Wednesday, 25 June 2025
PoliticsQUIZ

อนุทิน ย้ำ วอล์คอินฉีดวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ดีเดย์ 1 มิถุนายนนี้ ยืนยันจังหวัดบุรีรัมย์ไม่มีสิทธิพิเศษรับวัคซีนก่อนจังหวัดอื่น เผยโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานีมีหมอพยาบาลดูแลผู้ป่วยเต็มที่

เมื่อเวลา 08.45 น.วันที่ 14 พ.ค.ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ก่อนพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานีว่า โรงพยาบาลบุษราคัมไม่ใช่โรงพยาบาลสนาม แต่รองรับผู้ป่วยโควิดสีเหลืองที่มีอาการค่อนข้างหนักขึ้น โดยมีจำนวนทั้งหมด 1,092 เตียง พร้อมเปิดรับผู้ป่วยในวันนี้ (14 พ.ค.) หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดอย่างเป็นทางการซึ่งจะเปิดรับผู้ป่วยได้ทันที โดยโรงพยาบาลบุษราคัม มีโรงพยาบาลเจ้าภาพคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี รวมถึงการใช้เครือข่ายโรงพยาบาลสนับสนุน ซึ่งจะรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งทั้งโรงพยาบาลสนาม, Hospitel ที่จะทำการส่งตัวมารักษา ยืนยันว่าโรงพยาบาลบุษราคัมมีอุปกรณ์ และบุคลากรทางการแพทย์ มีเพียงพอรองรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนที่ถูกต้องตรงกัน ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข จะประชาสัมพันธ์เน้นย้ำเรื่องการ walk in ของประชาชนเข้ามาติดต่อเพื่อรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วยตัวเอง ว่าจะเป็นการเริ่มดีเดย์ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยต้องบริหารจัดการวัคซีน จัดให้กับกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ บริหารจัดการในพื้นที่เอง โดยให้บริหารจัดการให้มีเผื่อการ walk in ของประชาชนไว้ด้วย

“สำหรับที่จังหวัดบุรีรัมย์มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับวัคซีนเป็นสิทธิพิเศษนั้น ไม่เกี่ยวว่าเป็นจังหวัดใด จะบุรีรัมย์หรือลำปาง เชียงใหม่ พัทลุง ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละจังหวัดทำเรื่องร้องขอตามจำนวนที่ต้องการ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดจำนวนให้ จัดไปตามกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต่าง ๆ ถ้าบริหาร แค่กระทรวงสาธารณสุขโดยลำพังไม่มีปัญญาที่จะทำได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศ แต่สาธารณสุขมีหน้าที่กระจายวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงในแต่ละจังหวัด” นายอนุทิน กล่าวยืนยัน

‘โฆษกพปชร.’ วอน กทม. เร่งฉีดวัคซีนให้ ปธ-กก.ชุมชน ชี้ เป็นบุคลากรด่านหน้า พบ ปชช. มากเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่14 พฤษภาคม 2564 น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่าในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นอกจากอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในเขตรับผิดชอบ โดยทำงานร่วมกับประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน ได้เห็นถึงความเสียสละที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อย และทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสียสละทำงานและรับภาระอย่างหนักช่วยเหลือดูแลประชาชนในชุมชนทุกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ซึ่งบุคคลเหล่านี้นับว่าเป็นบุคลากรด่านหน้า ที่เข้าไปดูแลประชาชน ตั้งแต่ช่วยสอดส่อง ค้นหากลุ่มเสี่ยงเชิงรุก ไปถึงประสานงานพาไปคัดกรองตรวจหาเชื้อ และดูแลผู้ที่กักตัวภายในชุมชน จึงมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยอย่างมาก จึงอยากให้กรุงเทพฯ เห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้ โดยเร่งพิจารณาฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลกลุ่มดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน

นายกฯ ยัน ยังไม่สนับสนุนงบประมาณ 'การบินไทย' จนกว่าจะเดินหน้าตามแผนการฟื้นฟูกิจการ

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ. นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ถึงแผนดำเนินการฟื้นฟูการบินไทยว่า ในโซเชียลมีเดียมีการนำเสนอกันเยอะเรื่องของการบินไทย ตนยืนยันว่ายังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาแผน ทำแผน ตนตัดสินใจว่า ช่วงนี้รัฐบาลยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของการจัดทำแผนของผู้บริหารแผนเพื่อให้แผนผ่านตามเจ้าหนี้

"แต่ผมยืนยันอย่างหนึ่งคือ รัฐบาลยังไม่สนับสนุนเงินอะไรให้ทั้งสิ้น ผมจำเป็นต้องพูดอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นก็วุ่นกันไปหมด จนกว่าจะมีการเดินหน้าตามแผน และบริหารแผน อย่าเอาตรงนี้ เป็นตัวชี้ออกไป ผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากให้การบินไทยล้มละลายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยกันอย่างนี้ทุกอย่างก็เป็นไปไม่ได้อีก" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวยืนยันอีกว่า เมื่อการบริหารแผนเกิดขึ้นและทำได้ตามแผน ค่อยว่ากันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้รัฐบาลถือว่าเป็นการทำงานของผู้บริหารแผน

“ประยุทธ์” เปิด รพ.บุษราคัม รับสะเทือนใจเห็นภาพจนท.หลับฟุ้บคาโต๊ะ ขอชื่นชมจากใจ บอกวันนี้อาจทำได้ไม่ดีที่สุดแต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุด เชื่อโควิดลามคุกคลี่คลายเร็ว ๆ นี้ ย้ำฉีดวัคซีนตามแผน โยน สธ. แจงหาวัคซีนให้เด็กต่ำกว่า 18 ก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ที่อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยขาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้การต้อนรับ

โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาเปิดโรงพยาบาลบุษราคัมในวันนี้ ซึ่งทราบดีอยู่แล้วว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลายประเทศก็ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และต้องการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่งเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยวันนี้ได้มีการจัดตั้งโรงบาลบุษราคัมเพิ่มขึ้นอีก เกิดจากความร่วมจากทุกส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้มีปัญหาอยู่บ้างตามสถานการณ์ แต่เราต้องประเมินตามสถานการณ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยสถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถานที่คัดกรองการฉีดวัคซีน โดยต้องใช้บุคลากรปฏิบัติงานอีกหลาย 10,000 คน จึงต้องมีการประสานงานที่ดี แต่เรายังรับได้อยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศในโลกนี้ ดังนั้นขออย่าท้อแท้อย่าสิ้นหวังและอย่ามัวขัดแย้งกัน โดยเฉพาะเรื่องสังคมต่าง ๆ ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย แม้ว่าเราอาจจะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุดและทำงานตามสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งได้มีการพิจารณาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังมีอีกหลายหมื่นคนทำงานในท้องถนนในพื้นที่และในชุมชนต่าง ๆ ขอให้นึกถึงและให้กำลังใจคนเหล่านี้ด้วยที่เสียสละเป็นด่านหน้า พร้อมจะติดเชื้อได้ตลอดเวลา และสิ่งที่ตนสะท้อนใจและไม่สบายใจที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้า นั่งและนอนหลับใต้โต๊ะ กลับบ้านไม่ได้ ต้องเสียสละ จึงขอยกย่องคนเหล่านี้ด้วยใจจิง ดังอะไรที่จะเป็นกำลังใจให้กับคนเหล่านี้ก็ขอให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ด้วย ซึ่งนี่คือคนไทย นี่คือประเทศของเราและระบบสาธารณสุขของเรา ดังนั้นขอชื่นชมและคนเหล่านี้สร้างผลงานมาหลายสมัยแล้วโดยเฉพาะการรับมือโรคระบาด ทุกคนเสี่ยงอันตรายและเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเท ขอยกย่องทุกคนอย่างใจจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันมีผู้นำหลายประเทศ ผู้แทนท่านทูตหลายประเทศด้วยกันมีการพูดถึงประเทศไทย ชื่นชมในการจัดการของประเทศไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายประเทศยังควบคุมไม่ได้มากนัก และเราพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางที่ไทยเคยปฏิบัติ มีอะไรช่วยเหลือแนะนำได้ ซึ่งเราเป็นประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ และเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกเดียวกันเราต้องช่วยกัน นอกจากนี้ขอบคุณฝ่ายความมั่นคงดูแลชายแดนวันนี้ถือว่าควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดี เชื่อว่าหากร่วมมือกันประเทศไทยของเราจะต้องเอาชนะโรคร้ายครั้งนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน 

จากนั้นนายกรัฐมนตรี รับเงินและสิ่งของสนับสนุนจากภาคเอกชน ก่อนเดินเยี่ยมชมศูนย์สั่งการ รวมถึงห้องพักผู้ป่วยในพื้นที่ดูแลผู้ติดเชื้อเฟส 1 โซนสวนหย่อม โซนผู้ติดเชื้อปกติ โซนผู้ติดเชื้อที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ จุดรับส่งผู้ติดเชื้อ และห้องน้ำ โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่พร้อมสอบถามถึงการทำงาน

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้มาให้กำลังใจและตรวจเยี่ยม และมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขจัดโรงพยาบาลลักษณะเช่นนี้ไว้รองรับคนไข้หลายระดับตามอาการ เพื่อให้เกิดความพร้อมและรองรับสถานการณ์ และช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลัก วันนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำให้โรงพยาบาลบุษราคัมนี้เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในวันนี้ เราวางใจยังไม่ได้และอยากให้ใช้มาตรการทางสังคมช่วยดูแลด้วย ผ่านชุมชนและผู้นำชุมชนต่าง ๆ ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำมีความจำเป็นและมีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีมาตรการตัวเองด้วย ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้อาจลำบากมาก รัฐ บาลไม่นิ่งนอนใจ จึงต้องดูในด้านเศรษฐกิจด้วยว่าจะดูแลกันอย่างไรแต่ทุกอย่างทำด้วยงบประมาณรัฐ ดังนั้นอาจทำได้ไม่เร็วมากนัก เพราะมีระเบียบ กติกาและกฎหมาย ดังนั้นจะทำให้ทุกคนพอใจเลยทั้งหมดคงไม่ได้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขอให้ร่วมมือและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้หมดกำลังใจ ส่วนการฉีดวัคซีนนั้น ยืนยันว่าต้องฉีดโค้กให้ได้ในเวลาที่วางไว้ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ฉีดวัคซีนที่อนุมัติมาแล้ววันนี้ยังไม่มีที่ไหนแจ้งว่ามีปัญหา จึงยังคงเป็นไปตามแผน ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนเข้าระบบหมดพร้อมให้เร็วที่สุด ซึ่งเดิมกำหนดให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด่านหน้า แต่วันนี้เพิ่มกลุ่มย่อยจำนวนมากและจัดให้เหมาะสม กลับวัคซีนที่มาจากต่างประเทศ โดยย้ำว่าเดือนมิ.ย. จะมีวัคซีนเข้ามาอีกและวัคซีนจะเข้ามาเพิ่มเติมขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นฝากให้ทุกคนช่วยกันไปฉีดวัคซีนไม่ต้องให้ใครมาเรียกหรือมาจ้างสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเราเองยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการติดเชื้อจำนวนมากในกรมราชทัณฑ์พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ วันนี้อยู่ในพื้นที่ควบคุมและจำกัด โดยได้ซีลพื้นที่แล้ว หาที่กระทรวงสาธารณสุขก็ได้มีมาตรการลงไป ซึ่งคิดว่าเกิดขึ้นได้ เพราะเป็นพื้นที่แออัด แต่เชื่อว่าเดี๋ยวก็จะคลี่คลายได้ ซึ่งเมื่อป่วยก็มีเตียงรักษา อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับต่างประเทศถือว่าเรายังน้อยกว่ามาก แต่แม้จะน้อยตนก็ไม่มีความสุข เพราะไม่อยากให้ไม่มีเลย 

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการฉีดวัคซีนให้คนอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากใกล้ที่โรงเรรยนจะเปิดเทอมแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องถามจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งต้องฟังทางการแพทย์ที่มีข้อกำหนดอยู่แล้วไม่ฟังหมอแล้วจะฟังใคร 

เมื่อถามถึงการตรวจหาเชื้อเชิงรุก จะมีอุปกรณ์ที่เพียงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พออยู่แล้ว และจะหาเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อเสริมให้อีก แต่สิ่งสำคัญคือขอให้มาตรวจและมาฉีดตามคำแนะนำของแพทย์และสาธารณสุข ไม่นั้นรัฐทำทางเดียวไม่สำเร็จ

สำหรับโรงพยาบาลบุษราคัม จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1,200 คน และสามารถเพิ่มเติมได้ 3,000-5,000 เตียง รองรับผู้ป่วยสีเหลืองที่เล็กน้อยจนถึงปานกลาง ทั้งจากโรงพยาบาลสนาม และสายด่วนในกทม.และปริมณฑล หากเกิดผู้ป่วยอาการหนักจะส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ทั้งนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนปฏิบัติงานรวม 780 คน

ศรีสุวรรณ จี้ กสทช. สอบ ไทยพีบีเอส อ้างนำเสนอ 4 ข่าวปลอม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงาน กสทช. พหลโยธิน ซ.8 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด กรณีที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวและรายการที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเท็จ คลาดเคลื่อนอย่างซ้ำซาก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ ควรจะเป็นสื่อต้นแบบที่สังคมไว้วางใจและคุ้มค่ากับเงินภาษีที่รัฐจ่ายให้ปีละกว่า 2,000 ล้าน

การเสนอข่าวและรายการที่กลายเป็นเฟกนิวส์มี 4 เรื่อง คือ

1.) การนำเสนอสกู๊ปข่าวรายงานตัวเลขที่ผิดพลาดหลายจุดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีต่อเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้

2.) การแปลข่าวชาวอินเดียเช่าเครื่องบินเหมาลำมายังประเทศไทยอย่างผิด ๆ

3.) การปล่อยให้ผู้ดำเนินรายการ “คุยให้คิด” กล่าวหา รมว.สาธารณสุขว่าขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 และ

4.) ล่าสุดผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวได้เผยแพร่ข่าวหญิงสาวที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวคที่ จ.อุดรธานี แอบอ้างภาพของผู้ป่วยรายหนึ่งที่โรงพยาบาลหนองม่วง จ.ลพบุรี ที่มีอาการแพ้ยา มีผื่นแดงเต็มตัว มาเผยแพร่ควบคู่กันจนเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไทยพีบีเอสนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสังคมอย่างมาก

การเสนอข่าวที่ผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวบ่อยครั้ง ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพในการทำงานของสื่อไทยพีบีเอสที่อาจขาดความเที่ยงตรงและความรับผิดชอบต่อสาธารณชนโดยชัดแจ้ง อันเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.43 (1) ประกอบ ม.42 (1) (2) แห่งพรบ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551 และข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมของวิชาชีพเกี่ยวกับการผลิตและเผยแพร่รายการ 2563 ข้อ 5 (5.1, 5.2) ข้อ 7 (7.2) และข้อ 13 13.2) และข้ออื่น ๆ 

ยังเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมายและหรือขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ซึ่งสำนักงาน กสทช. มีอำนาจดำเนินการตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ 2551 ม.40 ประกอบ ม.39 รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยว่าด้วย จริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ 2553 ประกอบธรรมนูญสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ 2563 อีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อสำนักงาน กสทช. เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย เพื่อลงโทษผู้บริหารหรือกองบรรณาธิการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตามครรลองของกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น สมาคมฯ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการนโยบายว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารและกองบรรณาธิการข่าวในการประเมินผลงานประจำปี ตาม ม.50 หรือไม่ และขอให้พิจารณาปรับลดเงินภาษีที่ต้องจ่ายให้ไทยพีบีเอสให้ลดลง เพื่อนำไปปรับเป็นรายได้ของแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น 

“สนธิญา” ยื่นหนังสือถึง “สิทธิโชติ” อธ.ศาลอาญา ตรวจสอบ “เพนกวิน” โพสต์เฟซพาดพิงสถาบันผิดเงื่อนไขประกันตัวหรือไม่

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (สภาผู้แทนราษฎร) และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องร้องเรียนถึงนาย สิทธิโชติ อินทร วิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาเพื่อให้ พิจารณากรณีที่ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฏร 1 ในจำเลยคดีปักหมุดสนามที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไข ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ" เพื่อให้อธิบดีศาลอาญา วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อเงื่อนไขที่ระบุไว้ในคำขอประกันตัวหรือไม่ 

นายสนธิญา เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาวันนี้ ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง หลังได้อ่านข้อความที่นายพริษฐ์ โพสต์เฟสบุ๊คแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ และอาจเข้าข่าย ผิดเงื่อนไขการขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะข้อความที่ปรากฎ มีลักษณะพาดพิงสถาบัน ทั้งนี้ตนเองจึงได้ทำหนังสือยื่นถึงอธิบดีศาลอาญา เพื่อให้พิจารณาใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การตรวจสอบว่าเฟซบุ๊คที่มีการเผยแพร่ข้อความลักษณะดังกล่าวเป็นของนายพริษฐ์หรือไม่ และ เนื้อหาข้อความเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวขอศาลหรือไม่ เพื่อให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาใช้ดุลยพินิจเพื่อดำเนินการต่อไป
 

เคลียร์ดราม่า!! 'ติดโควิดจากเหงื่อ-ไม่ระวังตัว' ปมร้าว 'หมอทวีศิลป์-ทีมนักตบหญิงไทย' หลังสื่อดังสื่อสารผิด

จากกรณีทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ติดเชื้อโควิด ถึง 22 จาก 37 คน ระหว่างเตรียมแข่งขันวอลเลย์บอลรายการใหญ่ของโลก “เนชั่นส์ลีก” ที่อิตาลี ต่อมาโลกออนไลน์พากันแชร์ข้อความของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ที่แถลงข่าวประจำวันที่ 13 พ.ค. 64 ตอนหนึ่งว่า “นักกีฬาในชุดนี้เป็นบทเรียนของเราอย่างดีถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัวในการที่ใส่หน้ากากผ้าหน้ากากอนามัย การอยู่ในพื้นที่แออัดระยะใกล้ชิด การเล่นกีฬาแล้วมีสารคัดหลั่งก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้”

ต่อมา อรอุมา สิทธิรักษ์ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ออกมาโพสต์เชิงตอบโต้ พร้อมตั้งคำถามว่า “ทุกคนทำดีที่สุดแล้วนะ ระวังตัวกันแล้วแต่มันก็ยังเกิดขึ้น แต่คุณหมอมาพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ จะให้ฝึกซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออกละช่วยบอกหน่อยคะ นักกีฬาทุกคนก็ทำหน้าที่เพื่อชาติรักชาติเช่นกันนะคะ” ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ('อรอุมา' ถามกลับ 'หมอทวีศิลป์' ซ้อมยังไงไม่ให้เหงื่อออก-ทุกคนระวังตัวที่สุดแล้ว)

ล่าสุด ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) NIDA โพสต์เฟซบุ๊ก "Warat Karuchit" ระบุว่า หมอทวีศิลป์ โทษนักวอลเลย์บอล ว่าติดโควิดเพราะไม่ระวังตัว และติดโควิดกันทางเหงื่อจริงหรือ?

เรียน คุณอรอุมา สิทธิรักษ์ Onuma Sittirak ในฐานะทีมงานสื่อสารของคุณหมอทวีศิลป์ ผมขออนุญาตชี้แจงแทนคุณหมอดังนี้นะครับ คุณหมอทวีศิลป์ ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิทีมวอลเลย์บอลหญิงใด ๆ เลยครับ เป็นเพียงการอธิบายว่ากรณีนี้ เป็นตัวอย่างเพื่อให้คนอื่น ๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ได้เรียนรู้ว่า แม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังติดเชื้อได้ ถ้าไม่ระมัดระวังตัว ซึ่งคุณหมอไม่ได้เจาะจงต่อว่าใครเป็นพิเศษว่าไม่ระมัดระวังตัว เพราะคำว่า ไม่ระมัดระวังตัวที่คุณหมอขยายความต่อก็คือ การไม่ใส่แมสก์ อยู่ในที่แออัด ใกล้ชิด ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการเล่นกีฬา แต่การเก็บตัวในแคมป์ การอยู่ใกล้กัน ทานอาหารร่วมกัน ก็สามารถติดเชื้อได้ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ที่ทำให้คุณอรอุมาเข้าใจผิด อาจจะเป็นเพราะโพสต์ข่าวของเพจ Ch3ThailandNews ของช่อง 3 (ที่คุณอรอุมาแชร์มา) ได้ถอดคำพูดของคุณหมอออกมา "ผิด" (misquote) ถึง 2 จุดสำคัญคือ

1.) ประเด็นเรื่อง "ไม่ระวังตัว" เพจข่าวช่อง 3 ถอดคำพูดคุณหมอว่า "นักกีฬาในชุดนี้จะเป็นบทเรียนอย่างดี ฉีดไปแล้วไม่ระวังตัว" แต่แท้จริงแล้วคุณหมอพูดว่า "เพราะฉะนั้นนักกีฬาชุดนี้ก็จะเป็นบทเรียนของเราอย่างดีว่า ถึงแม้ฉีดไปแล้ว แต่ถ้าไม่ระมัดระวังตัว..." (นาทีที่ 25.47) ซึ่งความหมายต่างกันเลยนะครับ ประโยคของข่าวช่อง 3 อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคุณหมอพูดเจาะจงว่า นักกีฬาวอลเลย์บอลนั้น ไม่ระมัดระวังตัว แต่ประโยคที่คุณหมอพูดหมายถึง เป็นตัวอย่างว่า ใครก็ตาม แม้ว่าว่าฉีดไปแล้ว แต่ไม่ระมัดระวังตัว ก็จะติดเชื้อได้

2.) ประเด็นเรื่อง "เหงื่อ" ประโยคสำคัญที่คุณหมอพูด ผมจะขอถอดออกมาทีละคำนะครับ กรุณาฟังในนาทีที่ 26.04 ในลิงก์การแถลงข่าวด้านล่างนะครับ คุณหมอพูดว่า "การเล่นกีฬาแล้วมี... สารคัดหลั่งอะไรทั้งหลายออกมาเนี่ย ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้" ซึ่งในคำพูดของคุณหมอ ไม่มีคำว่า "เหงื่อ" เลยแม้แต่น้อย คุณหมอจึงไม่ได้หมายความว่า ในการเล่นกีฬาแล้วมีเหงื่อ จะทำให้ติดเชื้อโควิด แต่อาจจะมีสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ติดตามพื้น อุปกรณ์ จากการพูดตะโกนกันในสนาม หรืออื่น

แต่เพจข่าวช่อง 3 กลับถอดคำพูดของคุณหมอออกมาเป็นคุณหมอพูดว่า "เหงื่อสารคัดหลั่ง" ซึ่งทั้งถอดเทปผิด และผิดหลักการทางวิชาการแพทย์ด้วย เนื่องจากโควิดนั้น ติดจาก "สารคัดหลั่ง" ตามที่คุณหมอพูดเท่านั้น และ "เหงื่อ" ไม่ใช่ "สารคัดหลั่ง" ที่มีเชื้อโควิด (ดูภาพจาก รพ.จุฬา ครับ)

ดังนั้นคุณหมอจึงไม่มีทางที่จะหมายถึงว่า ติดโควิดกันทางเหงื่อแน่นอน เพราะคุณหมอทราบข้อมูลทางการแพทย์นี้ดี จึงขอเรียนชี้แจงคุณอรอุมามาตามข้อมูลนี้ และขออภัยหากมีคำพูดใดในการแถลงวันนี้ ที่ทำให้คุณอรอุมาและทีมวอลเลย์บอลหญิงต้องเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งคุณหมอก็เสียใจที่เกิดการเข้าใจผิดนี้ขึ้นครับ และผมขอให้เพจ Ch3ThailandNews แก้ไขข้อความของคุณหมอทวีศิลป์ให้ถูกต้องด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ และทั้งผมและคุณหมอทวีศิลป์ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทยทุกคนที่มอบความสุขให้กับคนไทยมาตลอดครับ จากแฟนคลับคนหนึ่งเช่นกันครับ

จากนั้น ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์อีกว่า "เห็นบางคอมเมนต์บอกว่า คุณหมอทวีศิลป์ไม่ควรยกตัวอย่างเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คือ ต้องขอความกรุณากลับไปดูเทปนะครับ คุณหมอไม่ได้เป็นผู้ยกตัวอย่างทีมวอลเลย์บอลหญิงครับ แต่เป็นการ "ตอบคำถาม" ที่มีสื่อถามเรื่องของการติดเชื้อในกรณี "ทีมวอลเลย์บอลหญิง" ขอบคุณครับ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.วรัชญ์ โพสต์เพิ่มเติมว่า ล่าสุด คุณอรอุมา ลบโพสต์แล้ว ก็น่าจะแสดงว่าได้รับทราบคำชี้แจงแล้ว ขอบคุณมากครับ ส่วนโพสต์ข่าวของช่อง 3 ก็ลบออกแล้วเช่นกัน และยังบอกว่า

คุณอรอุมา ได้ส่งข้อความมาทาง Inbox และได้คุยกันสั้น ๆ เป็นอันว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันแล้วครับ คุณหมอก็ได้รับทราบและสบายใจขึ้นแล้ว ต้องขอบคุณคุณอรอุมา และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในทีมหายป่วยโดยเร็วนะครับ พวกเราทุกคนเป็นทีมเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.naewna.com/local/572922

โฆษก ศรชล.แจง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด บนเรือต่างชาติ ศรชล. สงขลา เข้มสั่งทอดสมอที่จุดกักกันโรค ด้าน สธ.สงขลา ส่งเรือ BOA DEEP C เป็น รพ.สนาม

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 บนเรือ BOA DEEP C ศรชล.ได้รับรายงานจาก ศรชล.ภาค 2 ว่าจากการประสานนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จว.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาติ Norway พร้อมลูกเรือจำนวน 29 คน ได้ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทาง จนท.ด่านท่าเทียบเรือได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสาร การตรวจโรคโควิด-19 (TEST COVID-19) ของคนประจำเรือ และทำการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 

พล.ร.ต.ปรกครอง กล่าวว่า และในเวลา 17.00 น. เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้ง ผลการตรวจ SWAB ปรากฏว่าพบลูกเรือติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน ซึ่ง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา ได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่จ.สงขลา และไปจอดทอดสมอบริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา กำหนด ตั้งแต่ 12 พ.ค.64 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงและห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต  หรือท่าเรือภายในประเทศ 

ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน 

“ศรชล. ได้สั่งการให้หน่วยงานในศรชล. ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลา จัดเรือออกตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวังมิให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติงานของ จนท.ควบคุมโรค ตามที่ได้รับการประสาน รวมถึงสั่งการให้ ศรชล.จังหวัด และ ศคท.จังหวัดทั้ง 5 จังหวัดปฏิบัติตามข้อกำหนด ที่ออกตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด ในการขอเข้าราชอาณาจักรผ่านด่านทางน้ำที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง ศบค. ต้องขออนุญาตจาก ศปก.ศบค. เท่านั้น” โฆษกศรชล. กล่าว

ผู้แทนพิเศษเลขายูเอ็นเมียนมา หวังไทยสนับสนุนกระบวนการนำความสงบสุขกับมาสู่เมียนมาอีกครั้ง ด้าน “บิ๊กตู่” พร้อมสนับสนุนตามฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) ของอาเซียน มุ่งหวังให้เมียนมาเกิดสันติภาพและเสถียรภาพ

เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 14 พ.ค. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางคริสทีเนอ ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ (Mrs. Christine Schraner Burgener) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่หารือกับผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาอีกครั้ง หลังเคยพบปะกันเมื่อครั้งที่นางคริสทีเนอดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ซึ่งการกลับมาไทยครั้งนี้ในฐานะผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานของนางคริสทีเนอ จนได้รับความไว้วางใจจากสหประชาชาติให้ดูแลในเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา โดยประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากอาเซียนและประชาคมโลก ซึ่งการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนเมษายน ไทยให้ความสำคัญกับแนวทาง D4D ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอต่อที่ประชุม และพร้อมสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อ (Five-Point Consensus) ของอาเซียน ทั้งนี้ ไทยได้ติดตามพัฒนาการของสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด มุ่งหวังให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา และหวังว่าผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมาจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากการเยือนครั้งนี้ รัฐบาลพร้อมรับฟัง และแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์

ขณะที่ ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องเมียนมา กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้กลับมาเยือนไทยและหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง การมาเยือนไทยและภูมิภาคอาเซียนครั้งนี้ เพื่อหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยจากการหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย จึงประสงค์ที่จะสานต่อกระบวนการเจรจาดังกล่าวต่อไปเพื่อนำความสงบสุขกับมาสู่เมียนมาอีกครั้ง หวังว่าไทยจะสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว และแสวงหาความร่วมมือกับกองทัพเมียนมาในการหาทางออกอย่างสันติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่าย หารือถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเน้นย้ำว่า ไทยดำเนินการทุกวิถีทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งไทยมีประสบการณ์ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เพื่อนบ้านมายาวนาน มีการติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด และเตรียมการวางแผนรับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าจะไม่มีการส่งผู้หนีภัยกลับไปเมียนมาหากต้องเผชิญกับอันตราย โดยมีการตั้งศูนย์เพื่อรองรับผู้หนีภัยหลายแห่งตามแนวชายแดน รวมทั้งให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้ที่บาดเจ็บ

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ สำหรับภารกิจเดินทางเยือนไทยและภูมิภาคครั้งนี้ พร้อมหวังว่าผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ จะช่วยสร้างความเข้าใจต่อประชาคมโลกถึงสถานการณ์ในภูมิภาค

ผบ.ทร.เปิดตัวเรือข้ามฟากอายุ 50 ปี ที่ปรับปรุงเป็นระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า พร้อมออกทดลองแล่นรับ/ส่งผู้โดยสาร ในแม่น้ำเจ้าพระยา

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  เป็นประธานในพิธีเปิดตัวเรือแตงโมพลังงานไฟฟ้า (ขส.ทร. 1110 ) ซึ่งเป็นเรือข้ามฟาก ในแม่น้ำเจ้าพระยาของกองทัพเรือ ที่มีอายุการใช้งานมานานถึง 50 ปี ที่ท่าเรือราชนาวิกสภา เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือสายงานกิจการพลเรือน และ พล.ร.ต.สาธิต นาคสังข์ เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือให้การต้อนรับ และเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารเรือชมนิทรรศการการดำเนินโครงการ พร้อมทำพิธีเปิดตัวเรือแตงโมไฟฟ้า จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือได้ลงเรือแตงโมไฟฟ้า เพื่อทดลองนั่งไปยังป้อมวิไชยประสิทธิ์ และกลับมาที่อาคารราชนาวิกสภา ก่อนเดินทางกลับ

ทั้งนี้กองทัพเรือ ได้อนุมัติแต่งตั้งคณะทำงานพลังทดแทนร่วม ระหว่างกองทัพเรือ และบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินการด้านความร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำพลังงานทดแทนมาใช้ในกองทัพเรือ ในการวิจัยและพัฒนาเพื่อพึ่งพาตนเองตามแนวทางการพัฒนากองทัพเรือที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์กองทัพเรือ 20 ปี (พ.ศ.2560-พ.ศ.2579) ในเรื่องการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายความร่วมมือการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์กับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือสายงานกิจการพลเรือน เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่ายกองทัพเรือ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และ พลเรือโท สมัย ใจอินทร์ รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน

โดยคณะทำงานดังกล่าว ได้จัดให้มีโครงการ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าสำหรับรถโดยสาร เรือเวรข้ามฟาก (เรือแตงโม) เพื่อวิจัยและพัฒนาการใช้พลังงานไฟฟ้าในเรือเวรข้ามฟาก (เรือแตงโม) ในสังกัด กรมการขนส่งทหารเรือ ที่มีอายุการใช้งานมานาน 50 ปี ที่ไม่สามารถใช้งานได้ มาดัดแปลงจากระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง มาปรับปรุงเป็นระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 และมลภาวะในอากาศ

สำหรับเรือข้ามฟากดังกล่าว มีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "เรือแตงโม" ด้วยรูปทรงของเรือ ที่มีลักษณะคล้ายลูกแตงโมผ่าซีก แต่ด้วยรูปลักษณ์ของท้องเรือ ทำให้เรือแม้จะเอียงมากเพียงใดแต่ก็ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ โดยปัจจุบันเรือแตงโม สังกัดแผนกเรือบริการ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เริ่มมีใช้ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2495 เป็นต้นมา โดยใช้บริการ รับ-ส่ง กำลังพลกองทัพเรือ และบุคคลทั่วไป ข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา ในเวลาราชการ ระหว่างฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร ระหว่างท่านิเวศน์วรดิฐ กับ ท่าราชนาวิกสภา และ ท่าพระราชวังเดิม กับ ท่าราชนาวีสโมสร ปัจจุบันมี เรือให้บริการจำนวนทั้งสิ้น 11 ลำ โดยใช้ชื่อเรือว่า ขส.ทร.1101-1111 และเรือแต่ละลำจะมีนามแฝงโดยตั้งจากชื่อคลองสำคัญ ๆ เช่น บางกอกน้อย บางหลวง ชักพระ ผดุงกรุงเกษม ตลิ่งชัน โอ่งอ่าง เป็นต้น

พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวว่า "โครงการดังกล่าว เป็นการปรับปรุงเรือข้ามฟากในแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ “เรือแตงโม” จากการใช้ เครื่องยนต์ ซึ่งใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนมาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีเสียงเบากว่า และลดมลพิษในอากาศได้ โดยโครงการนี้ กองทัพเรือ ได้รับความร่วมมือจาก นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของฉายา “Tesla เมืองไทย” บริจาค มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ และอุปกรณ์ประกอบ ให้เพื่อใช้ในโครงการนี้ โดยเรือข้ามฟากที่ทำใหม่นี้ จะวิ่งได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ที่ความเร็ว 5 น็อต และความเร็วสูงสุด 8 น็อต และที่สำคัญคืออาจเป็นจุดกำเนิด เรือไฟฟ้าอื่น ๆ ของกองทัพเรือ และนอกจากโครงการดังกล่าวแล้ว ทางบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ยังได้ให้การสนับสนุนกองทัพเรือ และ คณะทำงานพลังทดแทนร่วมฯ ในอีกหลายโครงการรวมถึง การใช้เครื่องกำจัดเชื้อโรคในสถานที่ปฏิบัติงานและบนเรือรบของกองทัพเรือ โดยทำระบบปรับอากาศรวมของอาคารและเรือรบให้ปลอดภัยจากเชื้อ COVID-19 ด้วยแสง UVC  

โดยปัจจุบันได้ดำเนินติดตั้งแล้วในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน เรือหลวงกระบุรี เรือหลวงบางปะกง และอยู่ระหว่างการติดตั้งอีก 2 ลำ คือ เรือหลวงอ่างทอง และ เรือหลวงสิมิลัน"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top