Friday, 16 May 2025
NewsFeed

'พปชร.' เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค พร้อมทำงานทันที เตรียมเปิดนโยบายเพิ่ม หลังกระแสตอบรับดีในทุกมิติ

(8 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อมด้วยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 ภาค จำนวน 38 คน ประกอบด้วย พื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 5 คน ได้แก่ น.ส.สุชาดา เวสารัชตระกูล, นาวาอากาศเอก บัญชาพล อรัณยะนาค, นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ (ฟิล์ม) และนายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคกลาง จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
1.) จังหวัดสระบุรี คือ นายอรรถพล วงษ์ประยูร เขต 2, น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ เขต 3 และนายองอาจ วงษ์ประยูร เขต 4
2.) จังหวัดกาญจนบุรี คือ นางลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง เขต 4

ภาคตะวันออก จำนวน 2 คน ประกอบด้วย
1.) จังหวัดระยอง คือ นายกฤษฎา เอกกำลังกุล เขต 1
2.) จังหวัดจันทบุรี คือ นายชรัตน์ เนรัญชร เขต 3

ภาคอีสาน จำนวน 20 คน ประกอบด้วย
1.) จังหวัดบุรีรัมย์ คือ นายนภดล อังคสุภณ, นายสุเทพ ใสงาม, นายปกรณ์ ทรงประโคม, นายวรณัฐ ศรีสุริยชัย, นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร, นายสมคิด สินไธสง, นายบรรจง ศรีหาบุญทัน, นายอิทธิศักดิ์ ปาทาน และนายเจษฎากร เขียนนิลศิริ
2.) จังหวัดสุรินทร์ คือ นายเจ้าจอม เตียวเจริญโสภา
3.) จังหวัดยโสธร คือ นายธวัชชัย นิจพาณิชย์ เขต 1
4.) จังหวัดอุบลราชธานี คือ นายจำลอง พรมสวัสดิ์ เขต 1
5.) จังหวัดมุกดาหาร คือ นายวิริยะ ทองผา เขต 1
6.) จังหวัดสกลนคร คือ นายชัยมงคล ไชยรบ เขต 4
7.) จังหวัดเลย คือ นายจรูญ พาณิช เขต 1 และนายสันติภาพ เชื้อบุญมี
8.) จังหวัดร้อยเอ็ด คือ นายเอกรัฐ พลซื่อ เขต 2 และนางรัชนี พลซื่อ เขต 3
9.) จังหวัดอุดรธานี คือ นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ เขต 1 และนายชัยฤทธิ์ เขาวงศ์ทอง เขต 2

ภาคเหนือ จำนวน 2 คน ประกอบด้วย
1.) จังหวัดเชียงใหม่ คือ นางรัตนประภา ดิศวัฒน์ เขต 6
2.) จังหวัดลำพูน คือ พล.ต.ต.กริช กิติลือ เขต 2

พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ร.น. รอง ผบ.ทสส. (ทร.) และคณะตรวจเยี่ยม และติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการส่งกำลังบำรุง ของ นพค.45 จังหวัดสตูล

วันนี้ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ศรชล.ภาค 3 โดย น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดสตูล /ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 และ ว่าที่ น.อ.รัฐพล แก้วกระจาย หน.ศคท.จังหวัดสตูล, น.ต.ปรัชญ์ ขำเจริญ หัวหน้าสถานีเรือละงู / รองผู้บังคับหน่วยนรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ, น.ท.ภูติภัทร บุญณารักษ์ ผบ.นป.สอ.รฝ.452 ร่วมให้การต้อนรับ พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ร.น. รอง ผบ.ทสส.(ทร.) และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม และตรวจติดตามผลการปฏิบัติงานด้านการส่งกำลังบำรุง ของ นพค.45 สนภ.4 นทพ. พร้อมทั้งสอบถามปัญหา ข้อขัดข้อง และให้ข้อแนะนำ ตลอดจนให้หน่วยฯ เสนอความต้องการด้านส่งกำลังบำรุงเพื่อนำเรียน ผบ.ทสส. พิจารณาต่อไป

โดยมี น.อ.อาทิตย์ภากร สังขรัตน์ ผบ.นพค.45 สนภ.4นทพ. ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน สังกัด กองทัพเรือในจังหวัดสตูล และกำลังพล นพค.45 สนภ.4นทพ. ให้การต้อนรับ ณ นพค.45 สนภ.4 นทพ. ต.ควนโดน อ.ควนโดน จังหวัดสตูล  

'มข.' ลงนาม 'ส.การค้าสตาร์ทอัปไทย' ลุยปั้นนักศึกษามุ่งสู่สตาร์ทอัป

การลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย ได้เห็นชอบร่วมกันในการร่วมพัฒนาหลักสูตรทั้งในระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หรือพัฒนาหลักสูตรและจัดโครงการบริการวิชาการ หลักสูตรระยะสั้น (non-degree programs) รวมไปถึงการจัดกิจกรรมร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอน การวิจัย รวมถึงสนับสนุนให้ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เข้าร่วมฝึกงาน ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ กับสมาชิกสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวนักศึกษา และวงการสตาร์ทอัปไทยในอนาคต

วันนี้ 8 ก.พ. 2566 ที่ ห้องวังเลิศ ชั้น 1 อาคาร bs01 คณะบริหารธุรกิจและการบัญชีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยภายในพิธีได้รับเกียรติจากผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกอบด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น, รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี, ศ.ดร.สุมาลี ชัยเจริญ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์, รศ.ดร.อรทัย เพียยุระ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, รศ.ดร.สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณบดีวิทยาลัยการคอมพิวเตอร์, ดร.ธนาวุฒิ ตันติโสภารักษ์ ที่ปรึกษางานวิจัย นวัตกรรม และวิเทศสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดย นายธนวิชญ์ ต้นกันยา กรรมการและประธานด้านสถานศึกษา สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ

นายธนวิชญ์ ต้นกันยา กรรมการและประธานด้านสถานศึกษา สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย กล่าวว่าสำหรับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย (Thai Startup) ก่อตั้งแล้วกว่า 8 ปี มีสมาชิกเป็นสตาร์ทอัปรายน้อยใหญ่กว่า 100 ราย และทำหน้าที่ในการผลักดัน ส่งเสริม รวมถึงเป็นตัวกลางเชื่อมต่อให้สตาร์ทอัปไทยได้เติบโต เฉิดฉายได้ในระดับสากลโดยวัตถุประสงค์ของสมาคม ประกอบไปด้วย

1.Community (สร้างคอมมูนิตี้) ผลักดันให้เกิด Startup Ecosystem ที่แข็งแรง การสร้างคอมมูนิตี้และคอนเนคชั่นระหว่างธุรกิจสตาร์ทอัพด้วยกัน และการสร้างคอนเนกชันในการต่อยอดธุรกิจกับอุตสาหกรรมต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงกลุ่มนักลงทุน เป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้สตาร์ทอัพเติบโตอย่างมั่นคงได้ยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัดโครงการต่างๆที่ผลักดันให้ประเทศไทยมีสตาร์ทอัพใหม่ๆเกิดขึ้นได้ 2.Growth (ทำให้โต) ช่วยเหลือให้สตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันเติบโตได้ไวขึ้น โดยนอกจากการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจผ่านการเชื่อมโยงพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังต้องทำให้สตาร์ทอัปในไทยเป็นที่รู้จักและน่าดึงดูดสำหรับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดและการลงทุนโดยนักลงทุนต่างชาติด้วย 3.Support (ทำให้ง่าย)ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาการทำธุรกิจสตาร์ทอัพผ่านโครงการ mentoring ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้สำหรับสมาชิก รวมไปถึงการเชื่อมโยงบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในการจัดหาพื้นที่ออฟฟิศ การปรึกษาทางธุรกิจ การซื้อบริการต่างๆในราคาที่ถูกลงกับบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับสมาคม เป็นต้น

ด้าน รศ. ดร.เพ็ญศรี เจริญวานิช คณบดีคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี กล่าวว่าความร่วมมือทางวิชาการที่จะเกิดขึ้นในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะบริหารธุรกิจและการบัญชี กับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยดังนี้ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และ การดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาทั่วโลก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนการศึกษา (Education Transformation) เพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความพร้อมในการเป็นพลเมืองโลกในอนาคต มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยท่านอธิการบดี ได้สนับสนุนให้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ร่วมมือกับอีก 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาการคอมพิวเตอร์ 3) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 4) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 5) คณะศึกษาศาสตร์ ร่วมกัน

รศ. ดร.เพ็ญศรี กล่าวอีกว่าการพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ซึ่งเปิดดำเนินการสอนเมื่อปีการศึกษา 2564 โดยเป็นหลักสูตรแนวใหม่ ซึ่งเรียกว่า New Paradigm Curriculum ใช้การเรียนการสอนแบบ Filpped Classroom และจัดเป็นชุดวิชา เพื่อให้การดำเนินการหลักสูตรนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านอธิการบดี ในการเป็นหลักสูตรนำร่องการสอนแบบใหม่ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้ดำเนินงานร่วมกับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจแบบสตาร์ทอัป (Startup) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเติบโตและร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศ โดยวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรอบรมอื่นร่วมกัน ตลอดจนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สหกิจศึกษา ในเครือของสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย

ส่วน รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุคการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และ การดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรอบด้านจึงเป็นความท้าทายยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาทั่วโลก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้เล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการปรับเปลี่ยนการศึกษา (Education Transformation) เพื่อสร้างบัณฑิตให้มีความพร้อมในการเป็นพลเมืองโลกในอนาคต

“มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้สนับสนุนให้คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ร่วมมือกับอีก 5 คณะ ได้แก่ 1) คณะวิศวกรรมศาสตร์ 2) วิทยาการคอมพิวเตอร์ 3) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 4) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ 5) คณะศึกษาศาสตร์ ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาผู้ประกอบการดิจิทัล (Digital Entrepreneur) ซึ่งเปิดดำเนินการสอนเมื่อปีการศึกษา 2564 โดยเป็นหลักสูตรแนวใหม่ ซึ่งเรียกว่า New Paradigm Curriculum ใช้การเรียนการสอนแบบ Filpped Classroom และจัดเป็นชุดวิชา เพื่อให้การดำเนินการหลักสูตรในการเป็นหลักสูตรนำร่องการสอนแบบใหม่ คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี จึงได้ดำเนินงานร่วมกับ สมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย โดยเป็นการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจแบบสตาร์ทอัป (Startup) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเติบโตและร่วมกันแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ในประเทศ โดยวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรี ระดับบัณฑิตศึกษา หลักสูตรอบรมอื่นร่วมกัน ตลอดจนการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สหกิจศึกษา ในเครือของสมาคมการค้าสตาร์ทอัปไทย

'อลงกรณ์' เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนชาวประมง สรุปมติ 5 ข้อเตรียมเสนอ 'รัฐมนตรีเฉลิมชัย' ยกเลิกคำสั่ง คสช.พร้อมชะลอประกาศกรมประมงเรื่องรางวัลนำจับเพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงโดยมีนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและกรรมการตลอดจนตัวแทนนายกสมาคมชาวประมง เจ้าของเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากพระราชกำหนดประมงปี2558 นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง นายเดชา ปรัชญารัตน์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมประมง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  

นายอลงกรณ์ แถลงถึงผลการประชุมวันนี้ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาโดยจะเสนอ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดังนี้...

1.เห็นควรเสนอให้มีการปรับปรุงประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง คณะกรรมการเปรียบเทียบ และหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบ พ.ศ. 2561 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 170 วรรคสองและวรรคสาม แห่ง พรก.การประมง พ.ศ.2558 

2.เห็นควรยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 22/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

3.กรณีที่มีการออกกฎระเบียบใด ๆ จะต้องกำหนดห้วงเวลาก่อนการบังคับใช้เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ชาวประมง โดยกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการบังคับใช้ หลังวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา 

4.มอบหมายกรมประมงหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาประเด็นความคลุมเครือในมาตรา 38 และมาตราอื่นๆ เช่น มาตรา 19 และมาตรา 20 และมาตรา 105 เป็นต้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้และการตีความกฎหมายเพื่อความเป็นธรรม

5. ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่าย ขอให้ใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม ในการพิจารณาตั้งข้อกล่าวหากับชาวประมงที่กระทำผิด โดยใช้ดุลยพินิจดูที่เจตนาตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายบนหลักความยุติธรรมเรื่องจากพรก.ประมงปี2558มีบทกำหนดโทษที่รุนแรง

“ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ มีความห่วงใยพี่น้องชาวประมง จึงมีนโยบาย 3 ป. 'ป้อง - ปราม - ปราบ' เพื่อเป็นแนวทางให้กรมประมงเร่งแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวประมง โดยติดตามดูแลทุกประเด็นข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงทุกกลุ่ม พร้อมรับข้อเรียกร้องของทางสมาคม และตัวแทนชาวประมงให้กรมประมงนำไปพิจารณา และขอขอบคุณชาวประมงที่ได้สะท้อนปัญหาเพื่อเป็นประโยชน์ในการบูรณาการร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ ขอฝากไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกฝ่ายว่า เมื่อเกิดเหตุแล้วขอให้ใช้ดุลยพินิจในการดำเนินการกับผู้กระทำผิด โดยให้ดูที่เจตนาเป็นหลัก ในส่วนของมาตราที่ยังเป็นปัญหาทั้งข้อจำกัดของเวลาและเงื่อนไข ก็ให้กรมประมงนำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไขต่อไป ซึ่งการออกกฎหมายต่าง ๆ ขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ได้รับความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอลงกรณ์ กล่าว

สมาคมนายทหารฯ รับมอบข้าวสารพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

พิธีรับมอบข้าวสารพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติใน พื้นที่ของกองพลทหารราบที่ 15 จังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กองพลทหารราบที่ 15 ประกอบพิธีรับพระราชทานข้าวสาร จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานข้าวสาร จํานวน 3,350 กิโลกรัม เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติในพื้นที่รับผิดชอบของกองพลทหารราบที่ 15 ในจังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธานในพิธี กล่าวถวายราชสดุดีและกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมี คณะผู้บังคับบัญชา ข้าราชการทหาร กําลังพลที่ปฏิบัติงาน และพี่น้องประชาชน และตัวแทนผู้ประสบภัยในพื้นที่ เข้ารับพระราชทานข้าวสาร ณ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ฯ

โดย สำหรับข้าวสาร จำนวน 3,350 กิโลกรัม กองพลทหารราบที่ 15 ได้รับการแบ่งมอบมาจากกองทัพภาคที่ 4 โดยกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิชัยพัฒนา นำข้าวสารจากการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ภายในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ พระราชทานให้กับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยกองทัพภาคที่ 4 ได้แบ่งมอบข้าวสารดังกล่าวให้กับหน่วยขึ้นตรงต่อกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบ โดยจัดสรรตามยอดประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 

ทั้งนี้ พลตรี เฉลิมพร ขําเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 กล่าวว่า กระผม พร้อมด้วยข้าราชการทหาร กําลังพลที่ปฏิบัติงาน และประชาชนที่ประสบภัยพิบัติใน พื้นที่ ของกองพลทหารราบที่ 15 จังหวัดนราธิวาส และ จังหวัดยะลา ล้วนมีความปลาบปลื้มปิติโสมนัสเป็นล้นพ้น ในโอกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทาน ข้าวสาร จํานวน 3,350 กิโลกรัม เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติในพื้นที่

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ได้มาประชุมพร้อมกันในที่นี้ ล้วน มีจิตโสมนัส และสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ และพระราช ปณิธานอันแน่วแน่ ในการบําเพ็ญพระราชกรณียกิจ ด้วย พระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณา เพื่อบําบัดทุกข์บํารุง สุขแก่ อาณาประชาราษฎร์ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่ในดวงใจ ของพสกนิกรชาวไทย ตลอดมา พระองค์ทรงเป็นแบบอย่าง ของความเป็นครู ทรงเป็นนักการศึกษา และโปรดที่จะศึกษาหาความรู้ต่าง ๆ อย่างจริงจัง ทรงปฏิบัติพระราช กรณียกิจ เกี่ยวกับการพัฒนา ด้านการเกษตร และด้านการศึกษาด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ทรงปฏิบัติ กิจการอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และอาณาประชาราษฎร์เป็นอเนกประการ

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทานถวายพระพร และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ขออํานาจผลบุญแห่งปวง ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พร้อมทั้งอานุภาพแห่งคุณพระศรี รัตนตรัย พระสยามเทวาธิราชสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และ พระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชทุกพระองค์ โปรดอภิบาลให้ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีพระพลานามัย สมบูรณ์ ปราศจากโรคาพาธและอุปัทวันตรายทั้งปวง พระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสําราญเป็นนิตย์ ขอทุก สิ่งจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยสืบไป

นครนายก จัดงานวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 จัดงานวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 เพื่อพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม รู้จักการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

ที่สนามโรงเรียนบ้านนา 'นายกพิทยากร' ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก นางสาวจุฑารัตน์ ศรีนวลปาน ศึกษาธิการจังหวัดนครนายก ได้เป็นประธานในพิธีทบทวนคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของยุวกาชาดและบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย 101 ปี ประจำปี 2566 ทบทวนคำสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของยุวกาชาดและบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน โดยมีนายสำราญ ซื่อตรง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนา 'นายกพิทยากร' พร้อมคณะให้การต้อนรับและกล่ารายงาน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ผู้บังคับบัญชายุวกาชาด สมาชิกยุวกาชาดและเจ้าหน้าที่ ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของการเป็นสมาชิกยุวกาชาด และส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมยุวกาชาดในสถานศึกษาให้มากขึ้น ในพิธีดังกล่าว ได้มีเหล่ากาชาดจังหวัดนครนายก ส่วนราชการ ข้าราชการ ครู นักเรียน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

กิจการยุวกาชาด ได้รับการสถาปนาขึ้น โดยจอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2465 ในปีนี้นับได้เป็นปีที่ 101 มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะฝึกอบรมให้สมาชิกยุวกาชาดมีอุดมคติในศานติสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รู้จักการรักษาอนามัยของตนเอง และส่งเสริมอนามัยของผู้อื่น ตลอดจนการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมให้บังเกิดขึ้นในจิตใจของทุกคน รู้จักบําเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล อันจะนํามาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ

'ชูวิทย์' แฉยับ ตำรวจทำ 'พนันออนไลน์' เสียเอง เตือน!! ผบ.ตร. ต้องกล้าฟัน ยังมีเว็บพนันเอี่ยว ตร. อีก

(9 ก.พ. 66) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ‘มาเก๊า 888’ ตายเพราะนารีพิฆาต ไม่ใช่ตำรวจ เว็บพนันออนไลน์เฟื่องฟู รายได้มากมายมหาศาลมีสารพัดเว็บ แค่เปิดดูในเน็ตก็เจอแล้วว่าเว็บพนันไหนยอดนิยม

มาเก๊า 888 เป็นเว็บที่มีเงินหมุนเวียน 5,000 ล้าน มีครอบครัวพี่น้องชายล้วน 4 คน เกี่ยวข้อง คนแรกชื่อ เบนซ์ (แฟนเก่าดิว) คนรอง บอส, บิ๊ก และไบร์ทที่เป็นตำรวจ

หาก ผบ.ตร. จะจัดการ ‘พนันออนไลน์’ ง่ายมาก ทุกวันนี้ตำรวจเป็นคนทำเองเสียส่วนมาก พวกนี้งานตำรวจไม่ทำ ขับรถซุปเปอร์คาร์ร่อนไปมา แต่ปรากฏว่า ‘มาเก๊า 888’ ของ 4 พี่น้อง ไม่ได้โดนตำรวจจับ แต่ดันไปโดน ‘นารีพิฆาต’ เข้าให้

ดิวออกมาแฉ เพราะโดนทำร้ายหน้าแหกตอนเป็นแฟนต่อหน้าคนในครอบครัว ไม่มีใครห้าม เลยอดไม่ไหว เมื่อเลิกกันแล้ว แค้น 10 ปี ยังไม่สาย ออกมาแฉทีเดียวพังเป็นแถบ ตำรวจจึงต้องขยับตามนารี ไล่จับ ไล่กดดัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ รับส่วยกันประจำ แล้วดันให้เวลา 4 พี่น้อง หนีไป

ผู้ร่วมก่อตั้ง 'อนาคตใหม่' ลาขาด 'ก้าวไกล' ไร้ประชาธิปไตย ไม่ฟังความเห็นต่าง

(9 ก.พ. 66) หลังจากมีข่าวสะพัดว่า นายคริส โปตระนันทน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย เตรียมประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกล พร้อมทีม ส.ก.อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อไปก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้น

ล่าสุด นายคริส โปตระนันทน์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสาเหตุการลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลว่า  สวัสดีครับประชาชนที่รักทุกท่าน วันสองวันนี้มีคนสอบถามผมเข้ามาเยอะว่า ผมยังเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่? ผมเรียนถึงทุกท่านตามตรงว่า ผมมีความภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งในพรรคนี้ไม่น้อยกว่าใคร แต่ตัวผมก็ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเหตุผลสามประการ

1. ผมอยากจะทำการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ความเป็นประชาธิปไตยของพรรคยังห่างจากที่พรรคโฆษณาอีกมาก การที่ผมได้มาร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กับคุณธนาธรเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เพราะผมไม่ได้มาทำการเมืองเพื่อให้ใครได้เป็น ส.ส. หรือเพื่อให้ใครได้อำนาจ หรือมาทำการเมืองเพื่อผลักดันวาระทางการเมืองของใครบางคน

ผมอยากได้พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคือพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ

เวลาจากวันนั้นถึงวันผ่านมา 5 ปี  ต้องถามกลับไปที่ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรค จำนวนกว่า 60,000 คน ว่าทราบบ้างหรือไม่ว่าพรรคมีประชุมสามัญวันไหน พรรคมีการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.กันอย่างไร กลไกในการคัดเลือกนโยบายที่จะหาเสียงในคราวนี้ คุณเคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่? ใครจะได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณรู้หรือไม่?

ผมในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกตลอดชีพทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ตอบได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องของการตัดสินใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ผมให้ชื่อเล่นกลุ่มนี้ว่า 'โปลิตบูโร'

หากการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ หากพรรคก้าวไกลได้อำนาจในการบริหารประเทศ พรรคก้าวไกลจะบริหารประเทศอย่างไร ก็คงต้องอยู่ที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่สมาชิกพรรคแต่อย่างใด
เรื่องดีๆ ใครก็พูดได้ แต่ทำยาก ผมก็เข้าใจ มิฉะนั้น พรรคก้าวไกลในอนาคตคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากพรรคการเมืองที่ดีแต่พูด (Hypocrital party)

เรื่องนี้ผมสะท้อนให้แกนนำฟัง ผมพูดในที่ประชุมใหญ่พรรคทุกปี พูดกับทุกคน คำตอบที่ได้มีเพียงแค่ “ขอเวลาหน่อย” “เรายุ่งมาก อดทนหน่อยนะ ทำให้แน่ ๆ” “เลือกตั้งคราวหน้า เราทำแน่ ๆ” ฟังดี ๆ มันคล้ายที่คุณประยุทธ์พูด “ขอเวลาอีกไม่นาน”

เรื่องนี้ผมรับรู้อย่างลึกซึ้งด้วยตัวเอง เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมสอบถามผ่านแกนนำว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะจัดการอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่ผมจะขยับไปลงส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะมีโอกาสสูงมากที่เขตที่ผมลงรอบปี 62 (ราชเทวี พญาไท จตุจักร 2 แขวง) จะถูกแบ่งใหม่แยกเป็นสามส่วน และผมก็เชื่อว่า ความรู้ความสามารถของเราสามารถที่จะช่วยให้พรรคหาเสียงทั่วประเทศได้ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา การทำงานของผมและเพื่อนๆในกลุ่มเส้นด้ายลงไปทำงานกับชุมชนแออัดทั่วทุกเขตในกทม. และในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ จนส.ก.ในกลุ่มของผมได้รับเลือกตั้งจำนวนมาก และเกือบชนะอีกจำนวนหนึ่ง

คำตอบที่ได้กลับมาคือ คุณจะมาเป็นได้ยังไง? คุณเหยียบย่ำหัวใจคนในพรรคขนาดนี้ ผมก็งงสิครับนี่มันเรื่องอะไร ผมไปเหยียบใครตอนไหน พอนั่งนึกก็ถึงบางอ้อ

- ผมคัดค้านการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของส.ส.วิโรจน์ เพราะเห็นว่าตัวผู้สมัครของเราไม่ดีพอที่จะสู้กับผู้ว่าชัชชาติ

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ต่อผู้ว่าชัชชาติชนิดคะแนนทิ้งกัน 2 แสนกับ 1.2 ล้านเสียง

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เพราะส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีทางที่จะเข้าใจการเลือกตั้งแบบเขต หากไม่เคยลงเลือกตั้งมาก่อน

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ในเขตชนิดคะแนนทิ้งกันเกือบหมื่นคะแนน

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ในกรุงเทพมหานคร ปี 66 อีกครั้ง เพราะเรากำลังเอาคนที่ทำเลือกตั้งแพ้มาแล้วครั้งหนี่งมาคุมเลือกตั้งที่สำคัญกว่าและใหญ่กว่า

- ผมในฐานะอดีตประธานมูลนิธิเส้นด้ายแถลงข่าวกรณีที่อาสาของมูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากอดีต ส.ก. พรรคก้าวไกล

ผลคือ ผมโดนถล่มจากสมาชิกพรรคว่า ไม่ปกป้องพรรค

ผมไม่เคยกลัวในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยกลัวในการกระทำที่เราคิดว่าถูกต้อง และที่ผ่านมา ผมพูดตรง ๆ กับพรรคเสมอถึงความยุติธรรมในประเด็นต่าง เช่น การเกลี่ยทรัพยากรของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กับส.ส.เขต ความน้อยเนื้อต่ำใจของคนที่ลงพื้นที่เหล่านี้อยู่ในใจของผู้สมัครท้องถิ่น หรือผู้สมัครส.ส.เขตทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่การที่ผมพูดกับแกนนำแบบนั้น มันทำให้ผมกลายเป็น

-ทำไมคุณถึงมีปัญหาตลอดเลย?

-ผมเป็นคนเลว เพราะผมต้องการแย่งเงิน แย่งทรัพยากรจากส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ?

-ผมเป็นคนไม่จงรักภักดีกับพรรค?

วันที่ผมนั่งคุยกับแกนนำเรื่องการขยับไปลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วันนั้นแกนนำท่านหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เปรียบเทียบให้ผมฟังว่า หากมีเซลล์ในบริษัท 2 คน คนแรกเป็นคนเก่ง คนฉลาด ยอดขายดีมาก ๆ แต่ต่อรองผลประโยชน์ตลอด กับอีกคนยอดขายครึ่งเดียวของคนแรก แต่จงรักภักดีมากๆ เค้าจะเลือกคนที่สอง

ผมก็เลยรู้แล้วว่า ชะตากรรมผมในพรรคนี้จะเป็นตาย ร้าย ดี ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผมจะพิสูจน์ความจงรักภักดีกับ “โปลิตบูโร” ได้หรือไม่? แน่นอนนั่นคือวิธีการบริหารงานแบบหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่เมื่อคุณโฆษณากับประชาชนแล้วว่าคุณเป็นพรรคประชาธิปไตย พฤติกรรมของคุณต้องทำให้ได้ตามที่คุณพูด ไม่งั้นจะกลายเป็น สำนวนไทย ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ๊งโหน่ง

2. ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายหลายประการของพรรคก้าวไกล

พรรคการเมืองอนาคตใหม่ที่ผมร่วมจัดตั้ง ผมฝันว่าพรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นเหมือนร่มคันใหญ่ ที่สามารถโอบรับได้กับความหลากหลายของสมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็นความคิดการเมืองแบบฝั่งซ้าย ความคิดการเมืองแบบฝั่งขวา ความคิดเศรษฐกิจแบบเสรี ความคิดเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม

วันแรกจุดร่วมของจุดใหญ่คือการไม่เอาเผด็จการ (เรื่องการแก้ไข 112 ในวันนั้นยังไม่ใช่วาระของพรรคด้วยซ้ำ) ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือ อ.ปิยบุตรยังเคยบอกผมตอนเถียงกับอ.ษัษรัมย์ (ตอนนั้นอ.เสนอเรื่องรัฐสวัสดิการ แต่ผมเสนอว่าคำตอบน่าจะเป็นเศรษฐกิจแบบเสรีมากกว่า) เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของพรรคว่า เดี๋ยวค่อยไปคุยกัน เมื่อเราทำภารกิจสำเร็จ ต่างฝ่ายค่อยแยกออกไปตั้งพรรคก็ได้

5 ปี เดินผ่านไป วันนี้นโยบายของก้าวไกลหล่นลงมาจากฝากฟ้า หล่นลงมาจากห้องแอร์ ไม่ว่าคุณจะเรียกชื่อมันว่าอะไร

วันนี้หนึ่งในนโยบายหาเสียงที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกลคือ เงินบำนาญของคนที่อายุเกิน 60 ปี ถ้วนหน้าเดือนละ 3,000 บาท หากนโยบายนี้สำเร็จ รัฐบาลจะมีรายจ่ายจากแปดหมื่นกว่าล้าน เป็นสามแสนล้านหกหมื่นล้านบาททันที

ตำรวจ ปส. เสริมเขี้ยวเล็บ จัดอบรมสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ได้จัดอบรมการสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ณ ห้องประชุมพรหมนอก ชั้น 2 บช.ปส. โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. เป็นประธานเปิดอบรมให้กับผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก., รอง ผบก., ผกก. และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติติงาน รวมจำนวน 60 นาย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงาน จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA นำทีม โดยนายไคล์ เอ. เดนท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนทางการเงิน นายวิลเลียม จอห์นสตัล เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ DEA ประจำประเทศไทย เพื่อเสริมศักยภาพ พัฒนาองค์ความรู้ และเทคนิค ต่าง ๆ ในการสืบสวนเส้นทางทางการเงิน การฟอกเงิน ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ในปัจจุบันมักใช้บัญชีของผู้อื่น หรือ บัญชีม้า ทำธุรกรรมแทน ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวน และนำตัวบุคคลที่เป็นเครือข่ายจริง มาดำเนินคดี 

สภากาชาดไทยสนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรีย

สภากาชาดไทยอนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมให้กับสภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย จำนวน 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐตุรกีและสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย และจะเปิดรับบริจาคจากสาธารณชนเพื่อส่งเงินบริจาคเพิ่มเติมไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้แทนสภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์และสำนักวิเทศสัมพันธ์ ได้เข้าร่วมการประชุมทางไกลกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือและเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งความช่วยเหลือไปยังตุรกีและซีเรีย

สภากาชาดไทยขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในตุรกีและซีเรียและ ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตและผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้ สภากาชาดไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน

เหตุการณ์แผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัด Kahramanmaraş ส่งผลให้ประชาชนทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐตุรกีและทางตอนเหนือของสาธารณรัฐอาหรับซีเรียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ประชาชนหลายล้านคนเดือดร้อน สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรียได้ออกปฏิบัติการตอบโต้ภัยพิบัติในทันที โดยทางเว็บไซต์ของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) รายงาน ณ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีได้กระจายทีมให้ความช่วยเหลือไปยังพื้นที่กว่าสิบจังหวัดทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมนำอาหารและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐาน อาทิ ที่พักอาศัยชั่วคราวและผ้าห่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและใช้ในการอพยพ นอกจากนี้ สภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกียังให้การสนับสนุนช่วยเหลือทางจิตใจ พร้อมกับส่งโลหิตและพลาสมาสำรองให้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย ในส่วนของสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย ได้ช่วยสนับสนุนปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือ ส่งอุปกรณ์ปฐมพยาบาล และขนย้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top