Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว ‘กฎหมายรถเมล์อนาคต’ เปลี่ยนรถเมล์ทั้งกรุงเทพฯ ให้เป็น EV ใน 7 ปี

(20 ม.ค. 66) พรรคก้าวไกลเตรียมแถลงเปิดตัวกฎหมาย ‘รถเมล์อนาคต’ ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งในกทม. ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน โดยรายละเอียดของกฎหมายรถเมล์อนาคต จะมีการเปิดเผยในวันที่ 22 มกราคมนี้ ก่อนจะมีการยื่นต่อสภา กทม. และลงมติ ในวันพุธที่ 25 มกราคมนี้

กฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย ส.ก. พุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ซึ่งข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก. เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่ตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก. โดยพุทธิพัชร์ เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม. ได้ เนื่องจาก ส.ก. ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพ

'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' แถลงผลงานรอบ 3 เดือน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล กวาดล้างอาชญากรรมอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง

สืบสวนปราบปรามจับกุม คดียาเสพติด คดีออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัด
ระเบียบคนต่างด้าวฯ แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

วันนี้ (20 ม.ค. 66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. ในการยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัดระเบียบคนต่างด้าวผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 ธ.ค.65 ดังนี้

1. ด้านการกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 สถิติคดีอาญา 4 กลุ่ม ทั่วประเทศ สามารถจับกุมได้ 221,205 คดี
1.2 การระดมกวาดอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ (APEC, ฟุตบอลโลก, ปีใหม่) จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน จับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ผู้ต้องหา 12,245 ราย ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,770,565,337 บาท และเงินทุนหมุนเวียน 11,202,398,188 บาท
1.3 กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว Overstay ในห้วงวันที่ 1 ธ.ค.-13 ธ.ค.65 จับกุมได้ 7,886 ราย สถิติการจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 3,017 ราย, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 23 ราย และนำพาคนต่างด้าว

4 ราย สถิติการดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ (10 ประเภทความผิด) จำนวน 34 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 64 ราย และช่วยเหลือผู้เสียหายได้ 91 ราย (ข้อมูลจาก ศพดส.ตร.)
1.4 โครงการประชาสัมพันธ์ เครือข่ายป้องกันอาชญากรรม
1.4.1 โครงการฝากบ้าน 4.0 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีประชาชนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 8,583 ราย  เป็นการลงทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชัน 'ฝากบ้าน 4.0' จำนวน 7,190 ราย และลงทะเบียนผ่านการติดต่อกับสถานีตำรวจ  ในละแวกบ้าน จำนวน 1,393 ราย ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า “สามารถลงทะเบียนฝากบ้าน 4.0 ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาล”
1.4.2 โครงการ Stop Walk and Talk เป็นการเก็บข้อมูลจากการหยุดรถตรวจพูดคุยกับประชาชน นำข้อมูลมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมก่อนเกิดเหตุ ซึ่งในการห้วงมีการประชุม APEC มีการบันทึกข้อมูลบุคคลที่พบปะพูดคุย จำนวน 593,621 ครั้ง
1.4.3 เพื่อนบ้านเตือนภัย ให้ประชาชนสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองได้ในขั้นต้น เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกัน
1.4.4 โครงการ 1 ตำรวจ 1 หมู่บ้าน พบปะทำความรู้จัก รับฟังปัญหาจากประชาชน แสวงหาความร่วมมือ ทำลายกระบวนการยาเสพติด ควบคุมและลดพฤติกรรมที่อันตราย ในระยะที่ 1 จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงสู่ชุมชน จำนวน 1,365 ชุมชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมได้ 203 คดี

2. ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 สถิติการจับกุมคดียาเสพติด จับกุมได้ 69,385 คดี ผู้ต้องหา 68,354 คน (ปริมาณของกลา ยาบ้า 93,118,132 เม็ด, ไอซ์ 77,246 กิโลกรัม, เฮโรอีน 36,861 กิโลกรัม เคตามีน 43,084 กิโลกรัม โคเคน 262 กิโลกรัม และ ยาอี 54,789 เม็ด)
2.2 โครงการค้นหา ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา จำนวน 401,452 คน โดย แบ่งเป็น ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา จำนวน 350,056 คน ผู้สมัครใจนําเข้ากระบวนการบําบัดยาเสพติด จำนวน 106,937 คน ผู้ป่วยจิตเวชส่งเข้ารับการบำบัด จำนวน 51,396 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยจิตเวชสาเหตุจากยาเสพติด จำนวน 25,586 คน
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน ดำเนินการไปแล้วจำนวน 2,966 ชุมชน พบผู้เสพยาเสพติด จำนวน 28,164 คน ในปี พ.ศ. 2566 จะดำเนินการอีกจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน นำเข้าสู่การบำบัดรักษาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Based Treatment : CBTx)

3. ด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 การแจ้งความออนไลน์ รับแจ้งความ 67,479 คดี ขยายผลและออกหมายจับจำนวน 321 Case ID จับกุมได้ 95 Case ID คิดเป็น 30% พบความเสียหายรวม 8,815,670,563 บาท อายัดบัญชีได้ 24,614 บัญชี อายัดเงินได้ 105,917,104 บาท
3.2 ความร่วมมือภาคีเครือข่ายและการประชาสัมพันธ์
3.2.1 บันทึกข้อความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ  มีผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลฯ กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย ปปง. ร่วมเป็นสักขีพยาน
3.2.2 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) อบรมครูแม่ไก่ 11 กองบัญชาการ รวม 116 นาย และ ครู ข.ไข่ จำนวน 29 กองบังคับการ
3.2.3 บันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับไปรษณีย์แห่งประเทศไทย จัดทำโปสเตอร์รูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพ จำนวน 2,000,000 แผ่น แจกจ่ายให้ประชาชนและสถานีตำรวจทั่วประเทศ
3.2.4 โครงการ แชทบอท@police1441 ผ่านแอปพลิเคชัน Line เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแก่ประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
 
3.4 ปรับปรุงระเบียบกฎหมาย
3.4.1 ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ เสนอร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ..... เพื่อให้ครอบคลุมการปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
3.4.2 ร่วมเสนอร่างประกาศ ปปง. เรื่อง การจัดทำข้อมูลบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานและการฟอกเงินฯ เข้าสู่ระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน HR-03

4. ด้านการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
4.1 Service Mind ปรับแนวคิดการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,484 สถานี เน้นการให้บริการดุจญาติมิตร รับรู้ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ ยกระดับการบริการทุกสายงาน เช่น สายตรวจต้องเข้าไปรับรู้ปัญหาของชุมชน (Stop Walk and Talk) พนักงานสอบสวนต้องแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ทราบ เป็นต้น
4.2 สำรวจความพึงพอใจประชาชน ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งประเทศ โดยมีที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการภายนอกเป็นผู้สำรวจจากกลุ่มประชากรเป้าหมาย จำนวน 80,000 หมู่บ้าน ประชาชน 1 ล้าน คน ทำการสำรวจ 2 ครั้ง/ปี (ครั้งที่ 1 ในเดือน ม.ค.66 และ ครั้งที่ 2 ในเดือน ก.ค.66)
4.3 การรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ออนไลน์ (ผ่านระบบ JCOMS)  เปิดช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ JCOMS : www.jcoms.police.go.th และเว็บไซต์สำนักงานจเรตำรวจ : www.jaray.go.th หรือสแกนผ่านทาง QR Code ปัจจุบันมีการรับเรื่องร้องเรียน 1,851 เรื่อง แจ้งเบาะแส/ขอความช่วยเหลือ 1,261 เรื่อง รวม 3,112 เรื่อง

สวนนงนุชพัทยา ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน จัดขบวนช้างแสนรู้เชิดสิงโต อวยพรให้นักท่องเที่ยวเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล

วันที่ 20 ม.ค. สวนนงนุชพัทยา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้จัดขบวนแห่ช้างเชิดสิงโต ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2566 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา มีการจัดขบวนช้างเชิดสิงโต 8 เชือกโดยยังมีเหล่าบรรดานางฟ้า นางสวรรค์ที่มาร่ายรำอำนวยอวยพรจำนวนมากกว่า50 คน ร่วมเฉลิมฉลองกับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน  

โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดเพื่อเป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทยและต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมสวนนงนุชพัทยา โดยสร้างบรรยากาศความสนุกสนานกับช้างแสนรู้ของสวนนงนุชพัทยา  ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 20 ม.ค.-  22 ม.ค. 66  เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้ชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและเสริมความเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ททท. สำนักงานกระบี่ ร่วมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai มุ่งให้จังหวัดกระบี่เป็นตลาดที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากตะวันออกกลาง

20 มกราคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ ได้กำหนดจัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบินจากสายการบิน Flydubai ในวันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 10.10 น. (เที่ยวบิน FZ1463) ณ บริเวณอาคารขาเข้าต่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ จังหวัดกระบี่ โดยมี นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานกระบี่ คุณณรงค์ อรุณภาคมงคล รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานกระบี่ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกระบี่ นายชัยภัทร วสุนธรา ผู้แทนนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ นางสาวมนพันธ์ นำชัยภิญโญพงศ์ ประธานนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดกระบี่ นายสมเกียรติ ขยันการ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวนาง และ นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการท่องเที่ยว ร่วมให้การต้อนรับเที่ยวบินของสายการบิน Flydubai เที่ยวบิน FZ 1463 ในเส้นทางดูไบ – กระบี่ เวลา 10.10 น. ซึ่งเป็นเที่ยวบิน Regular flight ทำการบินทุกวัน โดยมีผู้โดยสารในเที่ยวบินนี้จำนวน 180 คน 

นายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ กล่าวว่า เที่ยวบิน FZ 1463 สายการบิน Flydubai Airline บินตรงจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เดินทางถึงท่าอากาศยานกระบี่ จังหวัดกระบี่ จำนวน 180 คน นับเป็นการกลับมาเปิดเส้นทางบินอีกครั้งหลังจากที่หยุดทำการบินตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2563 อันเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นโอกาสอันดีในการเชิญชวนและส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากประเทศสหรัฐอาหรับเอเมิเรตส์ เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ ททท. สำนักงานกระบี่ได้จัดกิจกรรมต้อนรับเที่ยวบิน FZ 1463 ของสายการบิน Flydubai อาทิ ของที่ระลึก การแสดงทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ ซึ่งจังหวัดกระบี่มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออก กลาง เนื่องจากมีสถานประกอบการกว่า 49 แห่งที่ได้รับมาตรฐานฮาลาล กอปรกับในพื้นที่มีชมรมกระบี่ฮาลาลแอนด์มุสลิม  เฟรนด์ลี่ที่พร้อมจะช่วยเหลือและให้คำแนะนำสถานประกอบการที่ให้บริการนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางได้

ตำรวจไซเบอร์ สนองนโยบายรัฐบาลในการป้องกันปราบปรามภัยออนไลน์ทุกรูปแบบ

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (โฆษก บช.สอท.) ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ดังต่อไปนี้

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เร่งรัดขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน แก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง โดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม รวมไปถึงการวางมาตรการการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ แบ่งออกเป็นหลายมิติที่สำคัญ เช่น

ด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การรับจ้างการเปิดบัญชีธนาคาร หรือบัญชีม้า การลักลอบใช้อินเทอร์เน็ตข้ามประเทศผิดกฎหมาย และการใช้ซิมโทรศัพท์มือถืออย่างผิดกฎหมาย รวมไปถึงการตรวจยึดเครื่องตรวจยึดเครื่องส่งสัญญาณ IP-PBX, เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ภายใต้ยุทธการซิม-สาย-เสา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตัดวงจรความเสียหายก่อนที่มิจฉาชีพจะไปก่อเหตุหลอกลวงประชาชน ส่งผลให้แนวโน้มการถูกหลอกลวงประเภทดังกล่าวลดลงกว่าร้อยละ 25 อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังมีคดีสำคัญอีกหลายคดี เช่น ยุทธการ Shutdown ตัดสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์, ยุทธการเด็ดปีกมังกร, ปฏิบัติการ ล้มไม้ค้ำลิดกิ่งก้าน ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ตรวจยึดของกลางกว่า 300 ล้านบาท, ยุทธการหักซิมม้า ตรวจยึดของกลางกว่า 21,000 ซิม, ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าไทย - มาเลเซีย ตรวจยึดของกลางกว่า 80 ล้านบาท และปฏิบัติการตรวจค้น 13 จุด ทั่วประเทศ ทลายเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ SCG9 พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท เป็นต้น 

โรงพยาบาลพญาไท 3 ต้อนรับเทศกาล..'ตรุษจีน' เสริมสิริมงคล รุ่งเรือง โชคดีรับปีกระต่าย 2566

ตรุษจีนปีนี้ มั่งมีศรีสุข ต้อนรับปีกระต่ายทอง โรงพยาบาลพญาไท3 มอบอั่งเปาสุขภาพ พร้อมส้มมงคลต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ปี 2023 นำทีมโดยคณะท่านผู้บริหารโรงพยาบาลพญาไท3ทุกท่านลงพื้นที่ส่งมอบความเฮง ความเป็นสิริมงคลที่มาพร้อมสุขภาพที่ดีให้แก่ผู้ใช้บริการภายในโรงพยาบาล

ม.นราธิวาสราชนครินทร์ แถลงข่าวการจัดงานเนื่องในโอกาสครอบรอบ 18 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย ภายใต้แนวคิด 'มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม'

เดินหน้าการจัดการศึกษาที่ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ

วันนี้ (20 ม.ค. 66) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จงรัก พลาศัย นายกสภามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานเนื่องในโอกาสครอบรอบ 18 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย ภายใต้แนวคิด 'มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม' และร่วมเสวนาในหัวข้อ 'ตอบโจทย์ชายแดนใต้ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม' ที่ลานพิกุล มนร. ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส ซึ่งมีคณะผู้บริหาร มนร. หัวหน้าส่วนราชการ อาจารย์ นักศึกษา และสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ทั้งในพื้นที่ และจังหวัดยะลา ร่วมในกิจกรรม

การจัดงานเนื่องในโอกาสครอบรอบ 18 ปี แห่งการสถาปนา มนร. กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 กุมภาพันธ์ 2566 ภายในงานมีกิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรม Open House การจัดนิทรรศการ การแข่งขันทางวิชาการ การแสดงผลงานนวัตกรรมที่โดดเด่น จากหน่วยงานคณะ วิทยาลัย และสถาบัน ชมผลงานนวัตกรรม ยกระดับเศรษฐกิจ BCG การแปรรูปผลิตภัณฑ์สู่การสร้างมูลค่าสินค้า กิจกรรมค้นหานักศึกษาต้นแบบ และกิจกรรมการประกวดดนตรีและอนาซีด

‘ชูวิทย์’ แฉ!! ผู้มีอิทธิพล ‘ข่มขู่-ปิดปาก’ พยาน ยัน!! แม้กฎหมายล่าช้า แต่จะสู้จนวันสุดท้าย

(20 ม.ค. 66) เวลา 15.00 น. ณ โรงแรมเดอะเดวิสบางกอก กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แถลงข่าวเปิดเผยถึง timeline ในประเด็นสำคัญ คดีทุนจีนสีเทา ที่เริ่มแฉตั้งแต่ ต.ค., พ.ย., ธ.ค. 65 ถึง ม.ค. 66 นายชูวิทย์กล่าวว่าเป็นการแฉเพื่อส่วนรวม ณ วันนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติแล้วทำให้อัยการเข้ามาสอบสวนแทนตำรวจได้ 

ต่อมานายชูวิทย์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับพยานสำคัญ โดยพยานระบุว่า “มีผู้ติดต่อมาแล้วนำเสนอผลประโยชน์ให้ถอนตัว หรือกลับคำให้การ” 

ซึ่งบรรดาพยานล้วนเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล จึงขอไม่เปิดเผยชื่อ และอธิบายต่อว่าตู้ห่าว เติบโตมาอย่างไร ซึ่งไม่สามารถดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวได้ ต้องมีผู้สนับสนุน และเกิดคำถามว่าใช่ ตม. สน. กรมการปกครอง ที่ละเลยใช่หรือไม่ และกระบวนการการสอบสวนของตำรวจ ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี ยาวนานไปหรือไม่ ซึ่งตู้ห่าวโดนข้อหาฟอกเงินเป็นคนสุดท้าย แต่ลูกน้องโดนข้อหาก่อน กระบวนการยุติธรรมเกิดอะไรขึ้น ประเทศไทยจึงกลายเป็นดินแดนสวรรค์ของอาชญากรข้ามชาติ โดยเฉพาะที่พัทยา และภูเก็ต ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าการตรวจค้นไม่เจอเงินที่บ้านตู้ห่าว แต่หน่วยงานไม่ออกหมายจับข้อหาฟอกเงิน ซึ่งมีความเคลื่อนไหวล่าช้ามาก ซึ่งความล่าช้าของคดีทำให้เกิดความอยุติธรรมได้

‘นอท กองสลากพลัส’ เช็กอินบินไปอังกฤษ 8-9 วัน สวนเดือด!! หากคิดหนีจะโพสต์บอกทำไม

(20 ม.ค. 66) ‘นอท-พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์’ ซีอีโอ ‘กองสลากพลัส’ โพสต์ภาพเช็กอินการบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางไปประเทศอังกฤษ พร้อมข้อความ ระบุว่า “ทำงานมาสองปีเต็มๆ เพิ่งจะได้หยุดยาวๆ ขอลางานสัก 8-9 วันนะครับ ไว้กลับมาสู้ใหม่”

ภายหลังการโพสต์ดังกล่าวมีกระแสข่าวว่านายพันธ์ธวัช หนีคดีไปต่างประเทศหรือไม่ ทำให้นายพันธ์ธวัช โพสต์ข้อความอีกว่า “ถ้ากูจะหนีออกต่างประเทศ กูจะโพสทำห่าอะไร ใช้สมองคิดกันหน่อย อ่อ!! ลืมไปพวกมึงไม่มีสมองนี่หว่า”

‘ผบ.สส.’ พบ ‘มิน อ่อง หล่าย’ ไร้ซูเอี๋ย รบ.เมียนมา ชี้ เป็นการเยือนในฐานะแขกของกองทัพเท่านั้น

เป็นข่าวดังในกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารในเมียนมาเมื่อ พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ของไทย เดินทางไปพบกับนายพล มิน อ่อง หล่าย ถึงรัฐยะไข่ งานนี้กลายเป็นเรื่องจับแพะชนแกะว่าไทยกำลังซูเอี๋ยกับรัฐบาลทหารของเมียนมา

แต่หากมามองความเป็นจริงแล้ว การพบปะกันของทหารระหว่างประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงนั้นเป็นกิจการทั่วไปของทหารตั้งแต่ ผบ. หมู่ที่คุมชายแดน จนถึง แม่ทัพภาค รวมไปจนถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำกันมานานแล้ว โดยการพบกันนั้นทางทหารจะพบปะหารือกับทหารของประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียงนั้นจะนายทหารจะหารือกับนายทหารประเทศเพื่อนบ้านในชั้นยศเดียวกันเท่านั้น ส่วนประเด็นในการหารือนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศ การร่วมมือกันในการปกป้องอธิปไตย การสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติด หรือการป้องกันการก่อการร้ายหรือการกระทำผิดระหว่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือการช่วยเหลือประชาชนตามแนวชายแดน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top