Monday, 12 May 2025
NewsFeed

‘เพื่อไทย’ ชูนโยบาย ‘ส่งเสริม-พัฒนาทรัพยากรมนุษย์’ ชี้ ‘เสรีภาพ-โอกาส’ คือกุญแจสู่ความคิดสร้างสรรค์

(13 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พรรคเพื่อไทยกล่าวเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 2566 ว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญและมีนโยบายเพื่อส่งเสริมศักยภาพและสร้างคน ด้วยความเชื่อว่าเสรีภาพและโอกาส ซึ่งเป็นแก่นหัวใจที่แท้จริงของประชาธิปไตย จะเป็นที่มาของการปลดปล่อยศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่จะนำสู่การสร้างรายได้อย่างไม่สิ้นสุด และการสร้างคนจะต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมทุ่มเท เพื่อส่งเสริมและสร้างคนให้ประเทศไทยแข่งขันได้อย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก เรามีเป้าเพื่อสร้างคนทำงานทักษะสูง สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง รายได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อปี มีค่าแรงไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรีมีค่าตอบแทน 25,000 บาทต่อเดือนภายในปี 2570 เรามีแผนฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ด้วยการเฟ้นหา สร้างโอกาสศักยภาพที่ซ่อนเร้นในทุกครัวเรือน ออกมาฝึกฝนเจียระไน สร้างแนวทางชัดเจนเพื่อหารายได้ผ่านโครงการ 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์

'เพื่อไทย' แซะ 3 ป. Forever คือ จากกันตลอดไปหรือไม่ เย้ย!! จม. 'บิ๊กป้อม' เหมือนจัดหนัก 'บิ๊กตู่' มักใหญ่ใฝ่สูง

(13 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีเพจพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เผยแพร่ จดหมายเปิดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดใจในวันที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซบ รทสช.ยัน 3 ป. Forever ไม่ทิ้งสมาชิก พปชร.ว่า...

ไม่รู้ว่าพล.อ.ประวิตรเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเลือดหรือน้ำตา การบอกว่าไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ หลังรู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์แสดงจุดยืนทางการเมืองไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ สะท้อนความกระอักกระอ่วนใจจนสุดจะบรรยาย คิดไม่ถึงว่าอดีตลูกน้องที่เคยฟูมฟักตั้งแต่เป็นทหารเด็ก ๆ จะทำกับพี่ใหญ่ 3ป.ได้ถึงเพียงนี้ การบอกว่า 3 ป. Forever ไม่แน่ใจว่า หมายถึง 3ป.จากกันตลอดไป หรือทิ้งให้ 3ป.เหลือแค่ตำนานตลอดไป โดยไม่มีใครทำอะไรเพิ่มเติม จดหมายพล.อ.ประวิตรยิ่งกว่าเปลือยตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์จนล่อนจ้อนว่าเป็นคนเช่นไร มักใหญ่ใฝ่สูงเพียงไร

'ลิซา มารี เพรสลีย์' ทายาท 'เอลวิส' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

‘ลิซา มารี เพรสลีย์’ ทายาทราชาร็อกแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

(13 ม.ค. 66) สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว Lisa Marie Presley, daughter of Elvis, dies aged 54 ระบุว่า ลิซา มารี เพรสลีย์ (Lisa Marie Presley) ลูกสาวของ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ศิลปินในตำนานเจ้าของฉายา 'ราชาร็อกแอนด์โรล' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี โดยอ้างการเปิดเผยของ พริสซิลลา เพรสลีย์ (Priscilla Presley) ภรรยาของเอลวิส และมารดาของลิซา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม

“เธอเป็นผู้หญิงที่หลงใหล แข็งแกร่ง และน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักมา เราขอความเป็นส่วนตัวในขณะที่เราพยายามจัดการกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้” พริสซิลลา กล่าว

ลิซา มารี ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา หลังพบในสภาพหมดสติที่บ้านพักในเมืองคาลาบาซัส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เธอเกิดในปี 2511 และเดินตามรอยบิดาในฐานะศิลปินนักร้อง มีผลงาน 3 อัลบั้ม โดยอัลบั้มแรกเปิดตัวในปี 2546 ทำยอดขายได้หลายแสนชุดและใด้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยทั่วไป

‘รมว.สุชาติ’ สั่งด่วน ‘สปส. บุรีรัมย์’ เยียวยาผู้สูญเสีย จากเหตุลูกจ้างถูกเครื่องย่อยยางบดร่างเสียชีวิต

รมว.สุชาติ มีความห่วงใยเหตุลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต จังหวัดบุรีรัมย์ สั่ง สำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ในทันที

(13 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงเหตุการณ์ลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิตว่า ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวลูกจ้างผู้เสียชีวิต พร้อมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม จังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายทันที จากการตรวจสอบพบว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 22.30 น. สถานที่เกิดเหตุคือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายยางพารา โดยมีนายศุภชัย ศรีผง อายุ 31 ปี กำลังปฏิบัติงาน ขณะเกิดเหตุแผ่นยางได้ติดค้างที่เครื่องบดย่อยยาง จึงได้โน้มตัวเข้าไปดึงแผ่นยางออก โดยไม่ได้ปิดสวิตช์หยุดเครื่องจักร ทำให้ถูกเครื่องบดย่อยยางดึงเข้าไปในเครื่องพร้อมแผ่นยางเป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที

'ทัพบก' เข้าดูแลระบบนิเวศสวนป่าเบญจกิติ ผนึกกำลังหลายหน่วย เพื่อความสุขชาว กทม.

(13 ม.ค. 66) พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกยังคงดำรงภารกิจช่วยเหลือประชาชนในกิจกรรมจิตอาสา รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด จากสภาพทางนิเวศวิทยาของสวนป่าเบญจกิติ เขตคลองเตย กทม. ที่เป็นข้อห่วงใยของสังคม ซึ่งหลายภาคส่วนได้มีความประสงค์ที่จะร่วมกันดูแลพื้นที่ดังกล่าว โดยเมื่อ 12 ม.ค. 2566 กองทัพบกได้มอบให้กองทัพภาคที่ 1 และกรมการทหารช่าง ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และกำลังพลจิตอาสา นำอุปกรณ์ทางการช่าง ประกอบด้วย...

- รถบรรทุกน้ำ 4 คัน และรถฉีดน้ำในอาคารควบคุมระยะไกล 2 คัน 
- และรถบรรทุกน้ำจากสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. 9 คัน

ร่วมกันปรับปรุงพื้นที่ ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ต้นไม้และพืชคลุมดิน โดยเฉพาะบริเวณ 'เกาะต้นไม้และพืชไม้ในบ่อตื้น' รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง สูบน้ำจากคลองไผ่สิงโตเข้าสู่บึงบำบัด ก่อนส่งน้ำที่บำบัดแล้วเข้าสระน้ำในสวนป่า ควบคู่กับการผันน้ำดีเข้ามาเติมในคลองไผ่สิงโตซึ่งดำเนินการโดย สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร

ชาว 'สาครบุรี' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม’ ตามติดปัญหาน้ำเค็มรุก พร้อมช่วย 'ชาวประมง-เกษตรกร' เพิ่มรายได้ ให้อยู่ดีกินดี

(13 ม.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.สมุทรสงคราม) โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปตรวจติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่ง ริมแม่น้ำท่าจีน ณ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมทั้งได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ อย่างเนืองแน่น เป็นกันเอง พร้อมรับฟังความเดือดร้อนทั้งที่ทำกิน น้ำท่วม น้ำเค็มรุก ประมงพื้นบ้าน และการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการต่อไป 

จากนั้นได้ประชุมหารือกับ จังหวัด สทนช. กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยได้รับทราบข้อมูล บริเวณลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง ที่ยังคงมีปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด ในการทำการเกษตรกรรม และยังมีปัญหาน้ำเน่าเสีย สาเหตุจากการทำอุตสาหกรรมประมงและโรงงาน รวมทั้งปัญหาภัยแล้งในบางพื้นที่ และการรุกตัวของน้ำเค็ม บริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้จังหวัด และหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ เร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมกล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก ที่ผ่านมาด้วยดี

ความงัวไม่ทันหาย ดันเอาควายเข้ามาแทรก กทม. เปิดพื้นที่ 12 สวนฯ เล่นดนตรีไม่ต้องขออนุญาต

"ความงัวไม่ทันหาย ดันเอาควายเข้ามาแทรก"

ผมมิได้อยาก 'บิด' สุภาษิตโบราณแต่อย่างใด แค่ใจมันรู้สึกอยากบอกออกมาอย่างนั้นดัง ๆ เมื่อเห็นข่าวผู้บริหารกรุงเทพมหานคร 'ปลดล็อก 12 สวน ให้ใช้เสียง - เล่นดนตรีได้ ไม่ต้องขออนุญาต'

ต่อเรื่องนี้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาชี้แจงต่อสื่อว่า "...ทาง กทม. ได้ผลักดันนโยบายหลายข้อ เพื่อสร้างเสียงดนตรีให้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมเมือง ซึ่งเทศกาลดนตรีในสวน เป็น 1 ในนโยบาย 214 ข้อด้านสร้างสรรค์ดี คือ กรุงเทพฯ พื้นที่แห่งดนตรี และศิลปะการแสดง จึงดำเนินการจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะทั้ง 12 สวน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดปี 2566"

ฟังเหมือนว่ากำลังใช้งาน เอนเตอร์เทน นำทิศทางเมือง

"...โดยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม เป็นต้นไป กทม. ได้ปลดล็อกสวนสาธารณะ 12 สวน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต โดยมีเงื่อนไข คือ การเล่นดนตรีนั้นจะต้องไม่มีการหารายได้หรือผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ใช้เครื่องขยายเสียง หากเป็นการเล่นดนตรีที่ใช้เสียงดังเกิน 85 เดซิเบล จะต้องเล่นดนตรีในพื้นที่ที่สวนสาธารณะจัดเตรียมไว้ ซึ่งถ้ามีผลตอบรับดีทาง กทม. จะแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้ทุกสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร ใช้งานได้" รองผู้ว่าฯ สำทับ

เอาล่ะ ใครมีกีต้าร์ มีบองโก้เชิญ ลำโพงบลูทูธก็น่าจะมาครานี้

ถามว่าอะไรคือหลักการ 'เปิดพื้นที่สวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต!' ประชาชนส่วนที่ไม่ต้องการเสียงดนตรีล่ะ ต้องขออนุญาตไหม?

ผมว่าพวกท่านกำลังเบี่ยงประเด็นเก่าเรื่องที่ชาวบ้านด่ากันระงมทั้งเมือง? เรื่องบรรดาแผงลอยเข้าจับจองพื้นที่ค้าขายเต็มฟุตบาทสาธารณะ เรื่องนโยบายขนส่งมวลชนปลอดมลพิษที่ (พวกท่าน) ขอทบทวนโดยอ้างว่าขาดทุน ทั้งที่มีคนรอใช้เรือนหมื่น หรือเรื่องดูแลรักษาสภาพพฤกษ์พรรณไม้ของสวนสาธารณะที่ดูเหมือนจะฝากไว้กับเทวดามากกว่าเจ้าหน้าที่ กทม.

เชื่อเหลือเกินว่าประชาชนเกิน 10 ล้านชีวิต ทั้งในสำมะโนฯ จริง และประชากรแฝง (แรงงาน) ของเมืองหลวง มิได้หลงใหลคลั่งไคล้เสียงดนตรีเสียทั้งหมด มีหลายคนอยากใช้ชีวิตบนสวนสาธารณะอันเงียบสงบยามวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงเพื่อพักผ่อนสมองที่อ่อนล้ากับเสียงต่าง ๆ ในเมืองมาตลอดอาทิตย์

แต่แล้วจู่ ๆ ผู้ว่ากรุงเทพมหานครและคณะ ก็เอานโยบายดนตรีฟรีสไตล์มายัดหูความฝันมหาชนจนบรรลัย ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จำเพาะเจาะจงตรงวันหยุดสุดสัปดาห์แห่งฝันนั้นพอดี

สุนทรียรมย์ มิได้ถูกผูกติดกับเสียงดนตรีเสมอไป - เรื่องนี้คนบ้าพลังคงฟังไม่เข้าใจ!

ชายชราหน้าตาดีผู้รักการออกกำลังใต้สายลม แสงแดด และเสียงนกร้อง เคยปรารภชื่นชมชีวิตกลางสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ ว่าช่างรื่นร่มรมเยศราวสรวงสวรรค์แห่งพันธุพฤกษ์ มีเ_ี้ย มีนกหนู มีงู มีกระรอก แถมยังได้ยินราวเสียงกระซิบของเหล่าสรรพสัตว์ใหญ่น้อยนั่นยามจ้องตา - จนกระทั่งทุกสิ่งพินาศลงเมื่อวิ่งผ่านลานเต้นแอโรบิก!

‘เพื่อไทย’ ให้การต้อนรับคณะทำงาน พรรคคอมมิวนิสต์จีน เผย พร้อมร่วมมือผลักดันทุกนโยบาย เพื่อปชช. ทั้ง 2 ประเทศ

(13 ม.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้แทนพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และนางนลินี ทวีสิน ประธานคณะกรรมการต่างประเทศ และวิเทศสัมพันธ์ ให้การต้อนรับการมาเยือนของคณะจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำโดยนายเฉิน โจว รัฐมนตรีช่วยกระทรวงวิเทศสัมพันธ์แห่งคณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและคณะ 

นายเฉิน โจว กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเข้าเยี่ยมคารวะในครั้งนี้ เพื่อนำคณะมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์จีน-ไทย พร้อมชี้แจงแนวทางการนำพาจีนของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ที่ประกาศไว้ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งชาติครั้งที่ 20 ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อ 16 ต.ค.65 ซึ่งถือว่าเป็นวาระสำคัญที่ท่านสี จิ้น ผิง ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้นำสูงสุดของจีนต่อเนื่องเป็นวาระที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจีนอยู่ในตำแหน่งเกิน 2 วาระ ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งต้องการเน้นย้ำการสร้างปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างเศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกแห่งสยาม

วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปีคือ ‘วันเด็ก’ แห่งชาติ ซึ่งเป็นวันสุขของเด็กๆ ที่จะได้สัมผัส รถถัง เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ เก้าอี้นายกฯ เก้าอี้ผู้ว่า ฯลฯ คือเรียกว่าได้ฝันเป็นอาชีพนั้นๆ อย่างมีความสุข พอนึกถึงมุมนี้ ก็มีอีกมุมหนึ่งที่ผมได้รำลึกถึงคือ เจ้านายที่เป็นยุวชน ซึ่งวัยเด็กของพระองค์คือการเรียนรู้เพื่อปกครองบ้านเมือง เป็นยุวชนที่มีมุมมองของขัตติยะ แม้ในท้ายที่สุดพระองค์จะมิได้ขึ้นครองราชย์เนื่องจากทรงสวรรคตไปเสียก่อน

‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร’ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกแห่งสยาม คือเจ้านายพระองค์นั้น พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระราชสมภพแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2421 โดยพระนาม ‘มหาวชิรุณหิศ’ แปลว่า ‘มงกุฎเพชรใหญ่’ ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษได้ว่า ‘Crown Prince’ คือ ‘พระราชสมภพมาเพื่อสวมมงกุฎ’ 

ภายหลังการเสด็จทิวงคตของ ‘กรมพระราชวังบวรวิเศษไชยชาญ’ เมื่อ พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอีก ต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และทรงสถาปนาตำแหน่ง ‘สยามมกุฎราชกุมาร’ เพื่อเป็นองค์รัชทายาทแทน โดยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริว่า ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและอาจทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจสับสน ส่วนพระราชอิสริยยศ ‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช’ ซึ่งเรียกว่า ‘สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า’ ที่ได้ตั้งขึ้นไว้ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เป็นตำแหน่งที่สอดคล้องตามแบบอย่างการสืบสันตติวงศ์ของพระมหากษัตริย์ในนานาอารยประเทศที่มีราชประเพณีแต่งตั้งพระราชโอรสพระองค์ใหญ่เป็นมกุฎราชกุมารดำรงตำแหน่งรัชทายาท

ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2430 พระชนมายุ 9 พรรษา 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ ให้ ‘สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช’ เป็นอธิบดีอำนวยการพระราชพิธีมหาพิชัยมงคลสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย ในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่ การพระราชพิธีครั้งนี้ เป็นการพิธีพิเศษใหญ่ยิ่ง สมควรจะมีการเฉลิมพระเกียรติยศต่อการพระราชพิธีให้สมควรแก่กาลสมัยด้วย 

สมเด็จฯ กรมพระภาณุพันธุวรเดชได้ทรงคิดให้มีการเลียบพระนคร เสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ออกประทับพลับพลาหน้าท้องสนามไชย พระราชทานเหรียญที่ระลึกในการพระราชพิธี การแห่เรือกระบวนพยุหยาตราในท้องน้ำ แล้วแข่งเรือคล้ายกับพระราชพิธีกาศวยุช

พระพุทธเจ้าหลวง โปรดเกล้าฯ ให้ทำแพลงสรง เครื่องประดับพระมณฑปและเครื่องพิธีต่างๆ ทั้งยังให้ซ่อมแซมพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทสำหรับตั้งการพระราชพิธี รวมทั้งตกแต่งซ่อมแซมเรือกระบวน เครื่องต้นสำหรับทรงแห่สมโภช และให้มีศุภอักษร ท้องตราถึงหัวเมืองประเทศราช เมือง เอก โท ตรี จัตวา ให้ทราบการกำหนดพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระให้ทราบการกำหนดพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระปรมาภิไธยครั้งนี้ โดยมีพระราชพิธีรวมทั้งสิ้นถึง 9 วัน

เมื่อ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระชนมายุครบ 13 พรรษา ในปี พ.ศ. 2433ได้มีพระราชพิธีโสกันต์อย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลา 8 วัน ก่อนที่ในปีเดียวกัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2434 โดยมี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศ วริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ผนวชแล้วประทับ ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จนถึงวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2434 จึงลาผนวช

พระองค์เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เช่น เสด็จฯ ออกรับฎีกาที่ราษฎรทูลเกล้าฯ ถวาย / เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีและพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีเผด็จศกมหาสงกรานต์ / การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก / การบำเพ็ญพระราชกุศลในวันคล้ายวันประสูติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว / การเชิญพระอัฐิกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ (สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี) / ทำบุญสดับปกรณ์ / การบำเพ็ญพระราชกุศลในวันวิสาขบูชา

ต่อมาเมื่อได้สถาปนาพระอิสริยยศเป็น ‘สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร’ นอกจากจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจดังเดิมเหมือนเมื่อครั้งเป็นสมเด็จพระลูกยาเธอแล้ว ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินติดตามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เสด็จฯ ประพาสหัวเมืองเยี่ยมเยือนทุกข์สุขราษฎร รวมถึงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เช่น เสด็จฯ ออกรับอาร์ชดยุกลิโวโปลด์แห่งออสเตรียและคณะ พร้อมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี / ทรงเป็นสภานายกกรรมสัมปาทิกหอพระสมุดวชิรญาณ / เสด็จ ฯ พระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลแก่นักเรียนโรงเรียนสุนันทาลัย (เพียบเลย) 

และเมื่อ พระพุทธเจ้าหลวง ได้ทรงมีพระราชดำริที่จะจัดการทหารบก ทหารเรือ ให้เรียบร้อยเป็นระเบียบแบบแผน จึงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งตำแหน่ง ผู้บัญชาการทั่วไป ซึ่งตรงกับตำแหน่งภาษาอังกฤษว่า ‘คอมมานเดออินชิฟ’ โดยให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รับตำแหน่ง แต่โดยที่ทรงเห็นว่ายังทรงพระเยาว์ จึงให้ตราพระราชบัญญัติตั้งกรมทหารควบคู่ไว้ด้วยเพื่อช่วยการจัดระเบียบให้เป็นแบบแผนเดียวกัน

แถลงความสำเร็จ มอบรางวัลผู้ชนะประกวดภาพถ่าย-คลิปประทับใจที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี กระตุ้นท่องเที่ยวหลังโควิด-19

เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 66) สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสำนักงานพัฒนาพิงนคร (องค์การมหาชน) มอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศในกิจกรรมภายใต้แคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักบริหารงานกลาง รักษาการในตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง เป็นประธานในพิธี และนายธีวินท์ เทเพนทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเข้าร่วมพิธีแถลงข่าว ณ ห้องวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  

นายกฤษดา ลาพิมล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักบริหารงานกลาง รักษาการในตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กล่าวว่า สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสำนักงานพัฒนาพิงนคร (องค์การมหาชน) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ผ่านการดำเนินกิจกรรมในแคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมทั้งมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่แก่ผู้ชนะเลิศการประกวด และเป็นกำลังใจในการสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ อันนำไปสู่ความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่จะทำให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับแคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นการดำเนินการผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณา เพื่อการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผ่านสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์จอดิจิตอล รวมถึงสื่อออนไลน์ โดยได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับสายการบิน Air asia และเครื่องดื่ม ตราช้าง จำนวน 2 กิจกรรม ดังนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top