Friday, 9 May 2025
NewsFeed

ปักกิ่งลั่น…ขอไม่ทนกับการกลั่นแกล้งจากสหรัฐฯ ที่ใช้นโยบายเลือกข้างเป็นอาวุธ หวังตัดจีนพ้นเวทีเศรษฐกิจ

(21 เม.ย. 68) กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เตือนประเทศคู่ค้าไม่ให้ยอมรับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ในการจำกัดความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน เพื่อแลกกับการยกเว้นภาษีศุลกากร โดยระบุว่าจีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้หากผลประโยชน์ของตนถูกละเมิด 

โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า จีน “คัดค้านอย่างหนักแน่น” ต่อแนวทางดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนกลไกการค้าสากลและทำลายหลักการของการค้าเสรีอย่างร้ายแรง 

“การประนีประนอมไม่ได้นำมาซึ่งสันติภาพ และการประนีประนอมไม่ได้สร้างความเคารพ” โฆษกกล่าว พร้อมย้ำว่า “การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวชั่วคราวโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น เพื่อแลกกับสิ่งที่เรียกว่าข้อยกเว้น เปรียบเสมือนการขอหนังเสือ สุดท้ายแล้วเสือจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ และจะส่งผลเสียต่อทั้งผู้อื่นและตัวเราเอง”

“จีนจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่ไม่เคารพต่อผลประโยชน์ของจีน หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินหน้าตามแนวทางนี้ จีนพร้อมจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด”

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Bloomberg และ Financial Times รายงานตรงกันว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณาใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อชักจูงประเทศคู่ค้า เช่น เม็กซิโก เวียดนาม หรือชาติอาเซียน ให้ลดการนำเข้าเทคโนโลยีหรือสินค้าจากจีน รวมถึงจำกัดการลงทุนของบริษัทจีนในภาคส่วนยุทธศาสตร์

ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐฯ ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจผ่านวิธีการ “แยกเศรษฐกิจ” (Decoupling) ซึ่งทำลายหลักความเป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศ และสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจโลกในภาพรวม

สถานการณ์นี้ส่งผลให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย โดยจีนพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับภูมิภาคนี้ ขณะที่สหรัฐฯ พยายามจำกัดอิทธิพลของจีนในภูมิภาค 

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยและประเทศในอาเซียน การรักษาสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยต้องพิจารณาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในระยะยาว

จดหมายจาก ‘แกรนด์ดยุกอดอล์ฟ’ แห่งลักเซมเบิร์กสู่บางกอก ร่องรอยแห่งมิตรภาพข้ามทวีปในยุคสมัย ‘รัชกาลที่ 5’

(21 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์ สามสี เผยแพร่เรื่องราวน่าทึ่งจากประวัติศาสตร์ซึ่งเชื่อมโยงโลกตะวันตกกับสยามในยุครัชกาลที่ 5 ผ่านจดหมายจากแกรนด์ดยุกอดอล์ฟแห่งลักเซมเบิร์กถึงกรุงเทพฯ โดยมีผู้รับคือ “F. Grahlert” ช่างอัญมณีหลวงผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบและสร้างเครื่องราชูปโภคให้กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในปี ค.ศ. 1906 (พ.ศ. 2449) โปสการ์ดตอบกลับจากแกรนด์ดยุกอดอล์ฟแห่งลักเซมเบิร์ก ถูกส่งข้ามทวีปมายังชายฝั่งบางกอก โดยมีปลายทางคือบริษัท “F. Grahlert & Co.” - ช่างอัญมณีผู้ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้ดูแลเครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งสยาม

โปสการ์ดดังกล่าวลงวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1906 จากเมืองลักเซมเบิร์ก และเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 8 สิงหาคมของปีเดียวกัน นี่ไม่ใช่เพียงแค่หลักฐานทางไปรษณีย์ แต่เป็นหน้าต่างที่เปิดให้เรามองเห็นโลกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักสยามกับโลกตะวันตกผ่านเส้นทางการค้าและศิลปะ

ตามบันทึกในหนังสือ Twentieth Century Impressions of Siam (1908) โดย Arnold Wright และ Oliver T. Breakspear F. Grahlert ได้เดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ ประมาณปี ค.ศ. 1890 ในฐานะช่างอัญมณีหลวง ก่อนจะเปิดร้านของตนเองใกล้พระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือเป็นร้านจำหน่ายและออกแบบเครื่องประดับแห่งแรกของกรุงเทพฯ ในสไตล์ยุโรป

Grahlert ไม่เพียงแต่รับใช้ราชสำนักเท่านั้น แต่ยังมีช่างฝีมือชาวไทยมากกว่า 50 คนในร้าน ซึ่งสามารถรังสรรค์เครื่องประดับทองและเงินด้วยศิลปะที่ประณีต ทั้งในแบบไทยดั้งเดิมและแบบตะวันตก งานของ Grahlert ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่สุดของความวิจิตรในยุคนั้น

ความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักสยามกับ Grahlert ไม่ใช่เพียงเรื่องของเครื่องประดับหรือสินค้าแฟชั่น หากแต่คือความไว้วางใจระดับสูงสุด ในการรังสรรค์สัญลักษณ์แห่งพระราชอำนาจ - ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎ พานทอง หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ต้องใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ

วันนี้ อาคารร้าน F. Grahlert ได้เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่โปสการ์ดจากแกรนด์ดยุกอดอล์ฟ ในนามแห่งยุโรป กลับยังเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่าครั้งหนึ่ง ช่างอัญมณีจากต่างแดนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชสำนักไทย และฝากร่องรอยศิลปะไว้ในประวัติศาสตร์แห่งรัชกาลที่ 5 อย่างงดงาม

“อัญมณีไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ หากเป็นความศรัทธาที่ร้อยเรียงความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับโลก” — ปราชญ์ สามสี

‘โป๊ปฟรานซิส’ ผู้นำแห่งศรัทธา สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชน

(21 เม.ย. 68) สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำของวันจันทร์ (21 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือ โป๊ปฟรานซิส ประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างสงบ ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ท่ามกลางความโศกเศร้าของคริสตชนทั่วโลก

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ แบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระสันตะปาปาลำดับที่ 266 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่ทรงสละตำแหน่ง ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ และองค์แรกจากภายนอกยุโรปในรอบกว่า 1,200 ปี

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีแห่งการทรงงาน โป๊ปฟรานซิสเป็นที่จดจำในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณที่เรียบง่าย อ่อนน้อม และมุ่งมั่นในการปฏิรูปคริสตจักร ทรงยึดหลักแห่งความเมตตา การให้อภัย และความเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของมนุษย์ทุกศาสนา

หนึ่งในสาส์นที่ทรงเน้นย้ำเสมอ คือ ความห่วงใยต่อคนยากไร้และผู้ถูกกดขี่ในสังคม พระองค์ทรงเดินทางเยือนประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างสะพานแห่งสันติภาพและความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม

ทางสำนักวาติกันจะมีการประกาศกำหนดการพระราชพิธีฝังพระศพอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ โดยมีผู้นำระดับโลกและผู้นับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกทั่วโลกร่วมไว้อาลัย

“เราจำพระองค์ได้ในฐานะศิษยาภิบาลแห่งประชากรของพระเจ้า ผู้ทรงรักและฟังเสียงของผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่เรา” คำแถลงจากวาติกันระบุ

‘วิว กุลวุฒิ’ ทะยานขึ้นมือ 2 โลก หลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์แบดฯ เอเชีย พร้อมตั้งเป้าภารกิจใหม่ซิวแชมป์ ‘ออลอิงแลนด์’

(21 เม.ย. 68) สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ประกาศอันดับโลกล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โดยมีข่าวดีสำหรับวงการแบดมินตันไทยเมื่อ ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยวเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก 2024 สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ แบดมินตัน “เอเชีย แชมเปียนชิพส์ 2025” ที่เมืองหนิงโป ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568

การคว้าแชมป์ในครั้งนี้ทำให้ วิว กุลวุฒิ กลายเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกจากประเทศไทยที่สามารถคว้าแชมป์เอเชียได้สำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจและความสุขให้กับคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังส่งผลให้ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ขยับอันดับโลกขึ้นมาถึง 3 อันดับ จากเดิมที่เคยอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก ขึ้นมาเป็นมือ 2 ของโลกในประเภทชายเดี่ยว ซึ่งถือเป็นอันดับโลกที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา โดยก่อนหน้านี้ ‘วิว’ เคยทำได้สูงสุดที่อันดับ 3 ของโลก

“เป้าหมายต่อไปของผมคือการคว้าแชมป์ออลอิงแลนด์ให้ได้ ผมเคยได้แชมป์โลกและเหรียญเงินโอลิมปิกมาแล้ว แต่ยังไม่เคยประสบความสำเร็จที่ออลอิงแลนด์เลย หวังว่าปีหน้าผมจะทำได้ดีขึ้นครับ” สุดยอดนักตบลูกขนไก่ไทยวัย 23 ปีกล่าว

สำหรับ 5 อันดับ นักแบดมินตันมือวางระดับโลก ประเภทชายเดี่ยว ประกอบด้วย

1. ฉือ หยู่ฉี (Shi Yuqi)  อายุ 29 ปี / จีน / 99,435 คะแนน

2. กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (Kunlavut Vitidsarn) อายุ 23 ปี / ไทย / 89,138 คะแนน

3. อันเดรส แอนทอนเซ่น (Anders Antonsen) อายุ 27 ปี / เดนมาร์ก / 87,693 คะแนน

4. วิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น (Viktor Axelsen) อายุ 31 ปี / เดนมาร์ก / 87,610 คะแนน

5. หลี่ ซือเฟิง (Li Shifeng) อายุ 25 ปี / จีน / 81,656 คะแนน

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่สุคิริน เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตำบลร่มไทร กำชับปฏิบัติหน้าที่ด้วยสติ มุ่งบูรณาการดูแลประชาชนทุกมิติ

(20 เม.ย. 68) พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา เดินทางลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใกล้ชิด

ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พบปะกับกำลังพล และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49, หัวหน้าส่วนราชการ, หัวหน้าชุดคุ้มครองตำบล รวมถึงสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

พลโท ไพศาล ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ พร้อมเน้นย้ำว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีความพยายามจากผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ต้องการสร้างความปั่นป่วน และบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติงานด้วยสติ มีความรอบคอบ และไม่ประมาทอยู่เสมอ

แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวชื่นชมในความเสียสละของกำลังพลที่ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง พร้อมทั้งย้ำถึงหัวใจสำคัญในการดูแลพื้นที่ คือ “การบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน” ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา และภาคประชาชน เพื่อรวมพลังสร้างความสงบสุขให้กับบ้านเกิดของตนอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ท่านแม่ทัพยังได้ร่วมพักแรมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ เพื่อหาแนวทางรับมือสถานการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ และในช่วงเช้าวันถัดมา ยังได้ร่วมเดินเท้าลาดตระเวนตรวจสภาพภูมิประเทศรอบฐานปฏิบัติการ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

ขณะเดียวกัน หนึ่งในสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนฯ ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลพี่น้องประชาชนในบ้านเกิดของตนเอง แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ยังคงมีกำลังใจดีจากครอบครัวและคนรอบข้าง พร้อมขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อพาความสงบสุขกลับคืนสู่พื้นที่อย่างยั่งยืน

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

เชียงใหม่-เปิดประวัติศาสตร์บันทึกสถิติโลกสำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ฟ้อนเล็บมากที่สุดในโลก 

(20 เม.ย. 68) “สุดาวรรณ” รวมใจชาวเชียงใหม่ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ “ฟ้อนเล็บอัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมีลงใน "กินเนสส์เวิลด์ เรคคอร์ดส์" เนื่องในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่จะก้าวสู่ 730 ปี สำเร็จ 7,218 คน ทุบสถิติเดิมที่เคยบันทึกไว้ 5,255 คน ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 729 ปี แห่งการสถาปนาเมืองเชียงใหม่ ปูทางสร้างการรับรู้และผลักดันเมืองเชียงใหม่ก้าวสู่เมืองมรดกโลก 

วันที่ 19 เมษายน 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดการบันทึกการฟ้อนเล็บอัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมีลงใน "กินเนสส์บุ๊ก" หรือ "กินเนสส์เวิลด์ เรคคอร์ดส์" (Guinness Book of World Records)"Guinness world record The largest Thai dance" โดยมีนางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผู้แทน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาดามหยก กชพร เวโรจน์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และ ประธานคณะทำงาน บันทึก World Records งานสมโภช 729 ปีเมืองเชียงใหม่  นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน เข้าร่วมจำนวนมาก

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นสักขีพยานในการบันทึกการฟ้อนเล็บ อัตลักษณ์แบบคุ้มเจ้าหลวงพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ลงใน "กินเนสส์บุ๊ก" หรือ "กินเนสส์เวิลด์ เรคคอร์ดส์" "Guinness world record The largest Thai dance" ในวันนี้ แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่น ประชาชนมีความเข้มแข็ง มีความรักความสามัคคี มีความสุข และร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน รักษา และต่อยอด ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้ได้อย่างดียิ่ง

จึงมีความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และเนื่องในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่จะก้าวสู่  730 ปี จึงขอถือโอกาสนี้สร้างการรับรู้ให้เด็ก เยาวชน ประชาชนมีจิตสำนึกแสดงกตเวทิตาต่อบูรพกษัตริย์ล้านนา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และผลักดันให้เมืองเชียงใหม่ก้าวสู่เมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก 

“กระทรวงวัฒนธรรมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงาน พิธีสมโภชเชียงใหม่๗๒๙ ปี "นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่าง ยั่งยืน" ถือเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้มีความโด่นเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ประเพณีที่มีเอกลักษณ์ล้านนา สืบสานเสน่ห์ความเป็นล้านนาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จัก จังหวัดเชียงใหม่ในนามเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามของประเทศไทย เป็นไปตามที่รัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม 

ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปสู่ระดับนานาชาติ นำเศรษฐกิจวัฒนธรรม ผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับการ ท่องเที่ยว และเทศกาสสู่เวทีโลก โดยมีเป้าหมาย "ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 25 ประเทศ ที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ในมิติวัฒนธรรม เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกมาเที่ยวในมิติด้านศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรม

ผบ.ทร. ชื่นชมให้กำลังใจ สโมสรฟุตบอลราชนาวี แชมป์ไทยลีก 3 เตรียมเลื่อนชั้นไทยลีก 2

(20 เม.ย. 68) สโมสรฟุตบอลราชนาวี โดย พล.ร.อ ชัยณรงค์ เจริญรักษ์ ประธานสโมสร, พล.ร.ท สุรศักดิ์ วรปัญญา ที่ปรึกษาสโมสรฯ, พล.ร.ต ณฐพัฒน์ ซื่อมงคล ผู้จัดการทีม, พล.ร.ต อโศก ศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป เข้าพบ ผบ.ทร.เพื่อสรุปผลการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 3 โซนภาคตะวันออก ฤดูกาล 2024-2025 
ซึ่งสโมสรฟุตบอลราชนาวี ได้ตำแหน่งชนะเลิศ ได้สิทธิเข้าแข่งขันในรอบชิงแชมป์ระดับประเทศ เพื่อคัดเลือกสโมสรที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นไปแข่งขันในฟุตบอลไทยลีก 2 ในฤดูกาลหน้า ในการนี้ ผบ.ทร.ได้กรุณาแสดงความยินดี และให้กำลังใจ กับทีมงานผู้บริหารสโมสรฟุตบอลราชนาวี ให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับ กองทัพเรือ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ผบ.ทร. ส่ง ”น้องเต่าสีชัง“ (เต่าตนุ) คืนสู่ท้องทะเลไทย

วันที่ (20 เม.ย.68) เวลา พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมภริยา ให้การต้อนรับ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ และ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในโอกาสเดินทางมาปล่อย “น้องเต่าสีชัง” คืนสู่ธรรมชาติ

โดยมี คณะจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ผู้บังคับบัญชา หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เข้าร่วมกิจกรรมฯ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) พบ “เต่าตนุ” (น้องเต่าสีชัง) ที่บริเวณเกาะสีชัง เป็นเต่าตนุ เพศเมีย อายุประมาณ 35 - 40 ปี น้ำหนัก 101.3 กิโลกรัม ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหัว และกระดองด้านหน้ามีรอยถูกกระแทก บริเวณกระดองส่วนท้าย ถูกใบจักรเรือฟัน มีรอยแตกเป็นแผลฉกรรจ์

โดยเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่จาก ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ไปรับเต่าทะเล ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อนำมารักษา ณ โรงพยาบาลเต่าทะเล ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ

ปัจจุบัน ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ และติดไมโครชิพ หมายเลข 933071000284031 เพื่อเตรียมพร้อมที่จะปล่อยน้องเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติต่อไป โดยการรักษา “น้องเต่าสีชัง” (เต่าตนุ) ในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการร่วมมือกันระหว่าง กองทัพเรือ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการรักษา “เต่าตนุ” ให้คงอยู่คู่ท้องทะเลไทย ตลอดไป

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ โดย หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นหน่วยรับผิดชอบ ในการอนุบาลเต่าทะเล ให้แข็งแรงก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ให้คงอยู่คู่ท้องทะเลไทย 

ซึ่งทางศูนย์ มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยสำหรับอำนวยความสะดวกให้กับสัตวแพทย์ และนับเป็นโรงพยาบาลเต่าทะเลแห่งแรกในเอเชีย โดยกองทัพเรือ ได้กำหนดชื่อโรงพยาบาลแห่งนี้ว่า โรงพยาบาลเต่าทะเล ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

เริ่มแล้ว!! สนุกสุดเหวี่ยง ไม่เสี่ยงภัย “ตำรวจภูธรภาค 2” เปิด 14 เซอร์วิสเลน แผนฉุกเฉิน “วันไหลพัทยา”

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ (19 เม.ย. 68) ที่ โรงเรียนเมืองพัทยา 8 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2  พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรีพล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.ทท.1 ร่วมปล่อยแถวตำรวจ และอาสาสมัคร ร่วมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน และนักท่องเที่ยวในงานวันไหลพัทยา เทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 โดยมี พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี  พ.ต.อ.วสุรัชย์ ชัยธีราพัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.นาจอมเทียน พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เชื้อพลากิจ ผกก.2 บก.ทท.1 ร่วมด้วย

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่จำนวนมาก และคาดว่าในช่วงค่ำไปจนถึงดึกจะเป็นช่วงพีกที่นักท่องเที่ยวเต็มพื้นที่หลายหมื่นคน ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์และชมคอนเสิร์ตของศิลปินจำนวนมาก โดยวันนี้ได้กำชับถึงการปฏิบัติหน้าที่เน้นการดูแลความปลอดภัย ให้บริการ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว พร้อมให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อเทศกาลแห่งความสุข สร้างความประทับใจ และความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

“งานวันไหลพัทยาเป็นเทศกาลสำคัญ นักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมาก ตำรวจภูธรภาค 2 โดยตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มีความพร้อมทั้ง คน ระบบ และเทคโนโลยี ในการดูแลความปลอดภัย โดยต้องขอบคุณเมืองพัทยาในการให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ ประสาน ร่วมกันทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือสร้างความมั่นใจ สร้างความประทับใจ” ผบช.ภ.2 กล่าว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า งานเทศกาลที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก เราเตรียมแผนฉุกเฉิน พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และที่สำคัญในงานวันไหลพัทยาปีนี้ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีได้ปิดการจราจรกว่า 2 กิโลเมตร มีเซอร์วิสเลน หรือช่องทางพิเศษฉุกเฉินสำหรับการขนส่ง  14 ช่องทาง กั้นเป็นพื้นที่ว่างไว้ 1 ช่องจราจร ในถนนพัทยากลาง ถนนเลียบชายหาดซอย 7 – 13/4 ถนน พัทยาใต้ และปิดการจราจรขาลงหาด ปรับเป็นช่องทางฉุกเฉิน เพื่อเป็นช่องทางสำหรับการลำเลียงคนทางการแพทย์ หรือการเคลื่อนเข้าพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ กรณีมีเหตุฉุกเฉิน  เช่น มีผู้ป่วย หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวงานวันไหลพัทยา ให้เว้นพื้นที่ไว้ตามคำแนะนำ และการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถติดตามการจราจรโดยรอบพื้นที่พัทยา ตรวจสอบสถานการณ์ เส้นทางจราจรทางเลี่ยงทางหนาแน่น ทางเพจเฟซบุ๊ก ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี  และตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเมืองพัทยา แบบเรียลไทม์ ที่ https://ioc.pattaya.go.th/live-cctv หรือ https://liff.line.me/1655268398-0VWZRdqz/live-cctv หากมีเหตุด่วนขอความช่วยเหลือให้แจ้งตำรวจที่อยู่ใกล้ท่าน หรือโทร. 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ฝ่าทุกนาทีวิกฤต รับช่วงต่อ นำ 2 หัวใจ จากอุดรธานี และสงขลา ที่เหินฟ้าฝ่าสายฝน ส่งต่อลมหายใจเข้ากรุงเทพมหานคร 

วันนี้ (19 เม.ย.68) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชมเชย พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.50 น.ได้นำทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนนำส่งหัวใจดวงที่ 123 และ 124 จากต่างจังหวัดเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ภายในระยะเวลาติดกันอย่างเฉียดฉิว ซึ่งถือเป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความกดดัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลาและการเดินทางที่ต้องประสานงานอย่างแม่นยำ ในการส่งต่อชีวิตให้กับผู้รอคอยหัวใจ 2 ดวงนี้ได้มีชีวิตใหม่กับหัวใจที่แข็งแรง 

ด้าน พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์จราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภารกิจสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรเพื่อส่งต่ออวัยวะช่วยชีวิต ยังคงเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริยึดถือและดำเนินการมาโดยตลอด และต้องชมเชยตำรวจจราจร สภ.เมืองอุดรธานี , ตำรวจจราจร สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา , นักบิน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ที่ช่วยในภารกิจนี้ และอำนวยความสะดวกจราจรลำเลียงหัวใจจากโรงพยาบาลต้นทางนำส่งถึงสนามบินด้วยความรวดเร็วด้วยเช่นกัน

สำหรับหัวใจดวงที่ 123 ได้รับแจ้งจากสภากาชาดไทยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริสนับสนุนการนำส่งหัวใจจากจังหวัดอุดรธานี โดยใช้ "นางฟ้าส่งหัวใจ" คุณอรวิภา นกนทีสวัสดิ์ นางสาวไทย2552 รับหน้าที่นักบินอาสานำหัวใจดวงนี้ส่งมาทางเครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่ฝูงบิน 604 กองบิน 6 ดอนเมือง ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้การเดินทางล่าช้า ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงถึงที่หมาย และเมื่อคำนวณเวลาเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งมีระยะทางไกลและการจราจรหนาแน่น ทีมแพทย์ระบุว่ามีเวลานำส่งเพียง 30 นาทีเท่านั้น ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริจึงเร่งเตรียมกำลังพร้อมอำนวยการจราจรทันทีที่หัวใจเดินทางถึง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งภารกิจด่วนอีกภารกิจหนึ่ง คือการนำส่งหัวใจดวงที่ 124 ซึ่งจะเดินทางจากโรงพยาบาลหาดใหญ่มายังกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 473 ไมล์ โดยใช้เครื่องบินส่วนตัวเช่นกัน ใช้เวลาทำการบิน 2 ชั่วโมง จะลงจอดที่อาคารผู้โดยสาร MJets สนามบินดอนเมือง โดยมีกำหนดการห่างจากหัวใจดวงแรกเพียง 15 นาที และจะต้องนำส่งไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ด้วยสถานการณ์ที่หัวใจทั้งสองดวงมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันและต้องส่งไปยังคนละโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริจึงวางแผนแบ่งกำลังออกเป็นสองขบวน นำโดยหน่วยจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็ว พร้อมวางแผนเส้นทางล่วงหน้า และรับการสนับสนุนจากตำรวจจราจรในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถนำส่งหัวใจดวงที่ 123 ถึงโรงพยาบาลศิริราชภายในเวลา 23 นาที (เหลือเวลาให้ทีมแพทย์วิ่งสุดชีวิตนำหัวใจลงจากรถวิ่งตรงไปยังห้องผ่าตัดเพียง 7 นาที เท่านั้น) และหัวใจดวงที่ 124 ถึงโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ภายในเวลาเพียง 11 นาที ทั้งสองภารกิจสำเร็จลุล่วงทันเวลาให้แพทย์สามารถดำเนินการปลูกถ่ายได้ทันที

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวว่า ภารกิจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่พร้อมเสี่ยงชีวิตเพื่อเปิดเส้นทางให้ลมหายใจของผู้อื่นได้เดินทางต่อ พร้อมกันนี้ขอขอบคุณผู้บริจาคอวัยวะทุกท่าน ที่เสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์แม้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน และขอชื่นชมความทุ่มเทของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ที่สามารถวางแผนและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ความกดดันสูง  หัวใจทั้ง 123 และ 124 ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์แห่งชีวิตใหม่ แต่คือภาพแทนของความเสียสละ ความร่วมมือ และหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของทุกคนที่มีส่วนในภารกิจครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top