Saturday, 5 July 2025
NewsFeed

'พระครู' เมืองเพชร เดินกลับวัดหลังรับพัดยศเสร็จ สมถะเรียบง่ายไม่ต้องมีรถแห่ มีแค่ 2 เท้าให้ก้าวเดิน

(4 ก.ค. 68) ผู้ใช้บัญชีติ๊กต็อก @user615231788198 โพสต์ภาพพระรูปหนึ่งถือพัดยศเดินอยู่ริมถนน โดยมีผู้ติดตามสองคนเดินตาม โดยระบุข้อความว่า "หาชมได้ยากมาก พระครูสัญญาบัตร ไม่ทราบว่าท่านอยู่วัดไหน ชื่อนามท่านว่าอย่างไร แต่ดูท่านคงสมถะเรียบง่าย น่าศรัทธา รับพัดยศเสร็จเดินกลับแบบไม่อายใคร ไม่มีรถมารับแห่ ไม่มีขบวนใหญ่โต มีแต่เท้าเดิน 2 ข้าง 2 มือที่ถือพัด และเดินอย่างสง่างาม"

อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ว่า พระรูปนี้ คือ ‘พระครูปทุมวัชรวรภาณ’ หรือ ‘หลวงพ่อชุม’ เจ้าอาวาสวัดประดิษฐวนาราม ต.บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งหลวงพ่อได้เข้ารับพัดยศที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม และเมื่อพิธีรับพัดยศเสร็จสิ้น ท่านก็เดินกลับวัดทันที

‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ถูกตะเพิดออกจากห้องทำงานทรัมป์ สื่อแฉ!! รัฐเกรงใส่ใจเรื่อง ‘เครื่องบินรบ F-47’ ที่กำลังประชุมลับ

(4 ก.ค. 68) มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Meta ตกเป็นข่าวว่า ถูกขอให้ออกจากห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) ระหว่างการประชุมลับเกี่ยวกับเครื่องบินรบล่องหน F-47 กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตามรายงานของ NBC ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่บางรายกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับสื่ออีกสำนัก ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และถูกเข้าใจผิด โดยระบุว่า ซักเคอร์เบิร์กเข้ามาทักทายตามคำเชิญของทรัมป์ก่อนจะออกไปรอพบเป็นการส่วนตัวตามกำหนดนัดหมายเดิม

รายงานของ NBC ยังอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่หนุ่มอีกคนหนึ่งเข้ามาแสดงบางอย่างในแล็ปท็อปให้ทรัมป์ดู ก่อนจะออกไป และยังมีสายโทรศัพท์เข้าระหว่างการประชุมหลายครั้ง สร้างความไม่สบายใจให้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมประชุมในห้อง ซึ่งควรเป็นการประชุมที่ปลอดภัยและเป็นความลับ

รายงานยังระบุเพิ่มว่า ทรัมป์มักชอบจัดการประชุมแบบไม่เป็นทางการ ชอบเชิญแขกเข้ามาร่วมประชุมหรืออยู่นานกว่าที่กำหนด รวมถึงรับโทรศัพท์ระหว่างประชุม ซึ่งอาจก่อความเสี่ยงต่อความลับของชาติในบางครั้ง

ด้านผลสำรวจล่าสุดจาก Tech Oversight Project ร่วมกับ Public Policy Polling ระบุว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์ 63% ไม่ชอบซักเคอร์เบิร์ก และมองว่าเขาคือซีอีโอเทคโนโลยีที่น่ารังเกียจที่สุด ในกลุ่มบริษัทเทคฯ ชั้นนำของสหรัฐฯ เนื่องจากพฤติกรรมพยายามใกล้ชิดกับผู้นำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

เชียงใหม่-กองบิน 41 ให้การต้อนรับคณะเยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุนัข ม้า และล่อ และการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ สัตวบาล และสัตวรักษ์

นาวาอากาศเอก ปกป้อง สุระกุล รองผู้บังคับการกองบิน 41 ให้การต้อนรับคณะกรมบัญชีกลาง และกระทรวงการคลัง ในโอกาสเยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุนัข ม้า และล่อ และการปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์ สัตวบาล และสัตวรักษ์ ของกองบิน 41 เพื่อ นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณากำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุผลพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านสุนัข ม้าและล่อ และตำแหน่งพิเศษของผู้ปฏิบัติงานด้านสัตวแพทย์สัตวบาลและสัตวรักษ์ ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคม 2568 ณ กองบิน 41 

ในการนี้คณะฯ ได้ชมการสาธิตการตรวจค้นของสุนัขทหาร จากหมวดสุนัขทหาร กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 พร้อมทั้งเยี่ยมชมการจัดแสดงอากาศยาน เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) ที่ประจำการ ณ โรงเก็บฝูง 411 กองบิน 41

บัณฑิตจีนวางแผนหลอกพ่อร่วมพิธีจบการศึกษา กลัวไม่ยอมมาเพราะจน!! สุดท้ายซ้อนแผนเซอร์ไพรส์พ่อ

(4 ก.ค. 68) หยาง กัวจง (Yang Guozhong) วัย 25 ปี บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยกุ้ยโจวหมินจู่ (Guizhou Minzu University) พาคุณพ่อวัย 70 ปีจากหมู่บ้านห่างไกลกว่า 300 กิโลเมตร มาร่วมพิธีจบการศึกษาที่เมืองกุ้ยหยาง โดยอ้างกับพ่อว่าต้องมีลายเซ็นผู้ปกครองเพื่อใช้ในการรับปริญญาบัตร เพราะกลัวพ่อไม่ยอมเสียค่าเดินทางมาหา

ในวันพิธี บัณฑิตหยางให้พ่อสวมชุดครุยแทนตนเอง และมอบปริญญาบัตรให้พร้อมคำพูดสุดซึ้งว่า “พ่อครับ เกียรตินี้เป็นของพ่อ” สร้างความประทับใจให้ผู้ร่วมงานและชาวเน็ตจีนนับล้านคน

ก่อนหน้านั้น หยางใช้เวลาหลายเดือนในการส่งอาหารหาเงินเก็บ 5,000 หยวน (ราว 25,000 บาท) เพื่อพาพ่อเที่ยวเมืองใหญ่ พักโรงแรมครั้งแรก และตื่นตาตื่นใจกับตึกสูงในเมืองกุ้ยหยาง

แม้แผนพาพ่อไปเที่ยวปักกิ่งต้องพับไปเพราะงบไม่พอ แต่หยางกล่าวว่าเขารู้สึกซาบซึ้งที่พ่อแม่และพี่สาวห้าคนช่วยส่งเสียจนเรียนจบ และอยากให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของคนเฒ่าคนแก่ในครอบครัว

ทั้งนี้ หยางเตรียมเดินทางไปทำงานที่มณฑลเจียงซีในเดือนกันยายนนี้ พร้อมบอกว่าคลิปของเขาเป็นไวรัลเพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจผู้สูงอายุและตอบแทนพ่อแม่ด้วยความกตัญญู

อ.อักษรศรี ชี้ สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีสุดโหดข่มขู่ - กดดันประเทศอื่น อาจทำให้โลกกลับสู่ 'กฎแห่งป่า' อีกครั้ง

(4 ก.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn ว่า สหรัฐฯ ใช้กฎแห่งป่า เจรจาการค้ากับไทย Law of the ungle 
“ใครอ่อนแอ ก็จะโดนฝ่ายที่แข็งแรงกว่าขย้ำ” จีนเคยเตือนแล้ว!!

พร้อมระบุ เพิ่มเติมว่า ทรัมป์ ใช้มาตรการภาษีสุดโหดไปข่มขู่และกดดันประเทศอื่น จะทำให้โลกกลับสู่ "กฎแห่งป่า" !!

กฎแห่งป่า คือ “ผู้ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นที่จะชนะ” ประเทศเล็กที่อ่อนแอจะเสียเปรียบและต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง ระเบียบโลกและกฎระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เคยได้ตกลงกันมาก็จะพังทลายในที่สุด

หวังอี้ ของจีน  เคยกล่าวว่า... “บนโลกนี้มีประเทศมากกว่า 190 ประเทศ ถ้าทุกประเทศเน้นย้ำเหมือนกันว่าประเทศของฉันต้องมาก่อนและหมกมุ่นอยู่กับแนวคิดนี้ กฎแห่งป่า หรือ The law of the jungle ก็จะกลับมาครองโลกอีกครั้ง”

‘ฮุน เซน’ ยอมรับเขมรเสียเปรียบในวิกฤตชายแดน แต่ไร้ทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้า

ฮุน เซนรับตรง ๆ “กัมพูชาเสียเปรียบ” ในวิกฤตชายแดน ชี้ไม่มีทางเลือกนอกจากอดทน พนมเปญ — ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาในขณะนี้ เป็นสถานการณ์ที่ กัมพูชาเสียเปรียบ และ “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้า”

จากรายงานของ Khmer Times ฮุน เซนระบุว่า
> “นี่คือสถานการณ์แบบ lose–lose ที่ไม่มีใครชนะ แต่เราจะทำอย่างไรได้ มันไม่ใช่ปัญหาที่เราสร้างขึ้น กัมพูชาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้”

อดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังคงทรงอิทธิพลสูงในรัฐบาลกัมพูชากล่าวว่า ตนได้เสนอแนะต่อลูกชายคือฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีว่า

> “เราไม่ควรกังวลว่าชายแดนจะเปิดหรือปิด สิ่งที่เราต้องการคือการกลับไปสู่ภาวะปกติ เหมือนก่อนวันที่ 7 มิถุนายน 2025 โดยไม่จำเป็นต้องเจรจาใด ๆ”

พร้อมตอกกลับไทยว่า
> “ไทยไม่มีสิทธิจะมาสั่งการกัมพูชา หากพวกเขาอยากเปิดด่าน ก็จงแจ้งให้ประชาชนของตนเองทราบ เราก็จะดำเนินการตามปกติ”

แม้ถ้อยแถลงจะดูแข็งกร้าวในเชิงจุดยืนทางการเมือง แต่ก็สะท้อนชัดว่า ฝ่ายกัมพูชากำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ทั้งทางเศรษฐกิจ การค้าชายแดน และเสถียรภาพในประเทศ — จนต้องยอมรับว่า “ไม่มีทางเลือก” และอาจต้องอดทนกับความเสียเปรียบในระยะนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top