Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

เพจดังกัมพูชา เย้ย 'ชาตรี' CEO 'วัน แชมเปียนชิพ' ไม่กล้าเอา 'กุน ขแมร์' ไปแข่ง เพราะกลัวดังกว่าไทย

(15 ก.พ. 66) เพจ WORLD KUN KHMER Promotion ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 4.2 แสนคน มาด้วยกลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง คราวนี้มีการแท็กไปถึง 'ชาตรี ศิษย์ยอดธง' หัวเรือใหญ่แห่ง 'วัน แชมเปียนชิพ' (ONE Championship) องค์กรกีฬาต่อสู้ระดับโลก ด้วยข้อความแปลเป็นภาษาไทยดังนี้

"ชาตรี บอกว่า มวยไทย คืออันดับ 1 ของโลก ก็เพราะใช้เงินระดับพันล้านดอลลาร์ไปจ้างชาวต่างชาติที่ฝีมือยังไม่เก่งจริงมาแข่งขัน สู้กับคนไทยแล้วก็อวยว่าแข็งแกร่ง แต่ทุกครั้งที่มีการชิงแชมป์ เขาไม่เคยให้โอกาสนักมวยเขมรมาร่วมด้วยเลย"

"เอาแต่ฝรั่งมาให้เหมือนโดนซ้อม ให้คนไทยได้เข็มขัด ไม่ใช่ว่าคนเขมรไร้ความสามารถ แต่เขากลัวคนไทยแพ้คนเขมร กลัวเขมรดัง บอกว่าเขมรสู้ไทยไม่ได้ ขอโทษทีครับ นักชกเขมรรุ่น 50-65 กก. นี่พร้อมชิงเข็มขัดเสมอ แต่ขอให้จ่ายค่าตัวเราเท่านักมวยไทยด้วย เก็บตัวก่อนชกสัก 3 เดือน บอกเลยว่าพร้อมเจอ อย่าเอาแต่มวยส้วมฝรั่งเลย"

นายกแจ๊สโชว์ผลงาน 2 ปี พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะมั่นคงปลอดภัย

(15 ก.พ. 66) ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี แถลงผลการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น แพทย์ประจำตำบล และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีร่วมรับฟังและซักถามข้อสงสัยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ด้านสาธารณสุขและการกีฬา ด้านการเมือง 

ด้าน พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง การเดินหน้าพัฒนาปทุมธานี เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ “พลิกโฉมปทุมธานี สู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่มั่นคงและปลอดภัย ก้าวไกลเศรษฐกิจ บนวีถีชีวิตใหม่ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมไทย” องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ยังเดินหน้าไม่หยุด พร้อมขับเคลื่อน นโยบาย ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้ง 6 ด้านได้แก่ 

1.) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ จัดให้มีระบบการคมนาคม การขนส่งที่เชื่อมต่อ ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภายในเขตจังหวัดปทุมธานี โดยการก่อสร้างปรับปรุงถนน สะพาน ตามมาตรฐานทางหลวงชนบท บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไข ปัญหาการจราจร ที่ติดขัดอย่างเป็นระบบบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม จัดให้มีระบบไฟฟ้าสาธารณะอย่างทั่วถึง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม อย่างเพียงพอและทั่วถึงเพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และปัญหาน้ำขาดแคลน สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรกล และบุคลากร เช่น รถดูดโคลนเลน ในการขุดลอกท่อระบายน้ำ และคูคลอง ตลอดจนได้ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมด้วยการมอบ โฟมลอยน้ำ ถุงยังชีพ และทรายถม เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้นำไปใช้ประโยชน์ และบรรเทาความเดือดร้อน

2.) พัฒนาสังคม การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ได้ทำการส่งเสริม และพัฒนา คุณภาพชีวิต ของเด็กสตรีคนชรา ผู้พิการ และ ผู้ด้อยโอกาส การสังคมสงเคราะห์ต่างๆ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดปทุมธานี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จัดการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษา อย่างทั่วถึง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหา ยาเสพติดในจังหวัดปทุมธานีอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมและทำนุบำรุง ศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดปทุมธานี ให้อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข อนุรักษ์ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมสถาบันครอบครัว ให้มีความอบอุ่น และร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกัน และบรรเทา สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดปทุมธานี บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดระเบียบสุนัขและแมวจรจัดให้มีที่อยู่และมีการดูแลอย่างเหมาะสม

3.) นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปลูกฝังจิตสำนึกของประชาชนและเยาวชนในจังหวัดปทุมธานีในการร่วมกันอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด พัฒนาแม่น้ำลำคลองให้สะอาดปราศจากน้ำเน่าเสีย ภายใต้โครงการ “คลองสวยน้ำใส  วิถีไทยต้องกลับมา” 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายหลักสูตรสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ให้ความรู้ด้านการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ของไทย

วันนี้ (15 ก.พ.66) เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) เป็นวิทยากรพิเศษ บรรยายให้ความรู้แก่ผู้เข้าอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรด้านการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 8 และ 9 ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีผู้เข้าอบรมมาฟังบรรยายจำนวน 521 นาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอผลงานการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ในการจัดอันดับโดยสหรัฐอเมริกา จนยกระดับประเทศไทยขึ้นสู่ Tier 2 นั้น ได้บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งมีสถานะเป็นทั้งประเทศต้นทาง ปลายทาง และทางผ่านในการกระทำผิด และมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นตามยุคสมัยและเทคโนโลยี ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม จำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมทั้งได้นำเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาในหลายๆด้าน ยกตัวอย่างเช่น

ย้อนรอยพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เข้าสภาแบบ 'ที่นั่งเดียว'

ถ้าใครยังจำกันได้ 'เลือกตั้ง 2562' นำพาความเปลี่ยนแปลงและสร้างสถิติใหม่ขึ้นหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการใช้ระบบ 'จัดสรรปันส่วนผสม' ที่ใช้บัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบเลือกทั้ง ส.ส. เขต จำนวน 350 คน และบัญชีรายชื่ออีก 150 คน  บนหลักการให้เสียงส่วนน้อยมีความหมาย ถูกนำมานับเป็นคะแนน เรียกว่า "ไม่ถูกทิ้งน้ำ" โดยการนำทุกคะแนนเสียงเลือกตั้งที่ได้มาคิดคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากฐานตัวเลข 'ส.ส.พึงมี' ซึ่งอยู่ที่ 71,000 คะแนนเสียง ต่อ 1 เก้าอี้ ส.ส. 

ปรากฎว่ามี  '11พรรคการเมืองขนาดเล็ก' ได้ที่นั่ง ส.ส. จากระบบบัญชีรายชื่อ 'พรรคละ 1 คน' ประกอบด้วย พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคพลังไทยรักไท, พรรคไทยศรีวิไลย์, พรรคประชานิยม, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธรรมไทย, พรรคพลเมืองไทย, พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม ยกเว้นพรรคพลังชาติไทยที่ได้คะแนนเกินเกณฑ์ ส.ส. พึงมี

1 เสียงในสภาของพรรคเล็กอาจดูไม่ค่อยมีน้ำหนักและความหมายมากนัก แต่ ส.ส. ที่ผ่านเข้าไปหลายคนสามารถสร้างพื้นที่ให้กับตัวเองได้ไม่น้อยเลย THE STATES TIMES หยิบยกเอา ส.ส.เดินเดี่ยว หรืออาจเรียกว่า “ข้ามาคนเดียว” มาบอกเล่ากัน

#ไพบูลย์นิติตะวัน ส.ส. ผู้ "น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า" เข้าสภา 

ชื่อของ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' เริ่มเป็นที่รู้จักในทางการเมือง ในฐานะสว. สรรหา ระหว่างปี 2551-5557  เป็นหนึ่งใน 'กลุ่ม 40 ส.ว.' ตรวจสอบรัฐบาลพรรคพลังประชนและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัย อดีตนายกฯ 'ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร' กรณีสั่งย้าย 'ถวิล เปลี่ยนศรี' เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้ต่อมา  'ยิ่งลักษณ์' ต้องพ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีตามคำวินิจฉัยของศาล

และเมื่อถึงช่วงเวลานับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งปี 2562  ชื่อ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ก็ถูกจับตา เมื่อเขาตั้งพรรค 'ประชาชนปฏิรูป' ลงสู้ศึกเลือกตั้ง ชูนโยบาย  'น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า' แก้ปัญหา 'ทุกข์ร้อน' ให้ประชาชน ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต 311 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 40 คน 

หลังเลือกตั้ง ปรากฏว่าพรรคประชาชนปฎิรูป ได้ 45,420 คะแนน เป็นอันดับที่ 23 จากทั้งหมด 74 พรรค และเมื่อผ่านคำนวณคะแนนตามสูตร ของ กกต.แล้ว ก็ส่งให้ 'ไพบูลย์'  หัวหน้าพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 เข้าป้ายเป็น ส.ส. และเป็นหนึ่งใน 11 พรรคเสียงเดียว ที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาล

ทำหน้าที่ ส.ส. ได้ไม่กี่เดือน ก็ถูกจับจ้องจากฝ่ายค้าน เมื่อเขาตัดสินใจยื่นเรื่องต่อ กกต. ขอเลิกกิจการพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งต่อมา กกต. ประกาศให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ ขณะที่ 'ไพบูลย์' ขอย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ 60 ส.ส. พรรคฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องประธานสภา ขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความสถานะความเป็น ส.ส. ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสถานะ ส.ส. ของเขาไม่สิ้นสุดลงตามพรรคประชาชนปฏิรูปไปด้วย 

ปัจจุบัน 'ไพบูลย์' ยังคงอยู่ในสถานะส.ส. บัญชีรายชื่อและถือเป็นหนึ่งในหัวหมู่ทะลวงฟันคนสำคัญของของพรรคพลังประชารัฐ

#เต้-มงคลกิตติ์ ส.ส. สีสัน "นักสร้างประเด็น" ในสภา

ชื่อของ เต้-มงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์ เป็นที่รู้จักจากการออกมาเคลื่อนไหว แสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงสร้างกระแสในสังคมหลายครั้ง ก่อนที่เขาจะประกาศลงเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรค 'พรรคไทยศรีวิไลย์' 

มงคลกิตติ์ เป็นหนึ่งเดียวจากพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ได้ผ่านเข้าไปเป็น ส.ส. ในสภา และแน่นอนว่าตั้งแต่วันแรกๆ ของการทำหน้าที่ เขาเริ่มทำให้เห็นภาพ ส.ส.คนขยัน แต่เป็นเรื่องของการขยัน 'สร้างประเด็น' ในสภา 

ยังไม่ทันทำหน้าที่ เมื่อวันที่ ส.ส. เดินทางมาที่สภาเพื่อเตรียมขึ้นรถบัสไปร่วมพิธีเปิดประชุมสภา ก็ปรากฏภาพขณะที่ 'วัน อยู่บำรุง' ส.ส.ป้ายแดงจากพรรคเพื่อไทย กำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ 'พี่เต้' จะเดินปรี่เข้ามาขอจับมือ แต่กลับถูกเจ้าของวลี "ใจถึงพี่งได้" ปฏิเสธด้วยประโยคสั้นๆ "ไม่ต้องจับหรอก" ก่อนเดินจากไปดื้อ ๆ ทำเอา ส.ส.เต้ ต้องแก้เก้อ เดินแยกย้ายไปแบบเสียฟอร์ม

ทำหน้าที่ในสภาเพียงไม่กี่เดือน 13 สิงหาคม 2562  'เต้ มงคลกิตติ์' ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ออกออกแถลงการณ์จุดยืนทางการเมืองของพรรคและเหตุผลในการ 'ถอนตัว' จากฝ่ายรัฐบาลมาเป็น 'ฝ่ายค้านอิสระ' ยืนข้างประชาชนโดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่รักษาสัจจะและไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาร่วมกัน 

หลังจากนั้น 'พี่เต้' ก็จัดเรื่องปัง ๆ ตามมาอีกหลายดอก ไม่ว่าจะเป็นการตามปะทะคารมอย่างรุนแรงกับ'"สิระ เจนจาคะ' ส.ส.พลังประชารัฐในขณะนั้น ที่ออกมาปกป้อง 'นายกลุงตู่' จากการวิพากษ์วิจารณ์ของเขา หรือกรณีที่เจ้าตัว ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ประสานเจ้าหน้าที่ EOD นำระเบิด TNT เข้าสภาโดยอ้างว่าเป็นการทดสอบระบบความปลอดภัย จนถูกตั้งคำถามว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานพกพาสารระเบิดเข้าไปในบริเวณรัฐสภาหรือไม่ ร้อนถึง พณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาต้องลงมาตรวจสอบ

หรือแม้แต่คดีการเสียชีวิตของ 'แตงโม นิดา' ที่เจ้าตัวประกาศเดินหน้าตั้งทีมเฉพาะกิจพิสูจน์ความจริงเพื่อเรียกคืนความเป็นธรรมให้แตงโมและแม่ ซึ่งต่อมามีการยื่นเรื่องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบจริยธรรมการเป็น ส.ส. จนปรากฏภาพ 'พี่เต้' ออกมาแถลงข่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ถอดบัตรประจำตัว ส.ส. พร้อมกล่าวว่า หากไม่สามารถคุ้มครองแม่ของแตงโมได้ ตนก็ไม่มีหน้าจะเป็น ส.ส. และคนอย่างตนเองหากคิดจะสู้ ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว แต่แล้วในที่สุด เรื่องนี้ก็จบลงที่เจ้าตัวประกาศถอนตัวจากการทำคดี 100% ทั้งหมดเป็น 'วีรกรรม' ที่ 'เต้ มงคลกิตติ์' จัดให้จนกลายเป็น 'ดาวฉายแสง' ที่ใครๆ ก็จดจำ

‘บิ๊กตู่’ ตอบโต้ ‘ฝ่ายค้าน’ จะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน-ตรวจสอบให้ชัด อย่ามาพูดตีกินให้เสียหาย ยันไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 66) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรก ว่า ฟังมาตั้งแต่เช้า มีหลายท่านที่แสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำ กล่าวหา ติเตือน หลายอย่างอยากบอกว่าที่ท่านพูดมาทั้งหมด ด้านเศรษฐกิจทำมาหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดผลผูกพัน ก็เอามาตีกินกันตรงนี้ ที่พูดมาทั้งหมดเวลารัฐบาลพูดท่านก็ไม่ฟัง กระทรวงการคลังชี้แจง หน่วยงานชี้แจงก็ไม่ได้ฟังอีก

"เพราะฉะนั้นนโยบายอะไรของท่าน เมื่อท่านเป็นรัฐบาลท่านก็ทำเถอะครับ ถ้าท่านได้เป็นนะ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน เราทำตั้งแต่ฐานราก ทั้งเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กองทุนหมู่บ้าน ประชาชนที่มีรายได้น้อยมีการแก้ปัญหาความยากจนแบบมุ่งเป้า ท่านลองไปศึกษาดู ถ้ามันง่ายอย่างที่ท่านพูดมาก็คงทำไปนานแล้วสมัยก่อนท่านก็ทำไม่ได้

'บิ๊กตู่ ติดตามปัญหานายทุนต่างชาติ ใช้นอมินีลอบทำธุรกิจในไทย กำชับทุกหน่วยลงพื้นที่ตรวจสอบ บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น

(16 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามประเด็นการแก้ไขปัญหาชาวต่างชาติหลบเลี่ยงทำธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต และใช้คนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน (นอมินี) โดยกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ตรวจสอบการจดทะเบียนของแต่ละบริษัท ห้างร้าน อย่างเข้มงวด ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างจากธุรกิจสีเทาที่เข้ามาฉวยโอกาสทำธุรกิจของคนไทย

นายอนุชา กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบข้อมูลการขอจดทะเบียน พฤติกรรมของผู้ยื่นจดทะเบียนว่า มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับเงินทุนที่ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่หรือไม่ ในย่านเยาวราช สัมพันธวงศ์ รัชดาฯ และห้วยขวาง ประมาณ 200 บริษัท นอกจากนั้น ยังเน้นย้ำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ไม่จำกัดเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว แต่เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม รถเช่า ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนวด และสปา เป็นต้น

โดยขั้นตอนการตรวจสอบ จะดูลักษณะว่าประกอบธุรกิจอะไร ซึ่งหากเป็นธุรกิจที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว ไม่สามารถทำธุรกิจได้ คือ

ผู้ว่า รฟม.จับมือนายกแจ็สเดินหน้าMOUรถไฟฟ้าโมโนเรล แก้ไขปัญหารถติดเพื่อประโยชน์ประชาชน

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ห้องประชุมหงส์มังกร ชั้น 12 อาคารจอดรถ สำนักงานเทศบาลนครรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเป็นประธานลงนาม MOU ความร่วมมือเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี รถไฟฟ้าโมโนเรลแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี โดยมีนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นสักขีพยานในการลงนาม

โดยการบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ว่าด้วยความร่วมมือ เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานี ระหว่าง จังหวัดปทุมธานี มีนายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีเป็นผู้แทนผู้ว่าจังหวัดปทุมธานี , องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , กรมการขนส่งทางราง มีนายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ สำนักงานจังหวัดปทุมธานี ที่ทำการปกครองจังหวัดปทุมธานี สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ที่ทำการปกครองอำเภอ (อำเภอธัญบุรีและอำเภอลำลูกกา) สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ปทุมธานี สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดปทุมธานี โครงการชลประทานปทุมธานี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปทุมธานี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี สำนักงานขนส่งจังหวัดปทุมธานี สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปทุมธานี เทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองคูคต หอการค้าจังหวัดปทุมธานี สภาอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ครังสิต รวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 22 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงนามเพื่อเป็นกรอบแห่งความร่วมมือในการขับเคลื่อนเพื่อดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนจังหวัดปทุมธานีได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรของจังหวัดปทุมธานีอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่มีการเชื่อมต่อระบบการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในจังหวัดปทุมธานี การปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับแต่ละหน่วยงาน

ด้าน พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่มีความสำคัญกับจังหวัดปทุมธานีที่จะพลิกฟื้นปทุมธานี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องรถติดต้องแก้ไขให้เป็นระบบ ในช่วง 2 ปีที่ผมทำงาน อบจ.มา โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานหอการค้า ขนส่ง ด้านท่องเที่ยว อุตสาหกรรมจังหวัด และหลาย ๆ ฝ่ายที่ประชุมกันมา 2 ปี วันนี้ได้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว เราไม่ได้พูดลอย ๆ แล้วโกหกประชาชน วันนี้ถือว่าเป็นการนับหนึ่งที่ทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องมาร่วมกัน เพราะว่าการที่รถไฟฟ้าโมโนเรลจะเกิดได้ไม่ใช่มาจาก อบจ.เพียงหน่วยงานเดียว แต่เกิดมาจากทุกหน่วยงานมาร่วมกัน เพราะในพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟฟ้าผ่านจะต้องทำ MOU กันทั้งหมด กว่า 22 องค์กรหน่วยงาน วันนี้ต้องขอบคุณจริง ๆ  ที่ท่านภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ท่านให้ความสำคัญเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพานด้วยตัวท่านเอง ท่านให้ความสำคัญ แสดงให้เห็นว่าทาง อบจ.กับ รฟม. จับมือกันอย่างเหนียวแน่นแน่นอนโครงการนี้ 

ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา พล.ร. 15 เยี่ยมให้กำลังใจ กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติราชการสนาม ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 15 พร้อมด้วยสมาชิกแม่บ้านทหารบก สาขากองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ สิบโท สุรินท์ รักดี กำลังพลสังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 151 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติราชการสนาม กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดขณะเดินเท้ากลับ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ รปภ.เส้นทางรถไฟ ในพื้นที่ ตำบลสาวอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา 

'อลงกรณ์' เร่งเดินหน้าเศรษฐกิจสีน้ำเงิน(Blue Economy) เผยปี2565 'ปลาทู' เพิ่ม 63% ชี้มาตรการปิดอ่าวของกรมประมงบรรลุความสำเร็จภายใต้นโยบาย '3ป.' ของรัฐมนตรีเกษตรฯ.

พร้อมประกาศปิดอ่าวไทยดีเดย์ 15 ก.พ. คุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูและสัตว์น้ำมีไข่ หวังเพิ่มผลผลิตและฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 เพื่อคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์ปลาทูและสัตว์น้ำมีไข่ให้แพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน 

โดยมี นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกรมประมง สมาคมประมง องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น เข้าร่วม ณ สวนสาธารณะปากน้ำปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำดังกล่าว ครอบคลุมพื้นที่บริเวณอ่าวไทยทั้งหมด แบ่งเป็น บริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนกลาง 2 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 15 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี และระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน 2566 

ในบริเวณอาณาเขตตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่องตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบริเวณพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก 2 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2566 ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในฝั่งตะวันตกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร และระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในด้านเหนือของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี  

สำหรับพิธีประกาศปิดอ่าวฯ ในวันนี้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และกล่าวคำปฏิญาณตนที่บริเวณด้านหน้าอ่าวประจวบฯ พร้อมกล่าวเปิดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ มีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในพื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 พร้อมทั้งได้มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมงให้กับผู้แทนองค์กรประมงท้องถิ่นทั่วประเทศ จำนวน 200 ชุมชน 

โดยมอบให้กับผู้แทนสมาคมประมงพื้นบ้าน และมอบป้ายเงินอุดหนุนให้แก่ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพร จำนวน 4 ชุมชน ได้แก่ สมาคมประมงด่านสวี หมู่ที่ 3 ตำบลด่านสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ชุมชนประมงท้องถิ่นบ้านควนเสาธง หมู่ที่ 9 ตำบลตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านกลางอ่าว 1 หมู่ที่ 13 ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร กลุ่มประมงพื้นบ้าน บ้านกลางอ่าว 2 หมู่ที่14 ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพรประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ กลุ่มแปรรูปอาหารทะเลบ้านเขาแดง ตำบลเขาแดง อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านปากคลอง ตำบลบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนประมงและการท่องเที่ยวบางสะพาน ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ 

กลุ่มประมงพัฒนาสาหร่ายทะเลเพชรบุรี ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี และกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้ง ตำบลนาพันสาม อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี และได้มอบพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ตัวแทนชุมชนประมงท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวนรวมทั้งสิ้น 215,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งกุลาดำ 200,000 ตัว กุ้งแชบ๊วย 10,000 ตัว และปลากะพง 5,000 ตัว

 

จากนั้นนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดแผ่นป้ายประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ มีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2566 พร้อมพิธีปล่อยเรือตรวจประมงทะเลออกปฏิบัติงานในพื้นที่ ประกอบด้วย เรือตรวจประมงทะเลขนาด 60 ฟุต เรือตรวจประมงทะเล ขนาด 38 ฟุต เรือตรวจประมงทะเลขนาด 24 ฟุต เรือตรวจประมงทะเลขนาด 19 ฟุต และเรือยางตรวจประมงทะเล และได้เยี่ยมชมนิทรรศการจากหน่วยงานกรมประมงและนิทรรศการหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาทิ นิทรรศการการจัดตู้แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่เพาะพันธ์เพื่อการอนุรักษ์พร้อมบอร์ดแสดงข้อมูล นิทรรศการผลการศึกษาทางวิชาการมาตรการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน บริเวณอ่าวไทยตอนกลาง อ่าวไทยรูปตัว ก นิทรรศการมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลางและมาตรการปิดอ่าวไทยตอนในในภาพรวม รวมไปถึงมาตรการที่เกี่ยวข้อง นิทรรศการการลงทะเบียนเพื่อขอรับใบอนุญาตประมงพื้นบ้านและเตรียมความพร้อมก่อนลงทะเบียนขอรับใบอนุญาตประมงพื้นบ้าน นิทรรศการการควบคุมการทำประมงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมชุมชนประมง การอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA) นิทรรศการการจัดทำหนังสือคนประจำเรือ (Sea book) ฯลฯ

‘ตำรวจ’ รวบ ‘เจ้าแม่เปิดบัญชีม้า’ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับ!! เปิดบัญชีจำนวนมาก ส่งให้ ‘บอสใหญ่ชาวจีน’

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 และทีมสืบสวนนครบาลแกะรอยสืบสวนทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการปราบปรามขบวนการเปิดบัญชีม้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเดือนร้อนให้ประชาชนอย่างเด็ดขาด พบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบการหาบัญชีม้าต่างไปจากเดิม โดยล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 สืบสวนพบว่านางสาวมลเป็นเจ้าแม่เปิดบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน หัวหน้าแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท

(16 ก.พ.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ผอ.ศปอส.ตร. (PCT), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. รอง หน. PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนช ทองแก้ว สว.กก.2 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และสืบนครบาล จับกุม น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง อายุ 37 ปี หรือ มล ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมายจับข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 391/11 ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดในปัจจุบันซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้วางแนวทางการป้องกันและปราบปรามในทุกมิติ เสมือนการทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้มีการจัดตั้งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมคอยวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ 

ซึ่งต่อมาได้สืบสวนกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบ ‘หลอกให้หลงรักและลงทุนเหรียญดิจิทัล’ จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด PCT5 ทำการสืบสวนจนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้คือ จะมีการสร้างโปรไฟล์เป็นหนุ่มเกาหลีที่มีโปรไฟล์ดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมาตีสนิท โดยพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อพูดคุยก็รู้ว่าคนร้ายเป็นคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้จริง ๆ ทำให้เกิดความเชื่อใจ คนร้ายจึงชักชวนลงทุนเทรดสกุลเงินดิจิทัล Crytocurrency ผู้เสียหายก็มีความรู้ด้านสกุลเงินดิจิทัล Crytocurrency อยู่บ้าง จึงหลงกลคนร้ายลงทุนเทรดผ่าน MetaTrader 5 และ ในเว็บไซต์ www.bithumbgjcoltd.com ก็สามารถถอนออกได้จริง จึงหลงกลอุบายของคนร้าย ทำให้ใช้เงินลงทุนมากขึ้น 

โดยมีการโอนเงินไปให้กับคนร้ายที่บัญชีชื่อ น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020385181480 จากการสืบสวนทราบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ราย และมูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับ น.ส.ดวงกมล บุ้งทอง 3 หมาย คือ หมายจับศาลอาญา ที่ จ.1098/2565 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น’, หมายจับศาลแขวงนครปฐม ที่ จ.27/2566 ลงวันที่ 11 ม.ค. 2566 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกง’ และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.114/2566 ลงวันที่ 10 ก.พ. 2566 ในข้อหา ‘ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน’   

ต่อมาวันที่ 15 ก.พ. พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 และสืบสวนนครบาล ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ดวงกมลฯ คนร้ายกบดานอยู่ในบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และมีพฤติกรรมพบปะกับ ‘บอสชาวจีน’ ที่โรงแรมชื่อดังในพื้นที่พัทยาบ่อยครั้ง จึงได้นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ดวงกมลฯ ตามหมายจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 415/17 ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในชั้นจับกุม น.ส.ดวงกมลให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top