Monday, 12 May 2025
NewsFeed

คนไข้ถึงกับมึน ผลตรวจร่างกาย ตัวหนังสือที่เขียน ยิ่งกว่ารหัสลับ ล่าสุด มีผู้มาเฉลยให้แล้ว

เชื่อว่าหลายคนคงมีความสงสัย เวลาที่ไปโรงพยาบาล และเห็นลายมือหมอลักษณะเหมือนเป็นเส้น ๆ ซึ่งอ่านไม่ออก และดูเหมือนน่าจะมีแต่บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่เข้าใจ
ล่าสุด ผู้ใช้ Tiktok ชื่อบัญชี useri1cmekf8bo โพสต์คลิปวิดีโอเพื่อสอบถามชาวเน็ต เกี่ยวกับลายมือของหมอที่ระบุเอาไว้ในผลตรวจร่างกาย ที่มีลายมือเป็นเส้นขึ้นลงโค้งไปมา เพราะไม่เข้าใจว่าลายมือนั้นอ่านว่าอะไร หรือเป็นรหัสลับกันแน่

ชายในคลิปพูดเชิงตลกว่า "ผลจากไปตรวจร่างกายมา หมอบันทึกในแฟ้ม ผมอยากถามว่าผู้รู้ว่าผมเป็นพยาธิในลำไส้หรือเปล่า ช่วยบอกผมที เป็นพยาธิไส้เดือนหรือพยาธิตัวตืด"

หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ก็มีผู้เขาชมแล้วกว่า 1 ล้านวิว ชาวเน็ตต่างแห่เข้ามาคอมเมนต์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อ่านไม่ออกเหมือนกันว่าลายมือดังกล่าวหมายความว่าอะไร บางรายก็แซวว่าหรือจะป่วยเป็นเส้นเลือดขอด เพราะเหมือนเป็นแค่เส้นขึ้นลงไปมา

ล่าสุด มีผู้รู้เข้ามาเฉลยว่าลายมือขีดขึ้นลงเหมือนชีพจรที่หมอเขียนนั้น ย่อมาจาก "WNL" หรือ Within Normal Limit ที่เขียนติดๆ กัน คือผลการตรวจร่างกายนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกตินั่นเอง

‘ฮ่องกง’ เตรียมประกาศเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่ม แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน รองรับ GDP โตต่อเนื่อง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ‘ฮ่องกง’ ได้เตรียมเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่ม โดยนายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกล่าวว่า ฮ่องกงจะผ่อนปรนกฎการเข้าเมืองสำหรับแรงงานต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานบนเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

รัฐบาลจะประกาศแผนการดึงดูดคนให้เข้ามาทำงานในภาคส่วนต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง

ฮ่องกงกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคบริการและอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่จำนวนธุรกิจเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่มีการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ปัญหามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงแรงงานท้องถิ่นที่ลดลง และนโยบายการย้ายถิ่นฐานของฮ่องกงเองด้วย

เศรษฐกิจของฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก โดยฟื้นตัวจากภาวะถดถอยขณะที่การเปิดพรมแดนได้ฟื้นฟูการใช้จ่าย โดยจากผลสำรวจล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์กนั้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6% ในปีนี้

แม้ว่านายลีไม่ได้ระบุรายละเอียดเฉพาะเจาะจงใดๆ ของแผนการแก้ไขปัญหาแรงงาน แต่ได้อ้างถึงปัญหาในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเดินทาง การขนส่ง และการก่อสร้าง โดยฮ่องกงต้องการแรงงานก่อสร้างอย่างน้อย 10,000 คน และแรงงานในภาคการเดินทางและขนส่ง 8,000 คน
 

‘ทหารสหรัฐฯ’ ยอมรับ ‘ยูเครน’ เผชิญความยากลำบากในการสู้รบ ชี้!! สงครามทวงคืนดินแดนครั้งนี้ไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 66 หลังจากเล่นบทป๋าทุ่มทั้งเงินและอาวุธเพียบช่วยยูเครน วันนี้อเมริกาหน้าจ๋อย บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ ยอมรับว่ายูเครนกำลังเผชิญการสู้รบที่ยากลำบาก ปฏิบัติการทวงคืนดินแดนกลับครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะต้องชดใช้ราคาแพง

คำประเมินของสหรัฐฯ ต่อปฏิบัติการตีโต้กลับของเคียฟ มีขึ้นในขณะที่พวกนักรบเชเชน บอกว่า พวกเขาได้เข้าประจำการในแคว้นเบลโกร็อดของรัสเซีย ที่มีชายแดนติดกับยูเครน เพื่อป้องกันการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงรัสเซียที่ฝักใฝ่ยูเครน

‘ลอยด์ ออสติน’ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ บอกกับที่ประชุมว่า เคียฟจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยูเครนต้องการอาวุธมากกว่าเดิม ยูเครนยังเหลือพลานุภาพการโจมตีอีกมากสำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับ แม้ประสบความสูญเสียในเบื้องต้นจากฝีมือของรัสเซีย

มอสโกเผยแพร่วิดีโอเป็นภาพรถถังเลพเพิร์ดของเยอรมนี และยานต่อสู้แบรนด์ลีย์ ที่บริจาคโดยสหรัฐฯ หลายคัน อ้างว่าสามารถยึดมาได้ ทั้งที่ปฏิบัติการตีโต้ทวงคืนดินแดนจากรัสเซียของยูเครนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น พ.อ.โอเล็กซี ฮโรมอฟ แห่งกองทัพยูเครนว่าจนถึงตอนนี้ยูเครนสามารถทวงคืนถิ่นพักอาศัยทางภาคใต้มาได้ 7 แห่ง และรุกคืบยึดดินแดนคืนมาได้ 100 ตารางกิโลเมตร

บททดสอบสำคัญของปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับของยูเครนยังคงรออยู่เบื้องหน้า ในขณะที่ทหารเคียฟยังบุกไปไม่ถึงป้อมปราการป้องกันตนเองที่หนาแน่นที่สุดของรัสเซีย เคียฟเชื่อว่าจำเป็นต้องตระเตรียมกองกำลังโจมตีราว 12 กองพัน แต่ละกองพันมีทหารหลายพันนาย และใช้ยานยนต์หุ้มกราะของตะวันตกที่เพิ่งมาถึงล่าสุด

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยืนยันเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า กองกำลังยูเครนประสบความสูญเสียมากกว่ารัสเซียถึง 10 เท่า และบอกว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครนล้มเหลว

ตำรวจไซเบอร์จับเครือข่ายหลอกเทรดหุ้นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ อ้างลงทุนเริ่มต้นแค่ 1 พัน สุดท้ายเหยื่อสูญเงินไปเกือบ 2 ล้าน

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายมิจฉาชีพอ้างตัวมาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดัง หลอกลวงให้ลงทุนเทรดน้ำมันผลตอบแทนดี ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินออกไป จำนวน 39 ครั้ง สูญเงินเกือบ 2 ล้านบาท

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ฯ เปิดเผยว่า ตามสั่งการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ให้เร่งสืบสวนสอบสวน กรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่าพบประกาศบน Facebook ให้ชักชวนให้ร่วมลงทุนเทรดน้ำมัน โดยสามารถเริ่มต้นที่เงิน จำนวน 1,000 บาท และจะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นตามจำนวนเงินที่ได้ลงทุนไป

ผู้เสียหายเกิดความสนใจจึงได้ติดต่อโดยการการกดลิงก์เพื่อเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชัน Line ต่อมาจะมผู้อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายบริการและโบรกเกอร์ เข้ามาแนะนำวิธีการลงทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเปิดพอร์ต วิธีการ และหมายเลขบัญชีธนาคารในการโอนเงินเข้าในพอร์ต มีฝ่ายบัญชีและฝ่ายการเงิน แนะนำวิธีการถอนเงินออกจากระบบ โดยหลังจากที่ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มมิจฉาชีพ จำนวน 6 บัญชี ทั้งหมด 39 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,881,144 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.1 สามารถจับกุมผู้ต้องหา นายณัฐกาญจน์(สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าว ได้ตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนงที่ 276/2566 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยทำการจับกุมได้ที่ บ้านพัก ในตำบลลาดทิพรส อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นผู้ต้องหายังไม่ขอให้การใดๆ

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนว่า ในปัจจุบันมิจฉาชีพมีการปลอมแปลงตราสัญลักษณ์รวมถึงภาพผู้บริหารของบริษัทที่มีชื่อเสียงไปใช้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงมีการแอบอ้างหน่วยงานภาครัฐหรือธนาคารต่างๆ อีกด้วย ขอให้ประชาชนหมั่นสังเกต โดยมีจุดสังเกตว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพ เช่น การันตีผลตอบแทน (ไม่มีการลงทุนใดที่สามารถการันตีผลตอบแทนได้) หรือ ให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยก่อนลงทุน ควรตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนที่ได้รับอนุญาต และตรวจสอบว่าประเภทใบอนุญาตตรงกับบริษัทที่อ้างถึงหรือไม่ หรือหากเป็นการลงทุนควรโอนเงินเข้าบัญชีปลายทางที่เป็นชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ไม่ควรจะเป็นบัญชีบุคคลธรรมดา

ทั้งนี้ หากพบการโฆษณาชักชวนลงทุนที่ไม่น่าไว้ใจ สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร 1207 กด 2 หรือ สายด่วน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร 1441

ผบ.ตร.สั่ง ผบช.ภ.7 ตรวจสอบรายการยูทูบเบอร์ดัง มีการขออนุญาตถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่

ผบ.ตร.สั่ง ผบช.ภ.7 ตรวจสอบรายการยูทูบเบอร์ดัง มีการขออนุญาตถูกต้อง ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ พร้อมตรวจสอบบุคคลที่ปรากฎในคลิปเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินตามกฎหมาย เตือนแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ มีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี ส่วนยูทูบเบอร์เป็นผู้ใช้ รับโทษเสมือนตัวการ

วันนี้ (19 มิ.ย.66 ) พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า “จากกรณียูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate จ้างตำรวจ 50 นาย - คอมมานโด ไล่ล่าในห้างฯร้าง ได้โพสต์คลิปภารกิจการเอาตัวรอดคลิปหนึ่ง พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "จะรอดไหม?!" จนกลายเป็นกระแสสังคมถึงความเหมาะสมนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับทราบแล้ว สั่งการด่วนให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ถ่ายทำรายการดังกล่าว ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าบุคคลที่ปรากฎในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ได้มีการขออนุญาตถ่ายทำการแสดงในการแต่งกายตำรวจ ตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งการใช้อาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ถูกต้องหรือไม่ หากพบเป็นความผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นทราบว่า มีข้าราชการตำรวจจริงบางนายที่ร่วมแสดง ส่วนผู้แสดงอื่นๆ กำลังตรวจสอบโดยละเอียดเพิ่มเติม

ในกรณีดังกล่าว หากเป็นข้าราชการตำรวจที่จะทำการแสดงจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์  ต้องปฏิบัติตามระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวคดีลักษณะที่ 30 การปฏิบัติเกี่ยวกับการให้ข่าวแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า การขออนุญาตใช้สถานที่ บุคคลากร อุปกรณ์ ยานพาหนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมเพื่อประกอบฉากถ่ายทำเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน ต้องเสนอบท เนื้อหาตามลำดับชั้น เพื่อให้ผู้บังคับการอนุมัติจึงจะทำการแสดงได้  หากฝ่าฝืนต้องเป็นความผิดทางวินัย

บุคคลที่ไม่ใช่ตำรวจ แต่มารับจ้างแต่งกายเป็นตำรวจ หากไม่มีการขออนุญาตโดยถูกต้อง จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 152 ฐาน แต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 5 ปี และความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 146 ผู้ที่ไม่มีสิทธิสวมเครื่องเเบบ หรือประดับเครื่องหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากฝ่าฝืน จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนยูทูบเบอร์ ชื่อดัง เนท MyMateNate ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการแสดง ในกรณีที่จะต้องมีแสดงแต่งกายเป็นตำรวจหรือแต่งกายคล้ายตำรวจ ที่ประสงค์จะเผยแพร่ต่อสาธารณชน จะต้องแจ้งบทเนื้อหา รายละเอียดเครื่องแบบ เครื่องแต่งกายที่ต้องใช้แสดงให้หัวหน้าสถานีตำรวจ ณ ท้องที่ที่จะถ่ายทำไม่น้อยกว่า 5 วันก่อนทำการถ่ายทำหรือการแสดง

ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 155 ประกอบกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์การแจ้งให้หัวหน้าสถานที่ตำรวจท้องที่ทราบฯ ซึ่งหากไม่มีการขออนุญาตโดยถูกต้อง แล้วไปจ้างบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ตำรวจมาแต่งกายเป็นตำรวจโดยไม่มีสิทธิ จะเป็นความผิดฐานเป็นผู้ใช้ และเมื่อมีการกระทำความผิดลง มีการแต่งกายตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ ยูทูบเบอร์ผู้นั้นจะต้องรับโทษเสมือนตัวการ

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า “ฝากถึงยูทูบเบอร์ หรือผู้ที่จะทำการถ่ายทำการแสดง ละคร ภาพยนตร์ หรือการแสดงอื่นๆในทำนองเดียวกัน เพื่อจะใช้เผยแพร่ออกสู่สาธารณชน หากมีการแต่งกายด้วยเครื่องแบบตำรวจ แต่งกายคล้ายตำรวจ หรือต้องใช้อุปกรณ์ ยานพาหนะ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย เพราะบางครั้งอาจจะดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ทำให้เสื่อมเสียแก่ข้าราชการตำรวจ ทำให้คนหลงเชื่อว่าเป็นข้าราชการตำรวจจริง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนได้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางอาญา จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย กฎเกณฑ์ที่กำหนดให้ถูกต้อง มีการขออนุญาตตามลำดับชั้นถึงผู้บังคับการ หากฝ่าฝืนจะมีโทษทางวินัย

ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสม สมเกียรติแห่งเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของเครื่องแบบตำรวจ ที่จะปรากฎออกสู่สาธารณชน”
 

บก.ตม.3 รวบ โอปป้า Overstay หนีหมายจับทำเว็บพนัน มากบดานอยู่ในประเทศไทย

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์  ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

 1. บก.ตม.3 รวบ โอปป้า Overstay หนีหมายจับทำเว็บพนัน มากบดานอยู่ในประเทศไทย
บก.ตม.3 จับกุมนายคิม (นามสมมติ) สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 35 ปี ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 1,582 วัน

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกสืบสวนปราบปราม ตรวจสอบคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย ในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี พบผู้ต้องหามีท่าทางพิรุธ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบ และได้ตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบทราบชื่อ นายคิม  อายุ 35 ปี สัญชาติเกาหลีใต้

 เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2561 ได้รับการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกำหนดอนุญาต 31 ม.ค.2562 ซึ่งอยู่เกินกำหนดอนุญาตแล้ว จำนวน 1,582 วัน จากการตรวจสอบข้อมูล ยังพบว่า นายคิม เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดง (Red Notice) ขององค์กรตำรวจสากล (Interpol) ที่สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ต้องการตัว ในข้อหาร่วมกับผู้สมรู้ร่วมคิด จัดให้มี การเล่นการพนันออนไลน์ ซึ่งมีเงินหมุนเวียน 5,919,442,923 วอน (163 ล้านบาท) ซึ่งสำหรับทางสาธารณรัฐ

เกาหลีนั้นเป็นความผิดตามกฎหมายด้านการส่งเสริมกีฬา ที่วางโทษไว้เป็นโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 70 ล้านวอน จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บก.สส.สตม. ร่วมกับ ป.ป.ส. รวบ 2 หนุ่มเมืองโสม หนีคดียาเสพติดซุกอยู่ไทย

บก.สส.สตม. จับกุมนายนัม (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี และ นายจัง (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay)

พฤติการณ์กล่าวคือ สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี ได้ประสานมายัง ป.ป.ส. และ บก.สส.สตม. ขอความร่วมมือ ให้สืบสวนติดตามตัว นายนัม (นามสมมติ) และนายจัง (นามสมมติ) ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐเกาหลี กระทำความผิดฐานลักลอบนำเข้ายาเสพติด หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย กลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีพฤติกรรมกระทำผิด คือ เมื่อประมาณต้นเดือน มีนาคม 2566 เจ้าหน้าที่ศุลกากรอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี ตรวจพัสดุ EMS พบยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 172.18 กรัมมูลค่า 17,218,000 วอน (ประมาณ 460,000 บาท) จึงนำส่งสำนักงานอัยการสูงสุดสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อดำเนินคดี จากนั้นขยายผลและสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้จำนวน 3 คน จากการสอบสวนพบว่า

ผู้จัดหายาเสพติดดังกล่าวอยู่ในประเทศไทยคือ นายนัม และ นายจัง และชื่อที่จ่าหน้าบนพัสดุดังกล่าวคือ นายจัง สำนักงานอัยการสูงสุด จึงขอหมายจับบุคคลทั้งสอง

บก.สส.สตม. จึงได้สืบค้นข้อมูลในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่านายนัม เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 ก.พ.66  ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา ประเภท ผ.ผ.90 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 12 พ.ค.66 ส่วนนายจังเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราช อาณาจักรถึงวันที่ 17 ก.ย.65 ปัจจุบันทั้งสองคน อยู่โดยการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (Overstay) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม

จึงได้สืบสวนติดตามตัว จนกระทั้งทราบว่า ทั้งสองคนเข้าพักอาศัยในย่านถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง กรุงเทพฯ จึงได้ไปประสานขอเข้าตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ นายนัม และนายจัง ทั้งสองคน และได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงได้แจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พงส.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

‘สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม’ แถลง ไม่เกี่ยวข้องการทำประชามติ ค้านรัฐดำเนินคดี พร้อมเตือน นศ. ให้เลือกประเด็นที่ไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย

สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม ออกแถลงการณ์ชี้แจงปม “ประชามติเอกราชตั้งรัฐปัตตานี” ย้ำเป็นแค่การจำลองทำประชามติ ไม่ใช่ทำจริง อ้างเป็นกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นพื้นที่เสรีภาพทางวิชาการ ค้านรัฐดำเนินคดีนักศึกษา แต่ออกตัวสมาคมฯไม่เกี่ยวข้อง แนะจับเข่าคุยทำความเข้าใจแบบไร้อคติ พร้อมเรียกร้องนักศีกษามุสลิมเลือกประเด็นเคลื่อนไหวที่ไม่ขัดกฎหมาย


สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม หรือ ส.น.ท.ออกเอกสารแถลงการณ์ กรณีการจัดจำลองการทำประชามติสอบถามความเห็นสิทธิการกำหนดชะตากรรมตนเอง ขององค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan Patani )

เนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากกิจกรรมการเปิดตัวองค์กรขบวนนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Kebangsaan Patani ) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่ผ่านมา โดยภายในงานมีการจัดจำลองการทำประชามติ สอบถามความเห็นสิทธิการกำหนดชะตากรรมตนเอง (the rights of self – determination) คือหลักที่ว่าด้วยสิทธิของประชาชนในการมีอิสระที่จะตัดสินใจเลือกสถานะทางการเมืองของตนเอง และกำหนดรูปแบบของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของพวกเขาเอง

กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เสรีภาพทางวิชาการ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยในการแสดงความคิดเห็น การพูด การจํากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทํามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน เสรีภาพทางวิชาการย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่การใช้เสรีภาพนั้นต้องไม่ขัดต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และต้องเคารพและไม่ปิดกั้นความเห็นต่างของบุคคลอื่น

กิจกรรมทางวิชาการดังกล่าวเป็นประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงในสังคมวงกว้างเกี่ยวกับคำแถลงการณ์ของขบวนนักศึกษาแห่งชาติ และการทำประชามติ ซึ่งเป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหวต่อความรู้สึกของสังคมที่รับทราบผ่านสื่อต่างๆ หรืออาจสื่อความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่ามีความต้องการแบ่งแยกดินแดนหรือการเป็นเอกราชของปาตานี ซึ่งย่อมขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 อันเป็นกฎหมายสูงสุดขอไทยที่มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่าด้วยหมวดที่ 1 บททั่วไป มาตราที่ 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

อย่างไรก็ตาม การที่หน่วยงานของรัฐจะดำเนินคดีกับขบวนการนักศึกษาแห่งชาตินั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการแสดงออกถึงความคิดเห็นทางวิชาการ การพูดคุยเป็นสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และกิจกรรมการดังกล่าวนั้น ก็ได้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยโดยมีภาคส่วนวิชาการเป็นผู้คอยดูแลและให้คำปรึกษาด้วยความรัดกุมและมีสติ

สมาคมนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม (ส.น.ท.) ขอเรียนให้ทราบว่าทางสมาคมฯ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ แต่ทางสมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้โอกาสนี้เพื่อหาทางร่วมพูดคุยหาทางออกและสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นและเชื่อใจระหว่างกันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างเร่งด่วนโดยไร้อคติ ภายใต้ข้อมูล ความรู้ที่ถูกต้องและครอบคลุมจากทุกฝ่าย ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ “สันติวิธี”
ท้ายนี้ สมาคมฯ ขอเรียกร้องให้นิสิตนักศึกษาทุกคนได้ใช้สิทธิเสรีภาพของตนในฐานะพลเมืองไทยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ถูกต้อง เหมาะสม ตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เฉกเช่นที่ได้ยึดมั่นมาโดยตลอด

อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า แถลงการณ์ของ ส.น.ท. ออกมาในช่วงเดียวกับที่ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาส 4 สมัย ซึ่งเป็นบิดาของประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ผู้นำการอ่านแถลงการณ์การทำประชามติเรื่องสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง เพิ่งออกมาให้ข่าวว่า ทางกลุ่มนักศึกษาในนามของ “ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ” จะออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และพร้อมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับหน่วยงานด้านความมั่นคง จึงไม่แน่ชัดว่า แถลงการณ์ที่นายนัจมุดดีนพูดถึงนั้น เป็นฉบับเดียวกับของ ส.น.ท. หรือคนละฉบับกัน จึงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของ “ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ” ต่อไป

‘ยิปซี คีรติ’ เล่าประสบการณ์ จากการหักโหม ‘ลดน้ำหนัก’ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต เพราะเอาความสุขของชีวิต ไปผูกติดกับตัวเลขตาชั่ง

นับเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่มักจะถูกทักเข้ามาถามไถ่อยู่บ่อยๆ สำหรับ เคล็ดลับการลดน้ำหนัก หรือเทคนิคดูแลรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่ตลอด สำหรับ ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ นักแสดงสาวมากความสามารถ วัย 35 ปี ที่ยืนหนึ่งเรื่องความแซ่บจนแฟนๆ ต่างยกให้เป็นไอดอล

แต่ใครจะรู้ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เจ้าตัวเองก็เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายจากการหักโหมลดน้ำหนักมาแล้ว ถึงขนาดส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตเพราะเอาความสุขทั้งชีวิตไปผูกติดกับตัวเลขบนตาชั่ง!?
ซึ่งเรื่องราวที่ว่านี้ ยิปซี คีรติ ได้ตัดสินใจนำมาถ่ายทอดผ่านคลิปวิดีโอบนอินสตาแกรม @gypsykeerati เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆ คน พร้อมกับระบุแคปชั่นว่า "ขอฝาก ปสก. ของเราไว้ เป็นอีกทางเลือกนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก / ดูแลตัวเองนะคะ.. ถ้ารู้สึกว่าคลิปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ฝากแชร์กันน้า"

"แชร์ประสบการณ์การไดเอทจนกลายเป็นโรคทางจิตค่ะ โอเคทุกคนก็คือยิปอ่ะมีทำคลิปนึงไปก่อนหน้านะคะ ซึ่งเนื้อหาในคลิปนั้นได้มีการเมนชั่นเกี่ยวกับการที่ยิปไม่ชั่งน้ำหนัก ไม่คุมแคล อะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยิปก็พูดว่ายิปไม่เอา เพราะว่ายิปอ่ะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ซึ่งวันนี้ยิปก็จะมาพูดขยายความถึงประสบการณ์นั้นนั่นแหละ

ก็เอ่อ... ทุกคนก็สามารถที่จะไปกูเกิ้ลได้นะคะ คือคือมันเป็นอาการที่เรียกว่า Eating disorder นะคะ มันก็จะมีหลายประเภทมากเลย พวกแบบ Anorexia, Bulimia, Bing eating และเดี๋ยวนี้มันก็คงมีอะไรมาอีกเยอะมาก

ประสบการณ์ส่วนตัวของยิป อันนี้ก็คืออยากจะมาเล่าเพื่อที่จะเรียกว่าให้เป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังไดเอท หรือพยายามที่จะดูแลรูปร่างตัวเองอยู่ละกัน

สิ่งที่เราเคยทำก็คือ งดแป้ง งดแบบงด ไม่ใช่ลดนะคะ งดแบบไม่กินแป้งเลย และก็อดข้าวเย็น ก็คือตั้งกฎนั่นแหละค่ะว่าหลัง 6 โมงฉันจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคล เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเคยคุมแล้ว พยายามที่จะแบบวันนึงต้องกินไม่เกิน 800-900 แคล หรือแม้กระทั่งมีช่วงหนึ่งตอนนั้นย้ายไปอยูอเมริกา และก็กลัวมากเพราะว่าแบบของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า ตอนนั้นก็เลยพยายามกินแต่แอปเปิ้ล และก็ผอมมาก คือป่วยแหละ

ทีนี้ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง ก็คือเมื่อก่อนยิปจะพยายามอดข้าวเย็น ออกกำลังกายหักโหมแบบหนักๆ คือเรียกได้ว่าเอาแบบเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และก็ออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่อยากที่จะชั่งน้ำหนัก ให้ตื่นมาแล้วแบบตัวเลขลดลง

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็คือ จิตเรามันไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า 'เฮ้ย วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วเหยียบไปบนตาชั่งเลขจะลดลงมั้ย ถ้าฉันพยายามขนาดนี้' อย่างสมมติวันนี้ฉันอดอาหารแบบอย่างดีอ่ะ พรุ่งนี้มันต้องลดลงสิ แต่ทุกคนเชื่อป่ะ บางทีมันไม่ลด และแย่ไปกว่านั้นคือ บางวันข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน แต่ตัวเลขมันเพิ่ม

ซึ่งพอมันมาถึงจุดนั้น มันก็เลยกลายเป็นจุดที่เราแบบ... คือเรากลายเป็นประสาทอ่ะ กลายเป็นเครียดมาก และด้วยความที่เราเป็นแบบ Perfectionist คือ คือเราอยากที่จะเอาชนะมัน เราก็เลยคิดไปว่า หรือเราต้องลดอาหารเพิ่ม หรือเราต้องออกกำลังกายเพิ่ม คือตอนนั้นมันแบบ Messed up! ไปหมดเลย แล้วก็นั่นแหละ ก็คือเป็นป่วย

ทั้งเรื่องของการทำอาหารกินเองทุกมื้อ กินคลีนแบบจัดๆ คือเราคิดว่าเราผ่านมาค่อนบ้างเยอะมากๆ ช่วงที่ทำอาหารกินเองทานคลีน มันก็จะมีปัญหาของการที่เราเข้าสังคมไม่ได้เลย เพราะเหมือนเรากลายเป็นคนกลัวอาหารปกติ ซึ่งนั่นมันไม่ใช่ความคิดที่ดีต่อสุขภ่พแล้วอ่ะ เพราะคนเรายังต้องได้ใช้ชีวิต ต้องได้ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ต้องเข้าสังคมบ้าง คือช่วงนั้นเราเหมือนเรากลายเป็นว่าเราไม่อยากเข้าสังคม เวลาเพื่อนนัดเรารู้สึกอึดอัดเพราะเรารู้สึกว่าเราต้องไปกินอาหารข้างนอกที่มัน Out of my comfort zone ไม่ใช่อาหารที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย เพราะเราควบคุมไม่ได้

สุดท้ายก็คือ ทำไม่ได้ ก็คือเคยโยโย่เพราะว่ากินคลีนจัดๆ ด้วยนะ ร่างกายเรามันช็อก เหมือนพอเรากินคลีนสะอาดมากเลยโนโซเดียมอะไรก็ตาม แต่พอกินอาหารปกติแค่ไม่กี่มื้อ... บวม โยโย่ขึ้นมาเลย
เราก็เลยรู้สึกว่า โอเค อะไรก็ตามที่มันเป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป อะไรก็ตามที่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดชีวิตจริงๆ เราว่าอย่าทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดันหรือความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป เราไม่ค่อยแนะนำ

มีคน DM มาเรื่องนี้เยอะมาก 'พี่ยิปต้องกินนั่นเท่าไหร่ ต้องโปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่ ' คือมันทำให้เรารู้แหละว่า โอเค คนยุคปัจจุบันนี้สนในเรื่องการดูแลตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากให้เขาจะต้องมาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่จุดที่ดีเลยอ่ะทุกคน

เราใช้เวลานานมากกว่าที่จะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้ง เพราะว่าเราติดมาก ติดดูตัวเลขมาก ทุกเช้าถ้าเหยียบขึ้นไปแล้วเลขไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองพอใจเราร้องไห้นะ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข เริ่มต้นทั้งวันไม่มีความสุขเลยเพราะว่าตัวเลขไม่ใช่แบบที่เราต้องการ
เราไม่อยากให้ความสุขของคุณมันมาถูกกำหนดเอาไว้ด้วยตัวเลขบนตาชั่ง หรือแม้กระทั่งรูปร่างหรืออะไรก็ตาม หาจุดสมดุลให้ดี เลือกอะไรที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองจริงๆ และสุดท้ายดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย สำคัญมากๆ นะคะ

สะเทือน ‘เมียนมา’ ไม่มีผู้บาดเจ็บ - เสียชีวิต  จุดศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ราว 112 กิโลเมตร

ย่างกุ้ง, 19 มิ.ย. (ซินหัว) — วันจันทร์ (19 มิ.ย.) สำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของเมียนมา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ตามมาตราแมกนิจูด ตอนประมาณ 08.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ภูมิภาคอิรวดีทางตอนใต้ของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 70 ไมล์ (ราว 112 กิโลเมตร)

ยินเมียวมินทวย รองผู้อำนวยการแผนกแผ่นดินไหวของสำนักฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ก้นทะเล และไม่มีแนวโน้มจะเกิดสึนามิ โดยสึนามิจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อขนาดของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 6.5 ตามมาตราแมกนิจูดขึ้นไป

ยินเสริมว่าปัจจุบันไม่มีรายงานยอดผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะประชาชนในบางเมืองของภูมิภาคย่างกุ้งรายงานว่ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย

อนึ่ง สำนักฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึก 10 กิโลเมตร อยู่ที่ลองจิจูด 96.33 องศาตะวันออก และละติจูด 15.5 องศาเหนือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top