Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

'อลงกรณ์' ย้ำชัด!! สร้างโอกาส ก้าวข้ามทุกวิกฤต เร่งต่อยอดส่งเสริมเกษตรกรประมง มุ่งพัฒนาผลผลิต แปรรูปสัตว์น้ำสร้างแบรนด์ ทำตลาดแนวใหม่

'อลงกรณ์' ย้ำชัด!! สร้างโอกาส ก้าวข้ามทุกวิกฤต เร่งต่อยอดส่งเสริมเกษตรกรประมง มุ่งพัฒนาผลผลิต แปรรูปสัตว์น้ำสร้างแบรนด์ ทำตลาดแนวใหม่ ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร นำทีมประมงปล่อยปลาตะเพียน 2 แสนตัวลงแม่น้ำเพชรบุรีแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมหนุน 'ปลาเวียน' ลุยตลาดปลาสวยงามสร้างอาชีพรายได้ใหม่ให้ประชาชน

(4 ก.พ.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า ผลพวงจากวิกฤตสถานการณ์โรคโควิด19 และสงครามยูเครนเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤตส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกด้านรวมทั้งพี่น้องเกษตรกร ทั้งผลกระทบจากราคาปุ๋ย อาหารสัตว์ ที่มีราคาพุ่งสูงขึ้น รัฐบาลมีความเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะเรื่องปากท้องและอาชีพจึงเร่งหาแนวทางก้าวข้ามวิกฤตต่างๆโดยสร้างโอกาสใหม่ๆใช้วิกฤตเป็นโอกาส ในทุกด้าน เช่นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีเกษตรฯ โดยปล่อยปลาตะเพียน 2 แสนตัวลงสู่แม่น้ำเพชรบุรีในวันนี้

รวมทั้งการสนับสนุนองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นกว่า 2,800 องค์กรใน 50 จังหวัดรวมทั้งจังหวัดเพชรบุรีสนับสนุนงบประมาณองค์กรละ 1 แสนบาทพัฒนาต่อยอดการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร สร้างแบรนด์ เดินหน้าการตลาดแนวใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์และรังสรรค์เมนูเด็ดเพชรบุรี สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมการท่องเที่ยวสนับสนุน ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) เติมรายได้แก้ปัญหาหนี้สิน เน้นการพัฒนาชุมชน เพื่อชุมชน พร้อมหนุน 'ปลาเวียน' ปลาประจำจังหวัดเพชรบุรีที่กรมประมงสามารถพัฒนาเพาะพันธุ์ได้แล้วมีความสวยงามอย่างมากสามารถเข้าสู่ตลาดปลาสวยงามที่กำลังเติบโตช่วยสร้างอาชีพรายได้ใหม่ให้ประชาชน

หลังจากนั้นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำผู้เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยปลาตะเพียน ลงในแม่น้ำเพชรบุรี และเยี่ยมชมผลผลิตพี่น้องเกษตรกร มีทั้งอาหารแปรรูป อาหารสดหลากชนิด พร้อมทั้งส่งมอบพันธุ์ปลาให้ผู้แทนทุกชุมชนได้นำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อเป็นประโยชนแก่ประชาชนต่อไป

ทางด้าน นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่เห็นความสำคัญ สนับสนุนให้เกษตรกรและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้างความตระหนักถึงคุณค่าการฟื้นฟูแหล่งน้ำ ด้วยการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแม่น้ำเพชรบุรี และแหล่งน้ำธรรมชาติ การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจืด นับเป็นวิธีการหนึ่ง ที่ช่วยให้ทรัพยากรน้ำและสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ ให้มีประชากรสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น ช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สำหรับงาน 'กิจกรรมเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติและสร้างการรับรู้สู่เกษตรกรด้านประมงจังหวัดเพชรบุรี' พร้อมด้วยแขกผู้เกียรติ อาทิ นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายณฐกร สุวรรณธาดา คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุธา เภรีภาส ที่ปรึกษากรมประมง นายสมบุญ ธัญญาผล ประมงจังหวัดเพชรบุรี นายประสูติ หอมบรรเทิง นายอำเภอเมืองเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการกรมประมง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เกษตรกร ชาวประมง และพี่น้องประชาชนจังหวัดเพชรบุรี เข้าร่วมกิจกรรม รวมจำนวน 200 คน ณ บริเวณแม่น้ำเพชรบุรี หลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี โดยสำนักงานประมงจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานภายใต้สังกัดกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในจังหวัดเพชรบรี จัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงในแม่น้ำเพชรบุรีและแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนการสร้างการรับรู้สู่เกษตรกร ชาวประมง และประชาชนเกี่ยวกับงานด้านประมง ตามนโยบาย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการการเสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ และมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ และช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมงที่ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพด้านประมง โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิตสัตว์น้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมงได้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ทั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมภายในงาน มีการสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาว

อเมซิ่งไทยแลนด์โชว์ คณะแม่นายสิปปะธรรม จับมือ Legend Siam เตรียมเปิดการศิลปะโขนและหุ่นละครเล็ก รอบปฐมฤกษ์

คณะแม่นายสิปปะธรรม จับมือ Legend Siam เตรียมจัดการแสดงอเมซิ่งไทยแลนด์โชว์ รูม ระหว่าง 18-24 ก.พ.นี้ สร้างมิติใหม่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ Legend Siam Pattaya

ที่ Legend Siam Pattaya หุ่นละครเล็กคณะแม่นายสิปปะธรรม นำโดย นางวรัทยา วิวัฒน์อนันต์ (ลูกปลา) เจ้าของคณะแม่นายสิปปะธรรม นำทีมนักแสดงเยาวชน กว่า 20 ชีวิต ร่วมพิธีบวงสรวงพญานาคิณีศรีปทุมมา วิสุทธิเทวี หรือ เจ้าย่าศรีปทุม และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ Legend Siam เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมี นายณรงค์ ผสมทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ณุศาเลเจนด์สยาม พัทยา จำกัด มหาชน พร้อมคณะผู้บริหารร่วมให้การต้อนรับคณะหุ่นละครเล็กคณะแม่นายสิปปะธรรม

หลังจากพิธีเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวง ทางคณะหุ่นละครเล็กคณะแม่นายสิปปะธรรม ยังได้นำการเปิดการแสดงรอบปฐมฤกษ์ ในชุดที่ชื่อว่าหุ่นละครเล็กติดโขน ให้กับคณะผู้บริหาร Legend Siam และสื่อมวลชนได้รับชม ต่อจากนั้นคณะหุ่นละครเล็กคณะแม่นายสิปปะธรรม ได้หารือร่วมกับคณะผู้บริหาร Legend ถึงการเปิดโครงการ “เรียน รำ เล่น” โซนภาคตะวันออก เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนในจังหวัดชลบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง ได้เข้าถึงศิลปโขนและหุ่นละครเล็ก

โดยนางวรัทยา วิวัฒน์อนันต์ (ลูกปลา) เจ้าของคณะแม่นายสิปปะธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางคณะหุ่นละครเล็กคณะแม่นายสิปปะธรรมได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ใจดีที่มีความรักในศิลปวัฒนธรรมและอยากสนับสนุนให้เยาวชนไทยหันมาสนใจศิลปวัฒนธรรมไทย โดยทางคณะแม่นายสิปปะธรรม จะร่วมกับ Legend Siam เปิดเปิดโครงการ “เรียน รำ เล่น” โซนภาคตะวันออก ซึ่งเป็นสิง่ที่ผู้ปกครองเยาวชนหลาย ๆคนเรียกร้องอยากให้มาเปิดการสอนที่ภาคตะวันออก นอกจากนี้ทาง Legend Siam ยังจะมีการเปิด Legend Siam Comeback Grand Opening ซึ่งจะให้เยาวชนในคณะแม่นายสิปะธรรม มาเชิดหุ่น เล่นโขน และเชิดปลาผ้าน้ำ พร้อมให้เด็กในพื้นที่เข้าร่วมเรียนและแสดงสร้างรายได้จากการแสดง  

ทั้งนี้การแสดงดังกล่าวที่ทางคณะร่วมกับ Legend Siam จะเริ่มแสดงในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 โดยในวันดังกล่าวจะมีการบันทึกกินเนสส์ เวิลด์อีกด้วย ส่วนภาคอื่น ๆ ที่สนใจให้ทางคณะแม่นายสิปปะธรรมไปเปิดโครงการ“เรียน รำ เล่น” ทางคณะฯก็พร้อมเดินทางไปสอนให้

ด้านนายณรงค์ ผสมทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ณุศาเลเจนด์สยาม พัทยา จำกัด มหาชน เปิดเผยว่า จากนี้ทาง Legend Siam จะร่วมกับคณะแม่นายสิปปะธรรม จัดงานอเมซิ่งไทยแลนด์โชว์ รูม ระหว่างวันที่ 18 -24 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเปิดตลาดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ รองรับนักทองเทียวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในมิติใหม่ ๆ ด้วยการแสดงวัฒนธรรมแบบไทย ๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างสีสันทางการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่ง Legend Siam ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการแสดงหุ่นละครเล็กปัจจุบันก็หาชมได้ยาก การที่ทำหุ่นละครมาแสดงที่ Legend Siamจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป ให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังได้ชมอีกด้วย

‘รมช.มนัญญา’ เคาะ 86 ลบ. ช่วยเกษตรกรอุทัยธานี บรรเทาความเดือดร้อน หลังประสบภัยพิบัติ

4 ก.พ.66) นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดอุทัยธานี โดยมี นายอลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี, นายธนะสิทธิ์ ธนากีรตินันท์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรจำนวน 240 คน เข้าร่วม ณ หอประชุมอาคารภักดี เทศบาลตําบลสว่างอารมณ์ อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี ว่า...

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือเยียวยาให้กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ตลอดจนส่ง เสริมสนับสนุน ปัจจัยพื้นฐานทางการเกษตร โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา จังหวัดอุทัยธานีมีเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยพิบัติด้านการเกษตร ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 8 อำเภอ วงเงินขอความช่วยเหลือ จำนวน 187,019,539.50 บาท ซึ่งจังหวัดอุทัยธานีได้รับการอนุมัติโอนเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 86,221,714.50 บาท ได้แก่...

1. ด้านพืช เกษตรกรได้รับเงินรวม 3,173 ราย วงเงิน 85,719,118 บาท 

2. ด้านประมง เกษตรกรได้รับเงินรวม 19 ราย วงเงิน 108,856.50 บาท 

และ 3. ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับเงินรวม 22 ราย วงเงิน 393,740 บาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขออนุมัติขยายวงเงินจากกรมบัญชีกลาง เพื่ออนุมัติโอนเงินให้แก่เกษตรกรต่อไป

.

สำหรับข้อมูลความเสียหายภัยพิบัติด้านการเกษตรในปี 2565 เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี รายงาน ดังนี้...

1) เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยด้านพืช 9,391 ราย พื้นที่เสียหายรวม 96,294.38 ไร่ แบ่งเป็น นาข้าว 16,901 ไร่ พืชไร่/พืชผัก 78,057.75 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่น ๆ 1,335.63 ไร่ วงเงินขอความช่วยเหลือรวม 182,608,295 บาท 

2) เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยด้านประมง 395 รายพื้นที่เสียหาย แบ่งเป็น พื้นที่ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าว หรือร่องสวน 385.25 ไร่ และพื้นที่ที่เลี้ยง ในกระชัง บ่อซีเมนต์ 1,825.50 ตารางเมตร วงเงินขอความช่วยเหลือรวม 2,475,524.50 บาท 

และ 3) เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยด้านปศุสัตว์ 198 ราย สัตว์เลี้ยงตาย/สูญหาย 10,565 ตัว แบ่งเป็น สุกร 9 ตัว แพะ 38 ตัว แกะ 95 ตัว ไก่พื้นเมือง 8,105 ตัว ไก่ไข่ 693 ตัว เป็ดไข่ 1,545 ตัว เป็ดเนื้อ/เป็ดเทศ 75 ตัว ห่าน 5 ตัว และแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์เสียหาย 354 ไร่ วงเงินขอความช่วยเหลือรวม 1,935,720 บาท

นอกจากนี้ ยังได้มอบหนังสืออนุญาตการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ได้รับเอกสารสิทธิจาก ส.ป.ก.4-01 จำนวน 10 ราย และการออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน พร้อมทั้งการสนับสนุนปัจจัยการผลิตเบื้องต้นให้แก่เกษตรกรอีกด้วย

'ตี๋ใหญ่' ส.ส.เพื่อไทย เสียชีวิตกะทันหัน ระหว่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

(4 ก.พ.66) มีรายงานว่า นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล ส.ส.เขต 4 จ.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เสียชีวิตกระทันหันในเวลา 12.00 น. ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ขณะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

'ภูมิใจไทย' ยัน!! ไม่คิดล้มร่าง พรบ.ประมง โวย!! ถูกบิดเบือนทั้งที่พร้อมหนุนและลงมติ

(4 ก.พ.66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่เคยระบุว่าหากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ… ไม่ผ่านจะไม่เป็นองค์ประชุมให้ในการพิจารณากฎหมายต่างๆ แล้วในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะเป็นองค์ประชุมให้หรือไม่ ว่า ในสัปดาห์หน้าไม่มีวาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ แต่ในวันจันทร์ที่ 6 ก.พ. นี้ เราจะมีการประชุมพรรค ซึ่งเราต้องรอดูว่าวิปรัฐบาลจะแสดงจุดยืนอย่างไร ซึ่งตนเคยแถลงไปแล้วว่าหลังจากมีปัญหา ทางวิปรัฐบาลจะทำอย่างไร ซึ่งเราได้ส่งสัญญาณไปยังวิปรัฐบาลแล้ว

เมื่อถามว่า ในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 จะได้เห็น พรรค พท.ลงชื่ออภิปรายด้วยหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า “ยังคิดอยู่ครับ ยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งความชัดเจนในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นวันจันทร์ที่จะถึงนี้”

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีการให้ข่าวบิดเบือนว่าพรรค ภท. พยายามล้มร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 พ.ศ…. นั้น ไม่เป็นความจริง วันนั้นยังอยู่ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีอากรฯ อยู่ยังไม่ถึงร่างพ.ร.บ.ประมงฯ ซึ่งเราก็ได้มีการยื่นร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปด้วย และในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.พ. ก็จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประมงฯ ฉบับนี้ ยืนยันว่าเราก็พร้อมสนับสนุนและลงมติอยู่แล้ว

“อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องร่างพ.ร.บ.ประมงฯ ต่อให้มีการรับหลักการ แต่ต้องยอมรับความจริงว่าในวันที่ 28 ก.พ. แม้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ก็ไม่สามารถพิจารณาต่อไปได้ ก็ตกอยู่ดี ซึ่งเราก็ได้ร่วมหารือกับสมาคมประมง และเห็นว่ามีกฎหมายที่ต้องปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประมงพาณิชย์หรือประมงพื้นบ้าน ซึ่งคิดว่าเราจะร่วมกันเสนอกฎหมายเรื่องนี้เข้าไปใหม่ให้ดีกว่าเดิม โดยจะนำร่างที่สมาคมประมงเสนอมาไปประชุมร่วมกันแล้วจะเสนอในสภาฯ สมัยต่อไปแน่นอน” นายศุภชัย กล่าว

ผบ.ตร.สั่งเยียวยาดูแลสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ ดาบตำรวจ สภ.เวียงชัย ที่ปิดล้อมตรวจค้นแต่ถูกคนร้ายยิงดับ ขณะที่คนร้ายถูกตำรวจตามจับกุมได้แล้ว หลังปิดล้อมนานกว่า 8 ชม.

วันที่ 4 ก.พ.66 พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี ตำรวจเวียงชัยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายคดีอาวุธปืน แต่ถูกคนร้ายยิงดับ 1 นายว่า "ก่อนเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เวียงชัยได้รับแจ้งจากประชาชนว่า นายวุฒิไกร เครือสาร ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมชอบใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ชาวบ้าน และน่าจะเกี่ยวข้องคดียาเสพติด จึงขอหมายค้น

"ต่อมาวันที่ 4 ก.พ.66 เวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เวียงชัย นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย อาวุธปืนของ นายวุฒิไกร ผู้ต้องหา ที่บ้านเลขที่ 49 หมู่บ้าน ชัยภูมิ หมู่ 10 ต.เวียงชัย อ.เวียงชัย จว.เชียงราย ขณะเข้าแสดงหมายค้น พบ บิดามารดาอยู่ภายในบ้าน ส่วน นายวุฒิไกร เครือสาร วิ่งออกจากหลังบ้าน ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย ผบ.หมู่สืบสวน สภ.เวียงชัย ผู้ตาย วิ่งตาม และ มีตำรวจอีกนายติดตาม จากนั้น ได้ยินเสียงปืน 4 นัด ด.ต.เปรม ตั๋นตุ้ย ถูกยิง ศีรษะ 1 นัด ท้องอีก 1 นัด นอนเสียชีวิต กลางทุ่งนา ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 300 เมตร ส่วน นายวุฒิไกร วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป

"หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการไปยัง พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายในคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย เกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยต่อประชาชน และกำชับการปฏิบัติตามยุทธวิธี ให้กำลังพลเกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามจับกุมคนร้าย

"จนกระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. หลังปิดล้อมนานกว่า 8 ชม. ตำรวจสามารถจับกุม นายวุฒิไกร เครือสาร ได้ ซึ่งหลบหนีห่างจากที่เกิดเหตุไปตามชายป่ากว่า 1 กม."

'พิธา' เปิดเวทีท่าแพแนะนำผู้สมัครใหม่ พร้อมประกาศศักดา กา 'ก้าวไกล' ขจัดต้นตอปัญหาประเทศจากคนบ้าอำนาจ 3 คน

'พิธา' เปิดเวทีประตูท่าแพเชียงใหม่ แนะนำผู้สมัคร 'ลำพูน-แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่' ครบทุกเขต ย้ำก้าวไกลเป็นพรรคเดียวยืนยันแก้ปัญหาที่ต้นตอ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไว้ใจได้ เหมือนเสื้อปกาเกอะญอ 'ไม่มีปก-ไม่มีตะเข็บ-ไม่มีเงื่อนไขซ่อนในกระเป๋า' ข้างหลังอย่างไรข้างหน้าอย่างนั้น ไม่แทงกั๊กจุดยืนร่วมรัฐบาล ยืนยันพร้อมร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านวันนี้เท่านั้น ไม่เอาพรรคทหารจำแลงเด็ดขาด

เมื่อคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส. พรรคก้าวไกล อาทิ วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน, อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมเวทีเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ใน 3 จังหวัดภาคเหนือ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ประกอบด้วยจังหวัดลำพูน, แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ โดยเวทีในวันนี้จัดขึ้นที่ประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางประชาชนผู้สนใจเข้ารับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

นอกจากการปราศรัยแนะนำตัวและวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัครในทั้งสามจังหวัดภาคเหนือแล้ว ยังมีการปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐสวัสดิการ การกระจายอำนาจ ฝุ่น pm 2.5 นโยบายที่ดิน เป็นต้น ก่อนที่จะมีการปิดเวทีด้วยการปราศรัยของพิธาเป็นลำดับสุดท้าย

พิธาได้กล่าวตอนหนึ่งว่า คำขวัญสำคัญของเวทีปราศรัยวันนี้ คือคำว่า “แก้ที่เก๊า กาก้าวไกล” เก๊า คือภาษาเมืองที่แปลว่าต้นเหตุ หมายความว่าเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ จึงจะทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ที่ว่าไม่เหมือนเดิมก็คือเราคือพรรคที่จะทำให้ 'การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต'

'เก๊า' หรือต้นตอปัญหาของประเทศไทยในเรื่องแรก คือการเมืองแบบเดิม คือคนบ้าอำนาจสามคน และรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เขียนโดยการมีส่วนร่วมของคนบ้าอำนาจเหล่านี้ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าเราจะต้องแก้เก๊านี้ด้วยการปิดสวิตช์ 3ป. หากพรรคก้าวไกลได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ภายใน 100 วันแรกที่เราเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล เราจะออกประชามติ ว่าจะให้มีการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ เพื่อเอา คสช. ออกจากการเมืองไทยอย่างถาวร

'กรณ์' พบ 'ศศิน-อดิศร์' หารือแนวคิดการใช้ 'พันธบัตรป่าไม้' กลไกเพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจยั่งยืน - สร้างรายได้เกษตรกร

(5 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมงาน เดินทางไปยัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าพบ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ ดร. อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษานโยบายทรัพยากรธรรมชาติและการลดก๊าซเรือนกระจก TDRI และ อนุกรรมการพันธบัตรป่าไม้ เพื่อหารือถึงแนวคิดการใช้ 'พันธบัตรป่าไม้' ที่จะเป็นความหวังในการแก้ปัญหาการลดลงของพื้นที่ป่าอันเกิดจากการบุกรุก ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนแล้ว ยังมีป่าเศรษฐกิจไว้ใช้อย่างยั่งยืนด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ อาจารย์ศศิน นักอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่มีชื่อเสียง หลายท่านรู้จักเป็นอย่างดี และ ดร.อดิศร์ นักวิชาการที่มีความคิดแหลมคม ท่านได้ออกหนังสือมาหลายเล่มแล้ว และอาจารย์ศศิน ได้แนะนำให้ตนไปศึกษา สุดท้ายได้ออกมาเป็นนโยบาย 'พันธบัตรป่าไม้' ของพรรคชาติพัฒนากล้าในเฉดสีเขียว ซึ่งเป็น 1 ในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี เพื่อเป็นเครื่องมือใช้ในการส่งเสริมการปลูกป่า 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เป้าหมายของการออกพันธบัตรป่าไม้ คือ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าในประเทศให้ได้ 40% ของพื้นที่โดยรวม ซึ่งหมายถึงเราต้องปลูกป่าเพิ่ม 26 ล้านไร่ แต่เมื่อย้อนกลับไปดูนโยบายของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่ามีการส่งเสริมให้มีการปลูกป่า ด้วย 2 วิธีหลัก คือ 

1. ใช้กฎหมายควบคุมการบุกรุกป่า ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากพื้นที่ป่าลดลงทุกปี 

และ 2. การจัดสรรงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี เมื่อมาคำนวณดูในแง่ของต้นทุนการปลูกป่าพบว่า ถ้าใช้ 500 ล้านบาทอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถปลูกป่าได้ไม่เกิน 2 แสนไร่ต่อปี และถ้าจะให้ได้ตามเป้าหมาย 26 ล้านไร่ ต้องใช้เวลาประมาณ 130 ปี 

นายกรณ์ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่เราควรเอาจริงเอาจังกับการเพิ่มพื้นที่ป่า เพราะจะส่งผลโดยตรงในเรื่องของการบริหารจัดการแหล่งน้ำ การลดภาวะโลกร้อน การไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทยตามเป้าหมายที่รัฐบาลประกาศไว้ต่อหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งถ้าเราทำได้ดีก็จะสามารถได้พื้นที่กลับคืนมาจากการบุกรุกและแปลงสภาพป่าดั้งเดิมเป็นไร่ข้าวโพด ที่มีการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และการเผาป่าจนเกิดมลพิษ ฝุ่น ควัน และ PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ 

กาฬสินธุ์จัดใหญ่หนึ่งเดียวในโลกงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ

อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับทุกภาคส่วน จัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” โดยเนรมิตสวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง เทศบาลกุดสิม เป็นจุดรวมชนเผ่าผู้ไททั่วภาคอีสาน รวมทั้ง สปป.ลาว และเวียดนาม แสดงอัตลักษณ์และรวมชาติพันธุ์ผู้ไทหนึ่งเดียวในโลก ขานรับนโยบายเปิดบ้านเปิดเมือง และหลักการทำงาน เพื่อพัฒนากาฬสินธุ์ไปสู่เมืองแห่งความร่ำรวย และเมืองแห่งความสุขของผู้ว่าราชการจังหวัด

ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ อ่างเก็บน้ำห้วยสายนาเวียง เทศบาลกุดสิม อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานจัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” โดยมีนายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายธวัช พรมโสภา นายอำเภอเขาวง นางสาววิภาวี บุญเรือง นายก ทต.กุดสิม พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชนชาวผู้ไท ใน จ.กาฬสินธุ์ ชาวผู้ไทจาก สปป.ลาว และชาวผู้ไทจากประเทศเวียดนาม ร่วมงานพร้อมแสดงศิลปะวัฒนธรรมประจำชนเผ่าของตน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและอบอุ่น ด้วยมิตรไมตรีที่เปี่ยมล้นของชาวผู้ไท

'พิธา' ลั่น!! คืนที่ดินนายทุนให้ประชาชน พร้อมปฏิรูปที่ดิน ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล

(5 ก.พ.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่วัดแม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน และที่บ้านห้วยงิ้ว อ.จุน จ.พะเยา โดยผู้สนใจเข้าร่วมเวทีส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มีปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน ในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ป.ก. ซึ่งมีข้อจำกัดในการทำกินที่ทำให้ไม่สามารถต่อยอดได้

พิธา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีปัญหา '3 ท.' คือ ทัศนคติ, เทคโนโลยี และทุน การแก้ปัญหาทั้ง 3 ท. นี้ จะเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เพราะเรามีทัศนคติที่ต่างออกไป ว่าเราต้องปลูกคนไปปลูกป่า ให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่า ทำกินกับป่า และรักษาป่าไปพร้อมกันได้ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการสนับสนุนการกระจายที่ดิน เช่น การข้อบัญญัติท้องถิ่นแบบในต่างประเทศ ที่อนุญาตให้ประชาชนตัดไม้ได้ แต่ต้องปลูกทดแทน เช่น ตัด 1 ต้นต้องปลูก 3 ต้นมาทดแทน เป็นต้น

ในเรื่องของเทคโนโลยี วันนี้เรามีเครื่องมือในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ นั่นคือเทคโนโลยี One Map ที่มีอัตราส่วนละเอียดขึ้นเป็น 1 : 4,000 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากหน่วยงานรัฐทั้ง 8 กระทรวงต่างคนต่างไม่ยอม แต่ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ตนจะบูรณาการนำเทคโนโลยี One Map ที่มีอยู่แล้วมาใช้ทันที

สุดท้ายคือเรื่องของทุน รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณในการพิสูจน์สิทธิจาก 300 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท ให้เกิดการพิสูจน์ได้ทันทีทั่วประเทศ

พิธากล่าวอีกว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ เพื่อจบปัญหาคาราคาซังด้านที่ดินที่ตกอยู่ในมือของนายทุนขุนศึกศักดินามาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว โดยจะดำเนินการทั้งหมด 5 ข้อ อันประกอบด้วย...


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top