Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เป้าหมายผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ ในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2568 ณ ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตามนโยบายของรัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยมีความห่วงใยประชาชนในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการก่อความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ ประกอบกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจมีคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศ จึงกำชับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมีเป้าหมาย ได้แก่ การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด การติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ และความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง ดังนี้

ฝ่ายสืบสวนสอบสวน มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ การระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” โดยระดมกวาดล้างอาชญากรรมระหว่างวันที่ 21 - 30 มีนาคม 2568 (รวม 10 วัน) สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด พร้อมของกลาง จำนวน 4,950 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4,339 คน ดังนี้

1. จับกุมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน แบ่งเป็น 
- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทั่วไป (On Ground) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 4,934  กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 30,000  นัด และวัตถุระเบิด จำนวน 725  ลูก แบ่งเป็น วัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  30 ลูก และวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง/ประกอบเอง ได้แก่ ระเบิดปิงปอง ระเบิดไปท์บอม จำนวน 695 ลูก

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนทางออนไลน์ (Online) : ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 464 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 9,069 นัด และวัตถุระเบิดแบบมาตรฐาน ที่ใช้ในราชการทหาร จำนวน  22  ลูก

2. จับกุมบุคคลตามหมายจับ : โดยจับกุมบุคคลกระทำความผิดตามหมายจับค้างเก่า (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึง 30 กันยายน 2567) และหมายใหม่ (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน) และหมายจับศาล (คดีอาญา) รวมทั้งสิ้น 18,746 หมาย ผู้ต้องหา จำนวน 15,721 คน

ฝ่ายป้องกันปราบปราม ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ดังนี้
1. วันที่ 21 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ภายใต้แผนยุทธการ “ธรณีนี้ มีขื่อมีแป” เป้าหมาย จำนวน 653 เป้าหมาย ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ ตรวจค้นจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน  218 คน ตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 266 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน  5,743  นัด , วัตถุระเบิด จำนวน 9 ลูก , ยาบ้า จำนวน 17,397.5 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 113.15 กรัม 

2. ห้วงวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2568 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมจับกุมความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ผลการระดมมีผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 593 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 595 คน มูลหนี้รวม จำนวน 12,330,300 บาท ของกลางประเมินมูลค่ารวม จำนวน 22,677,335 บาท

จากนั้น พล.ต.อ.ธนาฯ ร่วมตรวจสอบอาวุธปืนของกลาง หน่วยงานต่างๆ รายงานการจับกุมคดีรายสำคัญ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว 

พล.ต.อ.ธนาฯ กล่าวว่า ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอขอบคุณทุกภาคส่วน และพี่น้อง ประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งมั่นทำงาน โดยจะทำการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุมอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน หากมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมหรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานปล่อยแถวป้องกันปราบปราบอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 

เมื่อวานนี้  (11 เม.ย.68) เวลา 15.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และ อำนวยความสะดวก  ด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการ ตำรวจท่องเที่ยว , โรงพยาบาลตำรวจ , เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร และอาสาจราจร สน.ชนะสงคราม รวมจำนวนกว่า 950 นาย เข้าร่วมในพิธีปล่อยแถว ณ ทัองสนามหลวง

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายและสั่งการให้ทุกหน่วยงานยกระดับการปฏิบัติหน้าที่ให้สูงขึ้น ทั้งด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจุดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ สถานีขนส่ง และจุดบริการต่างๆ ดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับประชาชน เดินทางไปกลับต่างจังหวัดด้วยความปลอดภัย พร้อมบังคับใช้กฎหมายจราจร 10 ข้อหาหลักอย่างเข้มงวด โดยเน้นหนักในขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเร็วเกินกำหนด และกวดขันจับกุมอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ไม่ได้อยู่บ้าน เข้าร่วม "โครงการร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0)" เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัยในทรัพย์สินในช่วงเทศกาล

ผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจ เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวอย่างมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือสิ่งของผิดกฎหมายในพื้นที่ หรือในโซเชียลมีเดีย โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 หรือสถานีตำรวจท้องที่ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

'พล.ต.ท.สำราญฯ' ตรวจสภาพการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย.68) เวลา 16.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. , พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ตรวจสภาพการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ 2568 บริเวณถนนพหลโยธิน และทางขึ้นลง M6 จ.สระบุรี

พบว่าการจราจรขาออกกรุงเทพมหานคร ปริมาณรถเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่ยังเคลื่อนตัวได้ คาดว่าปริมาณรถจะหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันพรุ่งนี้

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดให้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปริมาณรถในทุกเส้นทาง โดยเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวของรถเป็นจำนวนมาก เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (ทล.1) ถ.พหลโยธิน กม.54 (บริเวณ ต่างระดับบางประอิน) ซึ่งเป็นจุดรับรถจากวงแหวนตะวันตก รับประชาชนเดินทางมาจากภาคตะวันตก ภาคใต้ ทางลงโทลเวย์ และวงแหวนตะวันออก ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดช่องทางพิเศษเพื่อรองรับปริมาณรถในจุดวิกฤต บริเวณ ทล.1 กม.54 และ 58 เข้าช่องทางพิเศษ กม.74 เละ 85 

ในส่วนของประชาชนที่จะเดินทางไปภาคอีสาน ซึ่งต้องใช้เส้นทาง ถ.มิตรภาพ ทางกรมทางหลวง ได้เปิดใช้ M6 สามารถขึ้นได้ที่ต่างระดับด่านหินกอง ซึ่งมีทางขึ้นที่ ทล.33 กม.82 , ด่านพระพุทธฉาย ขึ้นที่ ทล.1 กม.99 และด่านบ้านนา - แก่งคอย ทล.3222 กม.10 ออกสู่จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง 163 กม. โดยเปิดใช้ขาออกกรุงเทพมหานคร วันที่ 11-13 เมษายน 2568 ส่วนขากลับเข้ากรุงเทพมหานคร วันที่ 15-17 เมษายน 2568 ซึ่งตำรวจทางหลวงคาดการณ์ว่า มอเตอร์เวย์ M6 จะมีประชาชนใช้วันละกว่า 1.8 แสนคัน สามารถแบ่งเบาการจราจร ถ.มิตรภาพ ช่องทางหลัก ได้กว่า 30% ซึ่งตั้งแต่การเปิดใช้ช่วงคืนของวันที่ 11 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ได้เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ว่าได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น 

จากนั้น พล.ต.ท.สำราญฯ เดินทางไปยังจุดเปิดช่องทางพิเศษ ทล.1 (ถ.พหลโยธิน) กม.54 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทาง 4 กิโลเมตร พร้อมรับฟังการบรรยายการเปิดช่องทางพิเศษ และตรวจจุดเปิดช่องทางพิเศษ และกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พล.ต.ท.สำราญฯ กล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่ใช้ทางมอเตอร์เวย์ M6 ขอให้เตรียมความพร้อมของผู้เดินทางและยานพาหนะ เติมน้ำมันให้พร้อม เนื่องจาก M6 เป็นเส้นทางยาว ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน

นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนผู้ที่จะเดินทาง เตรียมความพร้อม 4 ด้าน ได้แก่
- เตรียมร่างกาย : พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง
- เตรียมเส้นทาง : ตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางเลี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรหนาแน่น 
- เตรียมยานพาหนะ : ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง
- เตรียมอารมณ์ : ทำจิตใจให้เบิกบาน ใจเย็น แม้อาจมีสถานการณ์ที่ไม่พึงพอใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ วิวาท

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยืนยัน ตำรวจทั่วประเทศพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรทุกเส้นทาง 

‘ราคาทอง’ พุ่ง!! ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สะท้อนยุคเปลี่ยนผ่านของ ‘ระบบดอลลาร์สหรัฐฯ’ หลายประเทศ หันไปถือทอง มองเป็น ‘สกุลเงินที่แท้จริง’ ที่คงคุณค่ามานานกว่า 5,000 ปี

(12 เม.ย. 68) สำนักข่าว Sputnik International รายงานว่า ราคาทองคำที่พุ่งทะลุระดับ 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เพียงผลจากความผันผวนระยะสั้นของตลาด แต่เป็นสัญญาณสะท้อนความสั่นคลอนของระเบียบการเงินโลกที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างรุนแรง

รายงานวิเคราะห์ว่า การคว่ำบาตร การตั้งกำแพงภาษี และความปั่นป่วนในยุคทรัมป์ ได้ทำให้หลายประเทศเริ่มตั้งคำถามกับความมั่นคงของเงินดอลลาร์ พร้อมทั้งหันไปถือครอง ทองคำ ซึ่งถูกยกให้เป็น 'สกุลเงินที่แท้จริง' ที่คงคุณค่ามานานกว่า 5,000 ปี

Claudio Grass นักเศรษฐศาสตร์จากสวิตเซอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์กับสปุตนิกว่า หลังสงครามเย็น โลกเคยรวมศูนย์อยู่กับระเบียบที่นำโดยสหรัฐฯ และดอลลาร์ได้รับอานิสงส์อย่างมาก แต่ในปัจจุบัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระแส 'แยกตัวออก' ไปสู่ความเป็นระเบียบหลายขั้ว (multipolarity) ที่ลดบทบาทของดอลลาร์ลง

Grass ระบุว่า เรากำลังเข้าสู่ 'ยุคเปลี่ยนผ่านของระบบ'  (system transition) ซึ่งจะเต็มไปด้วยเงินเฟ้อ ความไม่มั่นคง และความสูญเสียทางการเงิน พร้อมเสนอแนวคิดว่า “ประชาชนควรเป็นธนาคารกลางของตนเอง ด้วยการถือทองคำจริงและเงินแท่งไว้นอกระบบ”

ขณะเดียวกัน Tom Luongo นักวิเคราะห์การเงินอิสระกล่าวว่า ความผันผวนของโลกในขณะนี้เป็นสาเหตุให้คนหันกลับมามอง 'ทองคำ' ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากระบบที่กำลังเปลี่ยนโฉม

ทั้งนี้ สปุตนิกยังรายงานเสริมว่า ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงรายย่อยจำนวนมาก ต่างเร่งสะสมทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX risk) ในช่วงที่ความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินตะวันตกเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์เตือนว่า เราอาจอยู่ในช่วงต้นของ 'สงครามการเงิน' ที่ไม่ใช่แค่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ยังรวมถึงความตึงเครียดกับยุโรป ที่พยายามตอบโต้การผลักดันนโยบายดอกเบี้ยต่ำและการลดการพึ่งพาระบบดอลลาร์ของทรัมป์

รายงานของสปุตนิกสรุปว่า ราคาทองที่พุ่งสูงครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิเสธดอลลาร์โดยตรง แต่เป็นการ 'ป้องกันตัว' จากความวุ่นวายของระบบที่กำลังถูกจัดระเบียบใหม่

‘นายกฯอิ๊งค์’ เตรียมลงพื้นที่ ‘เชียงใหม่’ ตรวจความปลอดภัย ดูแลนักท่องเที่ยว ชู!! สงกรานต์ ‘ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง’ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย วัฒนธรรมอันดีงาม

(12 เม.ย. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้อาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่  จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจการดูแลการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และการอำนวยความสะดวกในการเดินทางในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของภาคเหนือ อาทิ การอำนวยความสะดวกของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และฝ่ายปกครอง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพ หน่วยแพทย์ต่างๆ ในทุกจังหวัดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ในเรื่องการดูแลช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันอังคารที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา 

ส่วนการสนับสนุนและการสร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธาน เปิดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับนานาชาติ และร่วมสืบสานประเพณี 'ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง' จังหวัดเชียงใหม่ โดยวันอาทิตย์ ที่ 13 เมษายน ช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ที่ 'ช่วงประตูท่าแพ' (ฝั่งถนนชัยภูมิ) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน  “Amazing Songkran Chiangmai x Boryeong Mud Festival 2025” ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเกาหลีใต้ 

ภายในงานนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน 'อุโมงค์น้ำ Maha Songkran Chiang Mai Amazing Water Splash' และปล่อยขบวน 'ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ มหาม่วน มหามันส์' และร่วมกิจกรรมต่างๆ กับนักท่องเที่ยว จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางต่อไปยัง ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า อำเภอเมืองเชียงใหม่  เพื่อร่วมกิจกรรม 'SF My Water World Songkran Festival 2025'

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีจะร่วมงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง” ณ ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่  ภายในงาน จะรับชมการแสดงต้อนรับจากชาวชุมชนโหล่งฮิมคาว และร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุอำเภอสันกำแพง ตลอดจนเดินชม 'เทศกาลตามรอยหัตถกรรม ความทรงจำสันกำแพง' ในกิจกรรม '10 โหม้งโหล่งผะญ๋า' และสินค้าของดี OTOP ของอำเภอสันกำแพง

“การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งเสริม วัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว และนโยบาย 'ซอฟต์พาวเวอร์' ของไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็น สินค้าอันสำคัญของไทย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” นายจิรายุ กล่าว

ระเบียบโลกใหม่!! อาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ‘จีน’ อาจเป็นผู้นำในโลกยุคใหม่ หาก ‘อเมริกา’ ยังเล่นบท ‘นักเลงภาษี’ อาจต้องตกเป็นรอง ในเวทีโลก

(12 เม.ย. 68) ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่สนใจแล้วว่าโลกหมุนทางไหน เพราะตอนนี้เขาหยิบค้อนภาษีมาทุบใส่เกือบทุกประเทศแบบไม่แยกแยะ จีนโดนหนักสุดถึง 145% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ก็โดนหางเลขกันถ้วนหน้า การเผชิญหน้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจึงทวีความดุเดือดแบบไม่มีเบรก

ผลคืออะไร? ระเบียบโลกที่เราเคยรู้จักมาตลอด 80 ปีเริ่มสั่นคลอนอย่างชัดเจน นักวิเคราะห์บางคนถึงกับฟันธงว่ามัน "ตายไปแล้ว" และสิ่งใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้นนั้น... มีจีนเป็นศูนย์กลาง

Cameron Johnson ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนจากเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า “ถ้าคุณยังไม่กระโดดขึ้นรถไฟสายเอเชีย ก็เตรียมตัวถูกทิ้งไว้กลางทางได้เลย”

จีนในวันนี้ไม่ใช่แค่ ‘โรงงานโลก’ แต่กำลังกลายเป็นคู่ค้าที่ประเทศต่าง ๆ หันไปหาด้วยความจำเป็น (หรือสิ้นหวัง) โดยเฉพาะในวันที่อเมริกากลายเป็น ‘พ่อค้าเร่’ ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

แผนยุทธศาสตร์สายพานและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนก็เหมือนกล่องเครื่องมือที่จีนหยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที ทั้งถนน รถไฟ ท่าเรือ และเงินทุนที่หลายประเทศใฝ่ฝัน ขณะที่อเมริกายืนกอดอกบอกให้ใครต่อใคร "มาลงทุนในบ้านเราแทน"

ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กลับกลายเป็นโอกาสทองให้จีนได้ขยับบทบาท ยิ่งเมื่อประเทศในเอเชียเริ่มจับมือกันแน่นขึ้น ทั้งจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เพิ่งจัดประชุมร่วมกันครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ฝั่งยุโรปเองแม้จะยังไม่ถึงขั้น ‘หวานชื่น’ กับจีน แต่ก็เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้น เมื่อประธานคณะกรรมาธิการยุโรปและนายกรัฐมนตรีจีนจับสายตรงคุยกัน หารือความร่วมมือ และพยายามประคองความสัมพันธ์ให้ ‘มั่นคงต่อเนื่อง‘

ส่วนแคนาดา? เลือกแนวทาง ‘เสี่ยงต่ำ’ รอดูท่าทีอยู่ห่าง ๆ แบบไม่กล้าเดินเข้าหา แต่ก็ไม่อาจเมินจีนได้เสียทีเดียว นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยยอร์คบอกว่า “จะมองข้ามจีนในโลกยุคนี้ ถือว่า...พลาด”

สรุป: โลกยุคใหม่อาจไม่มีผู้นำคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นโลกที่หลายขั้วอำนาจลุกขึ้นมาเขียนกติกาใหม่ และถ้าอเมริกายังเล่นบทนักเลงภาษีต่อไป อาจจะต้องทำใจกับบทบาทพระรองในฉากสุดท้ายของเวทีโลกใบนี้

‘พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์’ โพสต์เฟซ!! ‘นายพอล’ กับ ‘อนาคตที่แสนเศร้า’ ชี้!! แผ่นดินไทย ให้ความสุข ที่ไม่สามารถ ไปหาที่ไหนในโลกได้อีกแล้ว

เมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า...

จากกรณีที่มีการจับกุม นาย พอล แชมเบอร์นักวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร ในข้อหา ตาม ม.112 นั้น ได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์คัดค้านอย่างกว้างขวาง จากบุคคล หรือ กลุ่มบุคคลที่รับเงิน จากกองทุนต่างชาติซึ่งมีมากพอควรทั้งในกลุ่มนักวิชาการ สื่อมวลชน และ กลุ่ม NGO ที่ออกมาต่อต้านกันในลักษณะขานรับพร้อมเพรียงกันเลยทีเดียว โดยลืมไปกระมังว่าตัวเองก็สัญชาติไทย 

ผมคงบอกไม่ได้ว่า นาย พอลถูกหรือผิดเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว แต่ขอนำข้อเท็จจริงมาอ้างอิงไว้สัก 3 กรณีครับ 

นาย พอล มักจะอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกครับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดรัฐประหารมาตั้ง 20 กว่าครั้งได้อย่างไร อย่างดีก็ไปฟัง คุณวาสนา นาน่วม เธอพูดแล้วนำมาจินตนาการต่อ โดยไม่รู้ว่า คุณวาสนา เธอเซียนข่าวขนาดไหน รู้มา 100% เธอ พูดออกมาแค่ 20-30%ให้เป็นเรื่องราวได้ ซึ่งสิ่งที่นายพอล ทำนอกจากไม่รู้จริงแล้ว ยังพูดจนติดปากว่า “เรื่องที่เกี่ยวกับทหารนั้น ต้องเกี่ยวกับวังบ้าง หรือวังสนับสนุนบ้าง” ทั้งๆ ที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว ทุกเรื่องมันต้องเกิด“เหตุ”อะไรนำขึ้นมาก่อน ทหารจึงกล้าออกมาทำรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการที่ทหารต้องออกมาแจ้งความจับ นายพอล ก็จะต้องมีสาเหตุอยู่เช่นเดียวกัน 

แต่ นาย พอล มีอคติไม่ยอมพูด หรือเขียน หรือนึกถึงเรื่องที่เป็นต้นเหตุ หรือเรื่องที่ตัวเองทำไว้เลย 

นาย พอลเป็นนักวิชาการในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ ม. นเรศวร โดยมีภรรยาเป็นคณบดี ดังนั้น นายพอลจึงมี 2 สถานะ คือ (1) เวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัย นายพอล เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของภรรยา และ (2) เป็นบุคคลคนเดียวกันตามกฎหมาย กับท่านคณบดีเมื่อกลับมาที่บ้าน 

ดังนั้น ความคิดอ่านของทั้ง 2 คนจึงน่าจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน ตัวคณบดี เป็นคนหัวสมัยใหม่ เคยลงชื่อคัดค้านการจับกุม นศ. และกล้าขนาดอนุญาตให้ นายเพนควิน มาพูดบรรยายเปิดงานในภาควิชาการของคณะ โดยระบุให้ เพนควิน อยู่ ในฐานะนักวิชาการ จนโดนชาวบ้าน และ นักศึกษา ในคณะตัวเองออกมาประท้วง ฯลฯ 

นอกจากนั้น คณะสังคมฯ ที่นายพอลสังกัดอยู่ ยังรับทุนของ ยูเสด เอเซียฟาวเดอชั่น ฯลฯ มาทำงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่า แหล่งเงินทุนดังกล่าวหวังผลประโยชน์อะไร จากประเทศไทย ขอเขียนเพียงแค่นี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากครับ แต่คดีอยู่ในชั้นศาลแล้ว ผมคงไม่สามารถก้าวก่ายได้ ก็อยากฝากบอกมายัง นายพอล ว่า แผ่นดินไทยที่คุณอยู่มามากกว่า 20 ปีนั้นให้ทั้งความสุข เกียรติยศ เงินทอง ฯ ซึ่งคุณไม่สามารถจะไปหาที่ไหนได้ในโลกนี้อีกแล้ว การที่ต้องเสียสิ่งเหล่านี้ไป ก็เพราะการกระทำของคุณเอง 

ลืมบอกนายพอลไปอีกว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในสหรัฐมานานแล้ว เวลาต้องกลับไปอยู่อีกที อย่าลืมตัวไปว่ายังอยู่ที่เมืองไทย อย่าเผลอไปด่า หรือบ่อนทำลาย ประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้าล่ะ เจอโทษแรงและเร็วกว่า แน่ๆ ครับ ทั้งปรับและจำคุก และจะถูกสอดส่อง ติดตามตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำในชีวิตประจำวันอย่างละเอียดละออ จากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ คนที่ด่าประธานาธิบดี นี่น่ะ โดนกฎหมายยิ่งกว่า ม.112 อีก ครับ 

ส่วนใครที่กลัวว่าเรื่องนี้ จะไปซ้ำเติมเรื่องการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะมันเป็นละครฉากหนึ่งที่เค้าแสดงกับจีนเท่านั้น ประเทศไทยเรามีดีหลายสิบอย่าง ที่สหรัฐฯ ต้องนึกถึงอยู่เสมอ ขนาดทำรัฐประหารกี่ครั้ง ๆ สหรัฐก็แกล้งทำเป็นดุเท่านั้น ไม่กล้าทิ้งประเทศไทยไปจริงๆ หรอกครับ ไทยเราน่ารักจะตาย 

ชายชาวเพนซิลเวเนีย ถูกตั้งข้อหาขู่ฆ่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หลังโพสต์!! เราแค่ต้องเริ่มฆ่าคน ปฏิวัติอเมริกา 2.0

(12 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ที่ #สหรัฐฯ ชายชาวเพนซิลเวเนียถูกตั้งข้อหาขู่ฆ่าทรัมป์

Shawn Monper หรือที่เรียกกันว่า Mr. Satan ถูกตั้งข้อกล่าวหาจากรัฐบาลกลางฐานขู่จะลอบสังหาร Trump, Elon และหน่วยปฏิบัติการทั้งหมดของ Trump

เขาโพสต์ว่า “ไม่ล่ะ เราแค่ต้องเริ่มฆ่าคน…” และสัญญาว่าจะมีสิ่งที่เรียกว่าการปฏิวัติอเมริกา 2.0

FBI เรียกว่าการกระทำนี้ว่าการก่ออาชญากรรมต่อรัฐบาลกลาง

ขณะนี้เขาต้องเผชิญกับโทษจำคุกอย่างหนักจากสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นโพสต์ที่ ‘ไร้สาระ’

คำเตือน: การขู่ฆ่าทางออนไลน์ไม่ถือเป็นเสรีภาพในการพูด แต่เป็นความโง่เขลาเท่านั้น

‘เทพไท’ มองท่าที ‘ไชยชนก’ อาจนำไปสู่ การเอาคืน!! หลังฉีกหน้ารัฐบาล กลางสภาฯ ทำ ‘เพื่อไทย’ เสียรังวัด!! อาจมีการปรับครม. ตัดพรรคร่วม ยุบสภาฯ หลังสงกรานต์

(12 เม.ย. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ‘ทักษิณเอาคืนเนวิน’ ระบุ …

การที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโนกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นการฉีกหน้านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แบบชัดๆ เต็มๆ ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียรังวัด และโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

เห็นจากท่าทีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาถามว่า ระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคจะเชื่อใคร และการที่นายไชยชนกบอกว่า เป็นลูกนายเนวิน นางกรุณาต้องการสื่ออะไร นายอดิศร เพียงเกษ สส.อาวุโส ได้เขียนกลอนไล่ส่งพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าต้องรักษามารยาททางการเมืองบ้าง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจแทนนายใหญ่ ที่เก็บตัวเงียบไม่แสดงท่าทีใดๆ

แม้ว่านายอนุทินได้ออกมาขอโทษต่อนางสาวแพทองธารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจ เป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย ยากที่จะประสาน เหมือนกับคำโบราณที่กล่าวว่าอันถ้วยโถโอร้าวเอากาวติด ถึงสนิทก็ยังเห็นว่าเป็นแผล เชื่อว่าหลังจากเทศกาลสงกรานต์นี้ผ่านพ้นไปแล้ว จะมีการเอาคืนจากนายทักษิณอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะมีปรากฏการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น คือ

1.นายทักษิณต้องความเข้าใจกับหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์นิยมให้ชัดเจนว่า จะทำงานทางการเมืองร่วมกัน และประสานประโยชน์กันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากัน

2.จะมีการปรับครม. หรือ ปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก ยึดกระทรวงหลักกลับมาเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทย เพื่อกระชับอำนาจ เตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงทางตัน จำเป็นต้องยุบสภา คืนอำนาจกับประชาชน เป็นการล้มกระดาน หรือล้างไพ่ใหม่

ขอให้จับตาดูปรากฏการณ์ทางการเมืองหลังสงกรานต์นี้ให้ดีว่า จะเดินไปสู่ 3 ขั้นตอนนี้หรือไม่ และนายทักษิณจะเอาคืนพรรคภูมิใจไทยอย่างไร

ทีมนักวิจัย มจธ. พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบ ช่วยกายภาพบำบัด ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผสาน!! ‘เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ - เกม’ เข้าไว้ด้วยกัน ฟื้นฟูร่างกายแม่นยำ สนุก

(12 เม.ย. 68) ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและหน่วยงานด้านประชากรศาสตร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 32% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งนำมาสู่การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังและภาวะเสื่อมของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS - Amyotrophic Lateral Sclerosis) และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงไมแอสทีเนียเกรวิส (MG - Myasthenia Gravis) ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในที่สุด

การกายภาพบำบัดจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย เพื่อยืดอายุการทำงานของกล้ามเนื้อและรักษาคุณภาพชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากไม่สามารถทำกายภาพได้ต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดด้านร่างกาย สภาพจิตใจ และความเบื่อหน่ายต่อวิธีการเดิม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฟื้นฟูลดลงอย่างมาก

เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ดร.ปฏิยุทธ พรามแก้ว หัวหน้าโครงการ อาจารย์จากโครงการร่วมบริหารหลักสูตรฯ (มีเดีย) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ฐิตาภรณ์ กนกรัตน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มหศักดิ์ เกตุฉ่ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ชูเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และ ดร.วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนา “หุ่นยนต์ต้นแบบช่วยกายภาพบำบัดผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และเกม” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในบริบทของผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณขา พร้อมระบบเกมที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการกระตุ้นการขยับร่างกายผ่านเกมที่มีเป้าหมายชัดเจน โดยได้รับความร่วมมือจากแพทย์และบุคลากรในโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ที่นำข้อมูลเชิงลึกและความต้องการของผู้ป่วยมาเป็นโจทย์ในการพัฒนางานวิจัย

“หุ่นยนต์ต้นแบบนี้ประกอบด้วยสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ อุปกรณ์กายภาพบำบัดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยสามารถปรับน้ำหนัก แรงต้าน และตำแหน่งให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย และระบบเกมแบบจำลองสถานการณ์ (Simulation Game) ที่ใช้การขยับกล้ามเนื้อขาเพื่อควบคุมการดำเนินภารกิจในเกม ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ เช่น ขนาดตัวอักษร หน้าจอแสดงผล รูปแบบการโต้ตอบ การวางปุ่ม และระบบให้คะแนนที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นพัฒนาการของผู้ใช้งาน ผสานกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการติดตาม วิเคราะห์ และปรับระดับความยากง่ายของกิจกรรมให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานจริงของผู้ป่วยแต่ละคน ที่ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถประเมินผลได้แม่นยำขึ้น” ดร.ปฏิยุทธ กล่าวถึงหลักการการทำงานของหุ่นยนต์ต้นแบบ

ผศ.ดร. ฐิตาภรณ์ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบดังกล่าวไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงสังคมและอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ การนำไปประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล ศูนย์ฟื้นฟู ชุมชนผู้สูงอายุ รวมถึงการใช้งานภายในครัวเรือน ที่ช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีฟื้นฟูสุขภาพอย่างทั่วถึง เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการฟื้นฟูที่มีคุณภาพ ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ในระยะยาว และส่งเสริมให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูง

ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น รางวัลประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ประจำปี 2568 โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการวิจัยที่สามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับโจทย์ทางสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอด และตอบสนองต่อนโยบายด้านสาธารณสุขในสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในระยะต่อไป ทีมวิจัยมีแผนที่จะพัฒนาอุปกรณ์และระบบเกมให้สามารถปรับใช้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น ผู้ที่มีภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดที่ต้องการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเร่งการผลิตต้นแบบให้สามารถใช้จริงได้ในวงกว้าง

“หัวใจสำคัญของงานวิจัยตัวนี้คือ การทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาดูแลชีวิตของตัวเองได้ เราใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเสริมทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอยากลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งด้วยความต้องการของตัวเอง” ดร.ปฏิยุทธกล่าวปิดท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top