Wednesday, 3 July 2024
Southern

กระบี่ – ฮือฮา ! อีกครั้ง เจ้าของร้านจำหน่ายอะไหล่ยนต์ชื่อดัง ผุดไอเดียร์ สุดบรรเจิด ให้รถฉุกเฉิน รพ.เปลี่ยนยางฟรี ไม่มีคิดเงิน

หลังจากที่สร้างความฉือฮา มาแล้ว ติดสติกเกอร์ชื่อร้าน ท้ายรถ ปะยางฟรีตลอดชีพ หวังช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้ รพ.ช่วงวิกฤติโควิด 19

วันที่ 12 พ.ค.64 หลังจากที่นายจักรพันธ์ วรรณประเสริฐ อ.47 ปี เจ้าของเจ้าของร้านประดับยนต์ ชื่อร้าน ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 304 ม.6 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้สร้างความฮือฮาให้แก่ลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการของร้าน ด้วยไอเดียร์สุดแปลกแหวกแนว มาแล้ว เมื่อเดือนที่ผ่านมา แปะสติกเกอร์ชื่อร้านท้ายรถ (ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์) ปะยางฟรีตลอดชีพ และล่าสุดทางเจ้าของร้านได้ผุดให้เดียร์ใหม่ อีกแล้ว โยได้ประกาศผ่านเฟสบุค ให้รถฉุกเฉิน ของ โรงพยาบาลในจังหวัดกระบี่ทุกโรง นำรถมาเปลี่ยนยงฟรี ไม่คิด พร้อมดูแลหลังการขายปะยางให้ฟรีตลอดชีพด้วย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าว พบว่าทางร้านกำลังเปลี่ยนยางให้ รถฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลอ่าวลึก จากการสอบถามนายอรัญ คชาวุธ อายุ 52 ปี พนักงานขับรถ โรงพยาบาลอ่าวลึก ทราบว่า วานนี้ 11 พ.ค.ทางหัวหน้าฝ่ายของ รพ.อ่าวลึก ได้โทรมาแจ้งให้ตนนำรถไปเปลี่ยนยางที่ร้านส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.เหนือคลอง โดยบอกว่าทางเจ้าของร้านยินดี เปลี่ยนยาง ให้รถฉุกของ รพ.ฟรี ทุกโรงที่อยู่ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งตนเห็นว่ารถที่ตนขับอยู่ยางเริ่มสึกหรอ เพื่อความปลอดภัยจึงรีบนำรถมาเปลี่ยนยาง ซึ่งรถของตนได้เปลี่ยนยงเป็นคันแรก 

ด้านนายจักรพันธ์ (เจ้าของร้านฯ)เปิดเผยว่า ทางร้านเปิดให้บริการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ยางรถยนต์ ล้อแม็กซ์ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และบริการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ซ่อมช่วงล่าง ยกสูง โหลดเตี้ย และประดับยนต์มากว่า 14 ปี มีลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง และในช่วงนี้ เป็นช่วงวิกฤติโควิด 19 ตนเห็นว่ารถฉุกเฉินของโรงพยาบาล แต่ละแห่ง ถูกนำออกมาวิ่งใช้งานรับส่งผู้ป่วยกันอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ทำให้ยางรถสึกเร็วกว่าปกติ ตนจึงเกิดไอเดียร์ เปลี่ยนยางรถให้ฟรี ไม่คิดเงิน เฉพาะ รพ.ในจังหวัดกระบี่ พร้อมบริการหลังการขายฟรี ไม่ว่าจะเป็นตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ ทุก 1 หมื่น กม.

นายจักรพันธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เกิดวิกฤติโควิด 19 ถึง 2 รอบ ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับทางร้าน มีจำนวนลดลง ตนก็เลยปิ้งไอเดียร์ ขึ้นมาว่ารถทุกคัน ที่มีสติกเกอร์ “ส่งเสริมออโต้ เซ็นเตอร์”ติดอยู่ที่รถ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าหรือใหม่ หากว่ารถล้อรั่ว ซึม เข้ามาใช้บริการปะยาง ทางร้านก็จะปะให้ฟรี ไม่คิดเงิน ซึ่งเหมือนกับว่าทางร้านได้ช่วยดูแลสังคมอีกด้านหนึ่ง ในการลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า และตอนนี้เกิดวิกฤติโควิด 19 ระบาดระลอก 3 ตนก็เลยอยากช่วยแบ่งเบาโรงพยาบาล ที่เห็นบุคลากรทุกคนทำงานกันอย่างหนัก คิดไอเดียร์ โดยการเปลี่ยนยางให้ฟรี ไม่คิดเงินแม้บาทเดียว     

นายจักรพันธ์ ยังกล่าวถึงผลกระทบในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยว่า ทางร้านได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากการเข้าใช้บริการของลูกค้าลดน้อยลง แต่ทางร้านก็ได้มีการแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายขอส่วนลดพิเศษเพื่อมาช่วยสนับสนุนเป็นส่วนลดให้แก่ลูกค้า โดยพบว่าช่วงนี้ลูกค้าหายไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีข้อดี ทางร้านสามารถดูแลให้บริการลูกค้าหลังการขายได้อย่างเต็มที่


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์  ศรีปล้อง รายงาน

ยะลา - เบตง ไม่หลาบจำ จับพ่อค้าแม่ค้า ขายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่น

เบตง ตชด. อส.อำเภอเบตง บุกค้นบ้าน จับพ่อค้า แม่ค้า ขายใบกระท่อม ให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงาน รับสารภาพจำหน่ายมานานแล้ว ถูกจับดำเนินคดีหลายครั้งแล้ว เสียค่าปรับเสร็จขายต่อ

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 13 พ.ค.64 นายพิชัย แก้วจำรัส ปลัดอำเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด สืบทราบว่าพื้นที่บ้านบ่อน้ำร้อน หมู่2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีการลักลอบจำหน่ายใบกระท่อมให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานเพื่อนำไปต้มเป็นยาเสพติด 4x100 ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้ประสาน พ.ต.ท.อรรถพล  จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรมเนียม หัวหน้าชุดปฏิบัติการการข่าว ร้อย ฉก.ตชด.445 และผู้ใหญ่บ้าน นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. อส.อำเภอเบตง เข้าตรวจค้นจับกุม

เจ้าหน้าที่ได้วางแผนแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 58/11 หมู่2 ซ.วังน้ำวน ต.ตาเนาะแมเราะ จับกุม น.ส.นิตย์ พุทธจักจันทร์ อายุ 45 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 35 ถุง น้ำหนักรวม 2.38 กิโลกรัม เครื่องชั่งจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งใช้สำหรับชั่งใบพืชกระท่อมสด อยู่ภายในห้องนอนของบ้าน จากการสอบถามเบื้องต้น รับสารภาพ จำหน่ายใบกระท่อมมาประมาณ 1 ปี แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านจับกุมมาแล้วประมาณ 3 ครั้ง ทุกครั้งแฟนจะเป็นคนรับ แต่ครั้งนี้ ตนได้เลิกกับแฟนแล้ว จึงต้องรับไว้เอง ใบกระท่อมซื้อมากิโลกรัมละ 850 บาท แล้วจะนำมาแบ่งขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงานในราคา ขีดละ 120 บาท

ด้านเจ้าหน้าที่อีกชุด เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 80/2 หมู่2 ซ.อีสาน ต.ตาเนาะแมเราะ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เจ้าหน้าที่ชุดแรกตรวจค้น ประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่จับกุมนายสุเด็ง ยารง อายุ 43 ปี พร้อมของกลางใบพืชกระท่อมสดจำนวน 20 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 1.9 กิโลกรัม น้ำต้มใบกระท่อม 2 ขวด น้ำหนักประมาณ 2.2 ลิตร สอบถามเบื้องต้นรับสารภาพ ขายใบกระท่อมมาประมาณ 4 ปี แล้ว โดนเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 4 ครั้ง พอเสียค่าปรับเสร็จ ก็กลับมาขายอีก จะรับใบกระท่อมมาครั้งละ 15 กิโลกรัม ในราคา 12,000 บาท แล้วมาขายขีดละ 100 บาท

เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหา น.ส.นิตย์ มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งข้อหานายสุเด็ง มียาเสพติดให้โทษประเภท5 (ใบพืชกระท่อมสด,น้ำต้มพืชกระท่อม) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งนำตัวและของกลางทั้งหมดส่ง ร.ต.อ.พรชัย ชูนวล พนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อ

ตราด – ผวา !! คนขับรถแบล็คโฮ พบหัวกระสุนปืน กปรส.ขนาด 76 มม. โผล่ก้นสระโร่แจ้ง EOD ตรวจสอบ

เหตุการณ์นี้ทำเอาหนุ่มขับรถแบล็คโฮถึงกับผวา ช่วงสายของวันนี้ขณะที่กําลังใช้แบล็คโฮขุดสระน้ำอยู่บริเวณกลางสวนหมู่ที่ 2 ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ขณะที่กำลังขุดสายตาเหลือบไปเห็นวัตถุคล้ายหัวยิงระเบิด จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ สภ.ไม้รูด ช่วยตรวจสอบ

หลังรับแจ้งทาง พ.ต.ท.สุพจน์ รักการ สวญ.สภ.ไม้รูด ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.สมชาย บุญมี รอง สวป.ประสานไปยัง ชุด EOD จังหวัดตราด ขอให้มาช่วยเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยเกรงชาวบ้านจะได้รับอันตราย  คนขับรถแบล็คโฮ (ขอสงวนนาม) บอกว่า ได้นำรถแบล็คโฮมาขุดสระน้ำเพื่อจะทำการกักเก็บน้ำช่วงฤดูฝน เพื่อที่จะเก็บน้ำไว้ใช้รดผลไม้ในช่วงฝนทิ้งช่วง ขณะที่กำลังขุดพบวัตถุต้องสงสัย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ EOD นำโดย ร.ต.อ.เชิดพันธ์ บุญล้อม รองสว.สพ.จว.ตราด พบเป็นกระสุนปืนไร้แสงสะท้อนหลัง หรือกระสุนปืน กปรส.ขนาด 76 มม.ซึ่งอยู่ในลักษณะเสื่อมสภาพ จากนั้นเจ้าหน้าที่ EOD ได้นําอุปกรณ์เชือกมากั้นพื้นที่ตรวจสอบเพื่อไม่ให้ประชาชนหรือผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะเก็บกู้และนำไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ไม้รูด เพื่อเป็นฐาน ก่อนที่จะนำกลับไป เพื่อที่จะทำลายต่อไป

สำหรับพื้นที่ ของ ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จากคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนในพื้นที่  อ.คลองใหญ่เป็นพื้นที่ที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ในอดีต กัมพูชา ได้มีการสู้รับกับเวียดนาม ทำให้กระสุนต่าง ๆ เลยมาตกในพื้นที่ของประเทศไทย พื้นดินที่เป็นเป็นที่ลาบลุ่ม ถูกถมดินทับทำด้วยระยะเวลนาน จนอาจทำให้กระสุนปืน หรือหัวระเบิดที่เคยมาตกยังฝั่งไทย เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

กระบี่ - พบศพแล้ว นายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี หายตัวปริศนา

เจ้าหน้าที่พบรถเก๋งของนายสุชาติถูกเผาฝังดินในสวนปาล์มแ ห่างจากบ้านบังพิตผู้ต้องสงสัย ประมาณ 300เมตร  และห่างกัน200มเมตร พบอีกหลุม คาดว่าเป็นจุดฝังศพแต่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ญาติไปดูจุดที่ฝังรถมั่นใจ ว่าเสียชีวิตแล้ว

จากกรกรณีที่นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่เข้าแจ้งความที่สภ.ลำทับ  หลังผู้เป็นพ่อ ทราบชื่อคือนายสุชาติ  ขาวล้วน  อายุ 54 ปี   หายตัวปริศนานานร่วม 1 สัปดาห์  ญาติพยายมช่วยกันโพสต์ในโซเชี่ยลให้ช่วยตามหา แต่ยังไม่พบ จึงเข้าแจ้งความคนหายไว้แล้ว ที่สภ.ลำทับ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา  เบื้องต้น นายสุชาติออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ขับรถขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่  ออกจากบ้านเพียงลำพัง โดยบอกว่าจะทวงเงินที่ เพื่อ ที่อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่  โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าไปทวงหนี้จำนวน3แสนบาท จากบังพิต  ทราบชื่อจริงต่อมา คือนายสุริบส  เริงสมุทร  อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41  ม.1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ก่อนหายตัวไปพร้อมรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่มีการข่าวผ่านสื่อ ได้มีบุคคลลึกลับ แชทข้อความไปหาญาติ นายสุชาติ พร้อมระบุว่านายสุชาติถูกฆ่าตายฝังดิน ในสวนปาล์ม พร้อทมกับรถแล้ว และให้ญาติเลิกค้นหา มิฉะนั้นจะถูกฆ่ายกครัว

ความคืบหน้าเมือเวลา 10.00 น.วันที่ 13 พ.ค.64  พ.ต.อ.พิษณุ  อัชนะพรกุล  รองผบก.ภ.จว. กระบี่   พ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง  พ.ต.อ.เสกสรร  แก้วสว่าง  ผกก.สภ.ลำทับ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน  ภ.จว.กระบี่   เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ได้นำรถแบ็คโฮ  เข้าทำการขุดหลุมต้องสงสัย ภายในสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านหนองแบก ม.1 ต.หนองทะเล  ห่างจากบ้านนายสุริยา  หรือบังพิต ประมาณ 300 เมตร   หลังจนท.สังเกตุบริเวณจุดกังกล่าวมี รอยขุดหลบฝังกลบ ขนาดใหญ่ ร่องรอยไฟไหม้ทางปาล์ม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า2 ชั่วโมง ก็พบซากรถต้องสงสัย ฝังในดินลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง6เมตร  จึงได้ใชรถแบ็คโฮดึงขึ้นมา  ตรวจสอบเบื้องต้น เป็นรถเก๋โตโยต้าโคโรนา คันที่ นายสุชาติ ขับออกจากบ้านก่อนหายตัวไป  เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบป้ายทะเบียน กน 6552 กระบี่ สภาพถูกรอยเผาไหม้วางอยู่หลังเบาะนั่งคนขับ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์หรือหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติม 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลุมที่มีรอยฝังกลบห่างจากจุดหลุมที่พบซากรถประมาณ 200เมตร  ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา  ซึ่งหน้าที่อยู่ระหว่าง วางแผนขุดหลุมดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่สามรถมารถระบุได้ว่า เป็นจุดที่ฝังศพนายสุชาติหรือไม่

ทั้งนี้ภหลังจากที่จนท.นำซากรถเก๋งขึ้นมาตรวจสอบทางญาติ ๆ นายสุชาติก็มาดูที่รถเก๋งที่ขุดขึ้นมา โดยนาง วารุณี  จันทร์ส่องแสง อายุ36 ปี หลานสาวนายสุชาติ  ยืนยันว่า เป็นรถของนายสุชาติ  และเชื่อว่านายสุชาติเสียชีวิตแล้ว 

 ด้านพ.ต.อ.อภิชาติ  จินาเพ็ญ  ผกก.สภ.อ่าวนาง เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ ไปตรวจค้น ที่บ้านพักของนายสุริยาหรือบังพิตแต่ไม่พบอะไร  พบเพียง ยาไอซ์จำนวนหนีงอยู่ขางบ้าน และจนท.ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายสุริยาไปทำการสอบปากคำที่ สภ.อ่าวนาง


ภาพ/ข่าว  ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง

กระบี่ - ว้าว ..อยากกิน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ร้านทุเรียนดังกระบี่ คนต่อแถวยาวเยียด กว่า 8 ปี มาถึงวันนี้เคยล้มลุกคลุกคลาน แต่ใจรัก...ต้นทุนเป็นคนชอบกินทุเรียน เผยเคล็ดลับจนมีลูกค้าแน่นร้าน

วันที่ 16 พค 2564 ร้านทุเรียน "ยุ้ย ชิมก่อนจ่าย" ซึ้งเป็นร้านทุเรียนชื่อดังกระบี่ ตั้งอยู่ที่ ม.4 ทางไปสระมรกต ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ้งมีลูกค้ายืนเข้าแถวซื้อทุเรียนในแต่ละวัน ผู้สื่อข่าวได้ลงไปสอบถามเจ้าของร้านดังกล่าว ชื่อ นส เพ็ญนภา ท้าวคำมา ชื่อเล่น 146 /3ม.4ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อมจ.กระบี่ ชื่อพี่ยุ้ยจ่ะ อายุ36 ปี เป็นแม่ค้าขายทุเรียนมากว่า 8 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อในแต่ละวันไม่ขาดสาย ทั้งลูกค้าประจำในพื้นที่ และต่างจังหวัด ยอดขายในวันละวันทะลุเฉียดแสนบาท เผยเคล็ดลับว่าทำไมมีลูกค้ามาที่ร้านแน่นขนัดทุกวัน และยอดสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะเป็นคนชอบกินทุเรียนอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกลูกค้า ว่าต้องการทุเรียนอร่อย คุ้มราคาที่ต้องจ่าย ทุเรียนทุกลูกที่ขาย ต้องคัดสรรค์ลูกทุเรียนที่ตรงใจและอย่างดีให้กับลูกค้า ชิมก่อนจ่าย ถ้าไม่ถูกใจ สามารถเปลี่ยนลูกใหม่ได้ โดยไม่คิดหักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และด้วยประสบการณ์สั่งสมมากว่า 8 ปี ไม่ว่าเป็นการไปรับที่สวนทุเรียนเอง และการเเลือกทุเรียนที่มีความสุกงอม กรอบนอกนุ่มใน ให้กับลูกค้าจนเป็นที่ถูกอกถูกใจ จนเป็นที่ยอมรับและเป็นร้านทุเรียนชื่อดังในพื้นที่

นส.เพ็ญนภา ท้าวคำมา หรือน้องยุ้ย เปิดเผยว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ จนทำให้ร้านตนมีชื่อเสียงดังขนาดนี้ เคยล้มลุกคลากคลาน เริ่มแรกเดิมทีเป็นคนชอบกินทุเรียนจึงตัดสินใจมาขาย ใหม่ ๆ ลองผิดลองถูก ได้ทุเรียนดิบมาบ้าง น้ำหนักขาดบ้าง ปีสองปีแรกขาดทุน หมดเงินไปกว่า 2-3 แสนบาท เพราะยังไม่ชำนาญในการเลือกทุเรียน แต่ด้วยใจรัก จึงพยายามเรียนรู้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าเป็นคัดเลือกทุเรียนเอง เทคนิคการเปาะทุเรียน ลูกไหนสุกลูกไหนอ่อน  และใช้ประสบการณ์มากว่า 8 ปี สั่งสมประสบการณ์ จนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นร้านทุเรียนชื่อดัง ซื้อมาแล้วไม่เคยทำให้ผิดหวัง และเทคนิคต่าง ๆ ในการคัดสรรค์ทุเรียนให้กับลูกค้าตรงใจลูกค้าที่ต้องการ และในราคาที่ไม่แพง ปัจจุบันราคาทุเรียน อยู่ที่ 140-160 บาทต่อหนึ่งกิโลถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงกว่าท้องตลาด ในแต่ละวันมียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก เผย 2 วันขายทะลุหลักแสนกว่าบาท ถือว่าเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดีในช่วงหน้าฤดูกาลทุเรียน และภาวะช่วงโควิด-19 ที่หลาย ๆ อาชีพได้รับผลกระทบ และยังเป็นงานที่ตนรัก และเป็นคนชอบกินทุเรียนเป็นต้นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกค้าเป็นอย่างดี น้องยุ้ยกล่าว

 


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

สงขลา - สงขลานครินทร์ ส่งมอบ “นวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19” แก่ รพ. กว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยคณะวิทยาศาสตร์ ส่งมอบ 4 นวัตกรรม ในโครงการ SciJai แก่โรงพยาบาลกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับ COVID-19 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดให้คลี่คลายลง

รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา ประเทพ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนทุกท่านมีส่วนร่วมในการสนับสนุนนวัตกรรม โดยนักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้กับ COVID-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบไปยังโรงพยาบาลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดย 4 นวัตกรรมที่ได้ส่งมอบไปแล้ว ได้แก่ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95, เครื่องจ่ายเจลล้างมืออัตโนมัติ, ระบบตรวจจับอุณภูมิร่างกายและคัดกรองอาการไข้ด้วยภาพถ่ายความร้อน และเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกล ซึ่งได้ส่งมอบนวัตกรรมให้กับโรงพยาบาลและโรงเรียนกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

โดยหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล และเพจดัง “Drama Addict” เพื่อส่งต่อไปยังทีมแพทย์ คือ แผ่นกรองเพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 ซึ่งแผ่นกรองดังกล่าว เป็นการผลิตเส้นใยนาโนอิเล็กเทรทพอลิเมอร์ด้วยเทคนิคอิเล็กโตรสปินนิงมาใช้เป็นตัวกรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหน้ากากผ้าใกล้เคียง N95 คุณลักษณะเด่น คือ มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับหน้ากากทางการแพทย์ โดยการผลิตเส้นใยนาโน ด้วยเทคนิคอิเล็กโทรสปินนิง ทำเป็นแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" จึงมีคุณสมบัติเป็น Biocompatible มีความปลอดภัยในการใช้งาน มีประสิทธิภาพในการกรองที่สูง ทั้งการกรองอนุภาคและการกรองไวรัสเทียบเท่าใกล้เคียงกับหน้ากาก N95 และที่สำคัญมีคุณสมบัติ Super hydrophobic ซึ่งจะไม่ยอมให้ละอองน้ำหรือละอองลอยสามารถซึมผ่านแผ่นกรองได้ ทีมนักวิจัยได้นำแผ่นกรอง "Sci-Mask Filter" ไปทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่า มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งได้ทำการทดสอบเรื่องความปลอดภัยในเซลล์ของปอด ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลพบว่าสามารถใช้งานและมีประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย (ขนาด 1 micron) และไวรัส (ขนาด 0.2 micron) ที่ปนเปื้อนในละอองฝอยได้มากกว่า 99% เฉพาะแผ่นกรองมีประสิทธิภาพกรองฝุ่นที่ PM 2.5 ได้ถึง 91.17 %

“สำหรับการส่งมอบนวัตกรรมของคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ด่านหน้าในการต่อสู้กับ COVID-19 ในครั้งนี้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักวัจิยของคณะฯ ที่จะนำเอาองค์ความรู้ที่มี มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ สิ่งใดที่สามารถแบ่งเบาภาระบุคลากรทางการแพทย์ หรือทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดคลี่คลายลง ทางคณะวิทยาศาสตร์ ม.อ. ยินดีอย่างยิ่งในการช่วยเหลือ ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นส่วนสำคัญในการสู้วิกฤตในครั้งนี้” รองศาสตราจารย์ ดร.อัญชนา กล่าว

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการ หรือท่านใดต้องการนำนวัตกรรมในโครงการ Scijai สามารถติดต่อมาที่ งานบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โทร. 074-288023

สงขลา – ชาวอำเภอนาทวี แห่ฉีดวัคซีนที่ รพ.สมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี หลังเกจิดังภาคใต้ และผอ.รพ.เชิญชวน ส่วนเจ้าคณะอำเภอสะเดา ยืนยันฉีดแล้วไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น

วันนี้ 17 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา ได้มีประชาชนชาวอำเภอนาทวีประมาณ 400 คน เดินทางเข้ามารับการฉีดวัคซีนชิโนแวค หลังจาก ที่ พระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี/รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา หรือเกจิดังภาคใต้ พร้อมด้วยนายแพทย์สุวัฒน์ วิริยพงษ์สุกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินี ณ อำเภอนาทวี ก่อนหน้านี้ได้มีการเชิญชวนชาวอำเภอนาทวี ให้มาลงทะเบียนและรับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด 19 กัน และในวันนี้จึงมีประชาชนชาวอำเภอนาทวีแห่กันมาที่ รพ.ฯเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนชิโนแวคเพื่อป้องกันเชื้อโควิด 19 กัน โดยทาง รพ.ฯจะมีขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อการตรวจ และสอบประวัติผู้เข้ามารับการฉีดวัคซีน อย่างพร้อมเพียง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีนชิโนแวคในครั้งนี้

ครูบัณฑิตธรรมาลังการ (ประสิทธิ์ ปณฺฑิโต) เจ้าอาวาส วัดยางทอง – เจ้าคณะอำเภอสะเดา กล่าวว่า เจริญพร อาตมาได้มีโอกาสได้ไปฉีดวัคซีนโควิดชิโนแวค เมื่อวันที่ 5 เมษายน เป็นเข็มที่ 1 แล้วก็วันที่ 25 เมษายน เข็มที่ 2 ครบ อาการหลังจากที่ได้ฉีดวัคซีนนั้น ก็จะทำให้มีความเชื่อมั่นในเรื่องของการติดต่อเชื้อโรค จะได้ไปไหนมาไหนก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในส่วนอาการนั้นก็ไม่ได้พบว่าจะมีอาการใด ๆ เกิดขึ้น จากที่บรรดาท่านทั้งหลายนั้นได้เสพข่าวไม่ว่าในทางทวีก็ดี ทางด้านหนังสือพิมพ์หรือในกลุ่มไลน์ เฟสบุ๊คอะไรต่าง ๆ นา ๆ ซึ่งสื่อส่วนใหญ่นั้นก็บางครั้งก็อาจจะลงไปผิดพลาดทำให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจ แต่หลังจากที่อาตมาฉีด 2 เข็มผ่านไป ซึ่งถือว่าฉีดอยู่ในล็อตแรก ๆ ของส่วนภูมิภาคที่ทางรัฐบาลได้แจกจ่ายให้ส่วนภูมิภาคต่าง ๆ ก็ยังไม่ได้พบอาการใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาการผื่นคันก็ดีหรืออาการแพ้ยา หรือจะอะไรก็ตามที่บรรดาท่านทั้งหลายมีความวิตกกังวน ว่าเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะมีอาการใกล้เคียงอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งรับว่าไม่เป็นความจริง เพราะฉนั้นก็ขอเชิญชวนบรรดาพระภิกษุซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง เนื่องจากว่าต้องติดต่อกับบรรดาญาติโยมตามสถานที่ต่าง ๆ ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มหนึ่ง จึงขอนิมนต์เชิญชวนเพื่อไปลงทะเบียนแล้วก็ฉีดให้ครบ ไม่ฉะนั้นถ้าแม้ว่าเรายังฉีดกันไม่ทั่ว ก็จะเป็นผลทำให้เกิดโรคติดต่อที่กำลังรุมเร้าอยู่ในยุคปัจจุบัน แล้วก็ฝากว่าเราอย่าพึ่งไปเชื่อข่าวเสพข่าวจนเกินไป แล้วก็อย่าไปวิตกกังวนเป็นโรคตาขาวนั้นก็คือมีความกลัว ว่าจะติดเชื้อให้เราคิดว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นการป้องกันการติด ไม่ได้ป้องกันการตาย เพราะฉนั้นบางท่านนั้นจะกลัววัคซีนโควิดมากกว่ากลัวเชื้อที่จะมาติดกับตัวตน จึงอยากที่จะเชิญชวนท่านทั้งหลายให้ไปลงทะเบียนและก็ไปฉีดวัคซีนตามระบบไม่มีอาการใกล้เคียงใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเจริญพร

ทางด้านพระครูสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดนาทวี และ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา หรือเกจิดังภาคใต้ กล่าวว่า วันนี้ก็มีญาติโยมพุทธบริษัทเข้ามารับวัคซีนกันมาก วันนี้มีเข็ม 2 เยอะ เช่นอำเภอนาทวี ก็เยอะ ดั่งนั้นก็ขอเชิญญาติโยมพี่น้องพุทธบริษัทที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรับวัคซีนก็ขอเชิญมาเพื่อปกป้องร่างกายตนเอง วัคซีนแต่ละตัวดีหมด ที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เราฉีดในปัจจุบันนี้เอง อย่าเที่ยวรอโยม เมื่อคืนวาน เมื่อคืน อาตมาภาคได้ไปหาพระเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา คือวัดหาดใหญ่ใน ก็นั่งๆอยู่ก็เห็นมีศพเข้ามา ศพเข้ามาก็เป็นเรื่องธรรมดาที่วัดก็ไม่มีอะไร แต่พอเข้ามาแล้วเห็นคนนั่งศาลาวิ่งกันหมด เขาบอกว่าเป็นศพที่เสียชีวิตจากโรคโควิด ก็เลยเห็นแล้วสงสาร เมื่อคืนมี 2 ศพด้วยกัน ก็อยากคิดว่าเรายังมีชีวิตอยู่ เรายังดำเนินชีวิตของเราได้อยู่ สงสารครอบครัวสงสารตัวเองก็อยากขอเชิญญาติโยมพี่น้องพุทธบริษัททุกคนทุกท่านได้มาร่วมกันลงทะเบียนเพื่อปกป้องตัวเองตามที่พูดไว้ก็คือ สร้างกำแพงเพื่อปกป้องร่างกายของเราจากโรคโควิดโดยการฉีดวัคซีนชิโนแวค ขอเจริญพร

ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่ด่านชุมชนอ่าวน้อยปูพรม ค้นหา 20 พม่าเถื่อนหลบหนีเข้าเมือง

วันที่ 17 พฤษภาคม นางลั่นทม งุ่ยไก่ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ชุด ชรบ. เจ้าหน้าที่ อสม. ด่านตรวจเขาดิน ใกล้ชายแดนไทย –พม่า ควบคุมตัวนายจอนาอู อายุ 36 ปี ชาวพม่าหลบหนีเข้าเมืองพร้อมกระเป๋าสัมภาระ พบว่าอยู่ในสภาพอิดโรย สอบถามเบื้องต้นนายจอนาอูอ้างว่า ก่อนหน้านี้มาจากเมืองย่างกุ้ง ได้เดินเท้าพร้อมกับเพื่อนชาวพม่าอีก 20 คน จากบ้านมูด่อง ประเทศพม่า ผ่านช่องทางธรรมชาติที่ช่องตะแบกพื้นที่หมู่ 9 ต.อ่าวน้อย เพื่อไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร โดยจ่ายค่านายหน้าให้นายทุนชาวพม่าคนละ 10,000 บาท แต่ขณะเดินไปจุดนัดหมายได้พลัดหลงกับเพื่อน ซึ่งรอรถนายทุนมารับในฝั่งไทยนาน 3 วัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำไม่พอกับการยังชีพ

จากนั้นได้รายงานให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกทราบ เพื่อสนธิกำลังร่วมกับ ตชด.146 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ออกปูพรมค้นหาแรงงานพม่าที่หลบหนีเข้าเมือง โดยเฉพาะในสวนยางพาราที่มีคนงานชาวพม่าซึ่งอาจให้ที่พักพิง พร้อมตั้งด่านสกัดบนถนนสายรองภายในหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อสังเกตรถต้องสงสัย พร้อมตรวจสอบผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกราย เนื่องจากเคยมีเบาะแสชาวพม่าลักลอบขนแรงงานเถื่อนในลักษณะกองทัพมด รวมทั้งการตรวจสอบรถยนต์ของทางราชการ และรถยนต์ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่ใช้เส้นทางผ่านด่าน

มีรายงานว่า สำหรับ กรณีเจ้าหน้าที่หน้าที่หลายหน่วยสนธิกำลังควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 50 คน ลักลอบเดินเท้าหลบหนีเข้าเมืองบริเวณ ช่องทางธรรมชาติทางทิศเหนือของช่องวังเป้า หมู่ 12 บ้านน้ำโจน ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่เกิดเหตุใกล้แนวสันเขา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปกักตัว 14 วัน ที่สถานกักกันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามโทรศัพท์มือถือจำนวน 31 เครื่องของชาวพม่าที่สูญหายทั้งหมดขณะควบคุมตัว ทำให้หน่วยงานระดับจังหวัดสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ล่าสุดผู้นำท้องที่หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย พบโทรศัพท์มือถือ 12 เครื่องบางส่วนบรรจุในถุง และถูกทิ้งกระจัดกระจายใกล้กับจุดควบคุมตัวแรงงานเถื่อนที่หุบตาเสริฐ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ค้นหาโทรศัพท์มือถืออีก 9 เครื่องที่สูญหาย


ภาพ/ข่าว  นายนิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ตราด - หนุ่มตังเก เจ็บ 5 เสียชีวิต 1 ขณะกำลังช่วยกันโกยปลา น๊อคแก๊สไข่เน่าในท้องเรือ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16 นาฬิกาเศษ วันที่ 16 พค. 64 สมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราดเขตอำเภอคลองใหญ่ ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเรือประมงชื่อศักดิ์มงคลชัย 5 สาเหตุ น๊อคแก๊สไข่เน่าในท้องเรือ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดจำนวน 6 คน หลังรับแจ้งจึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ไปถึงที่เกิดเหตุสะพานท่าเทียบเรือชลาลัย ม.5 บ้านคลองสน ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด  ในเรือประมงลำดังกล่าวที่จอดเทียบสะพานอยู่ พบลูกเรือจำนวนมากกำลังช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจากห้องดองปลาใต้ท้องเรือ จึงรีบช่วยปฐมพยาบาล พบว่าเป็นแรงงานประมงทั้งหมด 6 คน โดยเป็นแรงงานพม่า 5 คน แรงงานไทย 1 คน ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหมดสติ จำนวน 1 คน พยายามปั๊มหัวใจแต่ไม่สามารถช่วยได้ ชีพจรหยุดเต้นไม่สามารถกู้ได้ จึงรีบนำส่งรพ.คลองใหญ่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย มีอาการสาหัส 1 ราย และอาการไม่สาหัสอีก 4 ราย จึงนำทั้งหมดส่งต่อมายังรพ.ตราด ขณะนี้ผู้อาการหนักยังอยู่ในขั้นโคม่า ส่วนอีก 4 รายอาการดีขึ้นบ้าง ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อว่า นายระ ไม่ทราบนามสกุล เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์

นายเชษฐ อ่อนเนียม อายุ 62 ปี 221 ม.4 ต.บางหญ้าแพร จ.สมุทสาคร  เป็นลูกเรือลำดังล่าวเล่าให้ฟังว่า เรือลำดังกล่าวมาจากมหาชัย มาจับปลาทะเลตราด เป็นเรือไดปลาประเภทปลาไก่ (ปลาเล็กปลาน้อยหลาย ๆ ชนิดผสมกัน) ออกจับปลา 3 วันเข้าเทียบท่า 1 ครั้ง ก่อนเกิดเหตุไปจับปลาครบ 3 วันจึงนำเรือมาเทียบท่า และให้แรงงาน 6 คน ลงไปทำหน้าที่โกยปลาไก่ ที่หมักดองเกลือมา 3 วันขึ้นชั่งขาย แต่ขณะกำลังช่วยกันโกยปลา แรงงานทั้งหมดเดอาการหมดสติ หายใจไม่ออกเพราะสูดดมแก๊สจากการดองปลาเข้าไป จึงให้ลูกเรือที่เหลือช่วยกันนำขึ้นมาข้างบน และแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่าในห้องดองปลาคงจะมีอากาศอยู่น้อย ประกอบกับแก๊สจากการดองปลามีมาก ทำให้ลูกเรือทั้งหมดที่ลงไปสูดแก๊สเข้าไปจนหมดสติ และเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งลูกเรือที่ส่งไปรพ.ตราดคาดว่าน่าจะเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ขณะนี้แพทย์อยู่ระหว่างการช่วยชีวิตอยู่ ส่วนที่เหลืออีก 4 คน น่าจะปลอดภัย


ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี ผู้สื่อข่าว จ.ตราด

นายพรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

สตูล - แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ติดตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย สั่งคุมเข้มพื้นที่ป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงาน เพื่อป้องกันนำเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่เข้ามา พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4  / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะลงพื้นที่ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซียพื้นที่ เขตรอยต่อระหว่าง ต.ปูยู อ.เมือง จังหวัดสตูลประเทศไทย ติดแนวเขตรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ผบ.ร้อย ร.5 พัน 2 ,กอ.รมน.สตูล,ทหารจากกองกำลังเทพสตรี, เจ้าท่า จ.สตูล,ตำรวจน้ำ, ตชด.436 ,ตม.จ.สตูล และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูลได้เดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของชุดเฝ้าตรวจแนวชายแดนกำลังทหารจากกองกำลังเทพสตรี ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันแนวชายแดน เฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามแนวชายแดนทางฝั่งทะเล จ.สตูล

ซึ่งหลังจากมีการเปิดด่านให้มีการเดินทางกลับประเทศของคนไทยในมาเลเซีย โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้นั่งเรือจากท่าเทียบเรือเกาะปูยู อ.เมือง จ.สตูลไปยังเขตรอยต่อระหว่าง ต.ปูยู อ.เมือง จังหวัดสตูลประเทศไทย ติดแนวเขตรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย สั่งคุมเข้มพื้นที่ป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวและแรงงานไทยตลอดแนวชายแดนไทยมาเลเซียเพื่อป้องกันนำเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่เข้ามาพร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ใช้ยุทธ์การเดินหน้ากระดานปิดหน้าทะเลทางช่องทางธรรมชาติ ลงทะเลขึ้นฝั่ง เกาะแนวเขตสกัดกั้น หวั่นแรงงานต่างด้าว และคนไทยในต่างแดนหลบหนีเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ไม่ผ่านเจ้าหน้าที่รัฐ

โดยนำเรือออกลาดตระเวนตามเกาะแก่งที่อยู่ใกล้ป่าชายเลน และเทือกเขาที่ติดแนวเขตประเทศมาเลเซีย เรือตรวจการณ์จอดเทียบท่าในพื้นที่บริเวณนากุ้งร้าง จากนั้นเปิดปฏิบัติการเดินเท้าทันที ไปยังพื้นที่แนวเขตรอยต่อพรมแดนฝั่งแผ่นดินที่ติดกับทะเล มีรั้วกำแพงสูงกั้นแนวเขตระหว่างจังหวัดสตูล ประเทศไทย ติดแนวเขตรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซียที่มีกำแพงกั้นตรงกลางพร้อมลวดหนาม หากไม่มีกำแพง ก็สามารถข้ามได้เพียงไม่ถึง 10 ก้าวจากฝั่งไทย โดยพื้นที่รั้วกำแพงดังกล่าวนั้นอยู่ในพื้นที่เขต ต.ปูยู อ.เมือง จ.สตูล พบบ้าน จำนวน 3 หลังอยู่ใกล้กำแพง และทางทหารเรือตรวจสอบเป็นชาวบ้านอาศัยอยู่บริเวณนั้น

โดยเฉพาะเป็นพื้นที่ที่ติดกับรัฐเปอร์ลิสประเทศมาเลเซีย และมีแนวเขากั้นเขตแดน ทำให้ ผู้ที่ลักรอบสามารถเดินเข้ามาได้ เลย หรือ แม้กระทั้งการเดินทางเข้ามาทางเรือก็ง่าย เนื่องจากแนวเขตชายฝั่งนั้น สามารถเดินลัดเลาะแนวชายฝั่งเข้ามาได้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อ ร่วมกันในการลาดตระเวน ทั้งทางบกและทางทะเล เพื่อไม่ให้แรงงานหลบหนีเข้ามา 


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล 
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top