Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

‘ต่าย ชุติมา’ ยัน!! ไม่เคยพูด ‘พิธา อดีตสามี’ จูบเท้า ฟาด!! ไปดูสัมภาษณ์ให้จบก่อนจะพิมพ์หรือพูดอะไร

(17 ก.ค. 66) จากกรณี ‘ต่าย ชุติมา’ ได้มาเปิดใจผ่านรายการ ‘ซานิเบาได้เบา’ ทางช่องยูทูบ One Playground ออกมาเล่าถึงเรื่องราวความรักอีกครั้ง แต่ดันกลายเป็นดรามาขึ้นจนได้

ช่วงหนึ่งที่พิธีกรถามว่า ‘อะไรที่คิดว่าเขาทำให้แล้วรู้สึกโรแมนติก’ ต่ายตอบว่า “จูบเท้า จูบด้วยความทะนุถนอม อย่าไปคิด 18+ นะ ไม่ใช่ (หัวเราะ) เราก็ลูบหัวเขาอะไรแบบนี้” ซึ่งก็ทำให้ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นกันมากมาย

ล่าสุด ‘ต่าย ชุติมา’ โพสต์ไอจีระบุว่า “จะถล่มเพื่ออะไรหรอคะ? จะดราม่าเพื่ออะไรคะ? จะยิ้มสู้ทำไมคะ? งงค่า ขอแถลงแจ้งตรงนี้ว่าไม่เคยพูดประโยค “พิธา หรืออดีตสามีจูบเท้า” ค่ะ ใครมีหลักฐานไปแคปมาทีค่ะ

ในรายการพิธีกรถามถึง “ประสบการณ์สุดโรแมนติกในชีวิตรักที่ผ่านมา” ต่ายเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในความทรงจำที่ประทับใจ ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เรารู้สึกดี จะทำให้คนฟังตีความและพาดพิงถึงบุคคลที่เราอาจจะไม่ได้เอ่ยถึงในชีวิตเรา

รบกวนหากใครจะโยง ให้นึกถึงหัวอกของเราบ้างค่ะ รบกวนไปดูคลิปสัมภาษณ์ก่อนค่ะ ก่อนจะพิมพ์หรือพูดอะไร #สำนักข่าวเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รายงาน”

‘กรมอุตุนิยมวิทยา’ ประกาศเตือน ‘พายุตาลิม’ 17-20 ก.ค.นี้ ชี้!! มีฝนตกหนัก เฝ้าระวัง ‘น้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก’ 

(17 ก.ค. 66) นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง พายุโซนร้อน ‘ตาลิม’ (TALIM) ฉบับที่ 10 โดยมีใจความว่า เมื่อเวลา 04.00 น. บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 66

อนึ่งในช่วงวันที่ 17-20 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจาก ฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

จังหวัดที่คาดว่า ‘ฝนตกหนักถึงหนักมาก’ จากผลกระทบพายุโซนร้อน ‘ตาลิม’ (TALIM) มีดังนี้

>> วันที่ 17 ก.ค. 2566
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ตาก และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

>> วันที่ 18 กรกฎาคม 2566
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และกำแพงเพชร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองบัวลำ ภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ตกระบี่ ตรัง และสตูล

>> วันที่ 19-20 กรกฎาคม 2566
ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิจิตรพิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารขอนแก่น กาฬสินธุ์มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ตกระบี่ ตรัง และสตูล

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตรขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 05.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 11.00 น.

'โบว์-ณัฏฐา' ชี้!! พฤติกรรมของด้อมส้มตอนนี้ พ้องกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตสมัย 14 ตุลาฯ

(17 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง กล่าวถึงกรณีด้อมส้มที่ตามคุกคาม ส.ว. กับ กกต. ไว้ว่า...

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ คนเดือนตุลาคมหลายคนเขาบอกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่พ้องกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตอนสมัย 14 ตุลาคม ขบวนการนักศึกษากระแสสูงมาก ได้รับการสนับสนุนกับสังคมสูงมาก ๆ เสร็จแล้วเกิดอะไรขึ้น? ก็เกิดอาการกร่างหลังจากทำลายรัฐบาลเผด็จการตอนนั้นไปได้แล้ว เกิดอาการกร่าง 

แล้วกร่างยังไง? คือทุกคนต้องคิดเหมือนเขา ต้องเห็นตามเขา และต้องทำตามเขา และเขาก็เอานักศึกษาไปจัดการองค์กรต่าง ๆ จนกระทั่งมันเกิดกระแสต้าน จึงนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม ในที่สุด เราจะไม่พูดว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่นี่คือสิ่งที่คนเดือนตุลาคมหลาย ๆ คน พูดตรงกัน ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ พฤติกรรมของด้อมส้มตอนนี้ มันคล้าย ๆ กับตอนนั้นเลยนะ คือความกร่าง และไปก้าวร้าวใส่คนอื่นเต็มไปหมด 

คราวนี้สิ่งที่ทำกับ ส.ว. คือผิดอยู่แล้ว มันคือการคุกคาม จะบอกว่ากติกาที่ ส.ว. มาร่วมโหวตนายกฯ โบว์เป็นคนที่ต่อต้านมาตั้งแต่ต้นจนจบเลย จนกระทั่งวาระสุดท้าย นาทีสุดท้ายที่จะเสนอแก้กฎหมายข้อนี้ได้ เราเป็นคนเสนอแก้พร้อมกับอาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร แต่เมื่อเราทำไม่สำเร็จ แล้วตอนนั้นโบว์จะบอกว่าทำไมถึงทำไม่สำเร็จ เพราะว่าขบวนการเคลื่อนไหวไม่สนใจเรื่องนี้เลย ขบวนการเคลื่อนไหวไปโฟกัสกับอะไร? ไปโฟกัสกับการด่าเจ้า ไปโฟกัสกับอเจนด้าเกี่ยวกับการปฎิรูปสถาบัน แต่ด้วยท่าทีสิ่งที่ทำคือการด่าเจ้า นั่นคือสิ่งที่พวกคุณทำ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ทำอะไรในตอนนั้น คุณเปิดแคมเปญยกเลิก 112 ซึ่งไม่ใช้แก้ไขนะ ตอนนั้นคณะก้าวหน้า เปิดแคมเปญยกเลิก 112 ออนไลน์ คุณไปโฟกัสกับสิ่งนั้นไง และไม่มาโฟกัสกับ ส.ว. ในการโหวตนายกฯ กับสิ่งที่โบว์ทำอยู่ แต่คราวนี้เมื่อมันทำและพลังของประชาชนที่มาผลักดันเรื่องนี้มันไม่ได้มากพอ มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ มันก็แพ้เสียง ส.ว. นั่นแหละ เพราะว่าการกดดันจากข้างนอกแทบไม่มีเลย 

ดังนั้นเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขกติกาแล้ว แนวทางของโบว์นะคะ คือต้องเคารพกติกา เพราะว่าเราแก้ไม่ได้ บ้านเมืองมันต้องอยู่บนความเอาแต่ใจตนเองไม่ได้ บ้านเมืองมันตั้งอยู่ความพยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ แต่เมื่อไหร่ที่ทำไม่ได้แล้วมันมีกติกาอยู่ คนทั้งประเทศต้องเคารพกติกา ไม่อย่างงั้นคุณก็คิดดูแล้วกัน ว่าคนทั้ง 70 ล้านคน 70 ล้านความต้องการ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกคนเอาความต้องการตัวเอง และเอาแต่ใจตัวเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่ แล้วคุณจะคอนโทล 70 ล้านคนได้ยังไง? 

ดังนั้นเรื่องอำนาจ ส.ว. ตรงนี้มันมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญแล้วมันแก้ไม่ได้ มันก็ต้องเคารพ เมื่อเคารพก็แปลว่าอะไร? แปลว่าต้องเคารพสิทธิ์ของ ส.ว. พวกนั้น ซึ่งเขาไม่ได้ไปเอาปืนจี้ใคร เพื่อที่จะมานั่งเป็น ส.ว. เพราะเขามาตามรัฐธรรมนูญ ใน 250 คนนั้น มีทั้งอดีตข้าราชการ อดีตนายพลอะไรต่าง ๆ หรือนายพลปัจจุบันก็มี เขามาตามรัฐธรรมนูญ 60 ที่เราไม่ประสบความสำเร็จในการสกัดมาตั้งแต่ปี 59 และเราไม่ประสบความสำเร็จในการแก้มาตรา 272 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้เขามาตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคุณหาเสียงได้ ว่า อยากให้ ส.ว. โหวตให้พิธา เพราะอะไร คุณสามารถบอกได้ แต่คุณจะไปกดดันข่มขู่ไม่ได้ เมื่อเขาใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนญของเขาโหวตแล้ว คุณจะไปกดดันข่มขู่ธุรกิจครอบครัวเขา ไปบูลลี่ลูกของเขา รวมถึงไปข่มขู่ญาติพี่น้องเขา ซึ่งมันไม่ได้ คุณกำลังทำตัวเป็นอนาธิปไตยแล้ว จะบ้าหรือเปล่า? 

มันเป็นสิ่งที่ต้องพูด แล้วมันพูดเบา ๆ ไม่ได้ มันต้องพูดแรง ๆ เพราะว่าสิ่งที่ทำมันละเมิดรุนแรง ถ้าสิ่งที่ทำไม่ใช่การละเมิดรุนแรง เราก็จะไม่พูดแรง ๆ แต่สิ่งที่ทำเป็นการละเมิดรุนแรง เป็นการตามกันไปถึงบ้านแล้วในบางจังหวัด แล้วจะบอกว่าวันนี้ ส.ว. เขาไม่อยู่เฉยแล้วนะคะ เขามีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว สถานีตำรวจทุกจังหวัดพร้อมดูแลบ้าน ส.ว. ทุกบ้าน ใครไปคุกคามธุรกิจเขา คุกคามลูกเมียเขา หรือแม้แต่กระทั่งคุมคามทางออนไลน์ก็ตาม เขามีการตั้งทีมทนายมาเป็นสิบแล้วนะคะ แล้วประสานองค์กรทนายความหลายองค์กรมาช่วยกันแล้วค่ะ ถามว่าแนวร่วมพรรคก้าวไกลทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ในบ้านเมืองได้ยังไง? แล้วพรรคก้าวไกลคุณไม่สามารถที่จะคอนโทลแนวร่วมของคุณ แล้วมันมีแนวร่วมของพรรคการเมืองอยู่พรรคเดียวที่มีพฤติกรรมคุกคามชาวบ้านเขา ทำไมกองเชียร์พรรคเพื่อไทยเขาไม่เป็นล่ะ กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเนี่ยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเขาโดนอะไรมาหนักกว่าคุณเยอะเลยนะ ทำไมเขายังมีอารยะได้ในระดับที่ฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยอมรับว่ากองเชียร์พรรคเพื่อไทยยังคุยรู้เรื่อง แล้วทำไมกองเชียร์ก้าวไกลถึงเป็นอย่างงี้ เพราะว่าแนวทางของพรรคก้าวไกลตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่เป็นมิตรกับใครเลยค่ะ 

ดังนั้น ที่บอกว่า ส.ว. ไม่ยอมรับ พรรคก้าวไกลเพราะแก้มาตรา 112 หรือเปล่า? มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ บางคนบอกว่า การมาพูดเรื่องมาตรา 112 ในสภาฯ ตอนนี้ไม่เหมาะสม เพราะว่ามันไม่ใช่วาระการแก้กฎหมาย มันเป็นวาระการเลือกนายกฯ แต่โบว์จะบอกว่ามันเชื่อมโยงกันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการโหวตนายกฯ มาตรา 159 ตามรัฐธรรมนูญบอกให้พิจารณาบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเขาจึงต้องอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อยคุณสมบัติ การถือหุ้นสื่อ หรือคุณสมบัติในความมีจริยธรรมทางการเมืองที่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้เหตุผลของ ส.ว. นะคะ แต่โบว์จะอธิบายให้ฟังว่า เขาจึงได้เอาร่างแก้มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลมาชำแหละในรายละเอียด รายละเอียดที่แฟนคลับพรรคก้าวไกลไม่เคยอ่านนั่นแหละ เขามาชำแหละให้ดูว่ามันขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 อย่างไร และถ้าเกิดว่าแคนดิเดตนายกฯ สังกัดพรรคการเมืองที่นำเสนอกฎหมายที่มันขัดกับรัฐธรรมนูญเนี่ย เขาก็ยอมต้องตั้งคำถามกับคุณสมบัติของแคนดิเดตคนนั้น ว่าคุณเหมาะหรือเปล่าที่จะมาเป็นนายกฯ ในการปกครองระบอบที่เรามีอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ นี่คือเหตุผลของการที่ทำไมต้องใช้เวลาทั้งวันในวันนั้นอภิปรายเรื่องมาตรา 112 เป็นหลัก ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเสนอแก้กฎหมายก็ไม่ได้เหรอ? ไม่ใช่ค่ะ เสนอแก้กฎหมายได้ค่ะ แต่ถ้าคุณเสนแก้กฎหมายที่เนื้อหาของมันขัดกับรัฐธรรมนูญ เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามได้ว่าคุณเหมาะที่จะเป็นนายกฯ ของประเทศนี้ไหม นายกฯ ของวันนี้ นายกฯ ของยุคสมัยใหม่ ต้องไม่ใช่นายกฯ ที่สร้างแต่ความแตกแยก ต้องไม่ใช่นายกฯ ที่มาจากพรรคการเมืองที่มีแนวทางนโยบายหลาย ๆ อย่าง แนวทางการขับเคลื่อนหลาย ๆ อย่าง สร้างปัญหาขึ้นมามากมายในสังคมตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นั่นคือเหตุผลที่เขาอภิปรายคุณสมบัติคุณแบบนั้น เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอีกเรื่องนึง แต่โบว์เล่าให้ฟังว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไร

‘ชัยวุฒิ’ สุดแฮปปี้พาลูกเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์ ไม่ปล่อยผ่านช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส ใช้เวลาวันหยุดทำหน้าที่พาลูกเที่ยว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้พาลูก ๆ ทั้ง 3 คน เดินเที่ยวที่ตลอดจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต พร้อมโพสต์ภาพและข้อความ ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า เด็กๆ แฮปปี้มากครับ ได้มาเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์แดนเนรมิต 

ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ ย้ำว่า แม้ภารกิจการทางการเมือง ทั้งการเป็นรัฐมนตรี และทำงานในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่หากมีเวลาว่างในวันหยุด จะใช้เวลาที่มีอย่างจำกัดอยู่กับลูก ๆ เสมอ พร้อมกับจะพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวหาประสบการณ์นอกบ้านเป็นประจำ เพราะมองว่า ประสบการณ์นอกบ้านนั้น คือส่วนสำคัญที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักการเข้าสังคมและเห็นวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคมด้วย

แน่นอนว่า การพาลูก ๆ มาเที่ยวตลาดจ๊อดแฟร์นั้น ได้ทั้งความสนุกสนาน ได้ชิมอาหารอร่อย ๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า หลายคนมาขอถ่ายรูปด้วย ถือว่าเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นใจเป็นอย่างมาก 

‘รัฐบาล’ เร่งยกระดับ ‘ท่าเรือแหลมฉบัง’ สู่ท่าเรือสีเขียว ดันเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลของเอเชียแบบไร้มลพิษ

(17 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าของการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังมาโดยตลอด โดยตั้งเป้าให้แหลมฉบังเป็นศูนย์กลางทางการขนส่ง สร้างท่าเรือสีเขียว ลดมลพิษจากการขนส่งพร้อมสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องหลักพันล้านบาทต่อปี รวมทั้งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลระดับเอเชีย

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการดำเนินการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ให้สอดคล้องกับแนวทางท่าเรือสีเขียวจะสามารถช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในท่าเรือได้อย่างมีนัยสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 

1. การใช้รถบรรทุกไฟฟ้าและการพัฒนาเทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping) โดยหากท่าเรือแหลมฉบังเปลี่ยนไปใช้รถบรรทุกไฟฟ้าราว 10% หรือประมาณ 1,000 คันต่อวัน จะช่วยลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันดีเซลสูงถึง 50 ล้านลิตรต่อปี ประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงราว 800 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 มากถึง 4.8 หมื่นตัน CO2e ต่อปี  

2. การใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 11.1% CAGR ในปี 2579 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในการพัฒนาราว 600 ล้านบาท และสามารถลดก๊าซ CO2 เฉลี่ยปีละ 4.9 พันตัน CO2e  

3. การเปลี่ยนระบบการขนส่งตู้สินค้าเป็นทางรถไฟ โดยท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 มีแผนจะพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator: SRTO) เพิ่มความสามารถในการรองรับตู้สินค้าเป็น 6 ล้าน TEU ต่อปี ทำให้แหลมฉบังมีความสามารถในการรองรับปริมาณตู้สินค้าถึง 5.3 ล้าน TEU ต่อปี ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งราว 1.2 พันล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซ CO2 มากถึง 0.79 ล้านตัน CO2e ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายจากการพัฒนาการขนส่งทางรางของท่าเรือแหลมฉบังของภาครัฐ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ทางศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทยได้วิเคราะห์ว่า แนวทางการพัฒนาท่าเรือสีเขียว ของท่าเรือแหลมฉบังในระยะที่ 3 สามารถช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในธุรกิจผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมถึงธุรกิจผลิตแบตเตอรี่อย่างน้อยราว 1.8 หมื่นล้านบาท และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เช่น ธุรกิจรับจ้างติดตั้งและก่อสร้างระบบเซลล์แสงอาทิตย์ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ประมาณ 600 ล้านบาท และในช่วงปี 2567-2578 ส่วนการเปลี่ยนระบบการขนส่งเป็นทางรถไฟมากขึ้น จะช่วยทำให้ธุรกิจผลิตหัวรถจักรไฟฟ้าได้รับประโยชน์จากการพัฒนาในส่วนนี้ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ผลักดันการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือสีเขียว เพื่อให้รองรับการเติบโตเศรษฐกิจไทย และก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลของเอเชีย รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่ EEC ประเทศไทย และประเทศในภูมิภาค พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาท่าเรือสีเขียวตามแนวทางของเศรษฐกิจบีซีจี (BCG) เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจประเภทใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ รองรับความท้าทายในโลก ผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรอบด้าน

‘สกายวอล์ก เชียงคาน’ สูงเทียบเท่าตึก 30 ชั้น เช้าชมทะเลหมอก เย็นเห็นพระอาทิตย์ตกหลังเขา

สกายวอล์ก เชียงคาน หรือ สกายวอล์ก ภูคกงิ้ว จุดชมวิวแม่น้ำ 2 สี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ต้องไปเช็คอิน ตั้งอยู่ที่ ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งเป็นแผ่นดินจุดแรกของภาคอีสานที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน มีความสูงกว่าระดับแม่น้ำโขง 80 เมตร หรือเทียบเท่าได้กับตึกสูง 30 ชั้น ทางเดินนั้นทำด้วยกระจกใสยาว 100 เมตร กว้าง 2 เมตร โดยบนสกายวอล์กนั้น จะสามารถมองเห็นแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกัน เป็นแนวพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่าง ประเทศสปป.ลาวกับประเทศไทย เกิดเป็นแม่น้ำ 2 สีที่สวยงามมาก

ทางด้านหลังของสกายวอล์กแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานพระใหญ่ภูคกงิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 19 เมตร หล่อขึ้นด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่น ฐานขององค์พระพุทธรูปนั้นเต็มไปด้วยธูปเทียน และบายศรีดอกไม้ ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยว นำมาวางสักการะไว้ เพื่อความเป็นสิริมงคล

หากมาเที่ยวชมในยามเย็น ก็จะเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยงามหลังภูเขา แต่ถ้าหากมาในยามเช้า ก็จะเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก

ข้อมูลเพิ่มเติม
เปิดบริการทุกวัน 7.00-180.. น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/VAjc1ZLSKRTxBjz86 
ค่าเข้าชม : ค่ารถขึ้น-ลง ราคา 20 บาท , รองเท้าสำหรับเข้าสกายวอล์ค 30 บาทต่อคู่

‘ปิ่น เก็จมณี’ ปลื้มใจ!! ‘เจ้าขุน’ เรียนจบแล้ว ฟาก ‘เจ เจตริน’ รีบเข้ามาคอมเมนต์ร่วมยินดี

(17 ก.ค. 66) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่คนเป็นพ่อและแม่ภูมิใจ ที่ ‘เจ้าขุน จักรภัทร’ ลูกชายของ  ‘ปิ่น เก็จมณี’ และ ‘เจ เจตริน’ สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Regent’s University London ที่ประเทศอังกฤษแล้ว โดยในอินสตาแกรมของปิ่นได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความยินดีแก่ลูกชาย ขณะเดียวกัน เจ เจตริน ก็ได้เข้ามาร่วมคอมเมนต์ใต้ภาพของปิ่นว่า “ภูมิใจจุง” และ “so proud of him” อีกด้วย

‘บิ๊กตู่’ ปลื้ม!! เทศกาลภาพยนตร์ไทย-มาเลเซีย 2023 คึกคัก พร้อมดันกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางด้านภาพยนตร์ของอาเซียน

(17 ก.ค. 66) สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ใช้มิติวัฒนธรรมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย โดยรับทราบผลสำเร็จของงานเทศกาลภาพยนตร์ไทยในมาเลเซียประจำปี 2566 ภายใต้ธีม ‘Bridging Thainess to International Audience’ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่  13 - 16 กรกฎาคม 2566 ที่โรงภาพยนตร์ GSC Mid Vally โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย กระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะและวัฒนธรรมมาเลเซีย คณะกรรมการพัฒนาภาพยนตร์แห่งมาเลเซีย (FINAS) คณะทูตานุทูตต่างประเทศ พร้อมทั้งสื่อมวลชนมาเลเซีย นักเรียน นักศึกษามาเลเซียและไทย คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย และแฟนคลับชาวไทยและมาเลเซีย เข้าร่วมกันอย่างคึกคัก

ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งเสริมมิตรภาพ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว ในเชิงสังคมและวัฒนธรรม ยังเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และความร่วมมือในอนาคตระหว่างอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงของทั้งสองประเทศ เปิดโอกาสทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาความสำเร็จของประเทศไทยสามารถดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในไทย ทำให้สถิติ 7 ปี (2559 - 2565) สร้างรายได้เข้าประเทศแล้วกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ครม.พล.อ.ประยุทธ์ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ  ทำให้มั่นใจว่าจะผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางด้านภาพยนตร์ของอาเซียนได้ตามเป้าหมาย

สำหรับการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไทยในมาเลเซีย ประจำปี 2566 ภายใต้ธีม ‘เชื่อมความเป็นไทยสู่สากล’ นำภาพยนตร์ไทย 5 เรื่องจากเครือภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อเสียงมาฉายสู่สายตามิตรชาวมาเลเซีย ได้แก่ แอน (Faces of Anne) เทอมสองสยองขวัญ (Haunted Universities 2nd Semester) บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny the Movie) Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ และหนังรักคลาสสิคตลอดกาล Friend Zone ระวัง...สิ้นสุดทางเพื่อน โดยจัดฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือ Golden Screen Cinemas (GSC) 4 แห่งใน กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองปูตราจายา และรัฐสลังงอร์ ได้แก่ GSC Mid Valley GSC 1 Utama GSC MyTown และ GSC IOI City Mall โดย ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

‘อิงอิง MUT’ ยอมรับเคยทำแท้ง ไม่หวั่น!! หากชวดมงฯ-เสียภาพลักษณ์ ขอผลักดัน ‘ทำแท้งถูกกฎหมาย’ ให้ผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากขึ้น

(17 ก.ค. 66) ตัดสินใจเอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษา แบบไม่กลัวจะชวดมงฯ เลยทีเดียว สำหรับ MUT นครปฐม ‘อิงอิง วิชญาดา ชาติธีรรัตน์’ ผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2023 ที่ขอยืดอกยอมรับ ว่าเคยผ่านการทำแท้งมาก่อน เพราะเป็นการท้องไม่พร้อมจากความผิดพลาดทาง physical โดย ‘อิงอิง’ ได้เปิดใจแบบหมดเปลือก ว่าเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิต แต่คงเสียใจกว่านี้ ถ้าลูกเกิดมาในความไม่พร้อมของพ่อแม่ ที่กล้าออกมาพูดเรื่องนี้ ก็เพราะอยากให้เข้าใจคนที่ประสบปัญหา และอยากให้เห็นว่าผู้หญิงก็มีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง

“ที่อยากมาประกวด MUT เพราะเป็นการ Empowering Women และ Empowering สังคมค่ะ เพราะอิงเอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษาให้สังคมเห็น ว่าผู้หญิงควรมีทางเลือกให้การใช้ชีวิต แล้วการที่จะให้คนในสังคมได้เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือต้องมีแรงบันดาลใจและต้องมีเคสตัวอย่าง ที่จริงอิงสามารถนอนอยู่บ้านก็ได้ หลีกเลี่ยงการตอบคำถามก็ได้ แต่อิงเอาตัวเองมาเป็นประเด็นในสังคมทางด้านบวกและลบ เพื่อให้คนในสังคมได้เห็นภาพมุมกว้างมากขึ้น ว่าตอนนี้สังคมเกิดประเด็นอะไรอยู่ เกี่ยวกับการทำแท้งถูกกฎหมาย และที่ผ่านมาการที่อิงทำแท้งถูกกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่าอิงไม่รู้สึกเสียใจ เราก็คือคนที่ผ่านการเป็นแม่มาก่อน เราก็สูญเสียลูกน้อยอันเป็นที่รักไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากมาบอกคนในสังคม คือปีนี้คอนเซ็ปต์ ‘The Unlimited’ จักรวาลไร้ขีดจำกัด อิงมาเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า เวที MUT ไร้ขีดจำกัดจริงๆ ค่ะ แล้วเราก็ Empowering สังคมได้มากจริง ๆ ค่ะ”

>> เอาตัวเองมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาพูด เพราะอิงทำคอนเทนต์และโครงการเกี่ยวกับการแท้งไม่ผิด เพราะเราก็สูญเสีย และอิงคือคนหนึ่งที่ประสบพบเจอกับปัญหานั้นจริงๆ การที่เอาตัวเองออกมาเป็นกรณีศึกษาให้กับคน นั่นหมายความว่าสังคมจะมีประเด็นและมีบุคคลตัวอย่าง ในการถกเถียงกันมากยิ่งขึ้น

อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งยิ่งใหญ่ และอาจจะเป็นตัวขับเคลื่อนกฎหมายการทำแท้งถูกกฎหมาย ให้กับสตรีได้มีทางเลือกอย่างถูกต้อง ให้เขาไม่ต้องไปทำแท้ง ไปเหน็บยาเอง หรือไปทำอะไรที่เสี่ยงกับตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วอิงไม่กลัวทัวร์ เพราะความจริงก็คือความจริง เราคือสตรีที่มาขับเคลื่อนสตรีด้วยกันค่ะ”

>> เคารพความเห็นของทุกคน แต่ไม่อยากให้ลูกเกิดมาเจอกับความไม่พร้อมเหมือนตัวเอง

“อิงเคารพการตัดสินใจและเคารพการแสดงความคิดเห็นของทุกท่าน เพราะอิงไม่สามารถกลับไป และบอกตัวเองว่าไม่ทำแท้งไม่ได้ ณ วันนั้นอิงอยู่ในสถานการณ์ที่กลั่นกรองแล้วว่า ถ้าลูกอิงเกิดมาในภาวะที่พ่อและแม่ไม่สมบูรณ์ พ่อและแม่ไม่พร้อม เขาจะต้องมีปัญหาทางด้านการศึกษา การเงิน สังคม และเขาจะต้องรู้สึกไปตลอดชีวิต ว่าทำไมพ่อกับแม่เลี้ยงดูฉันได้ไม่ดีพอ ซึ่งอิงก็เป็นหนึ่งในนั้น อิงไม่อยากให้ลูกโตมาเหมือนที่อิงเป็น เพราะฉะนั้นหลายคนอาจจะคิดได้ว่ามันคือสิ่งที่ผิด แต่ถ้าสังคมได้ตระหนักถึงเรื่องนี้บ่อยๆ หรือถ้าอิงออกมาพูดเรื่องนี้บ่อยขึ้น คนก็จะเห็นเอง ว่าเจตนารมณ์ของผู้เข้าประมูลคนนี้ทำมันคืออะไร อิงไม่ได้ต้องการแสงหรือคอนเทนต์ แต่มันเป็นการ Empowering คนจริงๆ”

>> ท้องตอนอายุ 22 ยังเรียนไม่จบ มีการวางแผนครอบครัวแล้ว แต่ก็ไม่พร้อมด้วยทุนทรัพย์

“เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนประกวดทุกเวทีในประเทศเลย อิงก็ป้องกันอย่างดีค่ะ แต่ในโครงการของอิง จะบอกว่าตัวอิงเองและตัวผู้อื่น สามารถตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้ด้วยเหตุสุดวิสัย การถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูก sexual harassment แต่ของอิงมีการป้องกันถูกวิธี แต่มันก็เกิดความผิดพลาดทาง physical กับอดีตแฟนที่เลิกกันไปแล้วค่ะ ก็จบกันด้วยดี ด้วยความเข้าใจ ว่าถ้าไปต่อในฐานะของคู่ชีวิตไม่ได้ ก็ให้จบลงในฐานะเพื่อนค่ะ คือเราไม่ได้ตั้งใจที่จะมีน้อง และไม่ทราบด้วยว่ามีการตั้งครรภ์ แต่มันอยู่ในสัปดาห์ที่กระทรวงสาธารณสุขบัญญัติไว้ ว่าสามารถทำแท้งแบบถูกต้องตามกฎหมายได้ค่ะ

ตอนที่รู้ว่าท้อง ก็คุยกับแฟนทุกวิถีทาง ในการหาทางออก หาวิธีการที่จะเลี้ยงดูเขา เราไตร่ตรองทุกอย่างถี่ถ้วน คำตอบก็เหมือนเดิม อย่าเกิดมาในสภาวะที่พ่อและแม่ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเลย ยอมรับตรงๆ ว่าอิงคือประชาชนคนธรรมดา ที่พบเจอปัญหาจริงๆ อิงเลยเอาตัวเองมาเป็นกรณีศึกษา ว่าฉันอาจจะเคยผิด แต่ความผิดพลาดครั้งนั้น ฉันก็คือคนที่สูญเสียเช่นกัน อิงเลยตัดสินใจว่า ไว้พร้อมเมื่อไหร่ฉันจะดูแลเด็กคนนี้ ให้เขารู้สึกว่าภูมิใจเหลือเกิน ที่เขาได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่

ตอนนั้นเราก็มองถึงเหตุผล ทุนทรัพย์ การใช้ชีวิตต่อ วางแผนครอบครัวเป็นอย่างดี แต่คิดว่าถ้าเขาต้องเกิดมาในภาวะที่เรารักเขา แต่ทุนทรัพย์ไม่ได้รักเขาในตอนนั้น เชื่อว่าหลายคนในสังคมจะพูดว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะสามารถหาเงินได้ สมัยก่อนกับสมัยนี้ต่างกันมากนะคะ เลี้ยงลูกด้วยความรักอย่างเดียวไม่พอค่ะ ต้องเลี้ยงลูกด้วยเงินด้วยค่ะ ตอนนั้นอิงอายุ 22 ปี ยังเรียนไม่จบ ก็ไปวางแผนครอบครัวที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลก็สอบถามพ่อของเด็กและอิง ซึ่งคำตอบที่ถูกต้อง คือต้องบรรลุนิติภาวะ หากไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอม และช่วยเหลือในการวางแผงครอบครัว หลังจากนั้นเขาก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ขึ้นตรงกับรัฐ เพื่อเอาเด็กออกด้วยวิธีที่ถูกต้อง และปลอดภัยกับผู้เป็นแม่”

>> ไม่ได้เลิกกับแฟนเพราะท้อง แต่เพราะทัศนคติที่ไม่ตรงกันและเรื่องความซื่อสัตย์

“ไม่ได้เป็นส่วนนั้นซะส่วนใหญ่ค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของทัศนคติไม่ตรงกัน การทำงาน การใช้ชีวิตที่ไม่ตรงกัน และมีเรื่องของความซื่อสัตย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยค่ะ”

>> เสียใจที่สุดในชีวิต กับการต้องเลือกตัดสินใจแบบนั้น

“เสียใจที่สุดในชีวิต เท่าที่ลูกผู้หญิงคนหนึ่งจะเสียใจได้ แต่มันจะเสียใจกว่า ในวันที่เราเห็นลูกต้องมาทุกข์ทรมาน จากการที่มีเราเป็นแม่ และเราก็ไม่ได้ให้ความรักเขาอย่างเต็มที่ อันนั้นจะน่าเสียใจกว่า ถ้าเขาเกิดมาแล้วเขาไม่พร้อม เราเองก็ไม่พร้อมเช่นเดียวกัน ไม่อยากให้ลูกเกิดมามีตราบาป รู้สึกว่าทำไมแม่ไม่อยากมีหนู อยากให้ลูกเกิดมาในฟีลลิ่งที่ว่า ขอบคุณแม่นะคะที่ทำให้หนูเกิดมา และแม่ก็ขอบคุณหนูเหมือนกัน ที่หนูเกิดมาเป็นลูกแม่ค่ะ”

>> มีทางออกหลายทาง แต่คำนวณแล้วการทำแท้งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนั้น

“จริงๆ ทางออกมันมีหลายทางมา รวมถึงวิธีการในการเลี้ยงดูเขาต่อ แต่เราคำนวณการเงินเป็นอย่างดี เราคำนวณถึงภาวะทางสังคม สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ เราเลยได้คำตอบสุดท้าย ว่าการเอาเด็กออกต้องเป็นกระบวนการวิธีที่ถูกกฎหมายและปลอดภัย อิงไตร่ตรองทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน เพราะจริงๆ การทำแท้งถูกกฎหมายเปิดกว้างมากๆ นะคะในต่างประเทศ แล้วเขาก็บัญญัติอยู่ในกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ว่าเด็กหรือเยาวชนที่ไม่พร้อม หรือสตรีที่มีการตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถทำแท้งถูกกฎหมายได้ค่ะ ดีกว่าการเอาเด็กไปทิ้งกองขยะ หรือให้เขาไปเป็นเด็กกำพร้า”

>> ไม่หวั่นเสียภาพลักษณ์นางงาม เพราะไตร่ตรองมาดีแล้ว

“ต้องขอบคุณความคิดพวกนี้ที่เข้ามาเช่นกัน เพราะอิงก็มีการไตร่ตรองตัวเองก่อนที่จะมาประกวดแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไตร่ตรองคือโจทย์ของเวที การเสริมศักยภาพให้คนอื่น การเป็นกรณีศึกษา การเป็นแรงบันดาลใจ อาจจะไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจในทางที่ถูก แต่จำไว้นะคะ อิงคือกรณีศึกษาให้คนเห็นว่า การคุมกำเนิดเป็นเรื่องที่สำคัญ และการทำแท้งถูกกฎหมาย ก็เป็นเรื่องที่คนในสังคมควรตระหนัก ว่าผู้หญิงหลายๆ ท่านควรมีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง เข้าใจถึงภาพลักษณ์ของการเป็นนางงามค่ะ แต่โจทย์ของเวทีคือการเสริมศักยภาพให้คนอื่นในด้านที่ถูก ถึงแม้การทำแท้งจะเป็นเรื่องที่ยังถกเถียงกันในสังคม แต่อิงเชื่อเหลือเกินว่าถ้าทุกเข้าใจในความเป็นลูกผู้หญิง ในความที่เด็กคนหนึ่งต้องเกิดมาในความไม่พร้อม คนในสังคมจะช่วยกันผลักดันให้ผู้หญิงเหล่านี้มีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นค่ะ”

>> ไม่ได้สนับสนุนใหัทำแท้ง แต่อยากสอนวิธีคุมกำเนิดที่ถูกต้อง

“จริงๆ โครงการของอิง ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนมีทางเลือกในการทำแท้งเพียงอย่างเดียวนะคะ หลักๆ เราจะสอนและจะบอกวิธีคุมกำเนิด วิธีดูแลใส่ใจตัวเองในเรื่องเพศ ทั้งสตรีและ LGBT ทุกอย่างรวมอยู่ในโครงการของอิง เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเกิดการท้องไม่พร้อมได้เสมอ”

>> ยอมรับเป็นตราบาป แต่แค่อยากให้เห็นว่าผู้หญิงมีทางเลือกในการใช้ชีวิต

“ตราบาปก็อาจจะใช่ ศีลธรรมก็อาจจะใช่ แต่ความเชื่อนั้น ความรู้สึกนั้นเราอาจยกไว้ในใจได้ แต่ความจริงของมนุษย์ ของคนรากหญ้าเหมือนที่อิงเป็น เราคือคนที่ประสบปัญหา อิงไม่อยากให้คนมองว่า ยกโครงการนี้มาเพื่อให้ได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น อิงแค่อยากให้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนมีทางเลือกในการใช้ชีวิตของตัวเอง”

>> จะพลาดมงฯ ก็ไม่เป็นไร แค่ได้ออกมาพูดเรื่องนี้ก็พอใจแล้ว

“ถ้าวันนี้จะพลาดมงฯ MUT แต่สิ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจ คืออิงได้เห็นพลังของคนในสังคมเรียบร้อยแล้ว อิงมาแค่นี้เลย อยากให้สังคมได้รับแรงกระเพื่อมจากโครงการที่อิงทำ แค่นี่อิงพอใจแล้ว เพราะคนในโครงการ 200 กว่าคนรออิงอยู่ เป้าหมายของอิงคืออยากให้เรื่องนี้ ถูกยกไปในระดับโลก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ยอมรับการทำแท้ง แต่ทำไมประเทศที่พัฒนาแล้วเขาถึงยอมรับ”

‘ดร.สุวินัย’ ชี้ ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ อาจไปได้ ‘ไม่ไกล’ อย่างที่หวัง

(17 ก.ค. 66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์บทความของ นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระเรื่อง ‘เข็มมุ่ง’ พรรคก้าวไกล...กับมาตรา 112 ‘ตัวตน’ ของมาตรา 112 มีเนื้อหาในรูปแบบถามและตอบ ดังนี้...

ถาม : ผู้คนเป็นอันมากไม่เข้าใจว่า เพื่อแลกกับการได้เป็นรัฐบาล ทำไมพรรคก้าวไกล ไม่ยอมสละวาระแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งถ้ายอมเอ่ยปากยืนยันในสภา ก็น่าเชื่อว่าคุณพิธาจะได้เสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่านี้แน่นอน
ตอบ : คุณต้องเข้าใจตัวตนของ มาตรา 112 ก่อนว่า อยู่ตรงที่คุ้มครองบุคลิกภาพของคนในสถาบันกษัตริย์ด้วยกรอบความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ 

ดังนั้นเมื่อคุณปฏิเสธสถาบันนี้ คุณก็ต้องเห็นในหลวงเป็นคนธรรมดา ใครไปด่าว่าก็ไม่ถือเป็นเรื่องความมั่นคง รัฐก็ไม่เกี่ยว ถ้าในหลวงติดใจก็ต้องไปแจ้ง ความเอาผิดเอาเองเช่นคนธรรมดาทั่วไป 

การที่ ก้าวไกล เสนอให้เลิก 112 แล้วเอาความผิดนี้ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคง ไปมีฐานะเป็นความผิดเช่นดูหมิ่นคนธรรมดา จึงเป็นการเลิกไม่นับในหลวงเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไป

ถาม : ที่ก้าวไกลเขาบอกว่าไม่ได้ยกเลิก เขาเพียงแก้ไขมาตรา 112 ก็ไม่เป็นความจริง
ตอบ : ไม่เป็นความจริงครับ...แม้ร่างกฎหมายของก้าวไกล จะยังมีบทบัญญัติว่าด้วยการใส่ความหรือดูหมิ่นในหลวงไว้ โดยเฉพาะก็ตาม แต่เมื่อเลิกไม่คุ้มครองด้วยหมวดความผิดต่อความมั่นคงอีกต่อไปแล้ว นั่นก็คือการเลิกไม่นับถือในหลวงในฐานะเป็นสถาบันของชาติอีกต่อไปนั่นเอง ตัวตนของ 112 อยู่ที่ตรงนี้ เมื่อเลิกตรงนี้แล้ว แม้คุณจะสร้างกฎหมายเฉพาะอะไรขึ้นมาใหม่ เช่นให้โทษหมิ่นกษัตริย์หนักกว่าหมิ่นคนธรรมดาบ้าง หรือให้สำนักพระราชวังแจ้งความแทนในหลวงก็ตาม นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร 

‘ตัวตน’พรรคก้าวไกล
ถาม : ก้าวไกลได้คะแนนเสียงเลือกตั้งถึง 14 ล้านเสียง จนเป็นที่ 1 แล้ว น่าจะเห็นแก่การใหญ่ ยอมแขวนวาระแก้ 112 ไว้เสียก่อนครับ มีเรื่องเร่งด่วนในบ้านเมือง ที่ผู้ลงคะแนนเขาเห็นว่าสำคัญ ต้องการให้พรรคก้าวไกล ขึ้นเป็นรัฐบาลทุ่มเทแก้ไขมากมายนักโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง และปราบคอร์รัปชั่น

ตอบ : เพื่อนผม ลูกหลานผม ที่เลือกก้าวไกล ก็บ่นอย่างนี้เหมือนกัน ผมก็ตอบเขาไปให้ดูให้ดี ๆ ว่า ‘ตัวตน’ แท้จริงของก้าวไกลนั้น คืออะไร คิดอย่างไรกับสังคมไทยทุกวันนี้ จริงหรือที่ว่าพวกเขาคือ ‘พรรคปฏิรูป’

ถาม : มันไม่จริงหรือครับ?
ตอบ : ไม่จริง แกนกลางของพวกเขา เห็นสังคมไทยทุกวันนี้เป็นขยะ ซึ่งขยะต้องถูกทำลายไม่ใช่ปฏิรูป และต้องทำให้โครงสร้างส่วนบนฉิบหายสลายตัวไปเสียก่อน จึงจะปูรากฐานสร้างบ้านเมืองใหม่ขึ้นมาได้ อำนาจจากประชาชนที่ก้าวไกลสร้างขึ้น จึงต้องเป็นอำนาจที่มีธรรมชาติของการปฏิวัติ ไม่ใช่การปลุกให้เลือกตั้งหย่อนบัตรแล้ว ปล่อยกลับไปนอนรอดูผลที่บ้านอีก 4 ปี

ถาม : อำนาจลุกฮืออย่างนี้ สร้างอย่างไร?
ตอบ : อธิบายตามทฤษฎีจิตวิทยาการเมือง ก็ต้องสร้างให้คนธรรมดาๆ ถูกสิงสู่ด้วย ‘ชีวิตหมู่ปฏิวัติ’ จนเป็นมวลชนที่ไวต่อโทสะและพร้อมเสียสละ

ปัจจัยจัดตั้งที่สำคัญที่สุดคือ ความจงเกลียดจงชัง เพราะคนเราเกลียดอะไรร่วมกันแล้วจะหลอมรวมเกิดชีวิตหมู่ได้ง่ายมาก 

ทุกขบวนการมวลชนในอดีต จึงต้องมีปีศาจที่เลวร้ายและมีอิทธิฤทธิ์มาก มาให้ผู้คนเคียดแค้น เห็นเป็นต้นตอความสิ้นหวังในปัจจุบันให้ได้เสียก่อน เช่น…

- ถ้าเป็นมวลชนคอมมิวนิสต์ ปีศาจก็เป็นนายทุน 
- ถ้าเป็นมวลชนนาซี ปีศาจก็เป็นยิว 
- ถ้าเป็นมวลชนชาตินิยม ปีศาจก็เป็นจักรวรรดินิยม
- ถ้าเป็นนีโอนาซีของเซเลนสกี้ ปีศาจก็เป็นรัสเซีย

ดังนั้น ถ้าเป็นเมืองไทย คุณคิดว่าใครที่จะโดนวาดภาพให้เป็นปีศาจได้ง่ายและร้ายที่สุด?

ถาม : คำตอบก็คือ สถาบันกษัตริย์ และสมุนขุนศึก อย่างนั้นหรือ?
ตอบ : ถูกต้องครับ และเพื่อให้ดูขลัง ให้เห็นเป็นภาระโค่นล้มอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็เลยโมเมว่า เป็นมรดกที่คณะราษฎร์สืบสานส่งต่อมาให้เขาด้วย นี่ถึงขนาดโทรศัพท์คุยข้ามภพกันได้เลย คุณไม่เห็นหรือ ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ การที่คุณไปหวังให้ก้าวไกลวางมือเรื่องแก้ไข 112 จึงไม่ต่างกับการไปขอให้ขบวนการนาซีของฮิตเลอร์เลิกยุ่งกับยิวเลยทีเดียว

ถาม : เพราะตัวตนของเขาคือการปฏิเสธระบบกษัตริย์ ?
ตอบ : อ่านในทางจิตวิทยาการเมือง ผมตอบได้เช่นนั้น แต่ลำพังแค่นี้คุณอย่าเอาไปอ้างให้ศาลยุบพรรคก้าวไกลนะครับ มันต้องมีหลักฐานการจัดตั้ง และปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย มาประกอบด้วยว่า พวกเขามีเครือข่ายและกิจกรรมการปลุกระดมเช่นนี้อยู่จริงๆ มาให้ศาลเห็นด้วย 

งานนี้ผมเพียงแต่ใช้ความรู้มาอธิบายเป็นคำตอบเท่านั้นว่า ทำไมพรรคก้าวไกล เขาถึงแขวนงานยกเลิก 112 เพื่อจะได้เป็นรัฐบาลไม่ได้เท่านั้น

ถาม : หลายคนชื่นชมว่า เส้นทางของก้าวไกลคือประชาธิปไตยใหม่ ที่ไม่ต้องใช้เงินและหัวคะแนน
ตอบ : จริงครับที่ว่าเป็นเส้นทางใหม่ แต่ไม่ใช่เส้นทางแห่งประชาธิปไตย มันเป็นเส้นทางของโมหะและโทสะ สมัยระบอบทักษิณ เขาจัดตั้ง ‘โลภะ’ ขึ้นมาเป็นสินค้าประชานิยม มายุคก้าวไกล เขาเพิ่ม ‘โมหะ’ ขึ้นมาอีกปัจจัยหนึ่ง

ถาม : ‘โทสะ’ จะมาเมื่อไหร่? 
ตอบ : เมื่อผู้คนลงถนน จนมีเหตุรุนแรงฆ่าฟันประชาชนเกิดขึ้น แล้วแพร่ไปในโซเชียลให้ผู้คนเห็นเป็นศพเด็ก ศพผู้หญิงถูกยิงตาย จนมวลชนฮือออกจากบ้าน เกิดเป็น ‘อาหรับสปริง’ หรือ ‘ฮ่องกงสปริง’ นั่นแหละครับคือจุดระเบิด ที่ลามเป็นสงครามกลางเมืองได้ ฝรั่งเศสวันนี้ก็เกิดแล้ว บ้านเราจะเกิด ‘ไทยสปริง’ หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ต้องวิตก

ถาม : ผมเลือกก้าวไกลเหมือนกัน ผมเป็นมวลชนส้มหรือไม่?
ตอบ : ถ้าคุณไม่ถูกหลอมให้จงเกลียดจงชังสถาบัน คุณก็เป็นเพียงคนปกติ ที่ดันไปเชื่อว่าเขาจะสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ได้จริง ๆ เท่านั้นเอง 

ก็ไม่เป็นไรครับ...ระบบประชาธิปไตยบ้านเรา ประชาชนมีไว้หลอกอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่ จะหลอกไปทิศทางไหน ถึงขั้นทำลายชาติเลยหรือไม่เท่านั้นเอง

~ แก้วสรร อติโพธิ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top