียนอ่อนตนก็จะให้นำมาคืนทุกราย ซึ่งปัญหาทุเรียนอ่อนที่พบอยู่ทำแผงขายทุเรียนปัญหาเกิดจากต้นทางก็คือล้งทุเรียนรายใหญ่ เพราะทุกครั้งที่พวกตนสั่งซื้อไม่สามารถที่จะเข้าไปเลือกทุเรียนได้ ทางล้งหรือพ่อค้ารายใหญ่ก็จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด

นางสมถวิล กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัด เฝ้าระวังและติดตามการจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าว โดยพบว่าทุเรียนที่พ่อค้าแม่ค้า นำมาจำหน่ายตามแผงขาย ได้สั่งซื้อมาจากล้งในจังหวัดชุมพร โดยมีทุเรียนอ่อนปะปนมาด้วย แต่พบว่าพ่อค้า แม่ค้า ได้ทำการเก็บไม่ได้นำออกมาจำหน่าย และเตรียมส่งคืนให้กับล้ง เบื้องต้นได้กำชับห้ามนำออกจำหน่ายอย่างเด็ดขาด


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

กระบี่- นายอำเภอคลองท่อม สั่งปิดโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกโรงเรียน ในเขตตำบลคลองท่อมใต้ จ.กระบี่ หลังพบครูและเด็กนักเรียนติดเชื้อโควิด-19

จากคลัสเตอร์งานฌาปนกิจ ที่วัดคลองที่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พบผู้ติดเชื้อแล้ว 23 ราย ขณะที่ยอดติดเชื้อสะสมทั้งจังหวัด 388 ราย

นายไพศาล ศรีเทพนายอำเภอคลองท่อม ได้ออกประกาศแจ้งปิดโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่พบผู้ป่วยจำนวนมากในกลุ่มผู้ที่มาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพที่วัดคลองท่อม ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ระหว่างวันที่ 12-17 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาและมีความเชื่อมโยงระหว่างการระบาดไปยังผู้ปกครองครูพี่เลี้ยงเด็กและผู้ที่ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพตามวันเวลาสถานที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง และเพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดคัตเตอร์ในกลุ่มครูบุคลากรทางการศึกษานักเรียนครูพี่เลี้ยงเด็กวัยก่อนเรียน ผู้ปกครองนักเรียนทางอำเภอคลองท่อมจึงขอความร่วมมือในการปิดโรงเรียนทุกโรงทุกสังกัดและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่งในเขตตำบลคลองท่อมใต้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2564

สำหรับคลัสเตอร์งานบำเพ็ญกุศลศพที่วัดคลองท่อม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ทำการค้นหาเชิงรุก ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ทั้งหมดในพื้นที่กว่า 500 ราย ตั้งแต่วันที่ 21 -23 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อสะสมแล้วจำนวน 23 ราย ซึ่งในซึ่งในจำนวนนี้มี ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และมีนักเรียนที่ต้องไปกักตัวในสถานที่รัฐอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19

ส่วนคลัสเตอร์จากมัรกัสยะลา พบผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งหมด 22 ราย แยกเป็นนักเรียนฮาฟิซ 18 คน  และชาวบ้านที่มาจากพื้นที่ในจ.ยะลา 4 คน ซึ่งได้มีการกักตัวกลุ่มเสียผู้สัมผัสเสียงสูงเป็นเวลา 14 วัน

อย่างไรก็ตามจะสถานการณ์ที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในจังหวัดกระบี่ พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 388 ราย  รักษาตัวที่รพ. 73 ราย รักษาหายและออกจาก รพ.315 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

นราธิวาส - จับมือมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 จำนวน 380 เตียง

ด้านผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมสถานที่ในพื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส เตรียมตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่ม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ให้เพียงพอ

วันที่ 25 มิ.ย. 64 นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 ที่โรงยิมเนเซี่ยม สนามกีฬามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเขือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 12 ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส  ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสฯ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ

ทางด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน  มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันในโรงพยาบาล สะสมจำนวน 1,745 ราย กำลังรักษาจำนวน 543 ราย แยกเป็น รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 192 ราย และ รักษาตัวโรงพยาบาลสนาม 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด และ โรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก จำนวน 351ราย

ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยยืนยันคลัสเตอร์มัรกัส ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามทั้ง 2 แห่งของจังหวัดนราธิวาส ไม่เพียงพอ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ในฐานะฝ่ายรับผิดชอบทางด้านการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จึงได้ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 5 ณ โรงยิมเนเซี่ยม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อรองรับการให้บริการผู้ป่วย COVID-19 คลัสเตอร์มัรกัสเป็นการเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยยืนยันจำนวน 180 ราย โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ประกอบด้วย แพทย์ 5 คน พยาบาลวิชาชีพ 7 คน และพนักงานทำความสะอาด 2 คน โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย บุคลากรปลอดภัย และจังหวัดนราธิวาสปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเร็ว

ขณะที่จังหวัดนราธิวาสมีผู้ป่วยรายใหม่ตกประมาณวันละ 100 คน เพราะฉะนั้นในภาพรวมเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เตียงประมาณ 1,400 เตียง ซึ่งตอนนี้เรามีเตียงทั้งหมด 1,000 เตียง ซึ่งหลังจากที่เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 วันนี้ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 380 เตียง เราถึงจำเป็นที่จะต้องหาพื้นที่เพื่อจัดตั้งโรงพยาบาลสนามอีก 500 เตียง ซึ่งในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จัดไว้เพื่อดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่มาจากมัรกัสยะลา มัรกัสยี่งอ และมัรกัสศรีสาคร จึงออกแบบเพื่อให้ผู้ป่วยมีกิจกรรมและการดำรงชีวิตที่ไม่กระทบกับวิถีชีวิตปกติ 

และในส่วนของการกระจายวัคซีนจากส่วนกลางมาที่จังหวัดนราธิวาสมีวัคซีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจังหวัดนราธิวาสก็เป็นจังหวัดลำดับต้น ๆ ที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน ซึ่งโดยภาพรวมก็เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้จัดตั้งไว้ โดยศักยภาพเต็มที่ของโรงพยาบาลทั้ง 13 แห่ง สามารถฉีดได้ประมาณวันละ 7,500 คน ซึ่งตอนนี้ฉีดไปแล้ว 40,000 กว่าคน ส่วนพื้นที่ที่มีการระบาดก็จะเพิ่มเติมก็จะมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นด้วย

และขณะนี้มีการเปิดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น ที่ใช้ในโรงพยาบาลสนามฯ เช่น เตียงนอน หมอน มุ้ง ขนมขบเคี้ยวต่าง  สามารถมาร่วมบริจาคสมทบได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ได้ในวันและเวลาราชการ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 073-532059

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ระลอกเดือนเมษายน 2564 จนถึงปัจจุบัน เกิดการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในกลุ่มคลัสเตอร์ต่าง ๆ และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มของจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากคลัสเตอร์มัรกัส และในกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ ทั้ง 2 แห่งของจังหวัดนราธิวาส รองรับในการรับดูแลรักษาผู้ป่วยอาจไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนการควบคุม ป้องกันโรค และการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถควบคุม จำกัดการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายไปสู่พื้นที่วงกว้างในชุมชน และกระจายไปทั่วจังหวัด

ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบริเวณสวนเปี่ยมสุขนราธิวาส และหอประชุมกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อเตรียมใช้เป็นโรงพยาบาลสนามแห่งใหม่ ในการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้อย่างเพียงพอ


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ชุมพร - "จับจริง" ลงตรวจสอบทุเรียนอ่อน เตรียมพร้อมลงกล่องส่งต่างประเทศ

จับจริง ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ  ลงตรวจทุเรียนอ่อนเตรียมพร้อมบรรจุลงกล่องส่งต่างประเทศระบาดหนัก  พร้อมให้ทีมงานไปค้นหาทุเรียน อ่อนหนีไปบรรจุลงกล่องส่งต่างประเทศที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน 2564 ภายใต้การอำนวยการของนายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร, นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายปกาสิต พรประสิทธิ์ นายอำเภอหลังสวน ได้มอบหมายให้ นาย ชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ ปลัดอาวุโสอำเภอหลังสวน พร้อมด้วย นายดุสิต ศักดิ์รกานต์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร ปลัดอำเภอหลังสวน เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดชุมพร และสมาชิก อส.

ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบการรับซื้อ - ส่งออกทุเรียน  "ทรัพย์สิริพงศ์ เฟรชฟรุ๊ต จำกัด โกดังมาโนช ระยอง" โดยได้ทำการสุ่มตรวจวิเคราะห์ปริมาณแป้งในเนื้อทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ที่บรรจุลงกล่องเพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ จำนวน 4 ตัวอย่าง ผลตรวจพบว่า ตัวอย่างที่ 1 วัดค่าได้ 25 เปอร์เซ็นต์  ตัวอย่างที่ 2 วัดค่าได้ 33 เปอร์เซ็นต์ ตัวอย่างที่ 3 วัดค่าได้ 30 เปอร์เซ็นต์ มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธนากร โกศลเมธี รายงานศูนย์ข่าวสารจังหวัดชุมพร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top