Friday, 16 May 2025
NewsFeed

ผบ.ตร.ควง ปลัด มท.,ปลัด สธ.และเลขา ป.ป.ส. ตรวจเยี่ยมโครงการ 'หนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด'

ผบ.ตร.ควง ปลัด มท.,ปลัด สธ.และเลขา ป.ป.ส. ตรวจเยี่ยมโครงการ 'หนองบัวลำภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด' ชื่นชมความสำเร็จ ชงเป็นโมเดลยั่งยืนต้นแบบ ขยายใช้ทั่วประเทศสนองนโยบายรัฐบาล ด้านผู้บำบัดขอบคุณภาครัฐ เหมือนได้ชีวิตใหม่ พร้อมมอบรางวัล “ทำดีมีรางวัล” ให้ สวญ.สภ.หัวโทน จ.ร้อยเอ็ด ผู้คิดค้นรูปแบบเฝ้าระวังผู้ป่วยจิตเวช 

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัยผู้บัญชาการ ประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์, ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามการดําเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จังหวัดหนองบัวลําภู ในระยะเวลาเร่งด่วน 3 เดือน (หนองบัวลําภูต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด) ณ ศูนย์ปฏิบัติการชุมชนยั่งยืนบ้านท่าอุทัย (ศาลาประชาคมบ้านท่าอุทัย) ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู โดยมี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ให้การต้อนรับ 

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญใน ต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบำลำภู มติ ครม. โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำหนดให้ จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นโมเดลต้นแบบแก้ปัญหายาเสพติด 

จังหวัดหนองบัวลำภู จึงได้จัดทำโครงการ “หนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาว” มีผู้ว่าราชการจังหวัดนั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน บูรณาการร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร สาธารณสุข มีผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดหนองบัวลำภูในระยะเวลาเร่งด่วน 3 เดือน ด้วยแนวทาง “หนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดครบวงจร” ที่ครอบคลุมมาตรการป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และฟื้นฟูสภาพทางสังคม ได้แก่ 1) การแก้ไขปัญหาด้วยแนวคิด Change for Good โดย “5 เสือพาพี่น้องทำความดี” ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และคุ้ม 2) จัดทำตู้ราชสีห์ ผ่านระบบ QRCODE กระจายทุกหมู่บ้าน ตลาด ชุมชน สถานที่ราชการในทุกอำเภอ เพื่อประชาชนร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทำผิด 3) จัดชุดกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. รพ.สต. ตำรวจ อาสาตำรวจ และหัวหน้า/คณะกรรมการคุ้ม 5,149 คุ้ม คัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยมี อสม. และ กม. ที่ผ่านการอบรมการดูแลสังเกตผู้ป่วย ทั้งมีทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ เข้าระงับเหตุทันที หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง 4) จัดทำ Family folder รวบรวมข้อมูลปัจจัยเพื่อเลิกยาเสพติด การช่วยเหลือ และข้อมูลครอบครัว ครอบคลุมทั้งสุขภาพ รายได้ และข้อมูลอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมบทบาทหมู่บ้าน/ชุมชนมีส่วนร่วม ด้วยกองทุนแม่ของแผ่นดิน 272 กองทุน กองทุนหมู่บ้านยั่งยืน 67 หมู่บ้าน ซึ่งจากการ Re X-ray ข้อมูลในพื้นที่ พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน และได้คัดกรองประชาชนอายุ 12-65 ปี ในชุมชน พบผู้เสพ 701 คน เข้ารับการคัดกรองจำแนกเป็นสีแดง เข้าบำบัดรักษาที่โรงพยาบาล และสีเหลือง สีเขียว บำบัดโดยชุมชน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกำลังตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทำการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทำการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย เข้ารับการบำบัดรักษา

มีโครงการชุมชนยั่งยืนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี คือ โครงการชุมชนยั่งยืนบ้านท่าอุทัย ต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เป็นการบูณาการร่วมกันของตำรวจ ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ชุมชน ท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่และวัดเข้ามามีส่วนในการร่วมกันแก้ปัญหา ปูพรมค้นหาผู้เสพในบ้านท่าอุทัย มีผู้เสพสมัครใจเข้าบำบัดจำนวน 48 ราย คัดกรองเป็นสีแดง 3 ราย นำส่งรักษาที่ รพ.นากลาง สีเหลือง 44 ราย และสีเขียว 1 ราย หลังจากนั้นนำทุกคนเข้าสู่การบำบัดฟื้นฟูตามรูปแบบ CBTx โดยใช้ชุดปฏิบัติการยั่งยืน จัดกิจกรรมบำบัดในรูปแบบผสมผสาน ทั้งศาสนาบำบัด อาชีพบำบัด และบำเพ็ญสาธารณประโยชน์บำบัด เช่น การออกกำลังกาย การปลูกผัก ตัดอ้อย สามารถสร้างรายได้เสริมหลังฟื้นฟูสำเร็จ มีการตรวจปัสสาวะซ้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ยังมีผู้ที่มีผลติดยาเสพติดอยู่ไม่กี่ราย ส่วนที่เหลือหายเป็นปกติแล้ว คนที่ยังเลิกไม่ได้ ก็มีการรักษาต่อเนื่องไป ที่โครงการประสบความสำเร็จเพราะชุมชน ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วม ให้กำลังใจสร้างความเชื่อมั่นผู้เสพให้ ลด ละ เลิก ร่วมกันตั้งฉายาว่า “ผู้กล้าท่าอุทัย” ทำให้ผู้เสพมีกำลังใจ บำบัดฟื้นฟูผ่าน เป็นคนดีคืนสู่สังคม ใช้ชีวิตปกสุขร่วมกับชุมชนได้ 

สำหรับบรรยากาศการตรวจเยี่ยมโครงการ เป็นไปด้วยรอยยิ้ม ความสำเร็จที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ผู้เสพบางส่วนที่ผ่านโครงการแล้วได้มีงานทำ ได้ก้มกราบ ขอบคุณทั้งน้ำตากับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้นำชุมชน ครอบครัวผู้เข้าร่วมโครงการได้ขอบคุณทุกๆภาคส่วนที่นำโครงการดีๆ เข้ามาช่วยบำบัดฟื้นฟู นำลูกหลานที่ติดยา ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีคืนสู่สังคม ครอบครัว เหมือนได้ชีวิตใหม่ 

นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัลตามโครงการ “ทำดีมีรางวัล” ให้ พ.ต.ท.สมเกียรติ บัวนิล รรท.สวญ.สภ.หัวโทน จ.ร้อยเอ็ด ที่นำเอาเทคโนโลยี “line” มาใช้ในการบริหารจัดการเชิญ ครอบครัวผู้เสพ ผู้นำชุมชน ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข มาช่วยกันบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดตามโครงการชุมชนยั่งยืนฯ จนสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งเป็นผู้คิดค้นมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ผู้ป่วยจิตเวชก่อเหตุรุนแรง (หัวโทนโมเดล) ตามการขับเคลื่อนโครงการนาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา ปัจจุบันมีทีมเผชิญเหตุ 2,549 ทีม และทีมผู้พิทักษ์ 3,361 ทีม พร้อมบูรณาการเจ้าหน้าที่ฟื้นฟู และส่งเสริมทักษะใช้ชีวิตในสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตในสังคมได้

ผบ.ตร.กล่าวว่า “ หลังการมีมติประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามแนวทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการเรื่องยาเสพติด กำหนดให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นต้นแบบของจังหวัดสีขาว ตนได้ส่งชุดตำรวจภูธรภาค 4 มาช่วยในการปราบปราม และส่งทีมวิทยากรต้นแบบ มาช่วยในชุมชนยั่งยืน สามารถค้นหาผู้เสพได้มาก และปราบปรามยาเสพติดได้เป็นอย่างดี แต่ภารกิจการแก้ปัญหายาเสพติดยังไม่จบ การทำงานต้องบูรณาการพื้นที่ที่ต้องดำเนินการต่อไปเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัด เป็นขุนพลช่วยสนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ลงพื้นที่แก้ปัญหาและติดตามการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะ “การลงพื้นที่” เป็นคำตอบสุดท้ายที่พี่น้องประชาชนจะพึงพอใจและรู้สึกว่าปลอดภัย ดังนั้นตำรวจทุกหน่วยต้องร่วมกันลงพื้นที่ร่วมกันบูรณาการกับฝ่ายปกครองและทุกหน่วยอย่างจริงจังต่อเนื่อง

จังหวัดหนองบัวลำภู ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามโครงการ “หนองบัวลำภูต้นแบบจังหวัดสีขาว” มีผู้ว่าราชการจังหวัดที่เข้มแข็ง นั่งหัวโต๊ะร่วมกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร สาธารณสุข ชุมชน รวมทั้งวัด ในการนำผู้เสพเข้าสู่ขบวนการบำบัดฟื้นฟู โดยเฉพาะโครงการชุมชนยั่งยืนฯ บ้านท่าอุทัย ซึ่งหลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรม ทุกภาคส่วนลงพื้นที่ร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง มีการค้นหาผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการชุมชนบำบัดฟื้นฟู ฝึกอาชีพ สร้างรายได้ ที่สำคัญ ชาวบ้านต่างให้กำลังใจผู้เสพให้ลดละเลิก จนโครงการประสบความสำเร็จ สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้ 

ย้อนตำนาน 'รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ' กับ 'รูปแบบการเลือกตั้ง' ที่เปลี่ยนไป

30 ปี นับตั้งแต่ปี 2535 จนกระทั่งปัจจุบัน ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์การเมือง ที่นำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ คือ 2540 2550 และ 2560  โดยมีรูปแบบการเลือกตั้งที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจึงขอย้อนรอยเรื่องราวการเลือกตั้งที่สะท้อนจากรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ซึ่งนอกจากจะแตกต่างกันแล้ว ยังส่งผลต่อหน้าประวัติศาสตร์การเมืองอีกด้วย

#รัฐธรรมนูญ2540…จุดเริ่มต้นบัตร 2 ใบ "เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ"
ปี 2538 ยุค นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง (คปก.) ขึ้น และนำมาสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ’ ที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.  99 คน  ประกอบด้วย สสร. 76 คนที่มาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน กับตัวแทนนักวิชาการและผู้เชี่ยวขาญในสาขาต่างๆ ที่มาจากการคัดเลือกกันเองของสภาสถาบันอุดมศึกษาให้สภาพิจารณา อีก 23 คน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภา จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ได้ชื่อว่าเป็นฉบับประชาชน และเกิดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมากที่สุด 

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 2540 พลิกโฉมการเมืองไทยไปจากเดิม ด้วยระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ โดย ส.ส.  500 คน มาจากแบบเลือกตั้งเขตเดียวคนเดียว 400 คน และมาจากแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ใชับัตรเลือกตั้งสองใบ คือ ใบแรก 'เลือกคน' คือ ส.ส.เขต แบบเขตเดียวเบอร์เดียว และ ใบที่สองเลือก ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ หรือ 'ปาร์ตี้ลิสต์' เป็นครั้งแรกเพื่อเพิ่มบทบาทของพรรคการเมืองและนโยบายของพรรค รวมถึง 'นายกรัฐมนตรี' ก็ต้องมาจาก ส.ส. เท่านั้น ขณะที่ ส.ว. 200 คน ที่เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรองกฎหมาย รวมถึงมีอำนาจในการ 'ถอดถอน' ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทั้งหมด 

รัฐธรรมนูญ ปี 40 ยังเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรอิสระ อย่าง  กกต.  ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรตรวจสอบการทำงานของฝ่ายการเมืองมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ กลไกระบบเลือกตั้งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ยังส่งผลให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และมีน้อยพรรค ทำให้การบริหารบ้านเมืองมีความต่อเนื่องมากขึ้น ปิดข่องรัฐบาลผสมที่มีหลายพรรคการเมือง 

แต่ระบบนี้ใช้ในการเลือกตั้งได้เพียงแค่ 2 ครั้ง คือในปี 2544 และ 2548 ก็เกิดปัญหาใหม่ เมื่อรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส ในการบริหารประเทศ และเกิดปัญหาเกี่ยวกับกลไกตรวจสอบ ถ่วงดุล ที่ทำได้ยาก จนถูกขนานนามว่าเป็น 'เผด็จการรัฐสภา' กระทั่ง 19 กันยายน 2549 เกิดการรัฐประหาร นำมาสู่การกำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ ฉบับปี 2550

#รัฐธรรมนูญ2550 ปรับระบบ 'ปาร์ตี้ลิสต์' จากหนึ่งเขตประเทศ เป็น 8 กลุ่มจังหวัด
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ และจัดให้มีการลงประชามติจากประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ผ่านการเห็นชอบ ร้อยละ 57.81 ทั้งนี้มีการปรับระบบเลือกตั้ง กำหนดให้ ส.ส. มีจำนวน 480 คน มาจากแบบเลือกตั้งแบ่งเขตเรียงเบอร์ 400 คน และมาจากแบบบัญชีรายชื่อ จากเขตเลือกตั้งเดียวทั้งประเทศ มาเป็นกลุ่มจังหวัด 8 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คน รวม 80 คน

ส่วน ส.ว. มีจำนวน 150 คน มาจากการเลือกตั้งใน 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และที่เหลือมาจากการสรรหา ส่วนการเลือกตั้ง ในช่วงของการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 เกิดขึ้น 2 ครั้ง โดยในครั้งแรก พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ได้ 'สมัคร สุนทรเวช' เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ในยุค 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' สภามีมติแก้ไขระบบการเลือกตั้ง ส.ส. กลับไปใช้บัญชีรายชื่อบัญชีเดียวทั่วประเทศ 125 คน ก่อนมีการเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ต่อมา ประเด็นเรื่องการนิรโทษกรรมสุดซอย รวมถึงปัญหาทุจริตจำนำข้าว นำมาสู่ความขัดแย้งทางการเมืองระลอกใหม่ แนวโน้มเดินไปสู่ทางตันและความรุนแรง จึงนำมาซึ่งการยึดอำนาจอีกครั้งโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และนำมาซึ่งการจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2560

บิ๊กบอสแห่งศึก ONE โดนท้าต่อยในฟิตเนส แต่เลือกปฏิเสธ แม้คว่ำคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) 'ชาตรี ศิษย์ยอดธง' ประธานวัน แชมเปียนชิพ องค์กรศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวระดับโลก ออกมาเผยเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เขาโดนนักท่องเที่ยวท้าต่อยที่ฟิตเนส ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

บิ๊กบอสแห่งศึก ONE เผยว่าระหว่างที่เขากำลังออกกำลังกายในฟิตเนสของโรงแรม จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมาหาเรื่องชวนทะเลาะวิวาททำนองท้าต่อย แต่เจ้าตัวไม่อยากจะให้เรื่องบานปลาย ไม่อยากใช้ความรุนแรง จึงเลือกที่จะกล่าวปฏิเสธแบบสุภาพ

"นักท่องเที่ยวหัวรุนแรงรายหนึ่งเดินมาประจันหน้า แล้วท้าชกกับผมเมื่อวานนี้ ที่ฟิตเนสของโรงแรมที่ผมไปพักเป็นประจำในเมืองหัวหิน ประเทศไทย ผมมักจะแวะมาพักผ่อนระหว่างมาทำงานที่เมืองไทย เขามาเผชิญหน้ากับผมเพื่อขอใช้เครื่องออกกำลังกาย ซึ่งอ้างว่าเป็นของตัวเอง ตอนนั้นผมขอโทษเขาไปอย่างสุภาพ แต่ก็บอกไปด้วยว่านี่ไม่ใช่เครื่องของเขา ผมก็แค่มาใช้งานตอนที่มันกำลังว่าง ผมรู้สึกประหลาดใจมากที่เขาถามผมว่า ผมมีปัญหากับเขาหรอ ออกไปเจอกันข้างนอกหน่อยไหม" ชาตรี เริ่มกล่าว

"ผมคิดไม่ออกเลยสักนิดว่าผมจะเดินออกไปข้างนอก เพื่อสั่งสอนคนขี้คุยแบบนี้อย่างไรดี แต่ผมเห็นว่าเขามากับแฟน ผมตัดสินใจไม่อยากทำให้สถานการณ์บานปลาย ผมเลยรีบขอโทษเขาไปอย่างสุภาพอีกหนึ่งครั้ง และอวยพรให้เขามีสุขภาพที่ดี ก่อนจะเดินออกมา"

'เพจดัง' ติง!! กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูก 'โกง-ทำร้าย' ที่ภูเก็ต "ถ้า จนท.ช่วยจริงจังแต่แรก เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้น"

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลุยจีน' ได้โพสต์ข้อความแจ้ง กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูกบริษัททัวร์ภูเก็ตทำร้ายและโกง (อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ที่ >> https://facebook.com/100064606066871/posts/pfbid02ircqQ1vk7gPwecVSsJUi9gtevFucTeqJQRoKZEPkfiuqKXmffXjCkeAs52VVKDgtl/) โดยล่าสุดได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว ว่า...

จับแล้วเมื่อวานครับ เคสพนักงานบริษัททัวร์อักษรย่อ บ ที่ทำร้าย นทท.จีนปลาย ม.ค. จนเป็นคลิปไวรัลที่จีน

เบื้องต้นให้การรับสารภาพ มีการตรวจยึดมีดที่ใช้ก่อเหตุ และส่งฟ้องศาลต่อไป

แต่ประเด็นที่คนจีนตั้งคำถามกันคือ "ถ้า ตร. ท่องเที่ยวไทย ไปช่วยเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่แรก ไม่โยนเรื่องให้คนอื่น เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นมั้ย?" 

เปิดแผน USAR Thailand สุดยอดทีมกู้ภัยไป 'ตุรเคีย' ช่วยเหลือผู้ตกค้างท่ามกลางความหนาวลบ 0 องศาฯ

หลังเหตุแผ่นดินไหวในตุรเคีย ขนาด 7.8 แมกนิจูด ความลึก 17.9 กม. สร้างความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 4.8 พันคน แต่การช่วยเหลือท่ามกลางซากปรักหักพังของตึกสูง เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายระลอกนั้น ทางประเทศไทยก็ได้เตรียมส่งทีมช่วยเหลือ กู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue) หรือทีม USAR Thailand ที่มีขีดความสามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากตึก จากเหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้

โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) DDPM รายงานว่า ปภ.ตั้งทีมติดตามสถานการณ์ เตรียมพร้อมส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue) หรือทีม USAR Thailand จำนวน 20 คน ไปช่วยเหลือภารกิจค้นหาและกู้ภัยทันทีที่ได้รับการประสาน พร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการค้นหาและกู้ภัย ซึ่งทีม USAR Thailand ถือเป็นทีมปฏิบัติการพิเศษที่ ปภ.พัฒนาขึ้น มีศักยภาพในการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย และมีความสามารถในการรองรับสาธารณภัยขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

สำหรับแผ่นดินไหวในตุรเคียในครั้งนี้ สร้างความสูญเสียจำนวนมาก แต่การเข้าไปช่วยเหลือต้องประสานกับทาง UN ที่เป็นตัวกลางประสานกับทีมกู้ภัยทั่วโลกกว่า 100 ทีม ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ

ท่าเรือ 'มาบตาพุด' ระยะ 3 คืบ!! คาดปี 70 เปิดใช้ท่าเรือก๊าซ ช่วยรองรับการขนส่งก๊าซธรรมชาติได้ 31 ล้านตันต่อปี

(8 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ว่า เป็นการรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท ภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งดำเนินการเป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงที่ 1 เป็นการร่วมทุนระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับเอกชน เพื่อขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นพื้นที่ถมทะเล 1,000 ไร่ (พื้นที่หลังท่าและหน้าท่าพร้อมใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่กักเก็บตะกอนดิน 450 ไร่)
ช่วงที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเรือสินค้าเหลว (แปลง A) และพื้นที่คลังสินค้าธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (แปลง C)

โดยในช่วงที่ 1 ได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและงานออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แบ่งเป็น การถมทะเลคืบหน้า ร้อยละ 35.88 เร็วกว่าแผน ร้อยละ 2.91 ขณะที่การดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกันทราย (Revetment) ก่อสร้างได้ระยะทาง 5,410 เมตร มีการใช้หินสะสม 1.17 ล้านลบ.ม. และได้เริ่มงานลงหิน Toe Rock & Rock Underlayer ก่อสร้างได้ระยะทาง 240/5,410 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซได้ในปี 2570

'ตำรวจ' ปลอมตัวเป็น นทท. บุกข้าวสาร รวบแก๊งเมียนมา ลอบเข้าเมือง เปิดร้านขายโรตี-เคบับ แย่งอาชีพคนไทย

(8 ก.พ. 66) ว่าที่ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าภายในถนนข้าวสารและซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ว่ามีคนต่างด้าวจำนวนมาก มาเปิดร้านในลักษณะรถเข็น ขายโรตีและเคบับ ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทย

ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. 66 จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ตรวจสอบ และประชุมวางแผน เพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 อำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปตรวจสอบตามที่ประชาชนให้เบาะแส พบว่าภายในซอยรามบุตรีมีคนต่างด้าวมาเปิดร้านขายโรตีและเคบับจำนวนหลายร้าน จึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวให้คนต่างด้าวดู

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบนั้น คนต่างด้าวหลายรายไหวตัวทันและวิ่งหลบหนีไป ทิ้งไว้เพียงรถเข็นขายของ จึงควบคุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไว้ได้ 11 ราย ได้แก่

1.) นายทะอ่อง อายุ 21 ปี, 2.) นาย โมยัมเอ อายุ 20 ปี, 3.) นาย ฮงทาย อายุ 33 ปี, 4.) นายอู อายุ 25 ปี, 5.) นาย โทเร อายุ 19 ปี, 6.) นาย มีโส อายุ 30. ปี, 7.) นาย ออจุน อายุ 33 ปี, 8.) น.ส.เลเนวี อายุ 29 ปี, 9.) น.ส.สาเน ทุย อายุ 33 ปี, 10.) น.ส.แวว อายยุ 46 ปี และ 11.) น.ส.มูมู อายุ 28 ปี

ซึ่งระหว่างการตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ดูได้

ทั้งนี้ การเร่ขายสินค้านั้นเป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ทั้งหมดยอมรับว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางพรมแดนที่ติดกับประเทศไทย และเข้ามาเปิดร้านขายโรตีและเคบับ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีรายได้เฉลี่ยต่อวันยังไม่หักต้นทุนถึง 1,000-1,500 บาท สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยที่ค้าขายอย่างถูกต้องในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก

'บิ๊กแจ๊ส' เตือน!! ชาวปทุมธานี ขอให้ดูที่ตัวบุคคลสำคัญ หากไม่มีคุณภาพ ก็ถือว่าเหยียบย่ำหัวใจคนปทุมฯ

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี (วัดธรรมสุขใจ) โดยมี นายสุรพงษ์ อึ๊งอัมพรวิไล, นายศุภชัย นพขำ, นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยุทธศักดิ์ (จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม 

โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ดร.ร.ต.อ.ตรีลูฟล์ ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต 

ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง ได้กล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอบเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน 

"สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ๊งอิ๊งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ"

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา 

"จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย

'โทนี่' ปลุกประชาชนสวนกลับรัฐประหาร ต้องใช้ปากกาปฏิวัติอย่างมียุทธศาสตร์

(8 ก.พ. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาของนายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ใน Care ClubHouse หัวข้อ นับถอยหลัง เลือก • เคลื่อน • ไทย 2566 EP 1 : 90 วันชี้ชะตา เจาะลึก! ทุกนโยบาย ล้วงทุกยุทธศาสตร์เลือกตั้ง มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า

“...ทหารใช้อาวุธรัฐประหารทำให้ประเทศตกต่ำ ประชาชนจึงต้องใช้ปากกาปฏิวัติกลับเพื่อให้ประเทศรุ่งเรือง...”

กระหึ่มอุ๊งอิ๊งลงพื้นที่ตลาดนัดเปิดตัวผู้สมัครส.ส. บิ๊กแจ๊ดมอบช่อดอกไม้เน้นคนปทุมให้เลือกคนดี

(7 ก.พ. 66) เวลา 17.00 น. ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี(วัดธรรมสุขใจ)  โดยมี นายสุรพงษ์  อึ๊งอัมพรวิไล นายศุภชัย นพขำ นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส. พรรคเพื่อไทย นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย นายยุทธศักดิ์(จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม ซึ่งในโอกาสนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ดร. ร.ต.อ.ตรีลูฟล์  ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ 

ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอมเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ้งอิ้งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ 

แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ 

ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในส่วนของฐานเสียงของนายก อบจ.ปทุมธานี ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฐานเสียงของใคร 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top