Friday, 16 May 2025
NewsFeed

ปตท. หนุนงบฯ แก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ขาดแคลนทุนทรัพย์

ไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่, นางนิวดี เจริญสิทธิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่รัฐกิจสัมพันธ์ และนางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) สนับสนุนงบประมาณแก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท 

โดยมี รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และ อ.นพ.สุชาย ศรีทิพยวรรณ หัวหน้าโครงการวิจัย สาขาวิชาวักกะวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล ร่วมรับมอบ

แฉ!! แชต ‘เบนซ์ เดม่อน’ คุยเดือด ‘ดิว อริสรา’ บอกไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย - ขู่ลั่นไกปืนด้วยตัวเอง

‘โหนกระแส’ เปิดแชต ‘เบนซ์ เดม่อน’ คุยเดือด ‘ดิว’ ลั่น!! ไม่จำเป็นต้องดีกับคนไม่ดี และยิ่งเลิกกันแล้ว ไม่สน

(9 ก.พ. 66) ภายหลังจากที่ดาราสาว ‘ดิว อริสรา’ ได้ออกมาเปิดเผยถูกแฟนเก่าทำร้ายร่างกายจนต้องไปพบจิตแพทย์ เล่าช้ำปาดน้ำตาฝีมือ เบนซ์ เดม่อน อดีตแฟนหนุ่ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น้องชายของเบนซ์ก็อยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่ช่วยเหลือแม้กระทั่งห้ามปรามพี่ชายตัวเอง ยืนยันการที่ออกมาแฉเว็บพนัน มาเก๊า 888 ไม่ใช่การแบล็กเมล์หรือต้องการผลประโยชน์ในแง่ใดทั้งสิ้น

ต่อมา หนุ่ม กรรชัย ได้เปิดเผยผ่านรายการข่าวใส่ไข่ สดใหม่ ให้เยอะ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.66 โดยระบุว่า ดิวเคยถูกทำร้ายจนต้องเข้า ICU ดิวถูกทำร้ายร่างกายจากคนบางคน จนกระทั่งไม่สามารถมาทำงานได้ วันดีคืนดีจะลุกไปทำงาน เขาไม่ให้ไปถ่ายละคร วิธีการที่ไม่ให้ไปก็คือ ต่อยหน้าให้หน้าแตก ให้เป็นแผล ก็ไม่ได้ไป อะไรอย่างนี้

รำลึก 9 กุมภา สุขสันต์วันเกิดบนสรวงสวรรค์ 'กนกพงศ์ สงสมพันธุ์' นักเขียนหนุ่มแห่งกลุ่มนาคร ในวัยครบ 57 ปีเต็ม

ในหมู่ชาวตะวันตก (ฝรั่ง) ยังคงธรรมเนียมอวยพรวันคลัายวันเกิดแก่ผู้วายชนม์ไปแล้วว่า “Happy Heavenly Birthday” ประมาณ “สุขสันต์วันเกิดบนสรวงสวรรค์” อันคล้ายกับคติบ้านเราเกี่ยวแก่การนับ 'ชาตกาล' โดยครบกี่ปีก็ว่าต่อไป เพื่อยกย่องคุณงามความดีของผู้นั้นเสมือนยังคงชีวิตหลังความตาย

ว่ากระนั้นแล้ว กระผมก็เห็นดีงามในวันที่ '9 กุมภาพันธ์' ที่ต้องขอกล่าว “Happy Heavenly Birthday” แก่นักเขียนหนุ่มตลอดกาล 'กนกพงศ์ สงสมพันธุ์' โดยหากเขายังดำเนินชีวิตต่อจนปัจจุบัน ก็จะมีอายุ 57 ปีเต็ม

ถนนงานเขียนของกนกพงศ์เริ่มจากการสนใจ 'อ่าน' ตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะมีบิดารักการอ่านและท่านยังบอกรับหนังสือทุกประเภทเข้าบ้าน จนเมื่อเรียนถึงชั้นมัธยมศึกษา กนกพงศ์มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดกับนักเขียนชาวใต้นาม 'กลุ่มนาคร' จนจุดประกายงานเขียนเขาขึ้น กระทั่งมีผลงานบทกวีชิ้นแรก 'ความจริงที่เป็นไป' ตีพิมพ์ใน 'สยามใหม่' ขณะศึกษาเพียงชั้นมัธยมต้น (พ.ศ. 2523) เท่านั้น

จนเมื่อลาออกจากรั้วมหาวิทยาลัย กนกพงศ์จึงหันหน้าสู่งานประพันธ์อย่างเต็มเวลา โดยเริ่มงานด้านสำนักพิมพ์ช่วงสั้น ๆ แล้วจึงเดินทางบ่ายหน้าสู่เทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช ถิ่นนักเขียนเปี่ยมพลังในกลุ่มนาคร (ซึ่งวิวัฒน์ต่อเป็น - สำนักพิมพ์นาคร) เขาท่องเที่ยวเดินทางยังสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเขตปักษ์ใต้ เพื่อศึกษาและทำงานเขียนหนังสืออย่างเอาจริงเอาจัง จนมีงานตีพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่องกว่าสามสิบปี

โดยนับต่อจากเรื่องสั้นแรก 'ดุจตะวันอันเจิดจ้า' ใน 'มติชนสุดสัปดาห์' แล้ว ก็มีเรื่องสั้นทยอยรวมชุดออกมาถึง 7 ชุด จาก พ.ศ. 2534 - 2549 อันไอ้แก่ สะพานขาด (ชุดที่ 1) คนใบเลี้ยงเดี่ยว (2) แผ่นดินอื่น (3) โลกหมุนรอบตัวเอง (4) นิทานประเทศ (5) รอบบ้านทั้งสี่ทิศ (6) คนตัวเล็ก (7) และ กวีตาย (เรื่องสั้นเล่มเล็ก) คั่นก่อนปิดท้าย

พี่ลอง 'จำลอง ฝั่งชลจิตร' เจ้าของนามปากกา 'ลอง เรื่องสั้น' ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ บนฐานะพี่ใหญ่ของนักเขียนเมืองนครฯ เคยยกย่องนักเขียนรุ่นน้องนาม 'กนกพงศ์ สงสมพันธุ์' ในวันที่ปราศจากเขาไว้ว่า "...นักเขียนตัวจริง ที่มีความจริงจัง ทุ่มเทชีวิตในการทำงานเขียน รวมถึงมีความพิถีพิถันต่อการทำงานอย่างสูง พยายามพัฒนาหามุมมอง และวิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้งานออกมาอยู่ในระดับที่เยี่ยมยอด"

นอกจากรางวัลซีไรต์ พ.ศ. 2539 ที่เขาได้รับจากผลงานรวมเรื่องสั้น 'แผ่นดินอื่น' รวมถึงรางวัลช่อการะเกดอีกสองครั้งจากเรื่องสั้น 'สะพานขาด' และ 'โลกใบเล็กของซัลมาน' แล้ว กนกพงศ์ยังมีความสามารถทางกวีนิพนธ์อันเยี่ยมยอดไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ซึ่งงานรวมเล่ม ป่าน้ำค้าง (2532) ในหุบเขา (2549) หมื่นปีกนก (2552) กวีนิพนธ์ทั้งสามเล่มคงยืนยันได้ดี

'ชีวี ชีวา' หรือ 'จตุพล บุญพรัด' บรรณาธิการแพรวสำนักพิมพ์ เพื่อนรักอีกคนผู้เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันจาก 'กลุ่มนกสีเหลือง' ก็เคยกล่าวถึงกนกพงศ์ด้วยความคำนึงและชื่นชม “...กนกพงศ์มีอิทธิพลกับนักเขียนรุ่นน้อง และคนรุ่นหลัง ในการใช้ชีวิตเพื่อเขียนหนังสือ และผลิตงานที่ดี ๆ ออกมา เขาพยายามเป็นแกนหลักและเป็นตัวประสานงานอยู่เสมอในกิจกรรมพวกนี้"

'ชัยวุฒิ' เสนอ 'อาเซียน' จับมือตั้งหน่วยงานข้ามชาติ ขจัด 'หลอกลวงลงทุนออนไลน์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์'

(9 ก.พ. 66) นาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม เป็นผู้เเทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งที่ 3 ที่ เกาะโบราไคย์ ประเทศฟิลิปปินส์ พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม และนายตุลย์ ไตรโสรัส เอกอัครราชทูตประจำกรุงมะนิลา เข้าร่วมประชุมด้วย 

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในด้านดิจิทัลของกลุ่มประเทศ 10 ประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีการสื่อสารไอซีทีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นการนำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ
 

‘พท.’ แซะ!! มอเตอร์เวย์ ‘บางปะอิน-โคราช’ ล่าช้า โว!! ถ้าได้เป็นรัฐบาล สร้างเสร็จภายใน 6 เดือน

(9 ก.พ. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การทำงานในสภาฯ ในปัจจุบันไปต่อไม่ได้แล้ว สภาฯ ล่มทุกสัปดาห์ แสดงให้เห็นว่าพรรครัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเป็น ส.ส. จึงไม่รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน จะมาร่วมประชุมสภาฯ ก็ต่อเมื่อรัฐบาลหรือตัวเองได้ประโยชน์ หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจะไม่ให้ความสำคัญ ดูได้จากการตอบกระทู้หรือการชี้แจงในสภาฯ จะให้รัฐมนตรีคนอื่นมาตอบแทน ปัจจุบันไม่มีรัฐมนตรีมาตอบกระทู้แล้ว เพราะเป็นช่วงปลายรัฐบาล รัฐมนตรีจึงให้ความสำคัญกับการย้ายพรรค เปลี่ยนขั้วการเมือง หรือ ลงพื้นที่หาเสียงมากกว่าการแก้ปัญหาให้ประชาชน

นายประเสริฐกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับ การประชุมสภาฯ มาตลอด เนื่องมาจากรัฐธรรมนูญบังคับให้ นำปัญหาของพี่น้องประชาชนต้องมาพูดคุยในที่ประชุมสภาฯ เพื่อให้รัฐบาลรับไปแก้ไข ดังนั้นการประชุมสภาฯ จึงมีความสำคัญหรือแม้แต่การพิจารณา กฎหมายสำคัญ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลยังไม่ให้ความร่วมมือ แล้วอย่างนี้จะไปต่อได้อย่างไร หากเป็นรัฐบาลอื่นคงยุบสภาฯ ไปแล้ว

“พรรคเพื่อไทย หลังจากเปิดตัวผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง เดือนมีนาคมเป็นต้นไป พรรคเตรียมจัดทัพใหญ่เดินสายปราศรัย เพื่อพูดเรื่องนโยบายของพรรคกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ พรรคมีความพร้อมมากในการเลือกตั้งที่จะมาถึง มั่นใจว่าจะสามารถแลนสไลด์ได้ทั้งประเทศอย่างแน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ขอยืนยันว่า จนถึงเวลานี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีการดีลกับพรรคการเมืองอื่นอย่างแน่นอน ทุกอย่าง จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งหากประชาชนให้โอกาส พรรคพร้อมที่จะพลิกโฉมประเทศไทยอย่างแน่นอน” นายประเสริฐ กล่าว

คริส โปตระนันทน์ ชี้! 'ก้าวไกล' หากไม่ปรับบริหาร พรรคก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา

“หาก 'ก้าวไกล' ไม่ปรับการบริหาร แทนที่พรรคจะใหญ่ขึ้น ก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา”

‘กรณ์’ เสนอ รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ ชู ‘เศรษฐกิจเฉดสี’ เพิ่มโอกาส-สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท

(9 ก.พ. 66) ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในเวทีสัมมนา ‘อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก’ ว่า ก่อนจะไปสู่คำถามว่าเราจะสตาร์ตอย่างไรให้ก้าวนำโลก ตนขอเพิ่มคำถามว่าเราจะสตาร์ตอย่างไร ในขณะที่มีคนไทย ถือบัตรสวัสดิการคนจนถึง 14 ล้านคน เรามีคนติดแบล็กลิสต์บูโรถึง 6 ล้านชีวิต เรามีเอสเอ็มอีที่ไม่รู้จะไปต่อได้หรือไม่อีกเป็นจำนวนมาก คำตอบของปัญหาเหล่านี้คือ เราต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายเรื่อง ไทยเราจะเดินไปข้างหน้าพร้อมกันทุกคน 

นายกรณ์ ได้ยกตัวอย่าง สินค้าส่งออกยอดฮิตถือเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนของประเทศไทย คือรถยนต์ปิ๊กอัพ ที่มีการส่งออกเกือบ 1 ล้านคันต่อปี ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจะยกเลิกการใช้รถยนต์สันดาปแบบเดิมมาเป็นรถยนต์ EV ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับรื้อ ซึ่งเขาไม่จำเป็นที่ต้องเริ่มจากศูนย์เขามีองค์ความรู้ และ supply chain ที่ถูกต้อง ประเทศไทยมีของดีเป็นจำนวนมากที่เป็นโอกาสของคนไทย ถึงเวลาที่ต้องรื้อโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้ง อุตสาหกรรมพลังงาน, อุตสาหกรรมการเงิน, อุตสาหกรรมการเกษตร และที่สำคัญ รื้อระบบราชการ ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้า ได้นำเสนอมาตลอด

ส.ส.ก้าวไกล ส่อซบ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ หลังรับแนวทางพรรคเรื่องสถาบันฯ ไม่ได้

(9 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า ในวันศุกร์นี้ (10 ก.พ.) พรรคจะเริ่มคิกออฟการลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม. ขณะที่กำลังรอเคาะรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขตอยู่ โดยการลงพื้นที่ดังกล่าว ผู้บริหารพรรคนำโดย นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค จะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคไปงานเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ ที่อาคารไปรษณีย์กลาง ย่านเจริญกรุง-บางรัก

แต่ที่น่าสนใจคือ ในรายชื่อที่ทางพรรคแจ้งกับสื่อมวลชน ปรากฏว่ามีชื่อ นายทศพร ทองศิริ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เขตราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ ที่ยังไม่ลาออกจาก ส.ส.ก้าวไกล รวมอยู่ด้วย

โดยนายทศพร ให้สัมภาษณ์ว่า มีความรู้จักสนิทสนมกับนายวินท์ สุธีรชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ลาออกจากพรรคก้าวไกล และปัจจุบันนายวินท์ ได้เข้าไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ทางนายวินท์ จึงได้ติดต่อให้ไปร่วมงานวันศุกร์นี้กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เบื้องต้นยังมีคิวงานในพื้นที่ แต่ได้แจ้งกับพรรคว่าหากเคลียร์งานเสร็จทันก็จะไปร่วมด้วยแน่นอน เพราะตอนนี้ ในทางการเมือง ได้แยกทางกับพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องการทำหน้าที่ ส.ส. จนถึงวันสุดท้ายของสภาฯ ชุดนี้ ซึ่งสาเหตุที่ออกจากก้าวไกล เพราะชัดเจนว่าแนวทางเรื่องสถาบันฯ กับตนเองไปด้วยกันไม่ได้

‘พิธา’ โชว์วิสัยทัศน์ ‘สร้างงาน-ซ่อมประเทศ’ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน

‘พิธา’ ร่วมวงถกนโยบายเศรษฐกิจพรรคการเมือง ชงแนวคิดกำหนดนโยบายต้อง ‘ถูกใจคนไทย-ตรงใจตลาดโลก’ ชู 'สร้างงาน-ซ่อมประเทศ' เปลี่ยนปัญหา-ความต้องการคนไทย เป็นอุตสาหกรรมใหม่-จ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง พุ่งเป้าเศรษฐกิจเติบโตควบคู่ลดเหลื่อมล้ำ

(9 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์พร้อมผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ในงานสัมมนา ‘อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก’ ซึ่งร่วมจัดโดยเครือโพสต์ทูเดย์และเนชั่น ให้ผู้นำพรรคการเมืองได้พูดถึงมุมมองของแต่ละพรรคที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรค

พิธาเริ่มต้นการนำเสนอ โดยระบุว่าโจทย์ที่ได้รับมาวันนี้จากผู้จัดงาน คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจตลาดโลก แต่ในการนี้ตนต้องขอคิดต่าง ว่าคำถามที่ถูกต้อง คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจคนไทยและตลาดโลกไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาเรามีเศรษฐกิจที่ตรงใจตลาดโลกมามากแล้ว ทั้งของถูกและมีคุณภาพ แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าสิ่งนั้นต้องแลกมาด้วยการเสียสละของคนไทย

ดังจะเห็นได้ว่าประเทศไทยที่ส่งออกข้าวเป็นอับดับ 1-3 ของโลกมาตลอด แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจน คิดเป็นถึง 66% หรือ 2 ใน 3 ของคนจนอยู่ในภาคการเกษตร จะมีประโยชน์อะไรกับการที่รายได้การท่องเที่ยวของประเทศก่อนโควิด สูงถึง 2 ล้านล้านบาท แต่ 74% กระจุกตัวอยู่แค่ใน 5 จังหวัดจากทั้งประเทศ และจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ประเทศไทยมีภาคธนาคารที่เข้มแข็งเป็นอันดับที่ 21 ซึ่งถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยพุ่งทะยานไปถึง 89% ของจีดีพีแล้ว

พิธากล่าวต่อไปว่า ธนาคารโลกล่าสุดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะโตช้าที่สุดในรอบ 30 ปี นี่คือโจทย์ที่รัฐบาลไทยต้องออกแบบนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จะเอาแต่พึ่งการส่งออก การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือวิธีคิด ซึ่งพรรคก้าวไกลมีกระบวนการวิเคราะห์ กำหนดเป้าหมาย ที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายอย่างเป็นระบบ พรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากการวิเคราะห์หาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-ภัยคุกคาม (SWOT analysis) ที่ทำให้เราได้เห็นภาพของประเทศไทยในปัจจุบัน

กล่าวคือ ประเทศไทยมีจุดแข็ง คือความสร้างสรรค์ ห่วงโซ่อุปทานที่ดีระดับหนึ่ง และมีเสถียรภาพทางการเงินการคลัง ในขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนคือการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว การมีระบบรัฐราชการรวมศูนย์ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก หากมองในแง่โอกาส แนวโน้มการลงทุนของโลกในขณะนี้กำลังมุ่งไปที่การกระจายความเสี่ยงออกจากฐานการผลิตเดิม ขณะเดียวกันกำลังจะเกิดการปฏิรูปภาษีโลกครั้งใหม่ (Global Minimum Tax) หรือ GMT แต่โลกก็กำลังมอบโจทย์ความท้าทายให้กับประเทศไทยในหลายด้านเช่นเดียวกัน ทั้งในเรื่องภาวะโลกร้อน ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เช่นสงคราม และราคาโภคภัณฑ์ที่ผันผวน

พิธากล่าวต่อไปว่า เมื่อได้ภาพปัจจุบันของประเทศดังนี้แล้ว การกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลจึงเกิดขึ้นภายใต้โจทย์เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ นำมาสู่นโยบาย 'สร้างงาน ซ่อมประเทศ' หรือการนำปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่เรื้อรังมาข้ามทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะ น้ำประปาที่ไม่สะอาด ปัญหาพลังงาน ความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ เปลี่ยนให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน เพื่อซ่อมประเทศ กล่าวคือ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top