Monday, 19 May 2025
NewsFeed

20 โปรเจกต์ หนุน EEC เดินหน้า ภายใต้ผู้นำที่ชื่อว่า ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา’

โครงการ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งมีอีกชื่อเป็นภาษาไทยว่า ‘โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก’ อีกหนึ่งความหวังใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย ในยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยปัจจุบันมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และเงื่อนไขในการเอื้อต่อการลงทุนแล้วหลายประการ

1. พัฒนารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา)
2. พัฒนารถไฟทางคู่ (ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย)
3. พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด / ท่าเรือแหลมฉบัง เป็น ‘ประตูการค้า’ เชื่อมโยงกับประเทศในอาเซียน
4. พัฒนาท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ หรือท่าเรือจุกเสม็ด รองรับนิคมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวทางทะเล
5. ปรับปรุงสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3

'สมคิด' จี้ 'กกต.' จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส-ยุติธรรม ลั่น!! 'พท.' แลนด์สไลด์แน่นอน เหตุ ปชช.ตอบรับนโยบาย

(22 ก.พ. 66) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบล ราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า จากที่พรรคพท.ลงพื้นที่ในนามครอบครัวเพื่อไทยในหลายพื้นที่ พบว่า ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ตั้งเป้าว่า หลังจากหมดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญ พรรค พท.จะเปิดเวทีทั้งในนามพรรคและในนามครอบครัวเพื่อไทยทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคต่อประชาชน มั่นใจว่าประชาชนจะตอบรับผู้สมัครของพรรคทั่วประเทศอย่างแน่นอน จากการที่ ส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อนำนโยบายดี ๆ ของพรรคไปชี้แจงกับประชาชน พบว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

เชื่อว่าจะสามารถสร้างแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดินได้อย่างแน่นอน มั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคจะได้รับชัยชนะมากกว่า 250 เขต เลือกตั้งทั่วประเทศ เพราะพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศตอบรับนโยบายของพรรค และมั่นใจว่าเป็นนโยบายที่สามารถจับต้องได้ นำมาปฏิบัติได้จริง ต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีนโยบายไหนที่ช่วยพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงใจได้เลย ระบบเศรษฐกิจทุกระดับเสียหายหมด ยกเว้นระดับนายทุนใกล้ชิดรัฐบาลที่รวยขึ้น

‘หลวงปู่เจ้าคุณอิ่ม’ อายุ 106 ปี ทำบัตร ปชช.ใหม่ กลุ่มลูกศิษย์ปลื้มเห็นหลวงปู่สุขภาพแข็งแรง

หลวงปู่เจ้าคุณอิ่ม อายุ 106 ปี อริยสงฆ์ 5 แผ่นดินแห่งเมืองนคร ทำบัตรประชาชนใบใหม่ กลุ่มศิษย์ปลื้มเห็นหลวงปู่สุขภาพแข็งแรง 

เพจเฟซบุ๊กกลุ่มประเทศคอน สมาชิกในชื่อชาญวิทย์ ได้โพสต์ภาพ พระราชมงคลวชริรปัญญา หรือหลวงปู่เจ้าคุณอิ่ม อริยสงฆ์ 5 แผ่นดินแห่งเมืองนคร วัดทุ่งนาใหม่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช

ขณะที่หลวงปู่เจ้าคุณอิ่ม อายุ 106 ปี เดินทางมาทำบัตรประชาชนใบใหม่ ณ ที่ว่าการอำเภอพิปูน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมระบุข้อความว่า เห็นภาพนี้แล้วปลื้ม ขอหลวงปู่อายุยืน สุขภาพแข็งแรง 106 ปีแล้ว ท่านยังแข็งแรง อยู่กับลูกศิษย์นานๆ ด้วยรักและศรัทธา สาธุๆๆ

สำหรับประวัติ ‘หลวงปู่อิ่ม’  ถือว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ 5 เเผ่นดิน และศิษย์ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน ‘หลวงปู่อิ่ม’ มีเดิมชื่อ นายอิ่ม วุฒิพงศ์ เป็นบุตร นายเอี่ยม นางช่วย วุฒิพงศ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 6 ธันวาม 2459 หรือช่วงต้นรัชกาลที่ 6

เมื่ออายุ 17 ปี ราวปี 2476 ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระครูรังสรรค์อธิมุตต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดยางค้อม โดยในวัยเด็ก ท่านมีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์  อันเนื่องด้วยจากท่านเป็นหลานเเท้ ๆ ของพ่อท่านคล้าย ซึ่งท่านจะมาหาญาติของท่าน ซึ่งเป็นครอบครัวของ ‘หลวงปู่อิ่ม’ อยู่เป็นประจำ

จนเมื่ออายุครบ 20 ปี ในราวปีพ.ศ. 2479 ท่านได้อุปสมบท โดยมี พระอาจารย์ปลอด วัดนาเขลียง เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดยางค้อม เเละได้ครองสมณะเพศเป็นเวลา 1 ปีจึงได้ ได้ลาสิกขา เพราะจำเป็นต้องไปช่วยพ่อแม่ทำสวน ตามวิถีชีวิตปกติของคนทั่วไป 

เเต่ขณะท่านเป็นฆราวาส ก็ยังคงได้ ร่ำเรียนวิชาจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ซึ่งเป็นทั้งครูอาจารย์เเละเป็นญาติผู้ใหญ่มาตลอด อีกทั้งยังมีส่วนร่วมในการร่วมสร้างพระอุโบสถวัดทุ่งนาใหม่ เเละเหตุการณ์สำคัญๆ ร่วมกับพ่อท่านคล้าย เเละได้ร่ำเรียนวิชาจนสามารถจดจำพระคาถา เเละเคล็ดวิชาของพ่อท่านคล้ายได้เป็นอย่างดี

14 เรื่องดี๊ดีที่ ‘บิ๊กตู่’ มีให้ภาคตะวันตก ‘ถนน - ท่องเที่ยว - ปากท้อง’ ครบ!!

ไม่แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ สำหรับภาคตะวันตก อันประกอบไปด้วยจังหวัด กาญจนบุรี, ตาก, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี และราชบุรี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน รวมถึงการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมานี้ มีหลากโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนแนวทางต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากมาย

>> จังหวัดกาญจนบุรี

1. Skywalk กาญจนบุรี แลนด์มาร์กแห่งใหม่ริมแม่น้ำแคว บนความสูง 12 เมตรจากพื้นถนน และความยาวของ Skywalk กาญจนบุรี อยู่ที่ 150 เมตร ตลอดริมแม่น้ำ ตัวพื้นของ Skywalk กาญจนบุรี ทำจากกระจกใสแข็งแรง ตลอดทางเดินสามารถมองเห็นแม่น้ำด้านล่าง

2. จัดระเบียบเรือนแพและปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำแคว เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

3. แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี 

4. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี มีพื้นที่ผ่าน 3 จังหวัด คือ จ.นนทบุรี จ.นครปฐม และ จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 96.41 กิโลเมตร 

>> จังหวัดตาก

5. มอบสิทธิมอบสุขในที่ดินทำกิน หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5 ป่า ประกอบด้วย ป่าช่องแคบและป่าแม่โกนเกน / ป่าแม่ละเมา / ป่าแม่สอด / ป่าท่าสองยาง และ ป่าแม่ระกา พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดตาก ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าช่องแคบและป่าแม่โกนเกน จำนวน 1,231 เล่ม 

6. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ร่วมกันผลักดัน ให้ ‘ไม้กลายเป็นหิน’ ณ อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จังหวัดตาก ถูกบันทึกสถิติโลกว่าเป็น ‘ไม้กลายเป็นหินที่ยาวที่สุดในโลก’ ลง Guinness World Records ได้สำเร็จ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเยาวชน ตลอดจนผู้ที่มีความสนใจด้านแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญในประเทศไทย

7. สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย หรือที่ชาวเมียนมาเรียกแม่น้ำตองยิ่น แห่งที่ 2 บริเวณฝั่งไทยที่บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ที่ 7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก 

ผู้ร่วมก่อตั้งอนาคตใหม่ เผย ‘ปิยบุตร’ ที่รู้จัก เลย ‘มือพาย’ ไปไกล แค่หวั่นใจทิศทางวันนี้

(22 ก.พ. 66) นายภูวกร ศรีเนียน หรือ 'จ.เจตน์' หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพะเยา โพสต์เฟซบุ๊ก Phuvakorn Srinean แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ 'อ.ปิยบุตร ที่ผมรู้จัก' มีเนื้อหาดังนี้...

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงปี 53 หลัง ทหารสลายการชุมนุมเสื้อแดง
กระแสสังคม คนกรุง ที่มีความรู้ ทันสมัย ส่วนใหญ่
เหยียบย่ำ ซ้ำเติม ผู้ชุมนุม

มีกลุ่มอาจารย์จำนวนหนึ่ง ออกมายืนยันความถูกต้อง ออกมายืนยันสิ่งที่ควรจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

หนึ่งในนั้น มีอาจารย์กฏหมาย ชื่อ ปิยบุตร
นี่คือครั้งแรกในชีวิต ที่ผมรู้จักเค้า 

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อน น้ำท่วม ปี 54  กลุ่มอาจารย์เหล่านั้น
ใช้ชื่อ ว่า นิติราษฏร์ ออกมา พูดดัง ๆ ในสังคม

ล้างพิษรัฐประหาร 49 จนเป็นความหวังของคนในสังคม ที่แสวงหาหลักการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง

เป็นการจุดคบเพลิงความคิดที่มีพลัง
แน่นอน หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
กฏหมาย มาตรา 112 เริ่มถูกพูดถึง ในยุคที่วัยรุ่น
ยังไม่ตื่นตัวทางการเมือง

ความเสี่ยงต่าง ๆ ในการอธิบายเรื่องนี้ต่อสังคม 
แน่นอน มีน้อยคนที่จะกล้าหาญ
หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อตั้งอนาคตใหม่ ต้นปี 61 หลายคนต้องตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง  
ในวันที่ไม่มีใครรู้ว่า การตั้งพรรคการเมืองแนวใหม่ จะประสบผลอย่างไร

'ทร.' แจ้ง ผลสอบ 'รล.สุโขทัย' คืบหน้า 90% เริ่มกู้เรือได้ เม.ย.นี้ คาด ไม่เกิน 1 ปี รู้สาเหตุเรือล่ม

(22 ก.พ. 66) พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนเรือหลวงสุโขทัยอับปางในรอบ 2 เดือน ว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงยังอยู่ระหว่างดำเนินการ หลังจากสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 289 ปาก ข้อมูลที่ได้กำลังอยู่ระหว่างประเมินเพื่อนำมาสรุป และชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนได้รับทราบ ยืนยันว่า กองทัพเรือไม่ได้พยามจะดึงเรื่องให้มีความยืดเยื้อ หรือเชื่องช้า เราพยายามทำอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้มีความรอบคอบ และครอบคลุม เรื่องราวทั้งหมด

นอกจากนั้น ก็ยังมีข้อมูลทางเอกสารในเรื่องการรายงานสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงเรื่องวัตถุพยาน ซึ่งขณะนี้ การดำเนินการเตรียมการกู้เรือหลวงสุโขทัย กำลังดำเนินการอยู่ น่าจะได้บทสรุปในเดือนนี้ ขณะนี้ยังติดเรื่องคลื่นลมในทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่ยังมีความรุนแรงอยู่ คาดว่า ภายในเดือนเมษายนเป็นอย่างช้า น่าจะเริ่มดำเนินการกู้เรือได้ ซึ่งระยะเวลาดำเนินการเท่าไหร่นั้น ยังตอบไม่ได้ ต้องดูว่ามีอุปสรรคมากน้อยแค่ไหน แต่กระบวนการทั้งหมดที่จะได้ข้อสรุปคงไม่เกิน 1 ปี ต้องรอดูสภาพใต้ท้องเรือว่า ตรงกับคำให้การที่สอบไปหรือไม่ แต่ตอนนี้เรา ปะติดปะต่อเหตุการณ์เรื่องราวได้เกือบสมบูรณ์แล้ว ขาดเพียงแค่พยานวัตถุ

“เราพยายามไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป แต่ส่วนหนึ่งก็หลุดออกไปบ้าง แต่ตรงนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แท้จริง ต้องรอกองทัพเรือชี้แจงอย่างเป็นทางการ 2 เดือนที่ผ่านมา ถือได้ว่าผลสรุปการสอบพยานด้านบุคคล รวมถึงเอกสารถึงคืบหน้าไป 90% แล้ว

ส่วนพยานวัตถุเราได้แค่ภาพถ่ายใต้น้ำ ซึ่งใช้นักประดาน้ำ และยานซีฟอกซ์ ซึ่งเป็นยานใต้น้ำ ลงไปถ่ายแต่ยังมองไม่ชัดเพราะ สภาพเรือนั่งแท่นบนทรายจึงมองเห็นไม่ชัด ต่างกับกรณีที่เรือเอียงจะถ่ายแล้วเห็นชัดมากกว่า ตรงนี้จึงเป็นสิ่งที่ติดขัดในการถ่ายภาพใต้น้ำนำมาประกอบหลักฐาน จึงยังไม่สมบูรณ์จึงต้องมีการกู้เรือมาเพื่อดูสภาพนั้นอีกครั้ง” พล.ร.อ.ปกครอง กล่าว

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า สำหรับกรอบงบประมาณที่จะใช้ กองทัพเรือ โดยกองเรือยุทธการ และกรมอู่ทหารเรือ กำลังวิเคราะห์ และพยายามพิจารณาลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลงให้น้อยที่สุด โดยปัจจุบัน ยังมี 12 บริษัทได้เสนอค่าใช้จ่ายการกู้เรือเข้ามา ส่วนที่เกรงว่า การใช้งบกลางจากรัฐบาลอาจจะล่าช้า เพราะอยู่ในช่วงยุบสภา จึงต้องไปขออนุมัติ กกต.นั้น ก็คงเป็นไปตามนั้น เราจึงพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด คาดว่าจะให้เสร็จก่อนที่จะมีการยุบสภา

คนใกล้ตัว แฉต้นเหตุ ‘พยาบาลสาว’ คิดฆ่าตัวตาย ที่แท้โดนข่มขู่คุกคาม แถมถูกสั่งให้เข้าเวรกลางคืน

หนุ่มคนใกล้ชิดโพสต์แฉละเอียดยิบ กรณีพยาบาลสาว รพ.ดังเชียงใหม่ เครียดจัดจนเกือบฆ่าตัวตัวตาย ที่แท้โดนคนในกลั่นแกล้งข่มขู่คุกคามหนัก แถมรถถูกยกหายไปนานเกือบ 4 เดือนและแจ้งความแล้ว ไร้ความคืบหน้า จนรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังถูกสั่งให้ขึ้นเวรกลางคืน

ความคืบหน้ากรณีพยาบาลสาวโรงพยาบาลรัฐชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ โพสต์บอกเล่าเรื่องราวตัดพ้อที่ถูกกลั่นแกล้งและดูหมิ่นเหยียดหยามในที่ทำงานจนเกิดความเครียดและกดดันอย่างหนัก พร้อมเขียนจดหมายลาตาย และพยายามที่จะกระโดดตึกเพื่อจบชีวิตแต่มีผู้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน ขณะที่ทางผู้บริหารหน่วยงาน ชี้แจงและยืนยันให้ความช่วยเหลือพยาบาลสาวรายนี้อย่างเต็มที่ในทุกด้าน

รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุดในคืนที่ผ่านมา มีชายคนหนึ่งได้โพสต์คลิปใน TikTok จำนวน 3 คลิป ที่เป็นการแฉเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีพยาบาลสาวที่ถูกกลั่นแกล้ง กดดัน จนทำให้คิดสั้นดังกล่าว โดยเริ่มต้นว่าไม่ต้องตั้งคำถามว่าตนเองรู้จักน้องพยาบาลได้อย่างไร เอาเป็นว่าเป็นคนที่รู้จักสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องของการบูลลี่เรื่องหน้าตาชาติพันธุ์ เป็นเรื่องเก่านานแล้วที่มีการทำความเข้าใจกันแล้วในที่ทำงาน และไม่ใช่เหตุหลักในการที่น้องตัดสินใจครั้งนี้

โดยสาเหตุหลักมาจากการถูกลั่นแกล้งในที่ทำงานจากหัวหน้างาน และคนในโรงพยาบาล ซึ่งจากการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องความขัดแย้งจริงๆ ซึ่งน้องมีความขัดแย้งกับหัวหน้าแผนกห้องคลอด ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาส่วนตัวของกลุ่มคนในที่ทำงานก็จะมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากัน แต่ที่สำคัญได้ยกบุคคลคนหนึ่งเป็นตำแห่งหัวหน้าพัสดุ แฟนมีพฤติกรรมเวลาดื่มเหล้าเมาจะกร่างสามารถเข้าออกโรงพยาบาลได้ และยังทำงานที่สรรพสามิตเชียงใหม่ จึงได้ให้แฟนแกล้งน้องด้วยการขนรถจักรยานยนต์ อ้างจะเอาไปตรวจสอบ เนื่องจากเห็นว่าจอดไว้เป็นเวลานาน จนเป็นที่มาของการเข้าไปแจ้งความว่าน้องรถหาย

นอกจากนี้น้องยังพยายามขอความช่วยเหลือจากทางผู้บริหาร แม้แต่จะขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายที่ขโมยรถไป แต่กลับอ้างว่าไม่มีภาพ ภาพวงจรปิดที่ได้มานั้นก็ไปได้จากกล้องวงจรปิดบ้านพักของพนักงานในโรงพยาบาล ที่น้องต้องไปขอเอง หลังจากนั้นน้องเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ถูกคุกคาม จึงไปขอร้องผู้บริหารอีกครั้ง ซึ่งได้รับการดูแลโดยให้มาเข้าเวรและทำงานในตอนกลางวันแทนกลางคืน เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน แต่ได้เพียง 1 เดือน ตอนนี้น้องต้องกลับมาทำงานและเข้าเวรกลางคืนอีกครั้งคราวนี้น้องจึงรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือปกป้อง และหวาดกลัวที่จะถูกคุกคามอีกครั้ง จนน้องคิดมากเป็นสาเหตุที่ต้องคิดสั้น

ส่วนคลิปที่ 2 ได้ย้อนกลับไปพุดถึงเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีกับคนที่นำรถไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 แต่จนถึงขณะจะเข้าเดือนมีนาคมอยู่แล้ว กว่า 3 เดือนนี้ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในคดี ไม่มีหมายเรียกออกมาสักฉบับ ตำรวจทำงานช้ามากจนน้องรู้สึกว่าตำรวจ มีนอกมีในหรือไม่กับคดีนี้ โดยคนโพสต์ยังอ้างว่าทนายความที่ตนเองส่งไปช่วยดูแลคดีให้น้องพยาบาล ยังได้รับการประสานงานจากตำรวจ ว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับเรื่องนี้ ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจไม่ใช่มาถามทางฝั่งผู้เสียหาย ซึ่งตำรวจได้เรียกทั้ง 2 ฝ่ายไปพูดคุยกัน

‘บิ๊กป้อม’ โชว์ฟิต ลงพื้นที่ 3 จว. ก่อนยุบสภาฯ ลุยตรวจน้ำ ‘อุดรฯ-หนองคาย-เลย’ 24 ก.พ.นี้

(22 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีกำหนดการลงพื้นที่จ.อุดรธานี จ.หนองคาย และจ.เลย ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยจะเดินทางไปตรวจติดตามอ่างเก็บน้ำลำห้วยเชียงตอนบน ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ในเวลา 10.30 น. จากนั้นเดินทางไปตรวจติดตามการบริหารการจัดการน้ำ จ.อุดรธานี พร้อมทั้งมอบนโยบายและพบปะประชาชน ที่โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ของยูง อ.กุดจับ

จากนั้นเวลา 13.50 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางสู่ จ.หนองคายเพื่อตรวจติดตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง กรมชลประทาน อ.ท่าบ่อ จากนั้นเดินทางไปตรวจติดตามการบริหารการจัดการน้ำ จ.หนองคาย พร้อมมอบนโยบาย พบปะประชาชนในพื้นที่และผู้นำท้องถิ่น และรับเรื่องแก้ปัญหาน้ำประปาเพื่อการอุปโภค-บริโภคของ อ.โพธิ์ตาก ที่ลานวัฒนธรรม เทศบาลเมืองท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ และเดินทางไปตรวจติดตามโครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบประปาเทศบาลเมืองท่าบ่อ

‘อดีตเพื่อนธร’ ชี้!! ‘พิธา-ปิยบุตร’ แตกคอ!! ความจริงการเมือง แค่วาทกรรมอันสวยงาม

(22 ก.พ. 66) นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pichit Chaimongkol’ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตอบโต้และขัดแย้งกันระหว่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า มีเนื้อหาดังนี้...

ก้าวไกลบอกก้าวไปไกลๆ

ปรากฏการณ์ พิธาสวนปิยบุตร ธนาธรเล่นบทพระเอก พูดหลักการ
บทสะท้อนความเป็นจริงทางการเมือง สังคม ที่ตรงกันข้ามกับความฝันวาทกรรมที่สวยงาม

มันคือการเมืองเรื่องของอำนาจ โดยอ้างเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคม ทุกพรรคก็เป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องอำนาจที่ต้องกุมสภาพการนำให้ได้ ซึ่ง ปิยบุตร คงอยากกุมอำนาจโดยการกำหนดทิศทางนอกพรรค ก็เหมือนทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้มี อิทธิพลนอกพรรค ทักษิณทำเช่นไร ปิยบุตรก็คล้ายๆ กันเช่นนั้น

เพียงแต่

เพื่อไทยไม่มีใครโต้ทักษิณ
ก้าวไกลกล้าตอบโต้ปิยบุตรแค่นั้นเอง

‘เพื่อไทย’ จี้ รบ. นำ พ.ร.บ.เช็ค ขึ้นพิจารณา ลั่น!! พร้อมร่วมประชุมถก กม. ที่ค้างหลายฉบับ

(22 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย และนายกฤษดา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย รับหนังสือจาก น.ส.สมหญิง รัตนุ่มน้อย เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร เร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 เพื่อให้มูลความผิดของผู้ที่ไม่มีเจตนาทุจริตในการสั่งจ่ายเช็ค มีโทษเพียงทางแพ่ง แต่ไม่มีโทษอาญาที่ต้องถูกปรับ และจำคุกอีกต่อไป

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้ประสานงานกับผู้ได้รับผลกระทบมาสักระยะแล้ว โดยประชาชนที่เดือดร้อนได้เรียกร้องผ่าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ช่วยเร่งรัดกระบวนการทางกฎหมายที่ค้างในสภาฯ ซึ่งนพ.ชลน่าน ได้นำเรื่องปรึกษาประธานสภาฯ เพื่อหาวิธีการเลื่อนระเบียบวาระขึ้นมาพิจารณา เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนของประชาชน อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (23 ก.พ.) เป็นวันสุดท้ายของการประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมนี้ ตนจึงหวังว่าจะมีการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่ากฎหมายที่ค้างอยู่หลายฉบับเป็นสิ่งสำคัญ พวกเราส.ส.พรรคเพื่อไทย ยินดี และพร้อมทำงาน ซึ่งหากพิจารณาวาระแรกได้ เมื่อรัฐบาลหน้าเข้ามาค่อยว่ากันต่อ พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถ้าเลือกตั้งเสร็จแล้วพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะยืนยันกฎหมายฉบับนี้ เพื่อแก้ไขให้ประชนชนที่ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 5 ล้านราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top