Wednesday, 3 July 2024
Southern

พัทลุง - จยย.แหกโค้งลงคูร่องน้ำ เสียชีวิต ได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง เข้าตรวจสอบบริเวณสายคลองชลประทานบ้านตำนาน - ท่าแค ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ที่เกิดเหตุพบศพ นายชนะพงษ์ ยงหนู อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/4 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าแค อำเมืองพัทลุง ซึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ในร่องน้ำสายคลองชลประทาน ตรวจสอบสภาพศพมีข้อมือด้านขวาหักและบริเวณแขนด้านซ้ายบิดเบี้ยวมีแผลแตกบริเวณใต้คางประมาณ 4 ซม. ห่างกันเจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ สีน้ำเงิน-ขาว หมายเลขทะเบียน 1 กค 4461 พัทลุง เป็นของผู้เสียชีวิต อยู่ในสภาพด้านหน้าได้รับความเสียหายจากการชนท่อนไม้ขนาดเล็กที่ทอดเป็นสะพานข้ามร่องน้ำสายคลองชลประทาน 

 จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้น คาดว่าเกิดเหตุเมื่อตอน ตี1 ของเมื่อคืน มีชาวบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่าและก็เงียบหายไปแต่ไม่ได้ยินเสียงรถชน จนเมื่อช่วงเช้ามีชาวบ้านมาพบเห็นจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ  และจากการสอบถามญาติ ทราบว่า นายชนะพงษ์ ฯ กลับจากทำธุระบ้านเพื่อน เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงโค้ง มาด้วยความเร็วจึงทำให้แหกโค้งและร่างก็ไปกระแทกกับท่อนไม้ที่ทอดเป็นสะพานข้ามระหว่างคลองก่อนจะตกหล่นไปในคูน้ำไม่มีใครมาเห็นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำศพไปชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพัทลุงเบื้องต้นญาติฯ ไม่ติดใจสาเหตุการณ์ตาย โดยได้นำศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป

สุราษฎร์ธานี – ชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน ออกเก็บลูกหอยแครง ในอ่าวบ้านดอนคึกคัก

ขณะที่ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี หวั่นเป็นแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 เตือนให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ

วันนี้(5 พ.ค.64)  นาวาเอก วศากร  สุนทรนันท์  รองผู้อำนวยการ ศรชล.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายศุภพงษ์  เชาวน์แล่น  ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี  ผู้แทนประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสื่อมวลชน ลงพื้นที่บริเวณอ่าวบ้านดอน  เขตท้องที่อำเภอท่าฉาง  จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยและสังเกตการณ์การเก็บลูกหอยแครงในพื้นที่สาธารณะอ่าวบ้านดอนเพื่อนำไปขาย โดยวันนี้พบเรือประมงพื้นบ้านจำนวนหลายร้อยลำ  กลุ่มชาวประมงชายหญิงนับพันคน  กำลังดำน้ำเก็บลูกหอยแครงด้วยวิธีธรรมชาติของชาวประมงพื้นบ้าน โดยไม่พบมีการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย  เบื้องต้นได้ตักเตือนและขอความร่วมมือคนบนเรือไม่ให้มีจำนวนแออัดจนเกินไป  และขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่บนเรือ  เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้าน นายวิชวุทย์  จินโต  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านนับพันคน  ทั้งจากพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและต่างถิ่น  ใช้เรือประมง เรือหางยาว ประมาณ 500 ลำ ออกจับลูกหอยแครงบริเวณอ่าวบ้านดอน ในท้องที่ อ.ท่าฉาง  ซึ่งมีการรวมกลุ่มจำนวนมาก และหลายรายไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 กลุ่มใหญ่ หากมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะนำไปสู่หมู่บ้านและครอบครัว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างได้  เห็นควรให้มีการควบคุมจำนวนคนในเรือแต่ละลำไม่ให้แออัด และขณะอยู่บนเรือทุกคนต้องสวมหน้าอนามัย หรือหน้ากากผ้า สอดคล้องกับคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ผู้ที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนนี้แล้ว 

นอกจากนี้จะให้มีการตรวจสอบว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือไม่  และได้แจ้งการเข้าพื้นที่ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคตามประกาศจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือไม่


ภาพ/ข่าว  สรเดช ส้มเกลี้ยง

ตราด - ศรชล.ภาค 1/ทรภ.1 เร่งค้นหาลูกเรือพลัดตกทะเล ล่าสุดพบเป็นศพในทะเล ช่วยเหลือนำเข้าฝั่ง

จากกรณี น.อ.นฤพนธ์ วิไลธัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดตราด และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ (ศคท.) จว.ตราด ได้รับแจ้งจาก ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือคลองใหญ่ (ศจร.คลองใหญ่) ว่าเมื่อเวลา 04.50 น.วันที่ 3 พ.ค.64 ขณะเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ขนาด 53 ตันกรอส เรืออวนล้อมจับ มีลูกเรือพลัดตกทะเลระหว่างทำการประมง ระยะ 3.9 ไมล์ จากปลายแหลมเทียน เกาะกูด จ.ตราด ทราบชื่อ นายสุรเชษฐ์ มังกร อายุ 49 ปี สัญชาติไทย ขณะเรือปล่อยอวนทำประมง นายสุรเชษฐ์ ได้เกิดอาการชักและพลัดตกทะเล  โดยพล.ร.ท.โกวิท อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 หลังรับแจ้งได้สั่งการและประสานหน่วยเกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้แก่ ศรชล.จว.ตราด หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 (มชด./1) หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด (นปก.) สภ.เกาะกูด และมูลนิธิสว่างบุญช่วยเหลือ สาขาเกาะกูด ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ล่าสุดเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 5 พ.ค.64 ได้รับแจ้งจาก นายรังสรรค์ สง่างาม เจ้าของเรือประมง ส.เทพอุดมพร 2 ว่าได้พบร่างลูกเรือประมงเสียชีวิตคาดว่าเป็น นายสุรเชษฐ์ มังกร ลูกเรือที่พลัดตกน้ำตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.64 ที่ผ่านมา

พล.ร.ท.โกวิท  อินทร์พรหม ผบ.ทรภ.1/ผอ.ศรชล.ภาค 1 ได้สั่งการให้ มชด. จัดเรือ ต.271 ให้การช่วยเหลือ โดยเรือ ต.271 ออกเรือจากท่าเทียบเรือเอนกประสงค์คลองใหญ่ เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับ จนท.ของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด เขต 2 อำเภอคลองใหญ่ จว.ตราด ในการนำร่างลูกเรือประมงกลับเข้าฝั่ง โดยให้เรือ ต.271 เป็นเรืออำนวยการ และใช้เรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ ในการเก็บและลำเลียงร่างลูกเรือเสียชีวิต เนื่องจากสามารถปฏิบัติงานได้คล่องตัวกว่า

โดยเรือเร็วของสมาคมสว่างบุญช่วยเหลือฯ เข้าเทียบท่าเรือชลาลัย อ.คลองใหญ่ จว.ตราด และนำส่งรพ.คลองใหญ่ ดำเนินการชันสูตร พร้อมได้สั่งการให้ ศรชล.จว.ตราด และ ศคท.จว.ตราด ประสานและอำนวยการให้ จนท.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ จนท.จัดหางาน ประจำ ศจร.คลองใหญ่ ดำเนินการติดตามการช่วยเหลือจากภาครัฐ และจากเจ้าของเรือต่อไป


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / ทรภ.1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี

ตราด – พายุฝนตกถล่มกลางดึก พัดไม้ล้มทับบ้าน ขวางถนนหลายจุดทั่วเมืองตราด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. สมาคมสว่างบุญช่วยเหลือธรรมสถานตราด ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ เหตุพายุฝนตกหนัก และมีต้นไม้ล้มขวางถนน กีดขวางกการจราจรหลายจุดในเขตอำเภอเมืองตราด อำเภอบ่อไร่ และอำเอแหลมงอบ หลังรับแจ้งจึงแจ้งอาสาสมัครกู้ภัยนำกำลังรุดไปให้ความช่วยเหลือ จุดแรกที่ถนนสาย 3 ตราด –กรุงเทพ หลักกม.ที่ 5-6 ขาออกจากตัวเมืองตราด พบต้นกระถินเทพา ถูกพายุดพัดโค่นล้มขวางถนน จึงช่วยกันตัดและรื้อออกจากผิวจราจร จุดที่ 2 ที่บ้านโป่งต.วังตะเคียน อ.เขาสมิง  ต้นไม้ล้มขวางถนนเช่นกัน จุดที่ 3 ที่ถนนสายตราด-แหลมศอก ต.หนองคันทรงอ.เมือง จ.ตราด โดยสมาคมตราดพุทธสงเคราะห์ ช่วยตัดต้นไม้รื้อออกจากผิวจราจร ขณะที่ถนนสายตราด-แหลมงอบ พายุพัดกิ่งไม้หักขวางถนนเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง แต่ไม่มีไม้ล้ม

ส่วนที่บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ต้นมะม่วงขนาดใหญ่ถูกพายุดพัดหักกลางต้น ต้นมะม่วงโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ ของนางรุ่งอรุณ หอยสังข์ ได้รับความเสียหาย หลังคาพังไปทั้งแถบ และทับรถยนต์กระบะได้รับความเสียหายไปด้วย ขณะเดียวกันต้นไม้ยังล้มทับสายไฟฟ้าขาด ทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับไปทั้งหมู่บ้านอาสาสมัครกู้ภัยจึงช่วยกันตัดรื้อต้นไม้ กิ่งไม้ออกจากบ้านของนางรุ่งอรุณ โดยใช้เวลาในการรื้อนานเกือบ 1 ชม.

นางรุ่งอรุณ เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่า ก่อเกิดเหตุกำลังนอนหลับอยู่ในบ้าน เกิดเหตุฝนตกหนัก พายุพัดรุนแรง และเกิดเหตุต้นมะม่วงข้างบ้านถูกพายุพัดโค่นล้มทับบ้านเสียงดังสนั่น ออกมาดูพบต้นมะม่วงหักล้มทับบ้านดังกล่าว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาช่วยดังกล่าว ส่วนความเสียหายทั้งบานทั้งรถถยนต์น่าจะเป็นเงินหลายหมื่นบาท โดยจะแจ้งทางราชการให้มาตรวจสอบให้ความช่วยเหลือในช่วงเช้าต่อไป


ภาพ/ข่าว  ณัฐวุฒิ สวัสดิ์วารี 

ตาก – ฝ่ายปกครองแม่สอด ผู้ใหญ่หมี พร้อม อส.ลงพื้นที่ตรวจป่าขุนห้วยแม่สอด พบการบุกรุกตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

นายธวัชชัย. อ่อนสาร ปลัดป้องกันอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมด้วยนายปรีชา สอนแวว "ผู้ใหญ่หมี ลีลาวดี "ผู้ใหญ่บ้านหนองบัว หมู่ 7  ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก =นายสุวรรณ  กรณ์สน ผู้ใหญ่บ้านห้วยหินฝน หมู่ 6 ต.แม่ปะ ,อาสาสมัครรักษาดินแดน(อส)กองร้อย 3 แม่สอด ,สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ,ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ) ฝ่ายปกครอง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภายหลังทราบว่ามีการบุกรุกตัดไม้ ทำลายป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ  ที่ป่าขุนห้วยแม่สอด,เขตติดต่อบ้านหนองบัว และบ้านห้วยหินฝน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก จากการตรวจสอบพบมีต้นไม้ถูกลักลอบตัด จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามหาบุคคลที่กระทำผิดต่อไป

ยะลา – เฝ้าระวังการก่อเหตุก่อนเทศกาล ‘รายอ’ หวั่นตอบโต้กรณีปะทะกรงปินัง

เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ก่อนเทศกาลรายอ ที่คนร้ายมักใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ นอกจากนี้จากกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังติดตามจับกุมผู้กระทำผิด กฏหมายในพื้นที่บ้านบาตูบือละอ.กรงปินัง จ.ยะลา จนเกิดปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุทำให้ทหารพรานพลีชีพ 1 นาย ส่วนโจรใต้ดับ 2 รายมอบตัว 1 ราย

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 จากกรณีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่าย ตำรวจทหาร ฝ่ายปกครอง ทำการติดตามจับกุมผู้กระทำผิด กฏหมายในพื้นที่บ้านบาตูบือละ หมู่ที่ 2 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา จนเกิดปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุทำให้ อส.ทพ.นพรัตน์ สุขสอน อายุ 27 ปี ร้อย.ทพ.4701 ฉก.ทพ.47 ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ที่ 5 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย เสียชีวิต จากการปะทะเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัว นายวันฮาซัน อะซู อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ที่ 10 บ้านแอร้อง ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการ ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 และเจ้าหน้าที่ ชุด เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด(EOD.)เข้าตรวจที่เกิดเหตุบริเวณเชิงเขาป่าสวนยางพาราอย่างละเอียดพบศพคนร้าย จำนวน 2 ราย คือ นายรีสวัน เจ๊ะโซะ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 58/2 บ้านอุเป หมู่ที่ 9 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา สมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ระดับปฏิบัติการ และนายอีลียัส เวาะกา อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 บ้านลูโบะกาโล ต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา จนท.สามารถยึดอาวุธปืนสงครามอาก้า (AK-47)ในที่เกิดเหตุ จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.40 น.ของวันที่ 4 พ.ค.64 ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 พ.ต.อ.วงศกร เหมือนเขียว ผกก.สภ.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกลาดตระเวนบนถนนสายหลัก ยะลา – เบตง และในพื้นที่สุ่มเสี่ยง คอสะพาน ท่อลอด ระบุว่า ในช่วง 10 วัน ก่อนที่จะถึงเทศกาลรายอ ของ ชาวไทยมุสลิมในทุกปีและคาดว่ากลุ่มก่อความสงบอาจจะสร้างสถานการณ์ในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ในการปะทะจนทำให้สูญเสียผู้ร่วมขบวนการไป 2 รายโดยคนร้ายจะฉวยโอกาสก่อเหตุหนักยิ่งขึ้น  

อย่างไรก็ตามหน่วยกำลังทหารชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4  ตำรวจ  ฝ่ายปกครอง และ กำลังภาคประชาชน ได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ เพิ่มความถี่ในการ เฝ้าระวังยานพาหนะที่จะเข้ามายังตัวเมือง อย่างละเอียด โดยเฉพาะการค้นหารถยนต์ต้องสงสัย คันล่าสุด เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดราก้อนอาย ที่แหล่งข่าว แจ้งเตือนว่า เป็นรถที่ประกอบระเบิดสำเร็จแล้ว เตรียมใช้ก่อเหตุเป็นคาร์บอมในเขตเมือง ของพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดยหลังจากนี้ได้เน้นย้ำทุกหน่วยทุกกำลังในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวังและดูแลเป้าหมายอ่อนแอในพื้นที่ตลอดจนสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่เป็นสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ อาทิ เส้นทางสัญจร ถนนสายหลัก สายรอง ระบบการสื่อสารต่าง ๆ ที่ผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาทำร้ายทำลายเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ ได้เน้นย้ำเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน ได้ช่วยกันเฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วโทร.191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยม กำชับหน่วยทหารพรานในพื้นที่ เพิ่มมาตราการ ควบคุมพื้นที่ ในห้วง 10 วันสุดท้าย แห่งเดือนรอมฎอน

วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมหน่วย มอบนโยบาย ข้อสั่งการ พร้อมทั้ง เพื่อรับทราบแนวความคิดในการปฏิบัติงานด้านการข่าว ด้านยุทธการ และ ด้านกิจการพลเรือน  รวมถึงรับฟังแนวคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงาน และแผนการปฎิบัติที่สำคัญงานในห้วงต่อไป ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 หน่วย ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานใหม่ ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 อำเภอระแงะ  โดยมี พันเอก ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ และ และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อำเภอศรีสาคร  โดยมี พันเอก จิรวัฒน์ จุฬากาญจน์ ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 49 เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่  ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งร่วมรับฟังนโยบาย พร้อมกำลังพลของหน่วย

โดย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้มอบนโยบาย ข้อสั่งการสอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฏิบัติงาน ของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ กำชับเพิ่มมาตราการ ควบคุมพื้นที่ ในห้วง 10 วันสุดท้าย แห่งเดือนรอมฎอน ย้ำ!!!! ไม่ให้เกิดเหตุ  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งการเฝ้าตรวจให้เป็นไปตามสั่งการของ ผอ.รมน.ภาค4 การใช้ระเบียบการนำหน่วย มอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์  รวมทั้งเน้นย้ำผู้บังคับหน่วย เรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเอง และเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid -19 อย่างใกล้ชิด


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

ชุมพร - ศรชล.ประสานช่วยเหลือเรือประมง ถูกพายุซัดจม 2 ลำ เสียชีวิต 1 คน

วันนี้ 6 พ.ค.64 เวลา 08.30 น.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดชุมพร (ศรชล.จังหวัดชุมพร) โดย น.อ.กิตติพงษ์ พุ่มสร้าง รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร ในนามของ ผอ.ศรชล.จังหวัดชุมพร และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดชุมพร (ศคท.จังหวัดชุมพร)  ได้รับแจ้งจาก นายวัชรินทร์ สุวพิศ ปลัด อบต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่า เกิดเหตุเรือประมงพื้นบ้าน เป็นเรือไฟเบอร์ติดเครื่องยนต์แบบหางยาว  จำนวน 2 ลำ ถูกพายุฝนซัดและจมลงบริเวณหน้าแหลมคอกวาง ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร

เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย เรือจมหายไป และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นชาย 1 ราย ได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งพร้อมร่างผู้เสียชีวิต โดย พ.ต.ท.วินัย นิ่มฟัก สว.ส.รน.1 กก.6 บก.รน. สั่งการให้ ร.ต.อ.วสุ บัวจีน รอง สว.(ทนท.ทางน้ำ) ส.รน.1 กก.6 บก.รน. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจชุดปฏิบัติการ รวม 4 นาย นำเรือตรวจการณ์ 532 ออกทำการค้นหาเรือประมงที่สูญหายและกู้เรือประมงที่จม บริเวณหน้าแหลมคอกวาง โดยเจ้าของเรือที่รอดชีวิตพร้อมทีมงานได้ร่วมเดินทางไปด้วย

นาย นรินทร์ เต็งประยูร อยู่บ้านเลขที่ 74 ม.9 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ. ชุมพร เจ้าของเรือที่รอดชีวิต ที่เดินทางไปพร้อมกับเรือตรวจการณ์ 532 เพื่อไปร่วมกู้เรือของตนเองที่จม และร่วมค้นหาเรือประมงที่สูญหายเป็นเรือไฟเบอร์ ยาว 10 เมตร กว้าง 1.6 เมตร ลึก 60 เซนติเมตร เป็นเรือหางยาว เอกสารได้จมพร้อมกับเรือ  ส่วนเรืออีกลำที่สูญหายเป็นเรือลักษณะเดียวกัน โดยได้ร่วมกับเรือประมงพื้นบ้านกู้เรือของ นายนรินทร์ฯ นำกลับเข้าฝั่ง ส่วนเรืออีก 1 ลำ ที่สูญหายยังอยู่ระหว่างการค้นหา 

จากการสอบถาม นายอุดม ธนบัตร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ที่รอดชีวิตอีกลำหนึ่งทราบว่า ได้นำเรือออกไปตกหมึกและตกปลากับ นางสาวจุรีรัตน์ อ่ำศรี อายุ 38 ปี ภรรยา ห่างจากฝั่งประมาณ 130 เมตร ได้เกิดฝนตกหนักลมพายุพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนเรือจมลงตนได้ลอยพยุงตัวอยู่ในน้ำอีกมือหนึ่งจับเสื้อภรรยาที่ไปด้วยกันเอาไว้ พยุงตัวจนสามารถนำภรรยาเข้าถึงฝั่งได้ แต่ภรรยาเกิดอาการสะอึกและอาเจียนออกมาเป็นเลือดนอนแน่นิ่ง เป็นเหตุให้เสียชีวิต ดังกล่าว


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1

นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน

นราธิวาส – ทหารพราน 48 เดริเวอร์รี่ ห่วงใย ส่งข้าวกล่องพร้อมกำลังใจ สู้ภัยโควิด-19

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 เวลา 1500 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่48 จัดกิจกรรม ทหารพราน48เดริเวอร์รี่ ห่วงใย ส่งข้าวกล่องพร้อมกำลังใจ สู้ภัยโควิด19 ในพื้นที่ บ้านไอสะเตีย บ้านกูเว บ้านบือราแง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดย เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว มีประชาชนส่วนหนึ่งต้องตกอยู่ในภาวะลำบาก ขาดแคลนอาหาร ของใช้จำเป็น และยารักษาโรค พันเอก เอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่48 เล็งเห็นความสำคัญถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกิจการพลเรือน จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนทั้งชายและหญิง ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น และมวลชนจิตอาสาญาลันนันบารู จัดทำข้าวกล่องนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน พร้อมทั้งใส่ในตู้ปันสุข ทั้งยังเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่งอาหารกล่องสำเร็จรูป เครื่องอุปโภคบริโภค, ข้าวสาร, อาหารแห้ง หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ล้างมือ พร้อมทั้งการช่วยเหลืออื่น ๆ แบบเดริเวอรี่ให้แก่ประชาชนถึงที่พักอาศัย

โดยกิจกรรมนี้มุ่งเน้นในการเข้าช่วยเหลือประชาชนที่มีความเดือดร้อนอย่างมาก ที่อยู่ห่างไกล โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางออกมารับความช่วยเหลือด้วยตนเองได้ พร้อมทั้งได้ประชาสัมพันธ์ถึงวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างถูกวิธีตามหลัก DMHTT ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รู้จักป้องกันตนเองและครอบครัว และเพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้กำลังพลทุกนายที่ออกปฏิบัติภาระกิจต่างป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนหยิบจับหรือส่งอาหารให้แก่ประชาชน และปฏิบัติตามหลักการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

สงขลา - ชาวบ้านจะนะ ขอให้นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดัน “เมืองต้นแบบที่ 4” ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เชื่อแก้ปัญหาว่างงาน และยากจนได้แน่

จากการเปิดเผยของกลุ่มประชาชนใน อำเภอจะนะ จ.สงขลา ที่ต้องการให้โครงการ “เมืองต้นแบบที่ 4” เกิดขึ้น ที่ อ.จะนะ ได้กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวว่า โครงการ เมืองต้นแบบที่ 4 ขาดการ ขับเคลื่อนที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ที่เข้ามาดำเนินการในด้านการสร้างความเข้าใจ และการพัฒนาในพื้นที่ไปเป็นฝ่ายอำนวยการให้กับหน่วยงานที่เข้ามา ขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบแห่งนี้ ตามคำสั่งของ ค.ร.ม.รวมทั้งยังมีการตั้งให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช. เกษตรและสหกรณ์และคณะมาตรวจสอบว่าการดำเนินการทั้งหมดที่ผ่านมาของ ศอ.บต.,สำนักงานที่ดิน, โยธาธิการ มีความถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

ต่อมาหลังจากที่ผ่านพ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ซึ่งมีเรื่องของ เมืองต้นแบบที่ 4 รวมอยู่ด้วย แต่การอภิปรายไม่มีน้ำหนัก ข้อมูลไม่ชัดเจน และผู้ถูกอภิปราย ชี้แจงได้ชัดเจนรวมทั้งมีการตรวจสอบแล้ว พบว่าการดำเนินการของ ศอ.บต. สำนักงานโยธาธิการ และ สำนักงานที่ดินเป็นไปตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้มีการดำเนินการ ขับเคลื่อนเมืองต้นแบบต่อไปโดย มี ศอ.บต. และ กอ.รมน.เป็น ฝ่ายเลขานุการอำนวยการ ให้กับหน่วยงานที่เข้ามารับผิดชอบ การเกิดขึ้นของปัญหาข้างต้น ซึ่งทำให้โครงการ เมืองต้นแบบที่ 4 หยุดชะงัก ไปถึง 5-6 เดือนแล้ว

ตัวแทนของกลุ่มผู้ต้องการเห็นการพัฒนาพื้นที่ อ.จะนะ ได้กล่าวว่า ขอให้ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการขับเคลื่อน ให้ เมืองต้นแบบที่ 4 เดินหน้าได้มีการลงพื้นที่ทำการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจว่า อำเภอจะนะ และ จังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้มีการพัฒนาอย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์ของคนในพื้นที่คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ทวีความลำบากได้รับความเดือดร้อน จากการที่ในพื้นที่ไม่มีงานทำ เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่ ที่ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีอาชีพ ได้ไปรับจ้าง ขายของ อยู่ร้านอาหาร และขายแรงงาน ทั้งก่อสร้าง และตัดยาง ทำสวนปาล์ม ทำประมง แต่ 2 ปีมานี้ ต้องกลับมาอยู่บ้าน เพราะปัญหาของ”โควิด 19” และเข้าใจว่าในอนาคตข้างหน้าแรงงาน ที่เคยทำงานในมาเลเซีย หลายหมื่นคน จะตกงานอย่างถาวร  วันนี้เราลำบากจริงๆ และมีคนที่ ตกงาน 30,000- 40,000 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ ของสงขลา

รัฐบาลต้องเร่ง ขับเคลื่อน ให้โครงการเมืองต้นแบบเกิดขึ้นโดยเร็ว ต้องเป็นรูปเป็นร่างภายใน 2-3 ปี จึงจะสามารถช่วยให้ คนในพื้นที่ และ ใน 3 จังหวัดได้มีงานทำ รวมทั้งผู้จบการศึกษา ที่ยังไม่มีงานทำ ในพื้นที่อีกจำนวนหนึ่ง และที่จบใหม่ทุกปีอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในสภาพของคนว่างงาน ต้องช่วยครอบครัวทำอาชีพเดิม ๆ ทำสวน ทำไร่ ทำนา ซึ่งเป็นอาชีพที่ พอเลี้ยงตัว แต่ไม่มีอนาคต

วันนี้คนที่มีอาชีพประมงพื้นบ้านอาจจะไม่เดือดร้อน เพราะในทะเลยังมีสัตว์น้ำให้จับมาขาย แต่คนอาชีพอื่น ๆ เดือดร้อน และต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นการเกิดขึ้นของ อุตสาหกรรม เพื่อที่จะมีงานทำ และมีโอกาสลงทุน การค้าขาย การทำธุรกิจอื่น ๆ ที่ตามมากับการเกิดขึ้นของโครงการขนาดใหญ่ จึงขออ้อนวอน ให้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ หน่วยงาน ที่ท่านให้เข้ามา ขับเคลื่อน เมืองต้นแบบที่ 4 ที่ อ.จะนะ ได้ลงมือ ขับเคลื่อน ให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามในขณะที่ ฝ่ายราชการยังขับเคลื่อนด้วยความล่าช้า ซึ่งอาจเพราะมีปัญหาการระบาดของ ‘โควิด-19’ รอบใหม่ ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว แต่ในส่วนของ บริษัท  ทีพีไอ โพลีน พาวเวอร์ จำกัด ( มหาชน ) ได้มีการ เดินหน้าไปมากแล้ว ตั้งแต่การ ทำ เอ็นโอยู กับ บริษัทต่างชาติ และ บริษัทในประเทศ ที่สนใจเข้ามาลงทุน ในโครงการ พลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมการแปรรูป การประมง การผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมต่าง ๆ และขณะนี้ บริษัท ได้ให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ดำเนินการวิจัยในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจและมีคำตอบในทุกปัญหาที่เป็นข้อข้องใจของกลุ่มที่ ‘เห็นต่าง’ และต้องการคำตอบในประเด็นที่นำมาเป็นข้อโต้แย้งในโครงการนี้มาโดยตลอด


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top