Friday, 11 July 2025
NewsFeed

โฆษกรัฐบาลย้ำมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติศักยภาพสูง มุ่งดึงคนเก่งทั่วโลกเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาประเทศ  ทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้จากภาคการท่องเที่ยวที่หายไป เตือนผู้ไม่หวังดีอย่าบิดเบือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอยืนยันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนั้น  การมีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เข้ามาทำงานหรือพักอาศัยทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หายไปของไทย บรรเทาผลกระทบจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวลดลง อาจไม่สามารถสร้างรายได้  ขณะเดียวกัน ยังจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้มีทักษะสูงด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เข้ามาเสริมศักยภาพในการพัฒนาประเทศ ด้วยเกิดการเชื่อมต่อเทคโนโลยี ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ ยกระดับทักษะและสมรรถภาพ และเพิ่มโอกาสการจ้างงานให้กับแรงงานภายในประเทศ   ทั้งนี้  มีการกำหนด กลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มที่ชัดเจน ได้แก่ (1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ  ซึ่งแต่ละกลุ่มยังมีเงื่อนไขที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนและการพัฒนาประเทศไทย อาทิ ลงทุนขั้นต่ำในพันธบัตรรัฐบาลไทยตั้งแต่ 250,000 -500,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีหลักฐานการลงทุนในประเทศไทย มีรายได้ขั้นต่ำ 80,000 ดอลล่าร์ หรือเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วน 2 แนวทางในการดำเนินมาตรการ ฯ ทั้งการกำหนดให้มีวีซ่าประเภทพิเศษ (Long-Term Visa) และการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น มุ่งขจัดอุปสรรคที่เป็นปัญหาของนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งมาตรการต่างๆ ยังถูกกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ทุกๆ 5 ปี  โดยสามารถยกเลิกหรือปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเหมาะสมกับการส่งเสริมการลงทุนจากทั่วโลกได้ ในส่วนการเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ยังคงยึดหลักการตามมาตรการทื่มีอยู่เดิม ไม่ได้เป็นไปตามที่บางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อมูลมาโจมตีรัฐบาล 

รัฐบาล หนุน อุตสาหกรรมแห่งอนาคต วอน เปิดใจกว้าง รับต่างชาติศักยภาพสูงเข้าไทย หวัง ศก.เติบโต หลังโควิด-19

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขอยืนยันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนั้น การมีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เข้ามาทำงานหรือพักอาศัยทดแทนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่หายไปของไทย บรรเทาผลกระทบจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวลดลง อาจไม่สามารถสร้างรายได้  ขณะเดียวกัน ยังจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีทักษะสูงด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เข้ามาเสริมศักยภาพในการพัฒนาประเทศ ด้วยเกิดการเชื่อมต่อเทคโนโลยี ถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ ยกระดับทักษะและสมรรถภาพ และเพิ่มโอกาสการจ้างงานให้กับแรงงานภายในประเทศ 

นายธนกร กล่าวว่า มีการกำหนด กลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มที่ชัดเจน ได้แก่ (1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย และ (4) กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ  ซึ่งแต่ละกลุ่มยังมีเงื่อนไขที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนและการพัฒนาประเทศไทย อาทิ ลงทุนขั้นต่ำในพันธบัตรรัฐบาลไทยตั้งแต่ 250,000 -500,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีหลักฐานการลงทุนในประเทศไทย มีรายได้ขั้นต่ำ 80,000 ดอลล่าร์ หรือเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น 

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วน 2 แนวทางในการดำเนินมาตรการ ฯ ทั้งการกำหนดให้มีวีซ่าประเภทพิเศษ (Long-Term Visa) และการแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น มุ่งขจัดอุปสรรคที่เป็นปัญหาของนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งมาตรการต่างๆ ยังถูกกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ทุกๆ 5 ปี โดยสามารถยกเลิกหรือปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเหมาะสมกับการส่งเสริมการลงทุนจากทั่วโลกได้ ในส่วนการเช่าหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ยังคงยึดหลักการตามมาตรการทื่มีอยู่เดิม ไม่ได้เป็นไปตามที่บางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อมูลมาโจมตีรัฐบาล 

“เสกสกล” สวน “ทักษิณ” ถ้าไม่โกงกิน ปชช.คงไม่ไล่เต็มเมือง เย้ย นโยบายทรท. แค่ขายฝัน “คิดใหม่ทำใหม่ เพื่อใครบางคน" ป้องรัฐบาลรัฐประหาร ทำประเทศพัฒนา-ไม่ด่างพร้อยเรื่องทุจริต 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ 15 ปีที่แล้วประเทศไทยและคนไทยเสียโอกาสในสังคมโลกยุคใหม่ เพราะการนำประเทศถอยหลังด้วยระบบเผด็จการ ว่า อยากให้นายทักษิณ ย้อนกลับไปดูสาเหตุในอดีตที่ต้องมีการทำรัฐประหาร ก็น่าจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าทำอะไรจนทำให้ประชาชนนับแสนนับล้านคนต้องออกมาขับไล่บนถนน จนเกิดรัฐประหารเพื่อให้ประเทศชาติสงบและเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าปล่อยบริหารต่อ จะเกิดการทุจริตโกงบ้านโกงเมืองเต็มแผ่นดิน ขอให้นายทักษิณ ดูที่การกระทำและดูที่ผลงานมากกว่า ไม่ใช่นายกฯหรือรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารจะทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนไม่ได้ แต่ตนมองว่าทำได้ดีกว่า หากประเทศได้นายกฯที่ดี มีคุณธรรม ทำงานโปร่งใสเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ประชาชนคงไม่ออกมาขับไล่และไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น ดังนั้นให้มองในข้อเท็จจริง หรือต้นตอของสาเหตุด้วยว่าเกิดจากอะไร

นายเสกสกล กล่าวว่า นายทักษิณ มองว่าประเทศไทยและประชาชนจะเสียโอกาส แต่ยืนยันว่าขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้เสียโอกาสและมีการพัฒนาในทุกด้านอย่างมาก มีการแก้ไขปัญหาในหลายอย่าง รวมถึงปัญหาที่รัฐบาลในอดีตทำเอาไว้  และนานาประเทศให้การยอมรับ เพราะผู้นำประเทศในปัจจุบัน ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง ไม่มีประวัติด่างพ้อยเรื่องการทุจริต เหมือนในยุคนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทบ.เผยยอดดาวน์โหลดแอพฯ ‘S.M.A.R.T SOLDIERS’ กว่า 40,463 ครั้ง เตรียมพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมโยงข้อมูลการออกกำลังกาย พร้อมประชาสัมพันธ์เพิ่มสิทธิประโยชน์สถานที่พัก โรงแรม และสนามกอล์ฟในกิจการ ทบ. 

พันโทหญิง พัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น "S.M.A.R.T SOLDIERS" (กองทัพบก) เปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อ มี.ค.64 ที่ผ่านมา เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสาร, ติดตามความเคลื่อนไหวในภารกิจของกองทัพบกและสาระความรู้เกี่ยวกับงานด้านความมั่นคง รวมไปถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังพลจะสื่อสารต่อผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก บอกเล่าเรื่องราวสะท้อนถึงปัญหาต่างๆ ตลอดจนรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบและแก้ไข นอกจากนี้เป็นช่องทางรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อกองทัพบก ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของกองทัพบกได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยในห้วง มี.ค.-ก.ย.64  มีกำลังพลและประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียนและดาวน์โหลด รวม 40,463 ครั้ง

ล่าสุด ได้เตรียมพัฒนาในระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มคุณลักษณะของแอพพลิเคชั่นให้มีความหลากหลาย น่าสนใจ และเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการขอผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การเชื่อมต่อข้อมูลเกี่ยวกับการออกกำลังกายส่วนบุคคล โดยเพิ่มนาฬิกาจับเวลา, แหล่งข้อมูลการเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย, บันทึกประวัติสุขภาพย้อนหลัง รวมทั้งประชาสัมพันธ์สถานที่และลุ้นรับส่วนลดหรือสิทธิประโยชน์เพื่อเข้ารับบริการที่พัก โรงแรม หรือสนามกีฬาในกิจการของกองทัพบก ถือเป็นอีกช่องทางสร้างการรับรู้ให้กับกำลังพลและประชาชนที่สนใจ 

ทบ. รับซื้อผลผลิต ตลอดสถานการณ์โควิด  พร้อมเร่งมช่วยเหลือเกษตรกรหลังประสบภัยพายุ “โกนเซิน”

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากอิทธิพลจากพายุโซนร้อน”โกนเซิน” ที่ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง บริเวณภาคเหนือ, ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9 – 10 ก.ย. 64 และในช่วงวันที่ 11 - 15 ก.ย. 64 ร่องมรสุมได้เลื่อนพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้ปัจจุบันยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกและภาคใต้ เกิดน้ำท่วมขังในพืชสวนไร่นา และพื้นที่การเกษตรเป็นวงกว้าง รวมทั้งในหลายจังหวัดพบความเสียหายหลังจากน้ำลด เกษตรกรหลายครัวเรือนประความเดือดร้อนเป็นอันมาก 

จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพบกได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตามนโยบายของ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ในการช่วยเหลือประชาชนในทุกมิติ และเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการขนส่งสินค้าและการจำหน่ายผลผลิตของเกษตรกร รวมทั้งข้อจำกัดในการเดินทางของผู้รับซื้อสินค้า อีกทั้ง สิ่งสำคัญที่กองทัพบกได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตลอดมาคือการช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรตาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายและกระจายผลผลิตทางการเกษตร” ที่ได้จัดทำขึ้น ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ 30 มิ.ย.64

ทบ. จัดทบทวนมาตรฐานการประกอบเลี้ยง เสริมมาตราการป้องกันโรค เพื่อคุณภาพชีวิตกำลังพลให้สุขภาพดีแข็งแรง 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ท.หญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนโยบายพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสิทธิและสวัสดิการของทหารกองประจำการมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับดูแลความเป็นอยู่ของทหารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่ต้องสะอาด, อร่อย, มีประโยชน์, ปริมาณเพียงพอและผู้บริโภคมีความพึงพอใจเพื่อสร้างขวัญกำลังใจพร้อมเสริมสร้างร่างกายให้ทหารมีความแข็งแรงและสุขภาพที่ดี

กองทัพบก โดย กรมพลาธิการทหารบกจึงได้จัดอบรมทบทวนการปฏิบัติ พร้อมเพิ่มพูนทักษะความรู้ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ประกอบเลี้ยงจากหน่วยทหารทั่วประเทศใน “หลักสูตรนายสิบสูทกรรม” ผ่านระบบออนไลน์ในห้วงวันที่ 2 ส.ค. - 17 ก.ย. 64 ที่ผ่านมาโดยได้เชิญวิทยากรจากภายในและภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านโภชนาการ การประกอบอาหาร การจัดเลี้ยงและการบริการมาถ่ายทอดความรู้ เพื่อยกระดับการเลี้ยงดูทหารให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดียิ่งขึ้น โดยในหลักสูตรได้เน้นย้ำถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 

ที่กรมควบคุมโรคกำหนด ในการรักษาความสะอาด แยกระหว่างอาหารดิบและอาหารปรุงสุก ให้ความร้อนอาหารอย่างทั่วถึง และเก็บรักษาอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสม ใช้น้ำและวัตถุดิบที่สะอาดและปลอดภัย รวมถึงผู้ประกอบเลี้ยงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หมวกคลุมผม ถุงมือ หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าระหว่างประกอบอาหารตลอดเวลา พร้อมจัดเตรียมอาหารเป็นชุดแยกจาน ช้อน ส้อม แก้วน้ำส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนั้นในหลักสูตรยังได้ทบทวนความรู้หลักโภชนาการในการกำหนดและคำนวณปริมาณแคลอรี่อาหารตามคู่มือหลักโภชนาการของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทหารกองประจำการทุกนายได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่และให้พลังงานที่เพียงพอในทุกมื้อโดยเฉพาะในมื้อเช้าให้เสริมอาหารพิเศษ อาทิ ไข่ น้ำเต้าหู้ นม หรือเครื่องดื่มสุขภาพ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความสมบูรณ์และแข็งแรง ตลอดจนให้หน่วยจัดรายการอาหารพิเศษสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล

“บิ๊กบี้” ส่งกำลังพลซ่อมบ้าน ช่อยเหลือปชช.ที่ได้รับความเดือดร้อน  

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากนโยบายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ให้ความสำคัญเรื่อง การดูแลช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข ทำให้สังคมมีความเข้มแข็งปลอดภัย อันจะส่งผลดีในด้านการพัฒนาประเทศ รวมทั้งได้น้อมนำแนวพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในการเป็นทหารพระราชา ร่วมดูแลสุขทุกข์ ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมปัจจัยพื้นฐานด้านการดำรงชีพให้ประชาชน ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้ริเริ่มโครงการ “ปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส” ตั้งแต่ ต.ค.61 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 โดยได้มอบให้กองทัพภาคที่ 1 นำศักยภาพของหน่วยทหารช่างมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างให้กับประชาชน บริเวณชุมชนแออัดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 25 จังหวัดภาคกลาง ปัจจุบันสามารถดำเนินการซ่อมสร้างและส่งมอบเรียบร้อยแล้วรวม 297 หลังคาเรือน

ล่าสุดได้มอบให้หน่วยทหารทั่วประเทศ สนับสนุนกำลังพลจิตอาสา พร้อมสิ่งอุปกรณ์และยานพาหนะ ประสานร่วมกับส่วนราชการ ภาคเอกชนและประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ เข้าดำเนินการสำรวจที่พักอาศัย ตลอดจนอาคารแหล่งสโมสรที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร ที่มีความชำรุดเสียหาย เพื่อประเมินและพิจารณาปรับปรุงซ่อมแซมให้กับประชาชนและชุมชน พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เสริมการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างกำลังใจให้ประชาชนดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม มีที่พักอาศัยที่แข็งแรง ถูกสุขอนามัย สามารถใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ด้วย 

‘ปารีณา’ ฉะโพลดัง สำรวจประชาชนพันกว่าคนจากทั้งประเทศ ไม่อยากให้ ‘ประยุทธ์’ เป็นหัวหน้าพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้ง เหตุบริหารล้มเหลว - ขาดภาวะผู้นำ แนะอย่าเชื่อมาก

จากกรณีที่ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “นายกรัฐมนตรีกระชับอำนาจ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13-16 กันยายน 2564 จำนวน 1,317 ตัวอย่าง เกี่ยวกับการกระชับอำนาจของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กรณีความเห็นของประชาชนต่อการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ แทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.11 ระบุว่า ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับพรรคพลังประชารัฐเลย และความคิดเห็นของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวกับการตั้งพรรคของตนเองเพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.24 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานล้มเหลว ขาดภาวะผู้นำนั้น

ตำรวจเตือน! บุคคลนำคลิปหรือภาพลามกของตน ไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเงิน เสี่ยงถูกดำเนินคดี

วันที่ 20 ก.ย.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่มีบุคคลที่เรียกตัวเองว่า เซ็กซ์ครีเอเตอร์(Sex Creator) หรือพอร์นฮับเบอร์(Porn hubber)นำภาพหรือคลิปของตนเองในลักษณะลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ผ่าน เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น OnlyFans หรือเว็บไซต์อื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงกลุ่มลับต่าง ๆ ที่เปิดรับสมาชิกและมีการเรียกเก็บค่าเข้ากลุ่ม เพื่อรับชมคลิปหรือภาพลามกอนาจาร โดยผู้ที่ปรากฏในคลิป ผู้ผลิต หรือ ผู้นำคลิปไปเผยแพร่ ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากผู้อื่นเป็นค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่าแม้พฤติการณ์ดังกล่าวในหลายประเทศอาจถือว่าไม่เป็นความผิด แต่สำหรับประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติไว้เป็นความผิดอย่างชัดเจน จึงขอให้เข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการบังคับใช้กฎหมายด้วย และขอเรียนชี้แจ้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ดังนี้

กรณีผู้ที่ปรากฏในสื่อลามกเป็นผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป)

- เพื่อประสงค์แห่งการค้าฯ นำเข้า ผลิต  เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287(1)

- นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- “ครอบครอง” สื่อลามกที่บุคคลในสื่อลามกอายุ 18 ปีขึ้นไปไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมาย ยกเว้น ครอบครองสื่อลามกเด็ก หรือ Child Pornography (บุคคลในสื่อลามกอายุต่ำกว่า18ปี)ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 287/1

ฝากถึงพี่น้องประชาชน เซกซ์ครีเอเตอร์ และพอร์นฮับเบอร์ หรือผู้ที่คิดอยากทำเนื้อหาที่มีลักษณะลามก(Sex content)ที่จะนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ขอให้ตระหนักถึงผลกระทบด้านอื่น นอกเหนือจากในแง่ของกฎหมาย เนื่องจากเนื้อหาที่ถูกเผยแพร่ดังกล่าว ไม่สามารถถูกทำให้หายไปได้ แต่จะยังคงวนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ วันหนึ่งท่านต้องมีครอบครัว วันหนึ่งท่านต้องออกจากวงการไปมีวิถีชีวิต หรือมีหน้าที่การงานอย่างอื่นที่อยู่นอกวงการนี้ ท่านและคนรอบตัวของท่าน คือคนที่จะได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้โดยตรง ขออย่าให้เห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า เพราะค่าตอบแทนเม็ดงามในวันนี้เป็นเพียงยาพิษเคลือบน้ำตาล ที่จะตามส่งผลร้ายแรงในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สปสช.วอนคนรับแจก ATK ให้ตรวจหาเชื้อทันที หลังพบข้อมูลรับไป 1.2 แสนชุด แต่ตรวจแค่ 6%

19 ก.ย. 64 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่ สปสช.ได้ดำเนินการนโยบายแจกชุดตรวจ “แอนติเจน เทสต์ คิท” (Antigen Test Kit : ATK) เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยเริ่มแจกจ่าย ATK แล้วเมื่อวันที่ 16 ก.ย. เป็นวันแรก จากข้อมูลองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้แบ่งการตรวจรับ ATK เป็น 4 งวด งวดที่ 1 จำนวน 1.167 ล้านชุด ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว และมีการกระจายไปที่ร้านยา และคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. 

รวมถึงหน่วยบริการในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 เขตสีแดงเข้มที่จัดส่งแล้ว คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา สระบุรี นนทบุรี ตาก และอุตรดิตถ์เรียบร้อยแล้ว ส่วนงวดที่ 2 และงวดที่ 3 จำนวน 2.155 ล้านชุด และ 1.4 ล้านชุด ตรวจรับแล้วเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. และจัดส่งไปยังหน่วยบริการในเขต 4, 5, 6, 11 และเขต 12 เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ส่วนงวดที่ 4 จำนวน 3.778 ล้านชุด ที่เป็นล็อตสุดท้าย จะมีการตรวจรับอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยจะทยอยส่งให้กับหน่วยบริการในเขต 1, 2, 3, 8, 9 และเขตที่ 10 ต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top