Tuesday, 10 June 2025
PoliticsQUIZ

‘เทพมนตรี’ แฉ!! แผนล้มสถาบัน ‘การเมือง-ขรก.-สื่อ’ ส่อหนุน ฝาก 'ลุงตู่-ป้อม-พี่หนูอนุทิน-ลูกท็อป' ช่วยธำรงหัวใจคนไทย

(25 ม.ค. 66) นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Thepmontri Limpaphayorm’ มีเนื้อหาดังนี้...

“สำคัญเหลือเกิน

เรื่องคดีมาตรา 112 ของปิยบุตรกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นความหวังของประชาชนผู้รักรัฐธรรมนูญ รักประชาธิปไตย รักระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้หน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทย ใช้สิทธิทางกฎหมายที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ละเมิดอย่างเขาได้ ใช้เวลานาน เหตุเพราะเจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องสืบสวนสอบสวน มีความรอบคอบ และต้องค้นคว้าหาหลักฐาน ที่ออกมาพูดว่าผู้กระทำผิดมาตรา 112 ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ถูกใส่ร้ายป้ายสี หรือตัวกฎบทกฎหมายไม่มีความเป็นธรรมนั้นไม่จริง

‘เพื่อไทย’ จวก รัฐจัดการหลอกลวงออนไลน์ช้า จี้ ‘รมต.ชัยวุฒิ’ ควรปราบแก๊งต้มตุ๋นให้จริงจัง

(25 ม.ค. 66) นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ม.ค. อนุมัติร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ว่า เหตุใดรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่มา 8 ปีเพิ่งจะคิดทำเอาตอนนี้ ทั้งที่การออก พ.ร.ก.เป็นอำนาจเต็มของรัฐบาลที่ทำได้ทันที และทุกภาคส่วนก็เรียกร้องให้ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังมานานมากแล้ว ที่ผ่านมาเกิดปัญหาภัยไซเบอร์มากมาย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอสที่มีอำนาจอยู่เต็มมือ ต้องอธิบายกับสังคมให้ได้ว่าจงใจปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการให้เด็ดขาดหรือไม่ หรือดำเนินการล่าช้าเพราะอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ทำงานไม่เป็น จนเกิดเป็นหลักฐานความล้มเหลวคาตาประชาชนมากมาย ทั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์หลอกลวงและพนันออนไลน์ แอปพลิเคชันฝังมัลแวร์ล้วงข้อมูลประชาชน ตลอดจนคดีออนไลน์กว่า 114,000 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 22,000 ล้านบาท

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นด้วยกับเนื้อหาหลายส่วนใน พ.ร.ก.แต่ยังมีข้อกังวล 2 ประการเกี่ยวกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีว่า 

1. มีหน้าที่และอำนาจอย่างไรบ้าง เพราะควรมีความพอดีในอำนาจสิทธิ์ขาด อย่าให้เกิดการให้อำนาจล้นจนละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน

‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊ก ลั่น!! คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน ยัน!! รัฐมีนโยบายปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

ไม่เว้นช่องไฟ ‘บิ๊กตู่’ ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แจ้งประชาชนรัฐบาลมีนโยบายปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ดูแลสาธารณสุข -ความเป็นธรรม ลั่น คุกไม่ได้มีไว้ขังคนจน ‘ชี้’ ต้องการพิทักษ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทยทุกคน ให้ทั่วโลกยอมรับ

(25 ม.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจ Facebook ประยุทธ์ จันทร์โอชาPrayutChan -O -cha โดยมีข้อความระบุว่า...

“ผมมีเรื่องที่มีความสำคัญมากต่ออนาคตของประชาชนชาวไทยในภาพรวม อันเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมไทย ให้เป็นสังคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงของมนุษย์ (Human Security) ในด้านต่างๆ ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ซึ่งผมมีความยินดีที่จะขอหยิบยกมากล่าวบางส่วน ดังนี้...

1. ด้านสุขภาพอนามัย : ครม.เห็นชอบ "โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย" สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพของทุกคน ซึ่งโรงพยาบาลทุกระดับสามารถเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และตรวจสอบประวัติการรักษา การวินิจฉัยโรค สิทธิประโยชน์ ฯลฯ ที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนสามารถเข้ารับการรักษาที่ไหนก็ได้ ใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน อยู่ระหว่างเดินทาง หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งการส่งต่อผู้ป่วยไปรับการรักษาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพต่อไป

2. ด้านการมีงานทำ รายได้ และเงินออมที่พอเพียงสำหรับอนาคต : ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง สำหรับปรับเพิ่มเพดานการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการออม ส่งผลให้มี "เงินบำนาญ" ใช้ตลอดชีพหลังเกษียณมากขึ้น เช่น ถ้าเริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และเกษียณ 60 ปี ก็จะได้รับบำนาญ "รายเดือน" เพิ่มขึ้นมากว่าเดิม 2 เท่า คือ จาก 7,387 เป็น 16,779 บาท เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องแรงงานนอกระบบ รวมทั้งเด็กนักเรียน/นักศึกษา ที่อยากมีบำนาญบ้าง สามารถวางแผนการออม โดยรัฐบาลก็จะสนับสนุนเงินสมทบให้ตามสัดส่วนด้วย

‘บิ๊กป้อม’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย ขอบคุณทุกคนติดตามเฟซบุ๊ก

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณคนติดตามเฟซบุ๊ก เผย นักการเมืองต้องคิดเก่ง-ประสานทุกฝ่ายไม่ขัดแย้ง เร่ง 3 เรื่อง ‘สร้างโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานเป็นธรรม-ปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิชุมชน’ จ่อไลฟ์สดแจงนโยบาย

(25 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเพจเฟซบุ๊ก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์ข้อความทาง เฟซบุ๊กเป็นครั้งที่สอง ว่า... 

ขอขอบคุณสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจจดหมายเปิดใจ ที่สื่อสารผ่านแฟนเพจ 'พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ' เมื่อ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ทราบว่าวันแรกมียอดสืบค้นหาทางกูเกิลถึง 8 แสนครั้ง และเพิ่มขึ้นจนทะลุ 1.5 ล้านครั้ง ในวันที่สอง ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกสำหรับผมและพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเสียงตอบรับจากสังคม ตรงตามเจตนารมณ์ที่ผมต้องการจะสื่อสารสองทาง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ได้เต็มที่

ผมอาจจะเป็นมือใหม่บนโลกโซเชียลมีเดีย แต่ไม่ใช่มือใหม่ทางการเมือง  ตลอด 8 ปี การเมืองมีคุณค่ามากสำหรับผม ซึ่งจะทยอยเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป ว่าผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง ขอได้โปรดติดตาม

แต่สำหรับวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า ผมได้เรียนรู้ว่านักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่จะต้องคิดเก่งและที่สำคัญคือต้องหาคนเก่งมาร่วมงานด้วย เพราะคนเรานั้นไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่อง

นอกจากนั้น นักการเมืองต้องสามารถประสานกับทุกฝ่าย ประนีประนอมกับทุกพรรค เพื่อลดความขัดแย้ง โดยยึดถือผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหัวใจสำคัญ จึงจะสามารถผลักดันประเทศชาติให้เดินหน้าไปได้

ผมพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว ทั้งในฐานะ ผบ.ทบ. และนักการเมือง โดยเฉพาะในรัฐบาลชุดนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ประคับประคองมาจนจะครบวาระ ดังเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว

เป้าหมายที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญในขณะนี้ คือจะต้องนำพาประเทศฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ เพราะทั้ง IMF และธนาคารโลก ต่างก็เตือนว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะยังชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ

‘บิ๊กป้อม’ ไฟเขียว 3 จังหวัด เจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 33 ย้ำ!! นักกีฬาทุกประเภทต้องมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อคว้าชัย

‘บิ๊กป้อม’ ถก ‘คณะกรรมการกีฬา’ ไฟเขียว 3 จังหวัด ‘กรุงเทพ-ชลบุรี-สงขลา’ เจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่33  โคราช เจ้าภาพ พาราเกมส์ ชมนักกีฬาสร้างชื่อเสียง ย้ำ กกท.เร่งพัฒนา-ดูแลสวัสดิการ 

(25 ม.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 

โดยที่ประชุมเห็นชอบ จัดสรรเงินอุดหนุนให้กีฬาจังหวัด ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเห็นชอบให้เสนอแผนโครงการจำนวน 33 โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ปี 66 รวมทั้งเห็นชอบ ตามที่ กกท.เสนอให้ กทม.จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่างวันที่ 9-20 ธ.ค.2568 และให้ จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 20-26 ม.ค. 2569 ก่อนเสนอ ครม.ทราบต่อไป

พับตำราอหิงสาวิธี เมื่อการอดประท้วงจนผ่ายผอม ต้องจำยอมมนุษย์บางจำพวกที่ 'ยิ่งอด - ยิ่งอ้วน'

"การอดอาหารประท้วง (Hunger Strike) เป็นหนึ่งวิถีการต่อสู้ซึ่งไร้ความรุนแรงที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงทางสังคม อีกนัยคือยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่หรือผู้มีอำนาจรัฐเกิดความละอาย และเรียกร้องให้สาธารณชนสนใจประเด็นปัญหาหรือความอยุติธรรมอันเกิดขึ้น โดยหวังผลให้สามารถสั่นคลอนรัฐ และผู้มีอำนาจ รวมทั้งปลุกกระแสสังคมได้ ซึ่งปรากฏอยู่ในการต่อสู้ทั้งจากปัจเจกบุคคลและขบวนการเคลื่อนไหวทั่วโลก"

อาจเรียกได้ว่านั่นคือ คำจำกัดความของการอดอาหารประท้วง นิยามโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศุทธิกานต์ มีจั่น

การอดอาหารประท้วง ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในประวัติศาสตร์โลก เกิดขึ้นโดย 'มหาตมะ คานธี' (Mahatma Gandhi) ซึ่งอดอาหารประท้วงตลอดชีวิตรวม 18 ครั้ง เพื่อรณรงค์เคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และต่อสู้ขอคืนเอกราชของอินเดีย จากอาณานิคมปกครองอังกฤษ ตามแนวทางสันติวิธีที่รู้จักกันดีว่า 'อหิงสา' ซึ่งคานธีอดนานสุด 21 วัน

'อหิงสา' นับเป็นแนวทาง 'ต่อสู้' โดย 'ไม่ต่อสู้' คือ การต่อสู้เยี่ยงอารยชน เป็นการต่อสู้ที่เหนือกว่าการต่อสู้ทั้งปวง ผู้เจริญและฝึกฝนตนเองอย่างเคี่ยวกรำเท่านั้น จึงจะสู้ด้วยวิธีอหิงสานี้ได้

การอดอาหารประท้วงบนบริบทการเมืองไทยที่รับรู้อย่างแพร่หลาย คือ กรณีของ 'เรืออากาศตรี ฉลาด วรฉัตร' อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส. ตราด - พรรคประชาปัตย์) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยครั้งแรกคุณฉลาดอดทั้งข้าวและน้ำเพื่อประท้วงรัฐบาล 'พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์' เรื่องทุจริตกักตุนน้ำมันในปี พ.ศ. 2523 ต่อมาได้ประท้วงรัฐบาล 'พลเอก เปรม ติณสูลานนท์' ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ข้าราชการประจำดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ (พ.ศ. 2526)

แต่การต่อสู้ซึ่งถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ของ 'ฉลาด วรฉัตร' คือ การอดอาหารเรียกร้องให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยร่วมขบวนขับไล่ 'พลเอก สุจินดา คราประยูร' จนเกิดเป็นชนวนเหตุการณ์อัปยศของชาติ 'พฤษภาทมิฬ' ในเวลาต่อมา

แม้กระทั่งรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ร.ต.ฉลาด ในวัย 71 ปี ก็ยังออกมาอดอาหารประท้วงที่หน้ารัฐสภา ตั้งแต่ค่ำวันดังกล่าว เพื่อต่อต้านกฎอัยการศึก และการทำรัฐประหารของกองทัพ โดยประทังชีวิตเพียงน้ำเปล่าและน้ำผึ้งอยู่นาน 45 วัน เจ้าของฉายา 'จอมอด' จำต้องยุติการประท้วงลง เนื่องจากปัญหาสุขภาพ

ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ปกติร่างกายของคนทั่วไปจะทนต่อภาวะขาดอาหารได้ 30 - 60 วัน อาจทำให้น้ำหนักตัวลดลงร้อยละ 30 ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ยิ่งอายุน้อยความแข็งแรงของร่างกายจะมีมากกว่าคนอายุ 40 ปี ขึ้นไป นอกจากนี้ ร่างกายคนปกติทั่วไปจะทนต่อภาวะขาดน้ำได้เพียง 3 - 7 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์

'นิพิฏฐ์' เปิดเหตุผล 4 ข้อ จากมุมนักกฎหมาย 'ทักษิณ' อาจไม่กลับไทย ต่อให้ชนะแลนด์สไลด์

‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ นักกฎหมายมือฉมัง เปิดเหตุผล 4 ข้อ ทักษิณไม่กลับไทย ต่อให้ชนะแลนด์สไลด์

(26 ม.ค. 66) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมายและนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า อนาคตของคุณทักษิณ ชินวัตร คุณทักษิณ ยังคงเป็นคนรวย ที่ล่องลอยไปในโลกนี้ได้เช่นเดิม ยกเว้น เมืองไทยที่ยังแวะเวียนมาไม่ได้ คงได้แต่ชะโงกหน้ามาดูแผ่นดินนี้ เวลานั่งเครื่องผ่านไป-ผ่านมาเท่านั้น ผมมีเหตุผล อธิบาย ดังนี้

1. คดีของคุณทักษิณ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต คดีเหล่านี้ ไม่มีใครกล้าออกพรบ.นิรโทษกรรม เพราะมีนักโทษคดีทุจริตอยู่เยอะทั้งนักการเมือง,ข้าราชการ หากนิรโทษกรรมคดีทุจริตกันหมด ผมคิดว่าประชาชนคงไม่ยอม เพราะคดีทุนจีนสีเทา คดีกรมอุทยานฯ ก็จะขอร่วมขบวนมาด้วย หรือ จะนิรโทษเฉพาะคุณทักษิณ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกเช่นกัน

2. คุณทักษิณ จะขอพระราชทานอภัยโทษได้ ตาม วิ.อาญา มาตรา 261 เป็นการเฉพาะตัว เฉพาะคดีทุจริตที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น และหากได้รับพระราขทานอภัยโทษ คุณทักษิณก็ยังมีคดีอื่นที่ยังไม่ถึงที่สุดอีกหลายคดี คดีเหล่านั้นก็ขอพระราชทานอภัยโทษไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงที่สุด คุณทักษิณก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีก เราก็ไม่รู้ว่าพอศาลจะตัดสิน คุณทักษิณจะหนีไปอีกหรือเปล่า

‘สมคิด’ ซัด!! ‘บิ๊กตู่’ อ้างลงพื้นที่ทำงาน แต่แฝงหาเสียง ย้อน!! เคยด่านักการเมืองเลวที่สุด แต่ตอนนี้ทำยิ่งกว่า

(26 ม.ค. 66) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 159 และยกเลิกมาตรา 272 ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้า พรรคเพื่อไทยกับคณะเป็นผู้เสนอ จนนำมาสู่การพิจารณาของสภา แม้สุดท้ายจะไม่สามารถแก้ไขได้เพราะสภาไม่ครบองค์ประชุม สภาล่มในที่สุด ทั้งนี้ เป้าประสงค์ของพรรคเพื่อไทยต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ฝ่ายไม่เห็นด้วยก็อ้างว่าเพราะการยกเลิกอำนาจส.ว.อเหลือวาระอีก 1 ปีจะไปแก้ทำไม เรื่องระยะเวลาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นคือต้องยกเลิกให้ส.ว.มีสิทธิในการเลือกนายกฯ เพราะนายกฯ ควรมาจากส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน นายกฯ มาจากแคนดิเดตที่พรรคคัดสรรมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างน้อยประชาชนก็ได้รับรู้รับทราบโดยสาธารณะ 

‘ชัยวุฒิ’ ลั่น รัฐบาลไม่กลัวอภิปราย พร้อมตอบทุกเรื่อง มั่นใจ!! พรรคร่วมฯ ยังช่วย ‘บิ๊กตู่’ แม้ย้ายไป รทสช.

ชัยวุฒิ ย้ำ ประวิตร ลุย เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายแน่ บอก ชอบชื่อนี้ ลั่น รัฐบาล พร้อมตอบอภิปรายทุกเรื่อง ปล่อยฟรีฝ่ายค้าน ชี้ มีข้อบังคับสภาเป็นกรอบ แนะสื่อ ให้เกียรตินายกฯ อย่าถามเสียดสีให้มีอารมณ์

(26 ม.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมและได้กำหนดการพิจารณาญัตติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15 - 16 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ ว่า เชื่อว่ารัฐบาลอยากให้มีการอภิปรายเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลพร้อมชี้แจงอยู่แล้วว่าทำอะไรไปบ้าง มีแนวทางอย่างไรที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอนใช่หรือไม่ เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวว่าจะยุบสภาก่อน ที่จะอภิปราย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มีการบรรจุวาระการประชุมไปแล้วในวันที่ 15-16 กพ. ซึ่งตนเองก็อยากฟังฝ่ายค้านพูด เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาก็มีข้อมูลดี ๆ เยอะ แต่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็เยอะ รัฐบาลก็จะได้ชี้แจงด้วย และเรื่องที่เป็นปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็จะได้รับฟังและนำไปแก้ไข ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพราะปัญหาของประชาชนมีจำนวนมาก ทั่วทุกมุมของประเทศ ถึงอย่างไรก็แก้ไม่หมดใครเป็นรัฐบาลก็ทำไม่ได้ทุกเรื่อง ค่อย ๆ ทำไปแต่อย่างน้อยได้ฟังการอภิปรายแล้วพยายามนำปัญหาไปแก้ไขให้ดีที่สุดเป็นประโยชน์ของกลไกการเมืองในระบบรัฐสภา 

เมื่อถามว่าจะไม่ถือว่าเป็นการเสี่ยงเกินไปใช่หรือไม่หากจะปล่อยให้ฝ่ายค้านอภิปรายโดยอาจถูกหยิบประเด็นที่รัฐบาลไม่ได้เตรียมทำการบ้านขึ้นมา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวตนมองว่า รัฐบาลทำหน้าที่ได้ดี ไม่มีอะไรตกหล่น หรือบกพร่อง แต่อย่างที่บอกแล้วว่าอาจจะมีปัญหาบางเรื่องที่ยังแก้ไขไม่ได้ หรืออาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างซึ่งจะได้ชี้แจงประชาชนต่อไป 

“ผมว่าอย่าไปกลัวการอภิปราย เพราะเดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นเฉพาะต้องอภิปรายในสภา ในสื่อโซเชียล คนก็รู้ทั่วไปหมดอยู่แล้ว เพียงแต่การอภิปรายเป็นกลไกในสภาตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้โอกาสสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหน้าที่ เราต้องเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา เป็นสิ่งที่ดี อย่าไปกลัว” นายชัยวุฒิกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าปล่อยฟรีให้ฝ่ายค้านพูดได้เลย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภา ที่มีข้อบังคับอยู่ว่าบางเรื่องพูดไม่ได้ ห้ามผู้เสียดสี ก็มีข้อจำกัดอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะช่วยดูแลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในสภาเหมือนเดิมหรือไม่ ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ย้ายสังกัดพรรคแล้ว นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อย่าบอกเพียงพรรคพลังประชารัฐเลย คิดว่าทุกพรรคจะต้องช่วยกัน เพราะเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยกันทำงานในสภาอยู่แล้ว ทั้งชี้แจง ตอบโต้ แก้ปัญหาในสภา ผ่านวิปพรรคร่วมรัฐบาล

‘บิ๊กป้อม’ ประชุมวางแผนงบบูรณาการ 3 คณะรวด เกาะติดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ – น้ำ - รบ.ดิจิทัล

พล.อ.ประวิตร  ประชุม วางแผนงบบูรณาการ 3 คณะ  เกาะติดแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ -น้ำ-รัฐบาลดิจิทัล  น้อมนำศาสตร์พระราชา สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำ งานไม่ซ้ำซ้อน ปชช.มีส่วนร่วม/ได้ประโยชน์ตรงความต้องการ

(26 ม.ค. 65) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ปี 67 ทั้ง 3 คณะต่อเนื่องกัน ซึ่งเป็น 3 แผนงาน จากทั้งหมด 11 แผนงาน ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล

การประชุมคณะแรก (คณะที่ 1.1) การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี สมช.เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับ กอ.รมน. และ ศอ.บต. โดยที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ กรอบงบประมาณรายจ่ายบูรณาการตามแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จชต. งบปี67 มีหลักเกณฑ์ในการจัดทำงบฯที่สำคัญ อาทิ ต้องสอดคล้องกับเจตนารมย์และเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีการเชื่อมโยงสนับสนุนซึ่งกันและกัน แบบห่วงโซ่คุณค่า (value chain) คำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของ UN รวมถึงให้มีการขยายผลตามแนวศาสตร์พระราชา และยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เป็นต้น ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ให้นโยบายการทำงาน ต้องลดความหวาดระแวง สร้างกระบวนการยุติธรรมให้เด่นชัด มุ่งเน้นการแก้ปัญหาความยากจน และการพัฒนาการศึกษา ให้เป็นรูปธรรม

ต่อด้วย การประชุมคณะที่สอง (คณะที่ 1.2) แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มี สทนช.เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลัก โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ หลักเกณฑ์การพิจารณาแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปี67 ซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี และเป็นแผน/โครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำที่ กนช. เห็นชอบแล้ว รวมทั้งได้พิจารณาเห็นชอบ แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประจำปี67 ซึ่งจะมี 21 หน่วยงานจาก 8กระทรวง รับผิดชอบ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ให้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับประโยชน์ อย่างทั่วถึง เท่าเทียมกัน เนื่องจากน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ต่อทุกคน ทุกพื้นที่ และการบริหาร งป.ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top