Wednesday, 25 June 2025
PoliticsQUIZ

โฆษก กห. ระบุ มีการปรับลดงบประมาณลงต่อเนื่องหลายปีหลังโควิด ยัน พร้อมแจงในสภา ชี้ ภารกิจหลักของทหารป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือปชช. ในทุกเหตุภัย 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง กรณีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้ให้ข้อสังเกตถึงงบประมาณประจำปี 65 ที่กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรมากกว่ากระทรวงสาธารณะสุขนั้น กระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลถึงเหตุผลความจำเป็นตามกระบวนพิจารณาของรัฐสภาที่จะมีขึ้นใน มิ.ย.64  

อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหม มีภารกิจหลักในการป้องกันประเทศและการช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องที่ผ่านมา โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและเป็นความท้าทายร่วมกันของทุกฝ่ายที่ต้องหันหน้าช่วยเหลือกัน ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ได้ตระหนักถึงภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่จำเป็นต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และเยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบที่เกิดขึ้น 

“กระทรวงกลาโหม ได้มีส่วนร่วมพิจารณาปรับลดงบประมาณในภาพรวมของทุกเหล่าทัพลงกว่า 18,000 ล้านบาทในปี 63 และในปี 64 กระทรวงกลาโหมก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงกว่าปี 63 จำนวนกว่า 17,200 ล้านบาท ต่อเนื่องมาถึง ปี 65 ทั้งนี้ แต่ละกระทรวงก็มีภารกิจที่แตกต่างกัน และ กระทรวงกลาโหม ขอยืนยันถึงความพร้อมในทุกภารกิจเพื่อประชาชน จึงไม่อยากให้นำงบประมาณของแต่ละกระทรวงไปเปรียบเทียบกัน” พล.ท.คงชีพ กล่าว   

ผ่อนคลายมาตรการกิจการร้านจำหน่ายอาหาร

จากที่ ศบค. ได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายกิจการร้านอาหารในพื้นที่กทม. คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จึงได้ประชุมพิจารณามาตรการผ่อนคลายกิจการร้านอาหาร ให้เป็นไปตามข้อกำหนดฯ แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ที่กำหนดให้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีมติให้ร้านอาหาร สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ไม่เกิน 21.00 น. โดยนั่งได้ไม่เกิน 25% ของจำนวนที่นั่งปกติ จำหน่ายอาหารแบบนำไปบริโภคที่อื่นได้ (Takeaway) ไม่เกิน 23.00 น. ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

และยังคงปิดสถานที่ตามประกาศกรุงเทพมหานครปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) และ (ฉบับที่ 26) ต่อไป  

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17-31 พ.ค. 64  ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 29) 

#โควิดกรุงเทพ #โควิด19 #COVID19


 

ผบ.ทสส. ห่วงใยปชช. จากการแพร่ระบาดโควิด-19 คลัสเตอร์หลักสี่ เร่งส่งมอบถุงยังชีพ สนับสนุนรัฐบาล แก้ไขปัญหาในทุกมิติ

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ตามที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ จึงได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในกองบัญชาการกองทัพไทย เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

พล.ต.ภาณุพงศ์ สุวัณณุสส์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด ให้กับสำนักงานเขตหลักสี่เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ในพื้นที่คลัสเตอร์ชุมชน บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีนายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยเขตหลักสี่ เป็นผู้รับมอบ 

โดยสิ่งของอุปโภค-บริโภคประกอบด้วย เจลแอลกอฮอล์ เครื่องวัดอุณหภูมิ หน้ากากอนามัย และไข่ไก่ ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาของการกักตัวต่อไป

ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย ยังคงเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือนร้อน โดยจะใช้ทุกศักยภาพที่มีในการดูแลประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมทั้งจะดำเนินการช่วยเหลือในพื้นที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย

"สุทธวรรณ" จี้ "สมศักดิ์" แก้วิกฤตคลัสเตอร์เรือนจำ ปล่อยตัวผู้ต้องขังลดแออัด และต้องได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีมาตรการจัดการกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำทั่วประเทศ ที่ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6,853 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำทะลุหมื่นราย ว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ต้องรีบแก้ไขวิกฤตการระบาดในเรือนจำเป็นการด่วน ที่บอกจัดการได้ รับมือไหว อยากถามว่าจัดการได้จริง ๆ ใช่หรือไม่ โดยมาตรการหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ เร่งปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ กรณีผู้ต้องขังที่คดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และอาจพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขังที่เหลือโทษไม่ถึงสามปีแล้วติดกำไล EM เมื่อได้ออกมาแล้วต้องมีการกักตัวและได้รับการตรวจหาเชื้อ ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกยังคงต้องทำอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานอย่างเข้มงวด และแยกตัวมารักษาให้ถูกต้อง

น.ส.สุทธวรรณ กล่าวต่อว่า นายสมศักดิ์ ได้กล่าวไว้ว่า ทุกเรือนจำทั่วประเทศต้องมีการเตรียมความพร้อมทำโรงพยาบาลสนาม และหากเรือนจำใดไม่มีพื้นที่ในการจัดทำโรงพยาบาลสนามก็ให้วางแผนไปใช้พื้นที่ของทัณฑสถานเปิดหรือสถานกักกันนั้น ตนจึงอยากขอให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยภายนอกอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ขอฝากกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานอย่างหนักในภาวะวิกฤต และให้กำลังใจกับผู้ต้องขังที่ได้รับเชื้อรวมถึงเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้เกี่ยวข้องทุกคนด้วย

“ตอนนี้ทุกภาคส่วนควรเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องรีบดำเนินการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว จะปล่อยให้เกิดปัญหานักโทษล้นเรือนจำ จนติดโควิด-19 กันหมดไม่ได้” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว

“บิ๊กบี้” สั่ง สกัดแรงงานต่างด้าวพร้อมสั่งขยายผลสู่ต้นตอกระบวนการ พร้อมมอบหน่วยทหารช่วยดูแล รร. รับเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564  ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุม ด้วยระบบออนไลน์กับหน่วยทหารทั่วประเทศ เพื่อรับทราบผลการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหา COVID-19 พร้อมขอบคุณกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ อดทน โดยให้กำลังพลดำรงการปฏิบัติตน ตามนโยบายของภาครัฐและมาตรการพิทักษ์พล เพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดและพร้อมช่วยเหลือประชาชนได้ต่อไป  

โดยผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงภารกิจของกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก ที่เฝ้าตรวจและสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเชื้อเข้าประเทศผ่านแนวชายแดน มีผลการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนถึงปัจจุบัน 

ทั้งนี้ผบ.ทบ. ได้ย้ำถึงการจับกุมแรงงานต่างด้าวตามเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการตรวจสอบพื้นที่ตอนใน รวมถึงขยายผลไปสู่ต้นตอของกระบวนการในการนำพาแรงงานเข้าประเทศ พร้อมมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในเรื่องดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

สำหรับในเดือน มิ.ย. 64  ซึ่งสถานศึกษาจะเปิดการเรียนการสอน สิ่งสำคัญในการเตรียมเปิดเทอม คือเรื่องของการทำสถานศึกษาให้สะอาดปลอดเชื้อ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกมีความห่วงใยในเรื่องกล่าว ได้มอบให้หน่วยทหารของกองทัพบกทั่วประเทศ ประสานและเข้าสนับสนุนสถานศึกษา โรงเรียนในพื้นที่เพื่อร่วมการพัฒนาและเตรียมสถานศึกษาให้พร้อมรับการเปิดเทอม เพื่อดูแลให้นักเรียน บุคลากรของสถานศึกษามีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อ โดยที่ผ่านมากองทัพบกได้ส่งชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนเข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามโรงเรียนต่าง ๆ แล้วถึง 165 แห่ง

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญกับการเตรียมการของหน่วยทหารรับมือกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน โดยกำชับให้ดูแลใน 2 เรื่อง คือ การระบายน้ำและการกักเก็บน้ำ โดยให้หน่วยทหารพิจารณาสนับสนุนการเปิดเส้นทางระบายน้ำเพื่อป้องกันอุทกภัย ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำ กำจัดวัชพืช ขยะ เพิ่มช่องทางระบายน้ำในช่วงน้ำหลาก ในขณะเดียวกันให้สนับสนุนการเตรียมแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ เพื่อสำรองน้ำไว้ให้เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูกหลังฤดูฝน

ทั้งนี้ เพื่อให้กำลังพลของกองทัพบกมีความพร้อมด้านร่างกาย เพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนการคลี่คลายสถานการณ์ COVID-19 ของรัฐบาลควบคู่ไปกับการช่วยเหลือประชาชน ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบให้ ศบค. 19 ทบ. และกรมแพทย์ทหารบกได้เตรียมการวางแผนบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้กับกำลังพล และทหารกองประจำการ หากได้รับการสนับสนุนวัคซีนตามการจัดสรรจากสาธารณสุขในช่วงเดือน มิ.ย. 64 ซึ่งในปัจจุบันกำลังพลบางส่วนของกองทัพบกได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว อาทิ ผู้ปฏิบัติงานในกองกำลังชายแดน กำลังพลด่านหน้า บุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น 

'ธัญวัจน์-ก้าวไกล' ชี้!! เวที Miss Universe เปิดโอกาสสร้างเสรีภาพทางการแสดงออก หลังนางงามเมียนมาแสดงข้อความทางการเมืองเพื่อสันติภาพบนเวที ย้ำ นี่คือพลังการต่อสู้ด้วยเสียงของผู้หญิง สะเทือนถึงผู้มีอำนาจในเมียนมา ต่อสายตาชาวโลก

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึง การประกวด Miss Universe 2021 ที่ผ่านมา ว่าในช่วงหนึ่งของการประกวด เป็นช่วงที่น่าสนใจที่สุด คือ นางสาว ธูซาร์ วิน ลวิน ผู้เข้าประกวดเวทีระดับโลกนางงามจักรวาลจากประเทศเมียนมาได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม โดยมีจุดเด่นที่เธอถือ “Pray for Myanmar” ซึ่งคนทั่วโลกในขณะนี้ทราบดีว่าประเทศเมียนมาเกิดการยึดอำนาจของ มิน อ่อง หล่าย และในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการใช้อาวุธจนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาต่อสู้ทางการเมืองบนท้องถนนกว่า 700 คน และถูกจับกว่า 5,000 คน 

จากข่าวคราวทางกองประกวดนางงามจักรวาล ผู้เข้าประกวดจากเมียนมาให้ข่าวว่า ชุดประจำชาติที่เธอเตรียมมาหายไป และก่อนการประกวดได้รับการช่วยเหลือจากชาวเมียนมาด้วยกันในฟลอริดาช่วยจัดหา และใจความสำคัญของชุดเมียนมาคือข้อความที่ นางสาว ธูชาร์ ถือ เสียงแห่งสันติภาพที่ผู้หญิงคนหนึ่งเรียกร้องบนเวทีการประกวด จนวันนี้สะเทือนต่อผู้นำทหารเมียนมาต้องออกหมายจับ

ธัญวัจน์ กล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าการประกวดนางงามในสายตาสังคมทั่วไปมองเป็นเรื่องความสวยความงาม เรื่องของความบันเทิง แต่ในบนเวทีการประกวดนั้นมีช่วงเวลาที่ท้าทายความคิด และการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถาม บุคลิกภาพที่โดดเด่น และ ชุดประจำชาติที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นชาติผ่านการนำเสนอบนร่างกายของผู้เข้าประกวด เป้าหมายของการประกวดมีความหลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งบนเวทีการประกวด คือผู้หญิงเหล่านี้จะพูดเรื่อง “การเมืองและสันติภาพ” 

“การออกหมายจับนางสาว ธูซาร์ วิน ลวิน นางงามจากประเทศเมียนมาสะท้อนความ “กลัว” ของผู้มีอำนาจ เพราะ “สันติภาพ” จะเป็นฝ่ายชนะเสมอ หากผู้มีอำนาจใช้การประกาศออกหมายจับจะทำให้นางงามเมียนมากลัว แต่ในทางกลับกันประชาคมโลกต่างเห็นถึง “ความอำมหิต และ ใฝ่อำนาจ” ของฝ่ายรัฐประหาร เพราะประเทศเป็นของประชาชน ไม่มีอำนาจชอบธรรมใด ๆ ในการปกครองที่จะมีมากกว่าประชาชน และการใช้กำลังห้ำหั่นนั้นก็จะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ในที่สุด ธัญขอให้กำลังใจนางงามจากประเทศเมียนมา และขอเรียกร้องให้ มิน อ่อง หล่าย ผู้นำทหารในเมียนมาคืนอำนาจให้กับประชาชน“ ธัญวัจน์ กล่าว 

ทั้งนี้ ธัญวัจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นี่คือเสียงของผู้หญิง ธูซาร์ วิน ลวิน ที่อยู่ในช่วงเวลาอันโหดร้ายในประเทศที่กล้าหาญและไม่เกรงกลัวอำนาจใด ๆ เธอชูข้อความ “Pray for Myanmar” เพื่อให้โลกใบนี้ได้เห็นความทุกข์ร้อนของประชาชนในประเทศของเธอ เธอได้ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศอย่างสมเกียรติ เพราะเธอได้เป็นเสียง “ของประชาชน” ที่เธอเป็นตัวแทน และมาสื่อสารบนเวทีการประกวดเพื่อให้ชาวโลกรับรู้ นี่คือความทุกข์ร้อนของคนในชาติที่เธอรัก ที่เธอจะทำได้ในฐานะ “ผู้หญิงคนหนึ่ง”

‘เสกสกล’ ซัด ‘จาตุรนต์’ ไร้สาระ เหน็บไม่ชอบนายกฯ ซื่อสัตย์ หรืออยากได้นายกฯ โกงกินบ้านเมือง

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ฟันธงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ยอมทิ้งเก้าอี้นายกฯ แม้หลายฝ่ายจะเรียกร้องให้ลาออกว่า ผลสำรวจความคิดเห็นหลายครั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังให้ความไว้ใจให้นายกฯ ทำงานแก้ไขปัญหาเพื่อบ้านเมือง ดังนั้นที่บอกว่าหลายฝ่ายเรียกร้องให้ลาออก น่าจะเป็นฝ่ายค้าน กลุ่มเคลื่อนไหวสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมถึงนายจาตุรนต์ ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ

นายกฯ และรัฐบาลเข้ามาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่มีความผิดอะไร ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทุจริตก็ไม่เคยมี ที่ผ่านมาแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศไปหลายอย่าง พร้อมรับฟังประชาชนและมีความจริงใจ และยังมองไม่เห็นใครทำงานดีเท่ากับนายกฯ ในสถานการณ์วิกฤต หากนายจาตุรนต์ อยากช่วยประเทศจริงขอให้ลงมือทำ ไม่ใช่ใช้ปากวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียวทำให้คนทำงานเสียสมาธิ 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายจาตุรนต์ ไม่อยากได้คนทำงานที่ซื่อสัตย์มาเป็นนายกฯ แต่อาจอยากได้นายกฯ ที่ดีแต่โกงกินบ้านเมือง ไม่สนใจประชาชน เช่นนายกฯ ในอดีต ที่นายจาตุรนต์ เคยเป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วย ทำไมครั้งนั้น นายจาตุรนต์จึงไม่ออกมาวิจารณ์หรือออกมาขับไล่นายกฯ คนนั้นบ้าง ทั้งที่รู้ว่ารัฐบาลมีปัญหาการทุจริตมากมาย จนประชาชนออกมาขับไล่เต็มท้องถนน อย่างนี้จะเรียกว่าใครเป็นพวกเดียวกันไม่กล้าแตะ จะปิดหูปิดตาปกป้องกันเอาไว้ แต่ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน จะออกมาขับไล่อย่างไม่ลืมหูลืมตาใช่หรือไม่ เสียดายความรู้ความสามารถของนายจาตุรนต์ ที่หาสาระอะไรไม่ได้ ทำตัวเหมือน เสาหลักปักขี้เลน ไม่มีจุดยืนชัดเจนอะไรที่แน่นอนและน่าเชื่อถือได้

"สิระ" จี้ บ.อิตาเลียนไทย เรียกคนงานคลัสเตอร์แคมป์หลักสี่ กักตัว-เปิดไทม์ไลน์ ด่วน หลังเจอ 2 คนงานติดโควิด หวั่น ระบาดหนักที่สุดในประเทศ 

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีคลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ว่า ตนขอเรียกร้องให้บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เรียกคนงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างไซต์งานย่านศูนย์ราชการ นับย้อนหลังไป 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. หรือตั้งแต่ 30 เม.ย. ให้มากักตัว ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และสอบสวนไทม์ไลน์ทั้งหมด ทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติ หลังจากพบว่าคนงานของบริษัทอิตาเลียนไทยจำนวน 2 คนที่รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 วันนี้ได้เดินทางกลับไปพักที่บ้านตัวเองย่านลาดพร้าว และอยู่ในชุมชนใกล้แคมป์ย่านศูนย์ราชการ ซึ่งไม่ได้พักอาศัยในแคมป์คนงาน และพบว่าผลติดเชื้อโควิด-19 โดยล่าสุดตนได้ประสานไปยังนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน โดยนายสุชาติได้ให้โรงพยาบาลรับตัวเข้ารับการรักษาเป็นการเร่งด่วนแล้ว

"ตรวจเมื่อวาน ผลออกมาเป็นบวกคือติดเชื้อ ทำไมตรวจแล้วไม่กักไว้ก่อน ผมขอให้ทุกคนที่เป็นแรงงานในแคมป์นี้เปิดเผยไทม์ไลน์ด่วน เพราะคนในครอบครัวของคนงานที่ติดโควิด-19 ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องรับการตรวจค้นหาเชื้อโดยเร็วด้วยเช่นกัน หากยังไม่ได้รับการตรวจและเร่งสอบสวนไทม์ไลน์คนสัมผัสใกล้ชิด ผมห่วงว่าการระบาดครั้งนี้จะเป็นคลัสเตอร์ที่รุนแรงกว่าตลาดกลางกุ้ง และอาจใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" นายสิระ กล่าว 

นายสิระ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีคนงานในแคมป์ติดโควิด ในคืนวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากจะมีรถพยาบาลรับผู้ติดเชื้อในแคมป์ไปรักษาแล้ว ยังระบุข้อมูลว่ามีรถสองแถวนำคนงานออกไปข้างนอกแคมป์ ทั้งที่มีประกาศปิดแคมป์ห้ามคนงานเข้าออก ซึ่งหากจะบอกว่านั่งรถสองแถวไปตรวจเชื้อ แต่รถไม่มีมาตรการป้องกันตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข และการไปตรวจนอกแคมป์นั้น ไปแล้วกลับเข้าแคมป์จริงหรือไม่ ตนมีคำถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปตรวจคนงานในไซต์งานก่อสร้างของบริษัทอิตาเลียนไทยตั้งแต่แรกที่พบผู้ติดเชื้อ เพราะมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือขัดต่อตามกฎหมายหรือไม่ เช่น แรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องให้เร่งนำคนงานกลับมาทั้งหมดเพื่อกักตัวและค้นหาเชื้อโดยเร็ว

‘ราเมศ’ เผย พรรคเตรียมพร้อม เปิดประชุมสภา เตรียมถกร่างงบประมาณ ยึดประโยชน์ของ ปชช. ไม่กังวลอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาที่จะถึงนี้ว่า ส่วนของพรรคได้เตรียมความพร้อมเต็มที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคได้กำชับให้ ส.ส.ทุกคนปฏิบัติตนและให้ความร่วมมือตามหลักการปฏิบัติตนของรัฐสภาที่ได้กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ส.ส.ในทุกพื้นที่พร้อมในการนำเสนอปัญหาของพี่น้องประชาชนผ่านกลไกรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น การตั้งกระทู้ การเสนอญัตติ การประชุมคณะกรรมาธิการ เกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชนในส่วนของร่างกฎหมายที่สำคัญคือ ร่าง พรบ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ ส.ส.ได้เริ่มทยอยรับเอกสารรายละเอียดที่สภา เพื่อนำมาศึกษารายละเอียดของงบประมาณ เพื่อประกอบกับข้อมูลในแต่ละพื้นที่ ก็จะเป็นประโยชน์ในการกำหนดความสำคัญของการจัดสรรงบประมาณเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและประเทศ และเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จำต้องกำหนดเรื่องงบประมาณเพื่อช่วยเหลือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วย

ส่วนในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่จะมีการตรวจสอบผ่านกลไกรัฐสภา ส่วนของพรรคไม่มีความกังวลใจใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะยึดหลักการทำงานให้กับประชาชนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีเรื่องทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนจะยื่นเวลาใดก็เป็นส่วนของฝ่ายค้าน รัฐมนตรีทุกคนในส่วนของพรรคไม่ได้กังวลแต่อย่างใด

กสร. ปูพรมส่งพนักงานตรวจแรงงานร่วมมือจป.ในโรงงาน สู้ COVID-19 ในกิจการก่อสร้าง โรงงานกลุ่มเสี่ยง

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ออกมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในสถานประกอบกิจการ ส่งพนักงานตรวจแรงงานประสานเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน เข้าดูแลสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกิจการก่อสร้างขนาดใหญ่

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวชี้แจงว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน หรือที่เรียกกันว่า Cluster ที่ขยายวงกว้างในสถานประกอบกิจการต่าง ๆ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หาแนวทางการยับยั้งการแพร่ระบาดในสถานประกอบกิจการกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะกิจการก่อสร้างขนาดใหญ่ จึงได้จัดทำประกาศ เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในสถานประกอบกิจการ ฉบับลงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ขอความร่วมมือสถานประกอบกิจการ นายจ้าง และลูกจ้าง ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันฯ อาทิเช่น ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ทั้งเข้าไปและออกจากพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตทำงานและพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส จัดให้มีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจสอบคัดกรองในสถานประกอบกิจการ อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย การจัดหาแอลกอฮอล์ล้างมือ การควมคุมให้ลูกจ้างสวมหน้ากากอนามัย และประชาสัมพันธ์ให้ลูกจ้างทราบวิธีการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเบื้องต้นด้วยตัวเอง เป็นต้น

ทั้งนี้ได้ส่งพนักงานตรวจแรงงานประสานทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ของสถานประกอบการ ทำหน้าที่ดูแลเฝ้าระวังคัดกรองไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าวได้
 
อธิบดี กสร. กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบลูกจ้างเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือติดเชื้อ หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำเป็นต้องไปรับการตรวจรักษา หรือรับการชันสูตรทางการแพทย์ ให้นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างใช้สิทธิลาป่วย หรือใช้สิทธิลาพักผ่อนประจำปีตามกฎหมายหรือตามตกลงกัน ทั้งนี้ หากสถานประกอบกิจการ นายจ้าง ลูกจ้าง มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่และการปฏิบัติตามแนวทางนี้ ให้ติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครทุกพื้นที่ หรือโทรศัพท์สวยด่วน 1546 หรือ 1506 กด 3


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top