Friday, 30 May 2025
NewsFeed

รอง ผบ.ตร.สั่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยง ที่ส่งผลกระทบทำให้การจราจรติดขัด ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

(24 พ.ค. 68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยบางช่วงอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจราจรในพื้นที่ดังกล่าว

เมื่อวานที่ผ่านมาจึงได้ประชุมหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า และพื้นที่เสี่ยง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบงานจราจร ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจสอบสวนกลาง , ตำรวจภูธรภาค 1 , ตำรวจภูธรภาค 7 และสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.) , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (คจร.ตร.) , พล.ต.ต.วีรพัฒน์ ศิวะแพทย์ รอง ผบช.สยศ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและลดอุบัติเหตุ คจร.ตร. , ผู้แทนกระทรวงคมนาคม , ผู้แทนสำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร , ผู้แทนกรมชลประทาน , ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ,ผู้แทนบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้า และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.ไกรบุญฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อม บริหารจัดการร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในดำเนินการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบทำให้การจราจรติดขัด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยให้แต่ละกองบังคับการ และตำรวจภูธรจังหวัด สำรวจจุดที่มีปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ กรุงเทพมหานคร (สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง) หน่วยงานเจ้าของถนน เทศบาล รวมทั้งชลประทานจังหวัด เพื่อแก้ปัญหารองรับการระบายน้ำท่วมขังกรณีที่มีฝนตกในปริมาณ 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้วิธีการแก้ปัญหาให้เหมาะสมในพื้นที่ เช่น เพิ่มจำนวนเครื่องสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังสูง รวมทั้งประสานการปฏิบัติกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าในจุดนั้น ๆ ไม่ให้มีเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุต่าง ๆ กีดขวางทางระบายน้ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ หรือต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดต่อสายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร หมายเลข 1197 หรือสายด่วนตำรวจทางหลวง หมายเลข 1193 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจต่อครอบครัวตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก สั่งให้ความช่วยเหลือและตรวจสอบสาเหตุเร่งด่วน

(24 พ.ค. 68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์เมื่อ เวลา 13.10 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่น BELL 212 ตกบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นได้รับรายงานมีข้าราชการตำรวจเสียชีวิต จำนวน 3 ราย ได้แก่ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ นักบิน , ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย นักบิน และ ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย ช่างเครื่อง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการด่วนไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเหตุการณ์โดยด่วน และช่วยเหลือเยียวยาให้กำลังครอบครัวผู้เสียชีวิต และในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอไว้อาลัยและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสียในครั้งนี้ 

สุโขทัย-รมว.สธ. เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติดที่สุโขทัย

(24 พ.ค. 68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568  เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติด อย่างเร่งด่วนและครบวงจร ตั้งแต่การปราบปรามป้องกัน บำบัดรักษา และฟื้นฟู โดยกระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นยกระดับบริการ ด้วยนวัตกรรมที่สำคัญ เช่น
1. การขับเคลื่อนการใช้ยาฉีดออกฤทธิ์เนิ่น ในผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติดที่ก่อความรุนแรง ทุกเขตสุขภาพ ร่วมกับโรงพยาบาลจิตเวช และโรงพยาบาลทั่วไป
2. การขยายผลการบริการยาสมุนไพร ตำรับยาอดยาบ้า ในกลุ่มผู้ติดยาเสพติด ทุกหน่วยบริการสาธารณสุข สถานพินิจ และหน่วยงานบำบัดยาเสพติด 
3. การใช้เทคโนโลยีการรักษาผ่านการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการช่วยบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สุภโชค เวชภัณฑ์เภสัช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 2 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้บริหารระดับกระทรวง ผู้รับผิดชอบงานยาเสพติดส่วนภูมิภาคในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง  พร้อมมีพิธีมอบรางวัลเขตสุขภาพที่มีผลการดำเนินงานและผลการเบิกจ่ายงบประมาณที่มีประสิทธิภาพสูง ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 6 , 1 และ 4 รวมถึงมอบรางวัลผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพในด้านต่าง ได้แก่  
1.ด้านการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายในด้านการบำบัดรักษายาเสพติด  
2.ด้านการดำเนินงานมินิธัญญารักษ์ 
3.ด้านการบำบัดรักษาและติดตามต่อเนื่อง 4.ชุมชนล้อมรักษ์ 
5.รางวัลเขตสุขภาพที่มีการบูรณาการบำบัดฟื้นฟูดีเด่น ได้แก่ เขตสุขภาพที่ 2
และเมื่อวันที่ 23 พค.68 โรงพยาบาลทุกแห่ง ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานสุขภาพจิตและยาเสพติด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี นายแพทย์วิทยา พลสีลา สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 2 และผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งจัดโดยสำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานเขต สุขภาพที่ 2 ในระหว่างวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2568 ณ สุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท จังหวัดสุโขทัย 

สายศิลป์จบมาอาจเคว้ง สาย STEM จบไปตลาดต้องการ ‘Apple-IBM’ ไม่สนปริญญา เเต่ง้อคนมีฝีมือทำงานได้จริง

(25 พ.ค. 68) ปราชญ์ สามสี โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กว่า..ผมไปเจอข่าวนี้มา น่าสนใจมาก อยากชวนทุกคนมาดูกัน
วันนี้ผมบังเอิญไปอ่านเจอบทความจาก Forbes มันไม่ใช่ข่าวใหม่หรอกนะครับก็ถูกเขียนราวๆเมษายนที่ผ่านมานี่เองโดยมีหัวข้อคือ "หลายปริญญาในปัจจุบันกำลังไร้ค่า—แล้วอะไรล่ะที่ยังคุ้มเงิน?" ( Many College Degrees Are Now Useless—Here’s What Is Worth Your Money) ฟังดูแรงนิดๆ แต่มันสะท้อนสภาพสังคมและตลาดแรงงานยุคใหม่ได้อย่างน่าคิดมากครับ

ข่าวนี้บอกชัดเลยว่าปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple, IBM และ Hilton เริ่มลดความสำคัญของ "ใบปริญญา" ลง แล้วหันมาให้ความสำคัญกับ "ทักษะและประสบการณ์จริง" มากขึ้นเรื่อยๆ และผลสำรวจจาก Pew Research Center พบว่า เกือบครึ่งของชาวอเมริกันมองว่าปริญญาตรีไม่สำคัญในการหางานดีๆ เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน และที่น่าตกใจคือ มากกว่าครึ่งของบัณฑิตมหาวิทยาลัยมีงานต่ำกว่าวุฒิที่จบมา แม้ผ่านไปแล้วกว่า 10 ปี

จากบทความนี้ Forbes ยังระบุชัดเลยว่าปริญญาที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากในตลาดงานยุคนี้ ได้แก่:

ศิลปศาสตร์ทั่วไปที่ไม่มีความชัดเจนในการทำงาน

ศิลปะและการแสดง (ยกเว้นสถาบันชื่อดังหรือมีชื่อเสียงอยู่แล้ว)

การสื่อสารมวลชน (ที่ไม่ได้เฉพาะทาง)

สาขาสังคมศาสตร์เช่น สตรีศึกษา ชาติพันธุ์ศึกษา

จิตวิทยาและสังคมวิทยา ระดับปริญญาตรีล้วนๆ

ส่วนสาขาที่ตลาดยังต้องการสูงและมีรายได้ดี คือ

วิทยาการคอมพิวเตอร์และ IT (รายได้เฉลี่ย $120,000 ต่อปี)

พยาบาลและสาธารณสุข (รายได้เฉลี่ย $82,000 ต่อปี)

วิศวกรรมศาสตร์ (รายได้เฉลี่ย $95,000 ต่อปี)

ช่างฝีมือและสายอาชีพเทคนิค (รายได้เฉลี่ย $80,000 ต่อปี)

ธุรกิจเฉพาะทาง เช่น การเงิน โลจิสติกส์ Analytics (รายได้เฉลี่ย $100,000 ต่อปี)

ครูเฉพาะทาง เช่น STEM และการศึกษาพิเศษ (รายได้เฉลี่ย $50,000–70,000 ต่อปี)

สรุปชัดๆ จากบทความนี้คือ ในยุคปัจจุบัน "โลกไม่ได้ถามว่าเราเรียนจบอะไรมา แต่ถามว่าเราทำอะไรได้บ้าง"

อ่านจบแล้วผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมองการศึกษาและปริญญากันใหม่ ให้ตรงกับความจริงของโลกยุคนี้?

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา เดินทางไปเยือนต่างประเทศ ณ ประเทศสกอตแลนด์

เมื่อวันศุกร์ที่ (23 พ.ค. 68) เวลา 10.00 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารฯ และกรรมาธิการการทหารฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปกับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐสภาสกอตแลนด์ (Scottish Parliament)

โดยมี Mr. Amy Hall AssistantInternational Relations Officer   International Relations Office 
The Scottish Parliament ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับรัฐสภาสกอตแลนด์ที่มีอำนาจนิติบัญญัติตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสกอตแลนด์ ค.ศ. 1998 (2541)โดยตราขึ้นเพื่อกำหนดขอบเขตของบทบาทและหน้าที่ด้านนิติบัญญัติของรัฐสภาสกอตแลนด์ที่สามารถตรากฎหมายบังคับใช้เองได้ เช่น เกษตรกรรมการประมง การปศุสัตว์การป่าไม้ สิ่งแวดล้อม การจดทะเบียนและการใช้ที่ดิน ความปลอดภัยอาหารและมาตรฐานอาหาร การสนับสนุนและคุ้มครองผู้บริโภคน้ำและการสุขาภิบาลหรือการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญยังคงกำหนดเรื่องอำนาจนิติบัญญัติที่สงวนไว้ให้เฉพาะกับรัฐสภาสหราชอาณาจักร อาทิด้านกลาโหม ด้านการสื่อสารสนเทศ ด้านการต่างประเทศ ด้านการให้สัญชาติ เป็นต้น 

หลังจากนั้น Mr. Amy Hall ได้นำคณะกรรมาธิการเยี่ยมชมห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ห้องประชุมรัฐสภาสกอตแลนด์และพื้นที่นิทรรศการของรัฐสภา

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการการทหารฯ จะได้นำข้อมูลที่ได้รับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปพิจารณาปรับประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

ผบ.ตร.เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพข้าราชการตำรวจกองบินตำรวจ ที่เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ยืนยันดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่

(25 พ.ค.68) เวลา 17.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ “ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย” นักบิน (สบ 1) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ และ “ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย” รอง สว.(อก.) กลุ่มงานช่างอากาศยาน กองบินตำรวจ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่เหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่น BELL 212 ตกบริเวณพื้นที่บ้านหนองกก ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร , พล.ต.ต.อำนาจ เดชบุณเหลือง ผู้บังคับการกองบินตำรวจ , ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว ร่วมพิธีฯ ณ วัดนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร สำหรับ พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ นักบิน (สบ 2) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ บำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัชโรทัย วัดทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้มอบเงินกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมได้สั่งการกำชับให้ดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์กับครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับมีดังนี้

- พ.ต.ต.ประเทือง ชูเลิศ นักบิน (สบ 2) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ จำนวน 1,434,560 บาท ได้รับความชอบพิเศษ เลื่อนเงินเดือนไม่เกิน 4 ขั้น และเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พล.ต.ต. 

- ร.ต.อ.ทรงพล บุญชัย นักบิน (สบ 1) กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ จำนวน 1,424,870 บาท ได้รับความชอบพิเศษ เลื่อนเงินเดือนไม่เกิน 4 ขั้น และเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พ.ต.อ.

- ร.ต.ท.ทินกฤต สุวรรณน้อย รอง สว.(อก.) กลุ่มงานช่างอากาศยาน กองบินตำรวจ ได้รับเงินช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ จำนวน 1,970,400 บาท ได้รับความชอบพิเศษ เลื่อนเงินเดือนไม่เกิน 4 ขั้น และเลื่อนยศสูงขึ้นเป็น พ.ต.ท.

อว. ปลดล็อกนักเรียนทุน ปรับนโยบายทุนเรียนต่อ เปิดทางต่อยอดงานวิจัย สร้างเป็นธุรกิจจากต่างแดน

(26 พ.ค. 68) นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยนโยบายใหม่ เปิดทางให้นักเรียนทุนไม่ต้องจำกัดแค่กลับมาใช้ทุนในหน่วยงานรัฐ แต่สามารถนำผลงานวิจัยไปต่อยอดเป็นธุรกิจ สนับสนุนสตาร์ตอัปไทย ผ่านกลไกของกระทรวง อว. เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ

รัฐมนตรี อว. กล่าวระหว่างพบปะนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่ Imperial College London สหราชอาณาจักร ว่า ได้เริ่มปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนทุนสามารถใช้ความรู้ไปสู่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในสาขาสำคัญ เช่น IC Design สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทาง Imperial ในการสนับสนุนการต่อยอดสู่การก่อตั้งสตาร์ตอัป

ทั้งนี้ นักศึกษาไทยให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมร่วมซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยรัฐมนตรี อว. ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการฟังเสียงคนรุ่นใหม่ เพื่อนำไปปรับใช้นโยบายให้ตอบโจทย์ตรงจุด ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนากำลังคน และความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก

นอกจากนี้ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ยังให้กำลังใจนักศึกษาทุกคนในการตั้งใจเรียน พร้อมเปิดรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อเสริมการสนับสนุนในอนาคต โดยหวังให้คนรุ่นใหม่เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการผสมผสานองค์ความรู้กับโอกาสทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรม

คณะรัฐศาสตร์ มธ. ตั้งกรรมการสอบด่วน! ปมแชตลับ ‘อาจารย์-ศิษย์เก่า’ คุกคาม ‘นศ.หญิง’

(26 พ.ค. 68) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังเกิดกรณีกลุ่มแชตลับที่มีอาจารย์ ศิษย์เก่า และนักศึกษาชาย ส่งต่อภาพนักศึกษาหญิง พร้อมข้อความหยาบคายและมีลักษณะคุกคามทางเพศ สร้างความกังวลต่อความปลอดภัยและศักดิ์ศรีของนักศึกษาในคณะอย่างกว้างขวาง

ทางคณะเปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากผู้เสียหาย 2 รายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนทั้งสองจะยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พฤษภาคม และมีการตั้งกรรมการสอบฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม โดยประกอบด้วยผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 1 คน และผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่เน้นด้านสังคมสงเคราะห์

เบื้องต้น คณะยืนยันจะดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้เสียหาย พร้อมเปิดช่องทางติดต่อสำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนอาจเกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบเพิ่มเติม

ทั้งนี้ คณะฯ ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลต่อความไว้วางใจในการเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” และให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว ยืนยันจุดยืนสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเคร่งครัด

นายกฯ เผยดีล F1 คืบหน้ามาก ลุ้นผลไทยได้จัดแข่ง?.. ภายใน 2-3 เดือน

(26 พ.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยว่า การเจรจากับผู้บริหาร Formula One Group (F1) เกี่ยวกับการจัดแข่งรถ F1 รูปแบบ City Circuit ในประเทศไทย มีความคืบหน้าในทิศทางที่ดี คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า

การหารือเกิดขึ้นระหว่างการเยือนราชรัฐโมนาโก เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ ได้พบประธาน F1 และเข้าเฝ้าเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 พร้อมทั้งย้ำว่าการเดินทางครั้งนี้เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่การท่องเที่ยว โดยก่อนหน้านี้ยังได้หารือเรื่องการค้าและ FTA ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

นายกฯ ระบุว่า การดึง F1 มาไทยถือเป็นโอกาสที่ดี โดยไทยมีศักยภาพจัดแข่งในรูปแบบถนนในเมือง (City Circuit) ซึ่งได้รับความสนใจจากทางผู้บริหาร F1 และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับประเทศในเวทีโลก

แรงดึงดูดของบ้าน...มากกว่ากรีนการ์ดอเมริกัน คนไทยในสหรัฐฯ เลือกกลับ ถ้าเทียบกับชาติอื่นในเอเชีย

(26 พ.ค. 68) ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ลงคลิปวิดีโอทางช่อง YouTube ของตนเอง โดยแชร์สาระน่ารู้ในเรื่อง..อะไรทําให้คนไทยแตกต่างจากคนเอเชียชาติอื่น เวลาที่พวกเราไปเรียนที่อเมริกา? 

ความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาเอเชียชาติอื่นในสหรัฐอเมริกาคือเป้าหมายหลังสำเร็จการศึกษา โดยนักศึกษาไทยส่วนใหญ่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางกลับมาทำงานและใช้ชีวิตในประเทศไทย สวนทางกับนักศึกษาจากชาติเอเชียอื่นจำนวนมากที่มองหาโอกาสในการตั้งถิ่นฐานถาวรในสหรัฐฯ อ้างอิงข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์ตรงที่ศึกษาในสหรัฐฯ ช่วงปี 1990 ถึง 2004 ยืนยันเรื่องดังกล่าว และยังคงเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนจนถึงปัจจุบัน

สถิติล่าสุดในปี 2022 ชี้ว่า จากจำนวนนักศึกษาไทยประมาณ 5,000 คนในสหรัฐฯ มีเพียงราว 15% เท่านั้นที่เลือกทำงานต่อหลังเรียนจบ ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับชาติอื่น ในช่วงทศวรรษ 1990 นักศึกษาจีนเกือบ 90% เลือกที่จะไม่กลับประเทศ ขณะที่นักศึกษาอินเดีย โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีอัตราการอยู่ต่อสูงถึง 87% และผู้ที่จบปริญญาเอก STEM ระหว่างปี 2000-2015 (ข้อมูลปี 2017) เช่นเดียวกับนักศึกษาจากเกาหลีใต้และไต้หวันจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหวังจะอยู่อาศัยในอเมริกาอย่างถาวร

ปัจจัยหลักที่ดึงดูดให้นักศึกษาไทยกลับบ้านเกิดคือความผูกพันกับครอบครัว ความคุ้นเคยกับสังคมและวัฒนธรรมไทย รวมถึงความรักในประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีโครงการพิเศษเพื่อดึงดูดคนกลับเหมือนที่รัฐบาลจีนริเริ่มโครงการ “เต่าทะเล” (Sea Turtles) ตั้งแต่ปี 2010 เพื่อเชิญชวนคนเก่งกลับไปพัฒนาประเทศ เสน่ห์ของประเทศไทย ทั้งวัฒนธรรม อาหาร และความสัมพันธ์ในครอบครัว ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญ

แม้จำนวนนักศึกษาไทยในสหรัฐฯ จะลดลงจากประมาณ 11,600 คนในปี 2000 เหลือราว 5,000 คนในปี 2022 แต่แนวโน้มการกลับประเทศยังคงสูงอยู่เสมอ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยจำนวนมากมองว่าการไปศึกษาต่อต่างประเทศคือการเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เพื่อนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิด มากกว่าจะเป็นบันไดสู่การย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่คนไทยเลือก “กลับบ้าน” ในขณะที่คนชาติอื่นอาจเลือก “จากบ้าน” ไปหาโอกาสที่ดีกว่าในต่างแดน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top