Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

“มาดามแป้ง” เคลื่อนไหวเดือดถึง “สมยศ” หลัง ส.บอลแพ้คดีต้องจ่าย 360 ล้าน พร้อมปูดอดีตนายกสมาคมฯ คนเก่า กู้เงินฟีฟ่า 155 ล้าน

(11 มี.ค. 68) จากกรณีคดีพิพาทระหว่าง สยามสปอร์ต กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้บทสรุปว่า สมาคมฯ จะต้องจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้ สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท หลังมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นตั้งแต่ยุค "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เป็นนายกสมาคมฯ แต่มามีคำพิพากษาในยุคของ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ที่เพิ่งทำงานในฐานะนายกสมาคมฯ ครบ 1 ปีไปไม่นานนี้

ล่าสุด "มาดามแป้ง" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า 

"วันที่เลื่อนแถลงข่าวที่ผ่านมา เพราะป่วย และที่ผ่านมาติดภารกิจไปพบฟีฟ่าที่ต่างประเทศ"

"ในขณะที่แป้งเข้ามารับตำแหน่ง สภากรรมการได้มีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ทรัพย์สิน หนี้สิน สมาคมฟุตบอล จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ 27 ล้านบาท มีหนี้สิน 132 ล้านบาท เรื่องทั้งหมดนี้ถูกตรวจสอบทั้งหมด แต่แป้งไม่เคยออกมาพูด"

"เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ท่านอดีตนายกสมาคมฯได้สารภาพ ว่าได้กู้ยืมเงินระยะยาวจากฟีฟ่า โดยเป็นเงินกู้และเบิกรับครั้งเดียว 5 ล้านเหรียญ คือ 155 ล้านบาท โดยแบ่งจ่าย 10 งวด 10 ปี"

"แป้งคงไว้ไม่ยกเลิกสัญญากับแพลนบี เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเดียวกับสยามสปอร์ต โดยที่แพลนบีการันตีรายได้ให้มากขึ้น แพลนบีคืนสิทธิ์ในการจำหน่ายตั๋ว และวางหลักประกัน การถ่ายทอดสดกับไทยรัฐหรือพีพีทีวี"

"สมาคมในยุคที่แล้วได้มีการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีกให้ต่างประเทศ แป้งได้ไปซื้อกลับมา และยังขายสิทธิ์ที่นำมาซึ่งผลประโยชน์สูงสุดแก่คนนอก นั่นคือ Data analysis ถูกขายไปจนถึงปี 2571 ให้กับ perform มาเลเซีย"

"ตั้งแต่แป้งเข้ามารับตำแหน่งไม่เคยรับเงินเดือน แต่ในยุคก่อนท่านรับเงินเดือนจากทั้งสมาคมฟุตบอลและไทยลีก รวม 2 ที่ 1 ล้านบาท ไม่รวมโบนัส และส่งผลให้มีการร้องเรียนถึงความเหมาะสม ล่าสุดมีการพิจารณาว่านายกสมาคมไม่สามารถรับเงินเดือนได้ เพราะไม่ใช่ลูกจ้างสมาคม เป็นการอาสาเข้ามา และยังไม่พบว่ามีการคืนเงินให้สมาคมแล้ว"

"ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น เกิดในสมัยสภากรรมการชุดเดิม แป้งเข้ามาและทราบข้อความจากฝ่ายกฎหมายแล้วว่าศาลชั้นต้นแพ้ให้สยามสปอร์ต ต้องจ่าย 50 ล้าน"

"ต่อมาศาลอุทธรณ์ให้สมาคมจ่าย 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จากนั้นคำพิพากษาศาลฎีกา ให้สมาคมฯ จ่าย 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย"

"จำเลยที่ 2-19 ท่านอดีตนายกสมาคม ไม่ต้องรับผิดชอบการเงินเป็นการส่วนตัว เพราะเป็นการกระทำในกรอบอำนาจหน้าที่"

"ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการยกเลิกสัญญาที่ไม่ถูกต้อง จากคำพิพากษาจากแฟนบอลทั่วไป หรือหลายท่าน ที่อดีตนายกสมาคม ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น คือจริงๆ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทย์คือสยามสปอร์ต แต่อย่างไรก็ตามแป้งและฝ่ายกฎหมายศึกษาอย่างเด่ดชัดแล้วว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ มาตรา 76 จึงเป็นที่มาว่า แป้งตัดสินใจแล้ว จะนำเรื่องนี้เข้าสู่สภากรรมการเฉพาะกิจเร่งด่วนเพื่อฟ้องไล่เบี้ยแก่จำเลยที่ 2 และสภากรรมการยุคนั้น"

ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว มาดามแป้ง ได้โพสต์เพซบุ๊กว่า 
“ปกติทุกท่านคงจะทราบ แป้ง เป็นมือประสานสิบทิศ ไม่อยากเป็นศัตรูของใครเลย แต่การทำงานของ แป้งในวันนี้ แป้ง ทำด้วยผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก”

“กีฬาฟุตบอลไทย เป็นกีฬาที่คนไทยดูมากที่สุด 70% และคนเล่นสูงสุดรองจากมวย ดังนั้น แป้ง คิดว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาของคนทั้งชาติ สิ่งที่แป้งและคณะกรรมการ จะทำต่อไป ไม่ได้มีความขัดแย้ง ส่วนตัวกับท่านใด แต่ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาคมฯ และของชาติไทย”

สาวนักวิ่งจากบรู๊กวิลล์ ไฮสคูล โดนคู่แข่งใช้ไม้คฑาวิ่งผลัดฟาดศีรษะ ออกจากการแข่งด้วยความเจ็บปวด ขณะที่มือทำยังปฏิเสธบอกเป็นเพียงอุบัติเหตุ

(11 มี.ค. 68) โลกโซเชียลแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างการแข่งขันวิ่งผลัด 4×200 เมตร หญิง ระดับไฮสคูลในรัฐเวอร์จิเนีย ของสหรัฐฯ รายการ 'เวอร์จิเนีย สเตท ไฮสคูล ลีก แชมเปี้ยนชิพส์' ซึ่งจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยลิเบอร์ตี้ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อหญิงสาวชื่อ เคเลน ทัคเกอร์ นักวิ่งจาก บรู๊กวิลล์ ไฮสคูล ถูกเพื่อนร่วมอาชีพ อาไลล่า เอฟเวอเร็ตต์ จากทีม ไอ.ซี. นอร์คอม ไฮสคูล ใช้ไม้คฑาวิ่งผลัดฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะ จนต้องออกจากการแข่งขันอย่างเจ็บปวด

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทั้งสองทีมกำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้น ทัคเกอร์กำลังพยายามเบียดแซงเอฟเวอเร็ตต์ แต่ในขณะที่ทั้งสองเร่งความเร็วเข้ามาใกล้กันในช่วงทางโค้ง กลายเป็นเอฟเวอเร็ตต์กลับใช้ไม้ผลัดฟาดที่หลังศีรษะของทัคเกอร์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ทัคเกอร์เสียการทรงตัวและล้มลงนอกที่นอกลู่วิ่ง 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์และกรรมการรีบเข้ามาดูอาการของทัคเกอร์ ซึ่งเจ้าตัวมีอาการมึนงง ก่อนถูกหามออกจากการแข่งขัน ขณะที่ผู้จัดการแข่งขันกำลังดำเนินการตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการกระทำของเอฟเวอเร็ตต์ ซึ่งอาจถูกลงโทษในภายหลัง

เหตุการณ์นี้ทำให้การแข่งขันเวอร์จิเนีย สเตท ไฮสคูล ลีก แชมเปี้ยนชิพส์ ได้รับความสนใจจากผู้ชมคลิปไปทั่วโลก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมในสนามแข่ง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปมาตรการด้านความปลอดภัยในกีฬาระดับนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุการณ์ อาไลล่า เอฟเวอเร็ตต์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่น WAVY โดยเธอเล่าว่าการฟาดไม้ผลัดใส่ทัคเกอร์นั้นเป็นอุบัติเหตุ

“มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน ฉันพยายามจะวิ่งแซงขณะจับที่ไม้ผลัด แต่ในช่วงที่ทั้งสองทีมเบียดกัน ฉันรู้สึกว่าไม้ผลัดของฉันอาจจะไปโดนเขาโดยไม่ตั้งใจ” เอฟเวอเร็ตต์ กล่าวพร้อมน้ำตา

ทั้งนี้เอฟเวอเร็ตต์ยังได้กล่าวขอโทษต่อทัคเกอร์และทีมของเขา พร้อมทั้งยืนยันว่าเธอไม่เคยมีเจตนาทำร้ายคู่แข่งและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมคณะตรวจเยี่ยมกำลังพล โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

(12 มี.ค. 68) พลเรือโท ประทีป ตังติสานนท์ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมคณะตรวจเยี่ยมกำลังพล โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าผลการปฏิบัติงาน และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่กำลังพลของหน่วย

โดยมี พลเรือตรี พัฒนชัย เฉลิมวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ให้การต้อนรับและบรรยายสรุป ผลการดำเนินงาน ปัญหาข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะโดย นาวาเอก กิติศักดิ์ สายนุช รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายบริหารฯ ณ ห้องประชุม 1 อาคารอำนวยการ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อ 10 มี.ค.68 ที่ผ่านมา
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ พบปะทหารใหม่ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ”

ในวันอังคารที่ (11 มี.ค. 68) น.อ.ทิวา  อ่อนละออ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ผบ.ศฝท.ยศ.ทร.) พบปะ ให้กำลังใจ สร้างจิตวิญญาณความเป็นทหาร และชี้แนะแนวทางสู่การเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” ภายใต้ความเป็น “สังคมทหาร” แก่ทหารใหม่ ผลัด 4/67 ณ ลานหน้ากองบังคับการกองการฝึก ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
กิจกรรมดังกล่าวเป็นเจตนารมณ์ของ ผบ.ศฝท.ยศ.ทร. ที่ปลูกฝังให้ทหารใหม่ให้เข้าใจระบบความเป็น “สังคมทหาร” พร้อมกับชี้แนะแนวทางของการเป็น “สุภาพบุรุษทหารเรือ” เพื่อเป็นพื้นฐานทัศนะคติ (mindset) ต่อการปฏิบัติงานในหน่วยงานของกองทัพเรือต่อไป 

โดยได้มอบแนวความคิดตอนหนึ่งว่า “…สังคมทหาร ไม่ใช่สังคมศักดินา ไม่มีนายไม่มีบ่าว ไม่ใช่สังคมชั้นสูง มีเเต่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะทหารเป็นสังคมที่ถืออาวุธ ไม่ใช่สังคมทาส แต่เป็นสังคมของเพื่อนคู่ชีวิต ซึ่งตายด้วยกันและตายแทนกันได้ เราอยู่ด้วยกันด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกันตามตำแหน่งหน้าที่ และคุณวุฒิทหารไม่ใช่ผู้ขายแรงงานเพื่อแลกกับเงิน หากแต่เราขายชีวิตเพื่อรักษาชาติบ้านเมืองไว้ด้วยชีวิต…"

พร้อมกับได้เน้นย้ำแนวทางการฝึกอบรมของศูนย์ฝึกทหารใหม่ ตลอดจนโอกาสในการรับราชการทหารเรือให้ทหารใหม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารเรือที่มุ่งหวังให้ ศฝท.ยศ.ทร. หล่อหลอมให้ทหารใหม่ทุกนายเป็นทหารที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมให้สามารถปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมนึก เชื้อสนุก รายงาน

รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้หากยูเครนต้องการสันติภาพกับมอสโก ต้องยอมสละดินแดนบางส่วนที่รัสเซียยึดครองมาตั้งแต่ปี 2014

(12 มี.ค. 68) สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) กล่าวถึง ยูเครนจำเป็นต้องยอมรับการสูญเสียดินแดนที่รัสเซียยึดครองตั้งแต่ปี 2014 เพื่อให้เกิดข้อตกลงสันติภาพกับมอสโก

รูบิโอระบุว่า การยอมรับความเป็นจริงทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยุติสงครามที่ยืดเยื้อและลดความสูญเสียเพิ่มเติม เขาเน้นย้ำว่าการคาดหวังให้ยูเครนได้ดินแดนกลับคืน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ผมคิดว่าทั้งสองฝ่ายต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ไม่มีวิธีแก้ไขด้วยกำลังทหารสำหรับสถานการณ์” นายรูบิโอกล่าว “รัสเซียไม่สามารถยึดครองยูเครนได้ทั้งหมด และจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับยูเครนที่จะผลักดันรัสเซียกลับไปเป็นเหมือนในปี 2014 ภายในระยะเวลาอันสมควร”

คำกล่าวของรูบิโอเกิดขึ้นก่อนการเจรจาสันติภาพที่กำลังจะมีขึ้นในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสหรัฐฯ เป็นผู้ประสานงาน แต่ทว่า ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี จะไม่เข้าร่วมการเจรจาโดยตรง แต่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมแทน

นอกจากนี้ รูบิโอยังระบุว่า สหรัฐฯ อาจพิจารณากลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาในครั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐจะยุติการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองบางส่วนกับยูเครนแล้ว รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม แต่รูบิโอกล่าวว่าวอชิงตันยังคงให้ข้อมูลแก่เคียฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้เคียฟสามารถป้องกันตนเองจากการโจมตีของรัสเซียต่อไปได้ เขายังกล่าวอีกว่าไม่มีภัยคุกคามในการยุติการเข้าถึงโครงข่ายดาวเทียม Starlink ของยูเครน ซึ่งเป็นบริการอินเทอร์เน็ตจาก SpaceX ของมหาเศรษฐี อีลอน มัสก์ (Elon Musk)

อย่างไรก็ตาม นักการทูตตะวันตกเตือนว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่มีแนวโน้มที่จะประนีประนอม และยืนยันที่จะรักษาดินแดนที่ยึดครองไว้ทั้งหมด

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงท่าทีของรูบิโอ ซึ่งเคยเป็นผู้วิจารณ์รัสเซียอย่างแข็งขัน แสดงถึงการปรับนโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

‘สุชาติ’ สวน ‘ไอซ รักชนก’ ปม สปส. ซื้อตึกเก่า 7 พันล้าน ขอให้หยุดวิจารณ์คนอื่นให้เสื่อมเสีย ลั่นภูมิใจผลงานช่วงโควิด

(12 มี.ค. 68) ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ สวนกลับ ‘ไอซ์ รักชนก’ หยุดวิจารณ์คนอื่นให้เสื่อมเสีย อย่าบิดเบือนโดยการเมืองแบบสกปรก ลั่น ที่ผ่านมาสุดภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สร้างผลงานช่วงโควิด ขณะที่ไอซ์ โต้ทันควัน ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง ไม่ต้องร้อนรน 

จากกรณี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ร่วมแถลงข่าว “แฉเสียดฟ้า กองทุนประกันสังคมจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่” ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ย่านพระราม 9 ซึ่งเป็นอาคารที่ก่อสร้างไม่เสร็จตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง

โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ซื้อมาในราคา 7 พันล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 3 พันล้านบาท เกิดเป็นส่วนต่างกว่า 4 พันล้านบาท เอื้อประโยชน์ใครหรือไม่ หรือนักการเมืองคนใด หรือพรรคใดหรือไม่ ในช่วงรมว.แรงงานคนก่อนหน้านี้ เพราะส่งคนของตัวเองไปอยู่ในอนุกรรมการการลงทุนนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11มี.ค. 68 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในขณะนั้น โพสต์เฟซบุ๊ก ตอบโต้ถึงกรณีดังกล่าวว่า คุณไอซ์ รักชนก และทีมงานเป็นคนของประชาชน วิพากษ์วิจารณ์ ตามสมควรได้ แต่ถ้าไม่ถูกต้องถ้าเกินสมควร หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด หรืออาจเข้าใจผิดหรือกล่าวอ้าง จนทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง มันก็ไม่สมควร

มันง่ายที่คุณว่าคนนั้นคนนี้ โดยไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้สังคมตีความไป ทุกวันนี้มีใครครับที่ออกมาประกาศดังๆๆ ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พวกคุณพูด อย่าสนุกกับการวิพากษ์คนอื่น เมื่อไหร่ที่มันยังไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณจะคิดว่า ทำไมจะทำไม่ได้ หรืออะไรต่างๆนานา

“สิ่งที่ผมสร้างมา ทั้งการงาน ครอบครัว ผมใช้เวลามาทั้งชีวิต ผมไม่เคยเห็นด้วย และไปกระทำกับใคร อย่ารอให้ปัญหาแบบนี้มาถึงตัวพวกคุณเลยครับ ทุกคนทำงาน มีสิ่งที่ต้องแลกมาทั้งนั้น เวลา สุขภาพ ผมตระหนักดี ช่วงเวลาที่ผมทำหน้าที่ สิ่งที่ผมภูมิใจคือ แม้จะเป็นวิกฤตที่ไม่มีใคร แม้แต่ตัวผม ที่ไม่อยากให้เกิด คือ Covid-19 แต่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการวางนโยบายช่วยพี่น้องแรงงาน ตรวจคัดกรอง ประสานขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเข้า ครม. โดยท่านนายกรัฐมนตรี เห็นชอบ และถูกใจ ผู้นำแรงงาน รวมถึง พี่น้องผู้ใช้แรงงาน จนทำให้เกิด Factory Sandbox เกิดการยับยั้งการแพร่กระจายในโรงงาน ส่งออกเติบโตในรอบ 30 ปี“

พร้อมทิ้งท้ายว่า เข้าใจครับ #คนไม่รัก #ยังไงก็ไม่รัก แต่ขอแค่ให้ท่านมองไปหลายๆทาง อย่ามองอะไรแค่ที่เขาหยิบใส่ให้เราทราบ ความจริงก็คือความจริง อย่าบิดเบือน โดยการเมืองแบบ "สกปรก" พอตัวคุณโดนบ้าง ก็อ้าง กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรมทั้งที่ "ความจริงก็คือความจริง"

ในขณะเดียวกัน ทางด้านนางสาวรักชนก ได้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวว่า 
1) ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง ไม่ต้องร้อนรน แล้วประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองจากข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับ

2) นักการเมืองอย่าง คุณสุชาติ ชมกลิ่น ยังกล้าไปชี้หน้ากล่าวหาคนอื่นว่า ‘การเมืองสกปรก’ ด้วยหรือคะ พูดอะไรไม่เกรงใจประวัติการทำงานของตัวเองเลย

สวทท. ประกาศ ยกย่องเชิดชู 'องค์กรต้นแบบ-คนวงการสื่อ' เตรียมเข้ารับ 'พระราชทานรางวัลเทพทอง' ครั้งที่ 23

เมื่อวันที่ (11 มี.ค.68) ที่สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สวทท.) ซอยอารีย์ พหลโยธิน 7 กรุงเทพมหานคร นางสาวชุติพันธุ์ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคม และ นายสมชาย จรรยา อุปนายกฝ่ายโทรทัศน์และสื่อดิจิทัล พร้อมคณะกรรมการบริหาร ร่วมแถลงข่าวงานพระราชทานรางวัลเทพทอง ครั้งที่ 23

นางสาวชุติพันธุ์ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า สมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการจัดงานพระราชทานรางวัลเทพทองมาแล้วรวม 22 ครั้ง และในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 23 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและสร้างความภาคภูมิใจแก่องค์กรดีเด่น ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนให้บุคลากรในวงการวิทยุโทรทัศน์วิทยุกระจายเสียงและสื่อออนไลน์ ผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพ ให้ประโยชน์ทั้งด้านการศึกษา การปกครอง สิ่งแวดล้อม และความบันเทิง ตลอดจนบุคคลดีเด่นด้านวิทยุโทรทัศน์ และวิทยุกระจายเสียง ที่ถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชนของชาติ และส่งเสริมการใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้องชัดเจน

ปีนี้มีผู้เข้ารับรางวัลทั้งสิ้น 72 รางวัล ประกอบด้วย องค์กรดีเด่น 26 รางวัล บุคคลดีเด่นด้านโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ 16 รางวัล บุคคลดีเด่นด้านวิทยุกระจายเสียง 11 รางวัล และผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานเทพทองครั้งนี้รับโล่เกียรติยศ จำนวน 19 รางวัล

ด้าน นายสมชาย จรรยา กล่าวว่า สำหรับรางวัลองค์กรดีเด่น ได้แก่ สถาบันพระปกเกล้า บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โค้ช เชโรงเรียนสอนเทควันโด้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด ผู้ผลิตเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ มูลนิธิธรรมดี องค์การบริหารส่วนตำบลโพนสว่าง จังหวัดหนองคาย หน่วยทหารพรานกองทัพบก องค์การบริหารส่วนตำบลกุดค้า อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษ บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี ละครชาตรี คณะเพชรสุมาพร จังหวัดเพชรบุรี มูลนิธิยังมีเรา บริษัท ปิรามิด โซลูชั่น จำกัด จังหวัดภูเก็ต สำนักประชาสัมพันธ์เขต 4 จังหวัดพิษณุโลก วัดต้นพยอม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ผู้ใหญ่บ้าน ชุมชนบ้านปากช่อง หมู่ที่ 3 อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี สมาคมข้าราชการบำเหน็จบำนาญ กระทรวงสาธารณสุข (สาขากรุงเทพมหานคร) สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิง ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สโมสรไลออนส์ พัทยา-บางละมุง จังหวัดชลบุรี บริษัท เอ็ม.เจ.บางกอกวาล์วและฟิตติ้ง จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ สถานีข่าวเอทีวี บริษัท ทีวีนิวส์ จำกัด จังหวัดอยุธยา โรงแรมอาร์อัส โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น บริษัท โมเดิร์นโกลด์เยาวราช จำกัน 

สำหรับบุคคลดีเด่นด้านโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ ได้แก่ นายสุวิกรม อัมระนันทน์ กรรมการผู้จัดการและพิธีกรรายการ รายการเปอร์-สเปกทิฟ (PERSPECTIVE)สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี หมายเลข 30 นายอดิศักดิ์ ศรีสม ผู้ผลิตและผู้บรรยายสารคดี รายการประวัติศาสตร์นอกตำรา ทางสื่อออนไลน์ (YouTube) นางสาวอุมาพร ธำรงวงศ์โสภณ บรรณาธิการข่าว และผู้ประกาศข่าว รายการสดข่าวเที่ยง สถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 นางสาวประภาศรี สภานนท์ ผู้ช่วยบรรณาธิการออนไลน์ และผู้ประกาศข่าวรายการตลาดข่าว และรายการตลาดข่าวสุดสัปดาห์ สถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ผลิตรายการและผู้ดำเนินรายการ รายการข่าวเป็นข่าว สถานีโทรทัศน์ ท็อปนิวส์ หมายเลข 18 เจเคเอ็น นางสาวอัจฉรา ชูสว่าง โปรดิวเซอร์และผู้สร้างสรรค์การผลิตรายการ รายการลายกนกยกสยามสถานีโทรทัศน์ ท็อปนิวส์ หมายเลข 18 เจเคเอ็น นายวารินทร์ สัจเดว พิธีกร ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการข่าวรายการ TNN World Today สถานีโทรทัศน์ทีเอ็นเอ็น ช่อง 16 นางสาวตะวันรุ่ง ปริสุทธิธรรม ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการข่าว รายการ MONO ข่าวเช้า สถานีโทรทัศน์โมโน 29 ว่าที่ร้อยตรีภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการข่าวรายการข่าวพร้อมบวก สถานีโทรทัศน์โมโน 29 นางรัสรินทร์ ปริยไชยพงศ์ ศิลปินนักแสดงอิสระ ฉายานางเอกหนังตลกร้อยล้าน(ชื่อในวงการ ปิยะมาศ โมนยะกุล) เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม นางสาวจิตรฉรีญา บุญธรรม นักร้องแนวลูกทุ่ง นักร้องหมอลำหญิงชาวไทย (ชื่อในวงการ บิว จิตรฉรีญา) เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม นายสุรพล ทองด้วง นักร้องหมอลำ แชมป์หมอลำไอดอลคนแรกจากรายการหมอลำไอดอล(ชื่อในวงการ อ๊อฟ สุรพล) สถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23 นายวีระพงษ์ วงศ์ศรี ศิลปิน หมอลำต้นแบบ และนักประพันธ์ (ชื่อในวงการ บิ๊ก ภูมารินทร์) เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคม นายภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ พิธีกร วีเจ ศิลปินนักแสดง นักดนตรี และ เจ้าของเพจท่องเที่ยว Go Went Go นายจิตกร บุษบา ผู้ดำเนินรายการ กู๊ดมอร์นิ่งแนวหน้า ทางแนวหน้าออนไลน์ นางสาวกนกวรรณ ขวัญอ่อน นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการพิเศษและนักจัดรายการสื่อออนไลน์ เพจ 'กลุ่มช่วยด้วยใจ' ผู้ให้การปรึกษาตามแนวพุทธจิตวิทยา 

บุคคลดีเด่นด้านวิทยุกระจายเสียง ได้แก่ นายวิชัย วรธานีวงศ์ นักจัดรายการวิทยุรายการ ซีอีโอ วิชชั่น พลัส คลื่นความคิด เอฟเอ็ม 96.5 เมกะเฮิรตซ์ นางสาวมลฤดี ลูกอินทร์ นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ และนักจัดรายการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดศรีสะเกษเอฟเอ็ม 100.25 เมกะเฮิรตซ์ นางสาวปิยาภรณ์ กสิกรรมเมธากุล นักสื่อสารมวลชนปฏิบัติการ และนักจัดรายการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดยโสธร เอฟเอ็ม 90.0 เมกะเฮิรตซ์รองศาสตราจารย์พนิดา จงสุขสมสกุล นักจัดรายการวิทยุ สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร เอฟเอ็ม 107.25 เมกะเฮิรตซ์นางสาวสุพัตรา พรหมศร นักประชาสัมพันธ์เชี่ยวชาญ สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา เอฟเอ็ม 87.5 เมกะเฮิรตซ์ นายอานันท์ จันทร์ศรี นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาเอฟเอ็ม 87.5 เมกะเฮิรตซ์ นางสาวอาทิตยา ปักกะทานัง นักประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เอฟเอ็ม 89.5 เมกะเฮิรตซ์ นางสาวณัชชา โขมพัฒน์ ศิลปินนักร้องลูกทุ่ง ชื่อในวงการ นุจรี ศรีราชา นางสาวอรอุมา เกษตรพืชผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเค แมส จำกัด และผู้ดำเนินรายการวิทยุ รายการไอดอล สตอรี่ ทางสถานีวิทยุกองบัญชาการกองทัพไทย เอฟเอ็ม 101.0 เมกะเฮิรตซ์ นางสาวสาลี่ อินทร์โพธิ์ ศิลปินนักร้อง ชื่อในวงการ สาลี่ ขนิษฐา นายไอยรา อัลราวีย์ บรัศว์ตฤณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวออนไลน์ The States Times และผู้ดำเนินรายการ NAVY TIME สถานีวิทยุกระจายเสียงจากทหารเรือ(ส.ทร.) วังนันทอุทยาน เอฟเอ็ม 93.0 เมกะเฮิรตซ์

พระราชทานโล่เกียรติยศ อาทิ นางสุกานดา พันธุ์เสือ เจ้าของกิจการ บริษัท กานตนาทัวร์ จำกัด จังหวัดหนองคาย นางอารยา กุลธัญวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ร้านวีที แหนมเนือง จังหวัดหนองคาย นางสาวนฤมล รักษาภักดี กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด นฤมลทัวร์ จังหวัดหนองคาย นายจิรายุ สีกะมุท กำนันตำบลโนนสว่าง จังหวัดหนองคายว่าที่พันตรี รุ่งโรจน์ โพธิ์ทอง ข้าราชการบำนาญ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม นายสุรเดช มณีไพศาลสกุล ที่ปรึกษาตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จังหวัดสมุทรสาคร พระครูโสภณสาโรภาส (อภิวัฒน์ บางข่า) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม นางสาวกนิษฐรินทร์ วามะศิริภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกร เดอะ เบสท์ จำกัด นางจริยา รอดเที่ยง ที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์ BMC TV ONLINE และที่ปรึกษาหน่วยเผยแพร่ศีลธรรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม นางสาวประภารัตน์ เชื้อเวียง ผู้บริหาร บริษัท ดับเบิ้ลเอ็มอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จังหวัดขอนแก่น แพทย์หญิงณัฐฐาภณิตา รพีพงษ์พัฒนา กรรมการ บริษัทเอเบิ้ล ทูบี จำกัด นายพีรณัฐ นาคสุวรรณ์ ประธานบริษัท แพรวาออยล์ จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายมหพล ฉันทสหวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มณีพาวเวอร์ จำกัด เรืออากาศตรี กวิน สุยะนันทน์ กรรมการบริหาร บริษัท คิวเอ กรุ๊ป จำกัด นายวสันต์ พัดทอง ผู้ดำเนินรายการมิราเคิลพลังมู และผู้บริหารเพจเดี๋ยวรู้เรื่อง

‘กรวิน’ จับมือ ‘MASTER’ ทุ่ม 250 ล้าน เปิด “KRM Plastic Surgery Hospital” รพ.ศัลยกรรมความงามใหญ่สุดแห่งแรกในอีสานตอนกลาง

‘กรวิน คลินิก’ จับมือ ‘MASTER’ ทุ่มลงทุน 250 ล้านบาท เปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งใหญ่สุดแห่งแรกในภาคอีสานตอนกลางอย่างเป็นทางการ เน้นศัลยกรรมความงามครบวงจร ชูจุดเด่นทำเลดีใกล้สนามบิน รองรับกลุ่มลูกค้าขอนแก่น-พื้นที่ใกล้เคียงและต่างประเทศ เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน พร้อมส่องเทรนด์ความงามปี 2568 ยังโตดี ตอบโจทย์ดีมานด์เน้นความปลอดภัย มาตรฐานโรงพยาบาล และแพทย์ชำนาญการเป็นหลัก ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 15-20% 

เมื่อวันที่ (11 มี.ค. 68) นายแพทย์กรวิน ศิริโรจนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เค เมดิคอล (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบการสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงาม ภายใต้แบรนด์ ‘กรวิน คลินิก’ ‘รณภีร์ คลินิก’ และ ‘KRM Plastic Surgery Hospital’ เปิดเผยว่า บริษัทร่วมทุนกับ บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ในฐานะพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” โรงพยาบาลเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเคอาร์เอ็ม ขอนแก่น โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรใหญ่สุดแห่งแรกในภาคอีสานตอนกลางอย่างเป็นทางการ ด้วยเงินลงทุน 250 ล้านบาท เพื่อให้บริการด้านศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคปิด และขยายเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น ดึงหน้า ยกคิ้ว เสริมหน้าอก ตัดหนังหน้าท้อง ดูดไขมัน ปลูกผม บริการด้านผิวพรรณ และตรวจสุขภาพ เป็นต้น รองรับกลุ่มลูกค้าในขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น นครราชสีมา อุดรธานี มหาสารคาม หนองคาย ชัยภูมิ บุรีรัมย์ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เป็นต้น 

KRM Plastic Surgery Hospital ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ขนาดพื้นที่กว่า 3,500 ตร.ม. ประกอบด้วย ห้องผ่าตัด (OR) จำนวน 7 ห้อง ห้องพักฟื้น 8 เตียง ห้อง IPD  6 เตียง ห้องเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ (CSSD) พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ประจำโรงพยาบาล เช่น 
•นายแพทย์ศิรพล ประชากุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ศัลยแพทย์เฉพาะทางตกแต่งใบหน้า (Facial Plastic Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมจมูก ดึงหน้า และยกคิ้วส่องกล้อง 
•นายแพทย์กวีศักดิ์ เสาทองหลาง ศัลยแพทย์เฉพาะทางตกแต่ง (Plastic Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ตัดหน้าอก ดึงหน้า ตัดหนังหน้าท้อง ยกคิ้วส่องกล้อง และดูดไขมัน 
•นายแพทย์พิจักษณ์ สิริรัตนากุล ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgery) ชำนาญการหัตถการเสริมหน้าอก ยกกระชับหน้าอก ดูดไขมัน และตัดเหนียง
•นายแพทย์อภิชิต วิรัชพงศานนท์ ศัลยแพทย์ทั่วไป (General Surgery) ชำนาญหัตถการเสริมหน้าอก  ตา 2 ชั้น ปากกระจับ เสริมจมูก และเสริมคาง 
•นายแพทย์อธิกร เทียบพา ศัลยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมประสาทและสมอง (Neuro Surgery) ชำนาญการหัตถการดึงหน้า ยกคิ้ว ส่องกล้อง เสริมหน้าผาก เสริมขมับ เสริมร่องแก้ม ตา 2 ชั้น ปากกระจับ เสริมจมูก และเสริมคาง 
•นายแพทย์ชนัตถ์ มาลัยกนก ศัลยแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวช (OB /GYN Surgery) ชำนาญการหัตถการตกแต่งเลเบีย 
ยกกระชับช่องคลอด และฟิลเลอร์เติมเต็มน้องสาว 
•แพทย์หญิงปิยทิพย์ ปิยอรรถกิจ แพทย์หญิงณัฐวรรณ ครุธามาศ และ แพทย์หญิงดรรชนี สิงห์ไธสง แพทย์ประจำศูนย์ความงาม และ Wellness 

“จังหวัดขอนแก่นจัดเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก ตามกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยว ในฐานะเป็น MICE City 1 ใน 5 พื้นที่ของประเทศ ด้วยศักยภาพความพร้อม ทั้งศูนย์กลางทางการแพทย์ การลงทุน การค้า เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การคมนาคม การศึกษา และศูนย์ราชการ ทำให้มีผู้คนสัญจรและเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้าจังหวัดจำนวนมากและต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของ KRM Plastic Surgery Hospital และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการศัลยกรรมความงามของภาคอีสานตอนกลาง ด้วยความมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานโรงพยาบาลสู่ระดับสากลและความปลอดภัยสูงสุด” นายแพทย์กรวินกล่าว  

ทั้งนี้ ประเมินว่าปี 2568 อุตสาหกรรมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าและรูปร่างอยู่ในช่วงขาขึ้นและเติบโตต่อเนื่อง ตามตลาดความงามที่มีความต้องการซื้อสูง ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความปลอดภัยอย่างสูงสุด และได้รับการดูแลจากแพทย์ที่ชำนาญการสูงสุดด้านการศัลยกรรม ผสมผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยส่วนใหญ่จะเน้นความละเอียดอ่อน และผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงการเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานโรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีแพทย์ชำนาญการเฉพาะทาง

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 นี้ เน้นสร้างความเชื่อมั่นให้ KRM Plastic Surgery Hospital เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และนำเสนอบริการต่าง ๆ ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการที่ MASTER เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจ นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบสารสนเทศโรงพยาบาล Hospital Information Systems (HIS) รวมถึงระบบงานบริหารจัดการความพึงพอใจของลูกค้า Customer Relationship Management (CRM) อีกด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การตลาดแบบ Online Marketing มากขึ้น แนะนำบริการด้านศัลยกรรมความงามกับกลุ่มเป้าหมายในทุกระดับ ซึ่งต่อจากนี้บริษัทจะทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของศูนย์ดูแลผิวพรรณ ได้นำนวัตกรรมเครื่องยกกระชับรุ่นใหม่ “Ulthera Prime” (อัลเทอร่าไพร์ม) ที่ช่วยฟื้นฟูผิวชั้นลึก ลดริ้วรอย รอยใต้ตา ยกหางตา-หางคิ้ว ร่องแก้ม ช่วยเก็บกรอบหน้า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวหน้าเรียบเนียน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อย ผิวไม่ค่อยกระชับ แบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เพื่อเพิ่มรายได้ของการดูแลผิวพรรณอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 560 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 15-20%

นอกจากนี้ภายในงานเปิดตัว “KRM Plastic Surgery Hospital” ยังแต่งแต้มสีสันกับทัพเหล่าดารา คนดัง และ อินฟลูเอนเซอร์ เช่น คุณแม่นกน้อยอุไรพร, เฮียหน่อย หมอลำไอดอล, บอสโจ และ น้องอุ๋งอิ๋ง สาวน้อยเพชรบ้านแพง, ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ และคุณโกกิ โตเกียวมิวสิค, คุณใหม่ พัชรี, คุณบิว จิตรฉรีญา, คุณป๊ายปาย โอริโอ, คุณดิว ธีรภัทร, ธัญญ่า อาร์สยาม, กิ๊ก รุ่งนภา, นะนุ่น & Collarich, Team Mister Khonkaen 2024, นางสาวไทยสกลนคร 2568  มาร่วมแสดงความยินดีกับงานเปิดตัวโรงพยาบาล  

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนาม โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผู้นำอันดับต้นของอุตสาหกรรมด้านความงามในไทยและเอเชีย ในฐานะ Regional Company กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น 40% ใน กรวิน คลินิก การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต 

โดย MASTER พร้อมให้การสนับสนุน กรวิน คลินิก ในทุกมิติ ด้วยการส่งทีมแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช เช่น หมอกาย- นพ.ณัฐดนัย ชาวชายโขง แพทย์ชำนาญการหัตถการดูดไขมัน, หมอเป็ด-นายแพทย์ชิดพงศ์ ทองกุม แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า และหมอฟรี-นายแพทย์วรดร สกลพรวศิน แพทย์ชำนาญการด้านสุขภาพเพศชาย มาร่วมเสริมทัพที่ KRM Plastic Surgery Hospital ด้วย และในโอกาสนี้ร่วมยินดีกับ กรวิน คลินิก ที่สามารถเปิดตัวโรงพยาบาลได้สำเร็จตามแผนที่ตั้งไว้  

“เรียกได้ว่า กรวิน คลินิก เป็นหนึ่งในผู้นำด้านศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคปิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับผู้เริ่มทำศัลยกรรม ถือเป็นตลาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของตลาดเสริมจมูกเทคนิคปิด ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 16 ปี มีจุดเด่น คือ แพทย์เป็นเจ้าของเองและมีความชำนาญการด้านการเสริมจมูกเทคนิคปิดโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาปัญหาความงามทั้งใบหน้าและผิวหน้าแบบครบวงจร โดยออกแบบใบหน้าเคสต่อเคส ดูแลทุกขั้นตอนด้วยแพทย์ พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เพิ่มความมั่นใจด้วยการรับประกันนาน 12 เดือน ถือเป็นแต้มต่อทางธุรกิจที่สำคัญ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มสร้างผลกำไรให้ MASTER เข้าเต็มปี 2569 เป็นปีแรก” นางสาวลภัสรดากล่าว

MASTER พร้อมรับโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต ทั้งด้าน Organic และ Inorganic พร้อมด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ทั้ง Cross Border - Cross Selling และ Cross Synergy ซึ่งที่ผ่านมา MASTER ขยายการลงทุนเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 36-40% ของบริษัทชั้นนำในวงการศัลยกรรมความงาม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 15 บริษัท ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้เป็นแรงสนับสนุนการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันของกลุ่มบริษัท และส่งเสริมให้ MASTER ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดศัลยกรรมความงามและแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น อย่างไรก็ตามปี 2568 MASTER ยังมั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดหวังลูกค้าต่างประเทศจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 40%   

อดีตเสนาธิการทหารสมัย ปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช ออกมาแฉ CIA เคยยุยงชาวอุยกูร์ในซินเจียง เพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพจีน

(12 มี.ค. 68) พ.อ.ลอว์เรนซ์ วิลเกอร์สัน (Lawrence Wilkerson) อดีตหัวหน้าเสนาธิการทหารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในยุคอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดเผยว่า CIA เคยได้รับคำสั่งให้เข้าไปปลุกปั่นชาว อุยกูร์ ที่ไม่พอใจรัฐบาลจีนในมณฑล ซินเจียง เพื่อทำให้เกิดความไม่สงบและสั่นคลอนเสถียรภาพของจีน

คำกล่าวของวิลเกอร์สันเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน ในงานสัมมนาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยเขาระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการดังกล่าวคือการกดดันจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งด้านเชื้อชาติ เช่น มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นบ้านของชาวอุยกูร์ที่มีวัฒนธรรม ศาสนา และภาษาแตกต่างจากชาวฮั่นที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของจีน

“หากเราต้องการทำให้จีนหวั่นไหว เราควรใช้ CIA เข้าไปกระตุ้นให้ชาวอุยกูร์ที่ไม่พอใจลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลปักกิ่ง” วิลเกอร์สัน กล่าวในเวลานั้นพร้อมเสริมว่า “การสร้างความไม่สงบในซินเจียงจะช่วยกดดันจีนในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ใช้ในการรับมือกับอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวถูกนำกลับมาจนกลายเป็นที่สนใจอีกครั้งในปัจจุบัน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ซึ่งจีนกล่าวหาสหรัฐฯ มาตลอดว่าพยายามใช้ประเด็นอุยกูร์เพื่อแทรกแซงกิจการภายในของตน

นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การเปิดเผยของวิลเกอร์สันสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของสหรัฐฯ ในการใช้ปฏิบัติการลับเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศคู่แข่ง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางศาสนาในจีน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อคำกล่าวนี้อย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านี้ ปักกิ่งเคยกล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในซินเจียง และใช้ประเด็นอุยกูร์เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด

ส่วนเรื่องการเปิดเผยดังกล่าวจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างไร ยังต้องจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งในหลายประเด็น ตั้งแต่เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ไปจนถึงภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ยังไม่พบแหล่งข้อมูลจากสำนักข่าวต่างประเทศที่ยืนยันข้อมูลดังกล่าว ดังนั้นควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลและตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เพิ่มเติม

ยูเครนตอบรับข้อเสนอจากสหรัฐฯ ยอมหยุดยิง 30 วัน กลายเป็นก้าวแรกในการยุติสงครามกับรัสเซีย

(12 มี.ค. 68 ) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ยูเครน ยอมรับข้อเสนอจากสหรัฐอเมริกาในการหยุดยิง เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาสันติภาพกับ รัสเซีย หลังจากมีการพูดคุยระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป โดยข้อเสนอนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามในการบรรเทาความรุนแรงและสร้างพื้นที่สำหรับการเจรจาทางการเมืองที่ยั่งยืนในภูมิภาคที่เกิดความขัดแย้งมายาวนาน

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้ออกมาประกาศว่าฝ่ายรัฐบาลยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อเปิดโอกาสในการพิจารณาทางเลือกในการยุติสงคราม ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในการยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในยูเครน และช่วยลดการสูญเสียชีวิตของพลเรือนรวมถึงทหารของทั้งสองฝ่าย

แถลงการณ์จากทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนการหยุดยิงนี้อย่างเต็มที่ และย้ำว่า การหยุดยิงเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความตึงเครียด และเปิดทางให้การเจรจาสันติภาพดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่มีเงื่อนไข โดยขอให้ยึดความสำคัญของการยุติการใช้ความรุนแรง

“วันนี้เราได้เสนอข้อตกลงที่ยูเครนยอมรับแล้ว ซึ่งก็คือการหยุดยิงและจะเริ่มเจรจากันทันที” มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว “ตอนนี้เราจะนำข้อเสนอนี้ไปให้รัสเซีย และเราหวังว่าพวกเขาจะบอกว่าใช่ เพื่อสันติภาพ และตอนนี้ลูกบอลอยู่ในสนามของพวกเขาแล้ว” 

แม้ว่าการหยุดยิงจะมีระยะเวลาจำกัดเพียง 30 วัน แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศของความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียยังคงเงียบต่อข้อเสนอและยังคงยืนยันจุดยืนที่เกี่ยวข้องกับการขยายอำนาจในภูมิภาค

นักวิเคราะห์ระบุว่า การหยุดยิงนี้จะเป็นเครื่องมือในการลดความรุนแรงและเป็นช่องทางให้ประเทศต่าง ๆ สามารถเข้ามามีบทบาทในการไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนสำหรับสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมานาน

สำหรับกระแสความคิดเห็นในยูเครน มีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้านการหยุดยิง โดยฝ่ายที่คัดค้านยืนยันว่าไม่สามารถยอมรับการหยุดยิงที่อาจทำให้ยูเครนเสียพื้นที่ที่ได้ต่อสู้มา แต่ฝ่ายที่สนับสนุนเห็นว่า การเจรจาสันติภาพมีความสำคัญต่อการยุติสงครามและการฟื้นฟูประเทศในระยะยาว

ทั้งนี้ สหรัฐฯ และพันธมิตรจะติดตามผลการหยุดยิงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อกำหนดและสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการเจรจาสันติภาพในอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top