Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

‘ลุงหนู’ ลั่น!! แนวทาง ภท. ‘ไม่พูด-ด้อยค่า’ นโยบายพรรคอื่น ชี้!! ถ้านโยบายของใครเป็นประโยชน์ พร้อมสนับสนุน

‘อนุทิน’ โว!! กระแส ‘ลุงหนู’ ไม่แพ้ ‘ลุงตู่-ลุงป้อม’ มั่นใจ ปักธง กทม. ลั่น!! ภท.พร้อมเสนอตัวแก้ปัญหาคนกรุง ยัน!! นโยบายค่ารถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาท ศึกษามาดีแล้ว แทงกั๊ก!! จับขั้วการเมือง ชี้!! ให้รอผลเลือกตั้งก่อน 

(23 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าว เราได้ปราศรัยนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยจัดทำ เวลาพูดอะไรไป ประชาชนก็ชอบใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นถูกใจเขา และจะลงไปพื้นที่อื่นด้วย เพราะเราตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

ถ้าถามว่าคาดหวังเขตไหน ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความแข็งแรง ความขยัน และความเป็นที่นิยมของผู้สมัคร ในแต่ละเขต เราจะทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถปักธงได้ใน กทม. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจ ต้องมั่นใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองสำคัญ ซึ่งเราทำประโยชน์ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ไปแล้ว เหลือแต่กรุงเทพฯ ที่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มี ส.ส. จึงอยากเสนอตัวเข้ามา เพราะถ้าเรามี ส.ส.ของเราเอง ก็คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างได้ ในรูปแบบการร่วมมือทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่ไปแข่งหรือแย่งกันทำงาน เพราะกทม.มีผู้ว่าราชการกรุงเทพ อยู่แล้ว เราก็แค่มาเสริม แบ่งเบาภาระ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคอื่นก็ต้องการปักธง ส.ส.ใน กทม. เช่นเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะใช้ผลงานในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และได้ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ครั้งที่แล้วออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย และเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ชอบและไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้ แต่เชื่อว่าการทำงานและทำนโยบายให้ครบถ้วนจะทำให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด และแนวทางของพรรคภูมิใจไทย เวลาหาเสียง เราจะไม่พูดถึงพรรคอื่น ไม่ได้ด้อยค่านโยบายของใคร และถ้านโยบายของพรรคอื่นเป็นประโยชน์ ก็ควรสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกคนปรารถนาดีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง และอุปสรรคใหญ่คือความขัดแย้ง การด้อยค่าและการพูดจาเสียดสีกันเป็นสิ่งที่คนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนไม่ควรทำ และถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน จะหาความร่วมมือกันได้อย่างไร 

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่านโยบายเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอแล้ว จะซื้อใจคนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เวลาที่พูดว่าค่าโดยสารจะไม่เกิน 40 บาท เราได้มีการศึกษาเรื่องการคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งมีต้นแบบ มีข้อมูล ไม่ใช่มาพูดเพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีแล้วมาเลือก คนที่บริหารบ้านเมืองมา 4 ปี ไปพูดชุ่ย ๆ ไม่ได้ แต่พูดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวประกอบ อาทิ มีการศึกษาราคาไม่เกิน 42-43 บาท เราก็หาวิธีการทำให้ราคาไม่เกิน 40 บาท เพื่อให้วิน-วินสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ประชาชนจะขึ้นโดยสารกี่รอบก็ได้ และผู้ประกอบการไม่ขาดทุน เพราะการทำระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชน จะคิดแต่ได้กำไรมากไม่ได้ ถ้าขาดทุนเล็กน้อยหรืออยู่ตัว แต่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องทำให้ เพื่อให้ประชาชนลดต้นทุนการดำรงชีวิต มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง

ก้าวไกล เปิดแชตลับ สองแถวเสม็ดจ่ายส่วยคันละ 16,000 ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ระยอง ก้าวไกล เปิดหลักฐานแชตไลน์ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด ยืนยัน ‘ส่วยเกาะเสม็ด’ รถสองแถวมีอยู่จริง ชี้ต้องจ่ายถึงคันละ 16,000 บาท เข้ากระเป๋าใคร ตั้งข้อสังเกต เชื่อมโยงส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ ด้วยหรือไม่ เผยเตรียมหอบหลักฐานส่งพรรคก้าวไกล ใช้กลไกสภาฯ ตรวจสอบต่อ 

(23 ม.ค.66) กฤช ศิลปชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีข้อสงสัยว่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด อาจเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างในจังหวัดระยอง แลกกับการอนุญาตให้สามารถวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าเกาะเสม็ด ว่าจากที่ตนและทีมงานได้ไปติดตามหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ที่มีการร้องเรียนว่ามีการเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดถึงคันละ 16,000 บาท เป็นจำนวนกว่า 60 คัน คิดเป็นเงินรวมกันกว่า 9 แสนบาท สามารถยืนยันได้ว่ามีการเรียกรับเงินในจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยมีหลักฐานเป็นข้อความพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันไลน์ของกลุ่มชมรมรถแท็กซี่เกาะเสม็ด ซึ่งหนึ่งในสมาชิกกลุ่มได้โพสต์ข้อความ ว่าให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสินสาขาเพ ที่เปิดร่วมกันโดยบุคคลสองคน ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 แล้วจึงแจ้งสลิปพร้อมหมายเลขรถให้ทราบหลังโอนเงินเสร็จ

กฤช กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นจึงมีการโอนเงินพร้อมแจ้งสลิปจากผู้ประกอบการรถทุกคันเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว เป็นจำนวนรายละ 11,000 บาท ซึ่งจะนำไปรวมกับเงินกองทุนที่สมาชิกจ่ายสมทบกันไว้ มาสมทบออกให้อีกคันละ 5,000 บาท รวมแล้วเป็นเงินที่ต้องจ่ายคันละ 16,000 บาท ตรงตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ โดยหลังจากโอนเงินแล้ว ผู้ประกอบการรถโดยสารรับจ้างแต่ละคันก็จะได้รับสติ๊กเกอร์แผ่นหนึ่ง ระบุข้อความว่า...

‘ชมรมรถโดยสารเกาะเสม็ด อนุญาตนำเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด’ พร้อมหมายเลขรถ ซึ่งรถโดยสารรับจ้างบนเกาะเสม็ดจะมีสติ๊กเกอร์ดังกล่าวแปะอยู่ทุกคัน และยังมีการส่งข้อความเป็นภาพเงินสดจำนวนมากที่ถูกถอนออกมาจากธนาคาร เตรียมใส่ในซองเอกสารสีน้ำตาล เพื่อจะนำไปส่งมอบให้กับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งกรณีนี้เป็นที่น่าสังเกต ว่าการส่งข้อความนี้เกิดขึ้นในวันที่ 11 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ พร้อมของกลางเป็นเงินสดใส่ซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน สังเกตได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับภาพซองใส่เงินที่ปรากฎในไลน์กลุ่มรถโดยสารเกาะเสม็ดดังกล่าวมาก จนตนอดสงสัยไม่ได้ว่ากรณีของส่วยเกาะเสม็ดมีความเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยหรือไม่

‘รัมภามาศ’ แจง ไม่เคยร่วมชุมนุม กปปส. ชี้ ชื่นชอบ ‘ทักษิณ’ ยก ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นไอดอล

(23 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยน.ส.รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 เพื่อไทย ร่วมแถลงจุดยืนทางการเมือง 

น.ส.รัมภามาศ กล่าวว่า ขอยืนยันในจุดยืนทางการเมืองของตนเองว่าเชื่อมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ชื่นชอบในนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาช่วยเหลือประชาชนและยืนข้างประชาชนอย่างแท้จริง ชื่นชอบการทำงานของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่สามารถผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้ดีขึ้น ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้มีความกินดีอยู่ดีมากยิ่งขึ้น ยิ่งในขณะนี้พรรคเพื่อไทยมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ อย่างน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งถือว่าเป็นไอดอลของตนด้วย ทำให้หลงรักพรรคเพื่อไทยด้วยความจริงใจ และฝากชีวิตทางการเมืองไว้ที่พรรคเพื่อไทย

แม่ร่ำไห้ พาลูกสาววัย 14 ร้องมูลนิธิปวีณาฯ ถูกเพื่อนชายร่วมห้อง ลวงไปรุมโทรม ป่าหลังโรงเรียน

(23 มกราคม 2566) อีกหนึ่งข่าวที่เรียกได้ว่าสะเทือนอารมย์สุด ๆ โดยเฉพาะเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่มีลูกสาววัยมัธยม เมื่อแม่ชาวพิจิตร ได้จูงมือลูกสาววัย 14 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม ณ ที่ทำการมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

โดยเล่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา ลูกสาวได้ถูกกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายร่วมห้องเรียน จำนวน 5 คน ล่อลวงไปรุมโทรมข่มขืน พร้อมถ่ายคลิป โดยมีรุ่นพี่ ม.3 เป็นคนชักชวน ตอนพักกลางวัน หลอกให้ไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ให้กลุ่มเพื่อนที่บริเวณป่าหลังโรงเรียน

จากนั้นได้มีการเผยแพร่คลิปในโซเชียล เมื่อแม่ได้เห็น จึงสอบถามเรื่องราวทั้งหมด และเข้าพบครูที่โรงเรียน พร้อมแจ้งความที่ สน.หนองโสน จังหวัดพิจิตร ซึ่งโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองเด็กชายที่ก่อเหตุทั้ง 5 คน มาเจรจา พร้อมแจ้งให้ทั้งหมด (เด็กที่ก่อเหตุและเหยื่อผู้ถูกกระทำ) ย้ายไปเรียนโรงเรียนอื่น ซึ่งแม่เห็นว่าไม่เป็นธรรม อีกทั้งคดีที่แจ้งความยังไม่มีความคืบหน้า จึงเดินทางมาร้องต่อมูลนิธิปวีณาฯ 

‘อาคม’ รับรางวัล ‘รมว.คลังแห่งปี’ จาก The Banker หลังโชว์ฝีมือบริหารด้านเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด-19

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับรางวัล Finance Minister of the Year 2023 ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker

(23 ม.ค. 66) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งปี 2566 (Finance Minister of the Year 2023) ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนิตยสาร The Banker ในเครือ Financial Times ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินชั้นนำที่ได้รับความเชื่อถือในระดับสากล โดยนิตยสาร The Banker ได้กล่าวยกย่องการบริหารงานด้านเศรษฐกิจของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ไม่ว่าจะเป็นการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเฉพาะการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง การสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ มาตรการคนละครึ่ง เป็นต้น รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Economy) ผ่านมาตรการทางภาษีต่าง ๆ โดยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เศรษฐกิจไทยได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

‘ประชาธิปัตย์’ ชู นโยบายเป็นไปได้ - ทำได้จริง สู่หมุดหมายทวงคืนเก้าอี้ 3 จ.ชายแดนใต้

ประชาธิปัตย์กับสามจังหวัดชายแดนใต้ นโยบายที่เป็นไปได้ ทำได้จริง ไม่วาดฝันแค่ช่วงเลือกตั้ง

‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องย้ำหลายครั้งถึงความอุดมสมบูรณ์ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่มีปัญหาความไม่สงเรียบร้อย จึงต้องการให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคลังอาหารของภาคใต้ นอกจากภาคพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว มีสองจังหวัดที่ติดทะเล คือปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งทางทะเลก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน และยังมีเป้าหมายในการ ‘สร้างสันติภาพให้เกิดสันติสุข’

การเลือกตั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อย มีเพียงครั้งที่ผ่านมา ที่สูญเสียที่นั่งส่วนใหญ่ไป ได้มาเพียงคนเดียว คือ ‘อันวาร์ สาและ’ จังหวัดปัตตานี โดยสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี ส.ส.ได้ 11 คน พรรคประชาชาติได้ไป 6 คน พรรคพลังประชารัฐ 3 คน ประชาธิปัตย์ 1 คน และภูมิใจไทย 1 คน การเลือกตั้งครั้งหน้ามี ส.ส.เพิ่มมา 1 คน เป็น 12 คน ยะลา 3 ปัตตานี 4 และนราธิวาสเพิ่มมา 1 คน เป็น 5 คน

สำหรับ ‘พรรคประชาธิปัตย์’ นอกจากจะมีนโยบายใหม่ เช่น ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ โดยภาพรวมแล้ว ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ หัวหน้าพรรค ยังเลือกที่จะใช้นโยบายเดิมที่เป็นนโยบายซึ่งทำได้จริงที่เคยประสบความสำเร็จ และเสริมนโยบายใหม่ ๆ ทันสมัย และทำได้จริงเข้าไปและถึงมือประชาชนจริง เช่น นโยบายการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตรของเกษตรกร และจะขยายขอบเขตของการประกันรายได้ไปสู่อาชีพอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เกษตรกรด้วย

‘ประชาธิปัตย์’ เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนและต่อเนื่อง ไม่ใช่มีนโยบายเฉพาะกิจในช่วงหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง หวือหวาในช่วงหาเสียง แต่ยังไม่รู้ว่าทำได้จริงหรือไม่ เอางบประมาณมาจากไหน แต่เป็นนโยบายที่วางเป็นรากฐานของการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี เช่น โครงการนมโรงเรียน โครงการอาหารกลางวัน เงินกู้ กยศ. และอีกหลายโครงการที่แยกย่อยลงมาในกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อครั้งที่คนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นรัฐมนตรี

หรือโครงการ อสม. เงินผู้สูงอายุ ยกระดับสถานีอนามัย 10,000 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. เมื่อครั้งที่ ‘จุรินทร์’ คนของประชาธิปัตย์เป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุข

ประชาธิปัตย์ก้าวย่างเข้าไปในกระทรวงไหน ก็จะเข้าไปเป็นผู้วางรากฐาน ที่เป็นนโยบาย เพื่อให้เกิดความมั่นคงที่คนของพรรคการเมืองอื่น เมื่อเข้าไปเป็นเจ้ากระทรวงจะได้สานต่อทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น เพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม. และเพิ่มเงินผู้สูงอายุ และอื่น ๆ ที่ ‘ประชาธิปัตย์’ เป็นผู้ทำเอาไว้ และไม่มีโครงการไหนที่ประชาธิปัตย์ทำไว้แล้วถูกยกเลิก

นโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ในการเลือกตั้งสมัยที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มี ส.ส.เพียงคนเดียวใน จ.ปัตตานี กับอีก 3 คนของ จ.สงขลา แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ละเลยในการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องของความยากจนของคนใน จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมกับเดินหน้าสรรหาคนเลือดใหม่เข้ามาเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้น จะต้องมี ส.ส.ทุกจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

‘ชวลิต’ ลาเพื่อไทย เตรียมย้ายซบ ‘ไทยสร้างไทย’ ยก ‘หญิงหน่อย’ เป็นผู้นำพาไทยหลุดพ้นความขัดแย้ง

(23 ม.ค. 66) เวลา 8.30 น. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม เขต 4 (อ.นาแก อ.ปลาปาก และ อ.วังยาง) แถลงข่าวลาออกจากพรรคเพื่อไทย ที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีทีมงาน และประชาชนในพื้นที่มาร่วมรับฟังจำนวนมาก หลายคนพกข้าวปลาอาหาร และดอกไม้ มาให้กำลังใจ 

นายชวลิต กล่าวว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 โดยไม่มีปัญหาส่วนตัวใด ๆ ในพรรคเพื่อไทย และยังคงให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ของพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึง 2 อดีตนายกรัฐมนตรีเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ตกผลึกความคิดทางการเมืองว่า นับจากปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี การเมืองประเทศไทยยังอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้ง แบ่งเป็นฝัก เป็นฝ่าย ทำลายล้างกัน จนประเทศตกหล่ม ถอยหลังเข้าคลอง วิ่งตามเพื่อนบ้านไม่ทัน และประชาชนยากจนลงแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น

พรรคการเมืองที่เคยสังกัดถูกยุบ 2 ครั้ง ถูกปฏิวัติ 2 ครั้ง รัฐมนตรีของพรรคต้องโทษจำคุกแล้วกว่า 10 คน และยังมีอีกหลายคนที่ต่อคิวเพราะคดีความยังไม่สิ้นสุด ตนเห็นว่าการยุบพรรคการเมืองและการรัฐประหารเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยิ่งกระทำกับพรรคการเมืองที่ตนเคยสังกัด ยิ่งทำให้ความขัดแย้งฝังรากลึก ต่อเนื่อง ยาวนาน ดังนั้น ตนเองจึงตกผลึกทางความคิดว่า ต้องหาพรรคการเมืองที่มีจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตย และต้องมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างการเมืองสองขั้ว เพื่อเป็นทางออกให้กับบ้านเมือง

‘กัมพูชา’ ไม่สน IFMA แบน ‘กุน ขแมร์’ โต้กลับไม่ส่ง ‘มวยไทย’ ชิงชัยซีเกมส์ที่ไทย

จากกรณีที่ประเทศกัมพูชา เจ้าภาพซีเกมส์ 2023 ตัดสินใจ เปลี่ยนชื่อการแข่งขันกีฬา ‘มวย’ (มวยไทย) เป็น ‘กุน ขแมร์’ โดยอ้างว่าเป็นกีฬาที่เป็นต้นแบบของ ‘มวยไทย’ ใช้สำหรับการแข่งขันครั้งนี้

ก่อนที่สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หรือ IFMA ยืนยันว่าประเทศไทย จะไม่ส่งนักกีฬามวยไทยร่วมการแข่งขันซีเกมส์ 2023 พร้อมกับออกปากเตือนว่าชาติใดที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 'กุน ขแมร์' ในมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียนครั้งนี้ อาจโดนแบนจากสมาพันธ์มวยไทยนานาชาติในรายการอื่น ๆ ด้วย 

อย่างไรก็ตามล่าสุด วัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกกัมพูชา หรือ CAMSOC ออกมาตอบโต้ทันควันว่า...

“แม้ว่าสหพันธ์กีฬาไทยจะมีปัญหากับการตัดสินใจของเราและขู่ว่าจะคว่ำบาตร แต่ ‘กุน ขแมร์’ ก็จะยังคงเป็นรายการในซีเกมส์ครั้งที่ 32 ตามกฎแล้ว หากมีประเทศที่เข้าร่วมตั้งแต่ 4 ประเทศขึ้นไป จะมีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน จนถึงขณะนี้ อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ลาว, เมียนมา และ มาเลเซีย กำลังเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วม ดังนั้นเราไม่สนว่าจะมีชาติใดชาติหนึ่งตัดสินใจไม่เข้าร่วม”

‘รมว.เฮ้ง’ เปิดอาคารสำนักงานจัดหางาน จ.นครปฐม แห่งใหม่ หนุนแรงงานทุกคนในไทยมีอาชีพ ‘มั่นคง-ยั่งยืน’

(23 ม.ค.66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม (แห่งใหม่) โดยมี นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครปฐม ร่วมต้อนรับ พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เจ้าคณะภาค 14 เป็นประธานสงฆ์ ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 39 หมู่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานตระหนักดีว่าภารกิจในการให้บริการประชาชนของสำนักงานจัดหางานจังหวัด เป็นภารกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องให้บริการแก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่างงาน นักเรียน นักศึกษา ผู้พ้นโทษ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ขาดโอกาสทางสังคม ผู้ประกอบการที่ต้องการหาคนทำงาน แรงงานไทยที่ต้องการหางานทั้งในประทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงแรงงานต่างด้าว ล้วนเป็นหน้าที่ที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต้องให้บริการอย่างเอาใจใส่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้คาดหวังมาแล้วว่าต้องได้งาน ได้อาชีพ มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ซึ่งผมจะได้ผลักดันให้ประสบความสำเร็จในทุกกลุ่มเป้าหมาย

ส่อง!! เฟซบุ๊กพรรคการเมืองไทยที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

วันนี้ THE STATES TIMES พามาส่องเฟซบุ๊กเพจของพรรคการเมืองไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนในยุคดิจิทัลว่าแต่ละพรรคมีผู้ติดตามกันมากน้อยขนาดไหน
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top