Tuesday, 8 July 2025
NewsFeed

"แม่ทัพภาคที่ 2 ต้อนรับ อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย"

(7 ก.ค. 68) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 พลโท บุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) ให้การต้อนรับ คุณ เจสซี่ โอดัม ในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่ง อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ

โดย อุปทูตด้านปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลไทย ในการต่อต้านยาเสพติดและสืบสวนเกี่ยวกับองค์กรค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนสารควบคุมเข้าสหรัฐอเมริกา และตลาดโลก และ พร้อมที่จะประสานความร่วมมือในการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดกับ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) 
กองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้ขับเคลื่อนแผนการสกัด กั้น และปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe" ตามนโยบายของรัฐบาล ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด 25 อำเภอ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียง เหนือ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อสกัด กั้นการลักลอบลำเลียงนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ ชายแดน โดยจัดตั้งกลไกบูรณาการร่วมกับหน่วย งานความมั่นคง และพลเรือน อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไป

#กองบัญชาการกองทัพภาคที่2 #แม่ทัพภาคที่2 #พลโทบุญสินพาดกลาง​ #อุปทูตด้านการปราบปรามยาเสพติด #สำนักงานด้านการปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา
#มิสเตอร์เจสซี่โอดํา​

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

เชียงใหม่-กองบิน 41 จัดพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณบุคคลดีเด่น ประจำปี 2568

(7 ก.ค. 68) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่กำลังพลดีเด่นของกองบิน 41 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเดชะตุงคะกองบิน 41 โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงร่วมเป็นเกียรติพิธี

พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติกำลังพลที่มีความประพฤติดี มีผลงานดีเด่น และได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับกองบิน 41 และประเทศชาติ

ผู้บังคับการกองบิน 41 ได้กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมกำลังพลผู้ได้รับรางวัลทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ และมีจิตสำนึกที่ดีในการเป็นข้าราชการที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่าการมอบรางวัลในครั้งนี้ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติงานและเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนมุ่งมั่นพัฒนาตนเองและหน่วยงานให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีความทันสมัยและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

(8 ก.ค. 68) เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวนปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิธี ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่างวันที่ 8 - 9 กรกฎาคม 2568 มีข้าราชการตำรวจผู้รับผิดชอบแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคลระดับกองบัญชาการ กองบังคับการ และผู้แทนศูนย์ฝึกอบรมต่างๆ เข้าร่วมโครงการ จำนวน 150 นาย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำโครงการดังกล่าวเพื่อพิจารณาทบทวน ปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีความเหมาะสมทันสมัย สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงหรือความจำเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน และสามารถตอบสนองต่อสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อพัฒนาสมรรถนะข้าราชการตำรวจให้สามารถตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาอย่างแท้จริง และสะท้อนให้เห็นถึงผลเชิงคุณภาพได้อย่างเป็นระบบและรูปธรรม

พล.ต.อ.กรไชยฯ กล่าวว่า ข้าราชการตำรวจกว่า 200,000 นาย เป็นทรัพยากรที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนให้ภารกิจด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม การบังคับใช้กฎหมายเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อสร้างข้าราชการตำรวจให้มีความรู้ความสามารถและสมรรถนะที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ได้ให้ความเห็นชอบ และดำเนินการขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี พ.ศ 2564 จึงมีความสำคัญที่ใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาข้าราชการตำรวจ ให้ครอบคลุมและต่อเนื่อง การที่ ก.ตร.มีมติให้พิจารณาทบทวนปรับปรุงแผนดังกล่าว จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้แทนจากทุกหน่วยงาน จะได้ร่วมกันระดมสมอง เพื่อแผนดังกล่าวมีความทันสมัยและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่สภาพอาชญากรรมได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งอาชญากรรมทางไซเบอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ และภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่

สำหรับโครงการดังกล่าวจะมีการสัมมนา “ทิศทางการพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศตวรรษที่ 21” โดยผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , อนุกรรมการ ก.ตร. , พล.ต.ต.ปรีดา สถาวร รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล พร้อมคณะ และมีการแบ่งกลุ่มผู้ร่วมสัมมนาเพื่อวิเคราะห์ความสำเร็จ อุปสรรคของแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 5 กลุ่ม ได้แก่ แผนการผลิตข้าราชการตำรวจ , แผนฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนาด้านการบริหาร , แผนฝึกอบรมหลักสูตรเฉพาะทางและหลักสูตรที่กำหนดตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง , แผนพัฒนาข้าราชการตำรวจอย่างต่อเนื่อง ระดับผู้บังคับหมู่ ถึงรองผู้กำกับการ ใน 5 สายงานหลัก และแผนเพิ่มประสิทธิภาพกำลังพลและการฝึกอบรมด้านยุทธวิธีตำรวจ , แผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้วยวิธีอื่นๆ

ฮูตีถล่มเรือ Magic Seas กลางทะเลแดง ตอบโต้เพราะละเมิดกฎแวะท่าเรืออิสราเอล

(8 ก.ค. 68) กลุ่มฮูตีในเยเมนออกมาอ้างว่าเป็นผู้โจมตีเรือสินค้า Magic Seas ของกรีซที่จดทะเบียนในไลบีเรีย กลางทะเลแดงเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่าใช้เรือไร้คนขับ ขีปนาวุธ และโดรนรวม 10 ลูกในการโจมตี จนเรือได้รับความเสียหาย และจมลงในเวลาต่อมา

โฆษกทหารฮูตีเผยว่า เรือดังกล่าวฝ่าฝืนคำเตือนหลายครั้ง และละเมิดคำสั่งห้ามเข้าเทียบท่าเรือในอิสราเอลซึ่งกลุ่มเรียกว่า “ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง” อย่างไรก็ตาม ลูกเรือทั้งหมด 22 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยโดยทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

ทางการยูเออีระบุว่า ได้ประสานกับองค์กรทางทะเลสากล เช่น UKMTO เพื่อช่วยเหลือลูกเรือภายใต้สถานการณ์ยากลำบาก ขณะเดียวกัน ฮูตียังเดินหน้าโจมตีเรือพาณิชย์ในภูมิภาค เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ หลังอิสราเอลกลับมาปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาเมื่อเดือนมีนาคม โดยมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 57,000 คน

ทั้งนี้ กลุ่มฮูตียังเดินหน้าปฏิบัติการในน่านน้ำทะเลแดง อ่าวเอเดน และทะเลอาหรับ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 โดยมุ่งเป้าทั้งเรือสินค้าทั่วไปและเรือที่เชื่อมโยงกับอิสราเอล ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย

(สุรินทร์) ปชส.สุรินทร์ จัดกิจกรรม “ผู้ว่าฯ พบปะสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์” ครั้งที่ 1 

เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.68) ที่ ห้องประชุมเอมอรแกรนต์ A สวนป่ารีสอร์ท อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน การจัดกิจกรรม "ผู้ว่าฯ พบปะสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์" ครั้งที่ 1 ประจําปีงบประมาณ 2568 โดยมี นายธีรยุทธ  ดวงมณี ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน มี นายประภาส  ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นายวสันต์  ชิงชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พันเอก จิรัฎฐ์  ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายกิตติ สัตย์ซื่อ ปลัดจังหวัดสุรินทร์ นางสาวสุปราณี มหาพัฒนไทย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุรินทร์ นายสหชาติ  คำพูน  ขนส่งจังหวัดสุรินทร์ นางวิลาวรรณ์ แสนจันทร์ สถิติจังหวัดสุรินทร์ นางจิราพร นิยมตรง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยจังหวัดสุรินทร์ นายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติ 

ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม "ผู้ว่าฯ พบปะสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์" ครั้งที่ 1 ประจําปีงบประมาณ 2568 ภายใต้โครงการ ประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี กลุ่มเป้าหมายคือ สื่อมวลชน ชมรมช่างภาพฯ และเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ จํานวน 85 คน 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดําเนินการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนทําให้เกิดความร่วมมือใน การดําเนินงานของส่วนราชการ ตามแผนพัฒนาจังหวัด ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของจังหวัดสุรินทร์ผ่านสื่อมวลชนหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ในพื้นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ถูกต้อง ครบถ้วน และรวดเร็ว 

ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ มีการบรรยายพิเศษหัวข้อ “ทิศทางการพัฒนาเมืองสุรินทร์” โดย นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ได้ แจ้งหลักทำงาน 5 ป ของผู้ว่าฯให้สื่อมวลชนได้รับทราบและประชาชนได้รับรู้ คือ 1. ป เปิดบ้าน “พบง่ายได้ที่บ้าน 2. ป เปิดห้องทำงาน “เข้าพบ เข้าหาได้ง่ายที่ห้องทำงาน” 3. ป เปิดใจ “เปิดใจใกล้ชิดประชาชน รับฟังทุกข้อเสนอแนะ” 4. ป โปร่งใส “นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบได้” และ 5. ป เป็นธรรม “ความเสมอภาค / ไม่เลือกปฏิบัติ  หัวข้อ “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” โดย พันเอกจิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และการบรรยาย หัวข้อ “สถานการณ์ปัญหายาเสพติดจังหวัดสุรินทร์” โดย พันตำรวจตรี ภาณุวิชญ์ ยานศิริ สารวัตรอำนวยการปฏิบัติราชการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์  

‘ภูดิศ อาสนมณี’ ชี้ ดุลการค้าไม่ได้แปลว่าประเทศประเทศหนึ่งได้เปรียบการค้าอีกประเทศหนึ่งเสมอไป

นายภูดิศ อาสนมณี วิทยากรและนักวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่สหรัฐ อเมริกา เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 36% โดยอ้างเหตุผลเสียเปรียบดุลการค้า ว่า ...

ดุลการค้าไม่ได้แปลว่าประเทศประเทศหนึ่งได้เปรียบการค้าอีกประเทศหนึ่งเสมอไปครับ แต่มันบอกขีดความสามารถในการผลิตและขายสินค้าบริการของประเทศหนึ่งๆ

ยกตัวอย่าง
บริษัทแอปเปิ้ล จ้างโรงงานในจีนผลิต iphone เพราะต้นทุนต่ำ คุณภาพดี 
แอปเปิ้ลเอาไปขายทำกำไรมหาศาลจนหุ้นพุ่งกระฉูดถูกใจนักลงทุน
คำถามคือ จีนเอาเปรียบสหรัฐฯ หรือไม่? สหรัฐเสียเปรียบจีนหรือไม่?

ผู้ที่ประโยชน์สูงสุดคือใคร?
โรงงานจีน?
ผู้ถือหุ้นแอปเปิ้ล?

ผู้บริโภค?
ไทยผลิตถุงขยะและถุงพลาสติกให้กับ Wall Mart เพราะในอเมริกาไม่มีโรงงานผลิต ถึงทำได้ก็แพงมาก ไทยทำได้ถูก คุณภาพดี Wall Mart เอาไปขายทำกำไรจนบริษัทใหญ่โต 

ถามว่าไทยเอาเปรียบการค้าสหรัฐหรือไม่?
ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานกินเงินเดือนประจำ คุณซื้อของจากร้านสะดวกซื้อ ซื้อเสื้อผ้า รองเท้าจากห้าง กินข้าวในร้านใกล้บ้าน โดยที่พวกเขาไม่เคยใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากคุณเลย  พวกเขาได้เปรียบดุลการค้าจากคุณ  เขาเอาเปรียบคุณหรือไม่?

สินค้าจากจีนมีคุณภาพและราคาที่เหมาะกับคนไทย คนไทยจึงสั่งซื้อ เขาไม่ได้บังคับให้เราซื้อนะครับ ถ้าคุณไม่พอใจก็ไปซื้อจากสินค้าไทย ญี่ปุ่น อเมริกาหรือยุโรป ก็ได้ แต่ต้องจ่ายแพงขึ้น

ประเทศไทยไม่ได้ขาดดุลการค้าจากจีนแค่ประเทศเดียว แต่ยังมี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ และอีกหลาย ๆ ประเทศ  ซึ่งก็มีเหตุผลคือประเทศไทยผลิตสินค้านั้น ๆ ไม่ได้จึงนำเข้า

‘ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม’ คว้าแชมป์ตามคาด ‘ช้าง กอล์ฟ ยู แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025’ สนามแรก

(8 ก.ค. 68) ภัทริศร์ ถนอมสิงห์ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้ชำนาญการสนับสนุนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง และดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ (ที่ 5 จากขวา) ประธานกรรมการบริหาร เดอะ เจ็นซ์ ร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬากอล์ฟจากทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม, ทีมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในการแข่งขันกอล์ฟระดับอุดมศึกษา รายการ “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025” รอบคัดเลือกสนามที่ 1 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2568 ที่สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ร่วมกับ บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด เปิดศึกดวลสวิงระดับอุดมศึกษา ในรายการ “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ประเดิมสวิงสนามแรกที่เขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2568 

“น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาวงการกอล์ฟไทย ทั้งในระดับเยาวชน และระดับอุดมศึกษา จึงได้จัดรายการนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักกอล์ฟในระดับอุดมศึกษาได้มีเวทีแข่งขัน ส่งเสริมและสร้างโอกาสให้กับนักกอล์ฟในระดับอุดมศึกษาได้มีพื้นที่ในการแข่งขันเพื่อพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศตอบรับร่วมแข่งขันเพื่อชิงทุนการศึกษารวม 10 มหาวิทยาลัย 

“ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025” ทำการแข่งขันรอบคัดเลือก 2 สนาม และรอบชิงชนะเลิศ  1 สนาม แข่งขันประเภททีม 4 คน (คิดคะแนนดีที่สุด 3 คน) ซึ่งในรอบคัดเลือกเป็นการแข่งขันแบบสะสมคะแนน 2 สนาม แข่งขันแบบ Stroke Play 36 หลุม เพื่อจัดอันดับ คัด 8 ทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ โดยรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันแบบ Match Play ทำการแข่งขัน 2 วัน แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 Division แข่งรอบละ 18 หลุม โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นทีมละ 2 คู่ คือ Foursomes 1 คู่ และ Four-Ball 1 คู่ ซึ่งทีมที่ชนะเลิศในอันดับต่างๆ จะได้รับทุนการศึกษาพร้อมรางวัลเกียรติยศ

การแข่งขัน “ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025” รอบคัดเลือก สนามแรก แข่งขันในวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2568 มีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมชิงชัยรวม 10 มหาวิทยาลัย  คือ มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

หลังจบการแข่งขันในรอบคัดเลือก สนามที่ 1 ปรากฏว่า แชมป์เก่า “ทีมมหาวิทยาลัยศรีปทุม” ที่ทำสกอร์รวมดีสุด คว้าแชมป์ตามคาด ด้วยสกอร์รวมทีม 436 (222-214)  ส่วน “ทีมมหาวิทยาเกษตรศาสตร์” รับรองแชมป์ สกอร์รวมทีม 454 (233-221)    และ “ทีมมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” จบที่ 3 สกอร์รวมทีม 457 (229-228) ในการแข่งขันรอบคัดเลือกสนามที่ 1 

“ช้าง กอล์ฟ ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2025” รอบคัดเลือก สนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่สนามเทรชเชอร์ ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ ในวันที่ 2-3 สิงหาคม 2568 ติดตามความเคลื่อนไหวและผลการแข่งขันได้ที่ Facebook: Chang Golf Club

ทรัมป์เผย!! พร้อมกลับมาส่งอาวุธช่วยยูเครนรบรัสเซีย ชี้เคียฟถูกโจมตีหนัก จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง

(8 ก.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะส่งอาวุธป้องกันเพิ่มเติมให้ยูเครน แม้ก่อนหน้านี้รัฐบาลของเขาเพิ่งสั่งระงับการจัดส่งอาวุธบางส่วน โดยเฉพาะระบบป้องกันทางอากาศ เพื่อทบทวนการใช้งบประมาณและนโยบายความมั่นคง

“พวกเขากำลังถูกโจมตีอย่างหนัก เราจำเป็นต้องส่งอาวุธเพิ่ม เพื่อให้ยูเครนสามารถป้องกันตัวเองได้” ทรัมป์กล่าวก่อนเข้าร่วมรับประทานอาหารค่ำกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู

การหยุดส่งอาวุธชั่วคราวครั้งนี้ ได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ โดยให้เหตุผลว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย 'อเมริกาต้องมาก่อน' และเพื่อให้สหรัฐฯ เตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในภูมิภาคแปซิฟิก โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งเพนตากอนกำลังจับตามองเป็นพิเศษ

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า แม้จะมีการทบทวนยุทธศาสตร์ แต่ยังคงสนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า การส่งอาวุธรอบใหม่จะเป็นอาวุธป้องกัน และอยู่ในกรอบเป้าหมายหลักคือยุติสงครามอย่างยั่งยืน

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยสั่งระงับการช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดเมื่อเดือนมีนาคม หลังการถกเถียงกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี แต่ได้กลับมาสนับสนุนอีกครั้งภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยล่าสุด ทรัมป์ยังระบุว่าไม่พอใจปูตินที่ยังไม่แสดงท่าทีหยุดยิง พร้อมเปิดเผยว่าได้พูดคุยกับผู้นำรัสเซียและยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการเจรจากับเซเลนสกีถือว่า 'ดีที่สุด' เท่าที่เคยมีมา

จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก พร้อมขึ้นบัญชีดำ 20 บริษัทอินเดีย แอบส่งต่อให้สหรัฐฯ

(8 ก.ค. 68) รัฐบาลจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มาตรการนี้ส่งผลให้ยอดส่งออกแม่เหล็กลดลงถึง 75% ภายใน 2 เดือน และทำให้บริษัทรถยนต์หลายแห่งต้องหยุดสายการผลิตบางส่วนชั่วคราว

แม้สหรัฐฯ จะประกาศบรรลุข้อตกลงกับจีนเมื่อปลายเดือนมิถุนายนเพื่อให้แร่หายากกลับมาส่งออกได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ ขณะเดียวกัน โรงงานแม่เหล็กในจีนหลายแห่งเริ่มประสบปัญหาสินค้าล้นคลัง และยอดขายทั้งในและต่างประเทศตกต่ำ

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Jaroensook Limbanchongkit Pone รายงานว่า จีนได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทอินเดียกว่า 20 แห่ง หลังพบความพยายามลักลอบนำเข้าแร่หายากจากจีน เพื่อนำไปส่งออกต่อยังสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของมาตรการควบคุม

ทั้งนี้ ผู้ผลิตแม่เหล็กบางรายในจีนเปิดเผยว่า รายได้จะลดลงในปีนี้ โดยไม่สามารถระบุความเสียหายได้ชัดเจน เนื่องจากยังต้องรอขั้นตอนการขอใบอนุญาตส่งออก ซึ่งเพิ่มภาระด้านต้นทุนและเวลาให้กับอุตสาหกรรมอย่างมาก

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การควบคุมส่งออกอาจนำไปสู่การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมแม่เหล็ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ และรัฐบาลจีนอาจไม่คัดค้าน เพราะจะช่วยให้สามารถควบคุมเส้นทางการส่งออกแร่หายากได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

สภาอุตฯ เรียกถกด่วน 47 กลุ่มอุตสาหกรรม รับมือภาษีทรัมป์ 36% คาดไทยเสียหาย 8-9 แสนล้าน

(8 ก.ค. 68) จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาได้แจ้งอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยในอัตราสูงถึง 36% ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดที่สูงกว่าที่ภาคเอกชนประเมินไว้ และสูงกว่าหลายประเทศคู่แข่งในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม (20%) อินโดนีเซีย (32%) และมาเลเซีย (25%) ซึ่งสะท้อนว่าไทยกำลังเสียเปรียบในเชิงการแข่งขัน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในเบื้องต้น อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าหลัก เช่น อาหารแปรรูป สินค้าเกษตร ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ อัญมณี เหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งคาดว่ามูลค่าความเสียหายต่อการส่งออกไทยอาจอยู่ที่ประมาณ 8-9 แสนล้านบาท

“แม้ว่าข้อเสนอแรกของไทยจะถูกส่งไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมและมีการลงนามในเช้าวันที่ 7 กรกฎาคม ซึ่งอาจสวนทางกับประกาศของสหรัฐฯ ที่แจ้งมา ขณะนี้ ไทยได้ส่งข้อเสนอที่ 2 ไปแล้ว ซึ่งมีความแตกต่างจากข้อเสนอแรก โดยเฉพาะในเรื่องจำนวนรายการสินค้าที่จะลดภาษีให้เป็น 0% ซึ่งมีจำนวนหลายพันรายการ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราส่งข้อเสนอเพิ่มเติมไปนั้น ยังไม่มีการตอบกลับมา แต่เชื่อว่า หากสหรัฐฯ ได้พิจารณาอีกครั้งในข้อเสนอเพิ่มเติมใหม่นี้ น่าจะมีผลไปในทิศทางบวก” นายเกรียงไกร กล่าวเสริม

สถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนเช่นนี้ ส.อ.ท. จึงจะมีการประชุมเร่งด่วนภายในร่วมกับ 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ก่อน เพื่อประเมินผลกระทบเป็นรายกลุ่ม และจัดทำมาตรการรองรับที่เหมาะสม หลังจากนั้น ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะรีบเร่งประชุมร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการตั้งรับต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top