Monday, 12 May 2025
NewsFeed

‘สมาชิกเพื่อไทย’ โอด ป้ายหาเสียงถูก ‘เผา-กรีด’ โร่แจ้งความหาตัวคนผิด ชี้!! ไม่อยากให้เกิดซ้ำอีก

มือมืดโผล่! เผาป้ายหาเสียงพรรคเพื่อไทย แม่ฮ่องสอน สมาชิกพรรคโร่แจ้งความเอาผิด วอนตำรวจเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ชี้ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองสามหมอก ด้าน กกต.ระบุเป็นคดีอาญา เร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยด่วน

(13 ม.ค. 66) นายสมภพ คงความซื่อ หรือ สจ.โจ้ อายุ 49 ปี ที่อยู่ 47 ม.4 ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สมาชิกพรรคเพื่อไทย เขต 1 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งประกอบด้วย อ.ขุนยวม, อ.เมือง, อ.ปางมะผ้า และ อ.ปาย ว่าป้ายแสดงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกติดไว้ในหลายพื้นที่ กว่า 10 จุด ได้ถูกลอบเผาทำลาย และบางป้ายมีการใช้ของมีคมกรีดจนเสียหาย จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีการทำลายป้ายดังกล่าวจริง และมีป้ายที่ถูกทำลายเสียหายกว่า 10 จุด จึงได้เดินทางไปแจ้งความ ที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเอาผิดกับคนที่ลักลอบทำลายป้ายแสดงนโนบายพรรคเพื่อไทยต่อไป ทั้งนี้ ไม่อยากให้ภาพแบบนี้เกิดใน จ.แม่ฮ่องสอน อีกต่อไป เพราะทำให้ จ.แม่ฮ่องสอน เสียหาย

ขณะที่ นายณัฐเศรษฐ์ ราชไชยา ผอ.กกต.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การลักลอบเผาป้ายหาเสียง ทาง กกต.แม่ฮ่องสอน ได้รับแจ้งเหตุจากทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน อย่างไรก็ตาม ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในห้วงนี้ ถือเป็นห้วง 180 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งทาง กกต.ได้เปิดโอกาศให้พรรคการเมืองสามารถติดป้ายแสดงนโยบายพรรคหรือหาเสียงได้

สำหรับในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน พบว่า ทางพรรคการเมืองแต่ละพรรค ยังไม่ได้ส่งรายชื่อผู้แทนพรรคในพื้นที่ ให้แก่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่อย่างใด ทำให้การหาเสียงในนามพรรคยังไม่ชัดเจน อีกทั้งพบว่า แต่ละพรรคการเมืองมีการเปลี่ยนตัวผู้ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งบ่อยครั้ง ส่งผลให้ประชาชนเฝ้ามองว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครที่แท้จริงลงสมัครเมื่อใด แต่ก็พบว่ามีหลายคนได้มีการหาเสียงล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว

สำหรับบัญชีรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้ง เป็น ส.ส.แม่ฮ่องสอน เบื้องต้นได้แก่ 
เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายดานุภัทร์ เชียงชุม เขต 2 นายสมบัติ ยะสินธุ์

'บิ๊กป้อม' อวยพร 'ลุงตู่' แม้แยกทางคนละพรรค ยัน!! 'รัก-ผูกพัน' เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เปิดใจ 'บิ๊กป้อม' แจงความสัมพันธ์ 'ลุงตู่' ยังคงเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอยากทำงานการเมือง แต่ยอมรับ มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย 

(13 ม.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ใช้โพสต์ความเคลื่อนไหวและการปฏิบัติภารกิจของ พล.อ.ประวิตร ได้โพสต์จดหมายเปิดใจ ระบุว่า... 

จดหมายเปิดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

โดยข้อความต้นฉบับระบุว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยครั้งใหญ่ หลังการรัฐประหารโดย คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ด้วยความจำเป็นของกองทัพภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ต้องออกจากกรมกองมายุติวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่ก่อตัวมานานนับปี จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงประเทศ และบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ขณะนั้น ผมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปตั้งแต่ พ.ศ. 2548 จึงทำได้เพียงเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความเป็นห่วง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จัดตั้งรัฐบาลเพื่อปฏิรูปบ้านเมืองและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ได้ตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อหวังจะช่วยประคับประคองสถานการณ์ให้คืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ต้องยอมรับความจริงว่า คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการเมือง เพราะต่างก็เป็นทหารอาชีพมาทั้งชีวิต ฝึกฝนเรียนรู้มาในด้านการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตัวผมเองก็เช่นกัน แม้จะเคยเป็น รมว.กลาโหม ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการเมือง จึงทำได้เพียงช่วยดูแลเหล่าทัพให้มีเสถียรภาพเท่านั้น

ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้รีบจัดการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลในขณะนั้นก็ตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน และความชอบธรรมของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงการยอมรับจากประชาคมโลก จึงเร่งผลักดันกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว

คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ ลงพื้นที่นครศรีฯ ให้แนวทาง 'มหาวิทยาลัย-หน่วยงาน' เพื่อยื่นเสนอขอรับทุน

กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจัดงานสัมมนา คลินิกกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ภาคใต้) โดยมีนายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและทีมงานกองทุนฯ

โดยมีคณะครู อาจารย์ นักศึกษา และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งกิจกรรมภายในงานสัมมนา ประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้หัวข้อ การยื่นเสนอขอรับทุน การพิจารณาข้อเสนอการกลั่นกรองโครงการ การลงนามในสัญญา และหลักการเขียนข้อเสนอโครงการ หรือ กิจกรรม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ

ทั้งนี้ นายภุชพงศ์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดคลินิกกองทุนฯ ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคตะวันออก ในพื้นที่จังหวัดระยอง ว่า การดำเนินการจัดกิจกรรมคลินิกกองทุนฯ เพื่อต้องการให้ผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนอขอรับทุนวิจัย ได้รับทราบว่ามีหน่วยงานของภาครัฐ ที่ให้การสนับสนุนเรื่องการวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อนำไปต่อยอดสู้การพัฒนาประเทศได้ในอนาคต

SEKKOKU ยาสมุนไพรสายฟื้นฟู เจาะกลุ่มวัย 25-60 'แก้หลับยาก-ปวดหัวบ่อย' ลดภาวะเส้นเลือด 'ตีบ-ตัน-แตก'

ในยุคที่คนสนใจหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้นแบบนี้ แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพก็มีมากล้นจนเกลื่อนตลาด เดินไปทางไหนก็เจอสินค้าบำรุงร่างกายทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น บำรุงสายตา บำรุงสมอง บำรุงกล้ามเนื้อ และอีกสารพัดผลิตภัณฑ์บำรุง ซึ่งแต่ละแบรนด์สินค้าก็ตั้งราคาแตกต่างกันมีทั้งถูกไปจนถึงแพงระยับ

แต่หนึ่งในสินค้าที่ลงสนามและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรักสุขภาพก็คือ ‘เซคโคคุ’ ตราคินโก ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดแคปซูลที่มีส่วนผสมของสุดยอดสมุนไพรถึง 5 ชนิด

ซึ่ง ‘เซคโคคุ’ ตราคินโก ถูกพัฒนาโดยแพทย์แผนจีน ธีรพงศ์ ตั้งอร่ามวงศ์ ซึ่งนายแพทย์ธีรพงษ์ได้คลุกคลีอยู่กับผู้ป่วยที่มีอาการปวดศรีษะ แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับมาเป็นเวลากว่า 10 ปี พบเจอเคสผู้ป่วยมากกว่า 10,000 เคส บวกกับประสบการณ์ทางด้านแพทย์แผนจีน จึงได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายเหมาะกับรูปแบบชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งมีประสิทธิภาพที่ดี เห็นผลไว ที่สำคัญประกอบไปด้วยสุดยอดสมุนไพรถึง 5 ชนิด ได้แก่

‘แม่ค้าไทย’ โอด ต่างชาติยกโขยงค้าขายในไทย เปิดร้านอาหาร - ร้านน้ำผลไม้รถเข็น โกยเงินมหาศาล

(13 ม.ค. 66) จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก อาม่งหม่าล่า หม้อไฟ 梦想麻辣火锅 สาขาเยาวราช ออกมาโพสต์เรื่องราวถึงร้านอาหารที่เปิดแถวเยาวราชว่าขณะนี้ร้านคนไทยแท้ ๆ ถูกคนจีนแท้ ๆ มาเปิดร้านอาหารแข่ง แถมยังผุดขึ้นมาจำนวนมาก ทั้งที่คนไทยเสียภาษีมากกว่าคนจีน และยังตัดเพ้อถึงความยุติธรรมของกฎหมายในประเทศที่เอี้อต่างชาติมากเกินไปหรือไม่?

โดยข้อความระบุว่า "#whapshappenginthailand ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากๆค่ะ และขอพูดในฐานะพลเมืองไทย แน่นอนว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมกับกฎหมายประเทศ ที่เอื้อต่างชาติมาก ๆ ในฐานะคนที่เคยคลุกคลีกับประเทศจีน ไทยกับจีนเหมือนประเทศพี่น้อง ถือวีซ่าท่องเที่ยว (L) ก็เปิดร้านได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ ลองมาเดิน เยาวราช-สำเพ็ง ตอนนี้จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย (เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ๆ (ส่วนใหญ่วีซ่า L) ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายๆด้วย ธุรกิจร้านอาหารในจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉยๆ ก็เปิดร้านได้แล้ว Shipping ไทย-จีน คือขนส่งง่ายมากด้วย อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีแบบสำเร็จ ไม่ต้องการ ฝีมือช่างไทยทำ

การลงทุนมาเปิดร้านต่าง ๆ ในไทยเลยง่ายมาก ๆ แต่หาก หาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ (หมุนเวียน) ในประเทศน้อย การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน ไม่หนำซำ SME ไทยจะเจริญได้อย่างไรเพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติแค่หา nominee ในการทำสัญญาเช่า ก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา

‘เพื่อไทย’ โต้ ‘ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี’ พรรคไม่เคยทอดทิ้ง ชี้ การสรรหาผู้สมัครยังไม่จบ แต่ดันชิงลาออกไปก่อน

พท.ปัดให้ผู้สมัครเลิกกับคนรักต่างค่าย ลั่นไม่ยุงเรื่องส่วนตัว แจงญาติ 'ณัฐวุฒิ' ร่วมงานพรรคอื่น เตือนแล้วไม่แก้ไข ย้ำกระบวนการสรรหาผู้สมัครยังไม่จบ เจ้าตัวชิงลาออกไปก่อน

(13 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคพท.กล่าวกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ ว่านายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู ลาออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคไม่ส่งลง ส.ส.เขต และมีการเสนอข่าวว่า 4 พรรคให้ยุติความสัมพันธ์กับนักการเมืองพรรคอื่นว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ขอชี้แจงว่า 

1.) ในกระบวนการคัดสรรผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการสรรหา หลังจากนั้นจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติแล้ว จึงจะเป็นผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามของพรรคพท.ซึ่งกระบวนการดังกล่าวใช้ในการสรรหาผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ 

2.) เกณฑ์ในการตัดสินใจส่งบุคคลใดลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น พรรคพท.มีเกณฑ์การสรรหาที่โปร่งใส ชัดเจน แน่นอน โดยเฉพาะในประเด็นความซื่อสัตย์ มั่นคงกับพรรค ความชัดเจนของท่าทีทางการเมืองต่อพรรค รวมถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ทั้งในสภาและนอกสภา 

3.) ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ความรักของผู้สมัครนั้น เป็นเรื่องส่วนตัว พรรคจะไม่ไปก้าวล่วง เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล และพรรคไม่เคยขอให้ผู้สมัครรายใดยุติความสัมพันธ์กับคนรักที่สังกัดพรรคอื่นทั้งสิ้น

‘บี พุทธ์พงษ์’ เผยเหตุผลหลักร่วมทัพภูมิใจไทย เพราะมีนโยบายปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

“พรรคภูมิใจไทยยืนยันนโยบายปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมมายืนตรงนี้เพราะเรื่องนี้เป็นอันดับหนึ่ง” 

อุดมการณ์สำคัญที่สุด

สินสอด 19 ล้าน ไม่สะท้านแลนด์สไลด์ แต่ความไว้วางใจ ก็ไม่เหมือนเดิม

ในจังหวะที่ ‘บิ๊กตู่’ ได้ฤกษ์เปิดตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา พลันมือปฏิบัติการแห่งพรรคแลนด์สไลด์เช่น ‘เพื่อไทย’ โดยนายสุทิน คลังแสง ก็กู่ก้องว่า นี่เป็นแค่การแสดงความชัดเจนทางการเมือง แค่ให้รู้ว่าจะไปสังกัดพรรคไหนเท่านั้น มิได้กระทบต่อเป้าหมายแลนด์สไลด์แต่อย่างใด 

ความไว้วางต่อพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นความหวังใหม่ต่อปวงประชา ยังเหมือนเดิม!! 

แต่พลันที่ ทนายหิวแสง ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นร้อนเรื่องอดีตรองนายกรัฐมนตรีฉาว ชื่อย่อ ย. แอบคบชู้กับหญิงสาวที่มีสามีแล้ว พร้อมกับรูปภาพสยิวหลุดว่อนโซเชียล จนกลายเป็นประเด็นดรามาทางสังคมหลุดว่อน และชื่อที่คนสายเผือกไปขุดจนเจอชื่อประจักษ์แหล่ไม่ประจักษ์แหล่ ที่น่าจะจบตรงชื่อ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย สมัยอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

ความไว้วางใจต่อพรรคแลนด์สไลด์ จะเหมือนเดิมหรือไม่? ก็บอกได้ยาก!!

แม้ ย. จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่บุคคลที่ทนายหิวแสงกล่าวถึง แต่จากความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ม.ค.66 ตามรายงานของสื่อสารพัดหัว ก็ขุดเจอรากของคดีนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อระหว่างเดือนธันวาคม 2564-พฤศจิกายน 2565 โดยอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ได้คบหากับ นางสาว ธ. (อายุ25 ปี) ซึ่งมีพ่อและแม่ของนางสาว ธ. รับรู้ว่าอดีตรองนายกฯ ย. คบหากับนางสาว ธ. 

ความรักครั้งนี้งดงาม อบอวลเสมือนเสียงแห่งปวงประชาที่ต้อนรับขับสู้พรรคแลนด์สไลด์ตามนายหญิงคนใหม่และหมอคนสนิทป่าวประกาศ จนถึงขั้นอดีตรองนายกฯ ผมขาว พลัดตกหลุมรักและอยากมอบพันธสัญญาให้ฝ่ายหญิงมาดูแล จนนำมาสู่การยื่นทรัพย์สินหรือสินสอดเพื่อมาสู่ขอ 

ความน่าสนใจในสินสอด อาจจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่ทางการเมือง แต่เหมือนจะเชือดเฉือนใจหมู่พลเรือน โดยเฉพาะข้าราชการกินเงินเดือนมากพอควร พร้อมตั้งคำถามเบา ๆ ว่าอดีตรองนายกฯ ย. ยุคปูผู้นี้ช่างบริหารทรัพย์สินไว้เป็นอิสรภาพทางการเงินให้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างน่าเรียนรู้

นั่นก็เพราะปริมาณสินสอดที่ว่ากันว่าพร้อมเปย์ให้สาว 25 และ เมื่อรักมันขม ผัวก็จะขอคืนนั้น มันไม่เบา!!...

1. เงินสดจำนวน 1 ล้านบาท 
2. แหวนเพชรจำนวน 1 วงมูลค่า 5 แสนบาท มาให้กับฝ่ายหญิง
3. ทองคำ จำนวน 60 บาท รวมมูลค่าประมาณ 1.6 ล้านบาท 
4. เงินสดซื้อรถยนต์จำนวน 3 ล้านบาท 
5. เงินสดซื้อบ้านอีกจำนวน 3 ล้านบาท 
6. เงินที่โอนเข้าบัญชีฝ่ายหญิงอีก 319,000 บาท
7. เงินสดที่ฝ่ายหญิงเอาไปอีกจำนวน 10 ล้านบาท

***สรุปรวมทั้งสิ้น 7 รายการ เป็นจำนวนเงินมูลค่า 19,419,000 บาท

เรื่องรักต่างวัย ที่ไม่รู้ใครจริง!! ใครโป๊ะ!! อันนั้นคงเป็นเรื่องหนึ่งที่เริ่มซาในกระแสบ้างแล้ว เพราะเห็นแววพลิกเกมกลับไปมาว่าใครผิดถูก และน่าจะจบไม่ยาก!!

หากแต่ตอนนี้เรื่องสินสอดร่วม ๆ 20 ล้านบาทนี่ต่างหากที่สะกิดต่อมเผือกได้ถึงจุดสุดยอดกว่าภาพหลุดของคู่รักต่างวัย เพราะคิดกันตามประสาชาวบ้าน ทำมาหากินทั่วไป เรื่องของสินสอดทองหมั้นที่เก็บกลั่นออกมาจากอดีต สมัยอดีตรองนายกฯ ตั้งแต่เริ่มตั้งไข่เป็นอดีตปลัดอำเภอชั้นตรี ที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไต่เต้าไปสู่ ปลัดจังหวัดสงขลา จนไปนั่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ต่อยอดไปสู่ปลัดกระทรวงมหาดไทย จนเกษียณอายุ และก้าวเข้ามาเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีได้นั้น...

‘มัดหมี่ พิมดาว’ โพสต์อาลัย ‘ต้นเรือพลับ เพื่อนร่วมรุ่นจิตลดา ภูมิใจได้เป็นเพื่อนกัน

ภายหลังจากที่ กองทัพเรือ ได้ยืนยันผลพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 24 จากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ระบุคือร่าง ว่าที่นาวาตรี พลรัตน์ สิโรดม หรือ ‘ต้นเรือพลับ’ ลูกชาย ‘บิ๊กหนุ่ย พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม’ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งในที่ 14 ม.ค. เวลา 13.30 น. จะมีการเคลื่อนร่างไปยังวัดศรีเอี่ยม และมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.30 น.

ด้านคนบันเทิงอย่าง ‘มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย’ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของต้นเรือพลับ ก็ได้โพสต์ข้อความอาลัย

‘ลาก่อนนะพลับ เพื่อนร่วมรุ่น จิตรลดารุ่น 38 ขอให้ดวงวิญญาณของเพื่อนไปสู่สุคติ ดีใจและภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เป็นเพื่อนกับชายชาติทหารผู้กล้าและน่ายกย่องอย่างพลับนะ

‘ปชป.’ เรียกน้ำย่อย คิกออฟ 8 นโยบายฐานราก ก่อนชูยุทธศาสตร์ใหญ่ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’

(13 ม.ค. 66) ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยเตรียมการเลือกตั้งของพรรค ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงนโยบายซีซั่น 1 ของพรรคภายใต้สโลแกน ‘ทำได้ไว ทำได้จริง’ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้กล่าวว่า... 

ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง และเหลือเวลาประมาณ 2 เดือนเศษที่จะต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งมาตลอดเวลา ทั้งด้านนโยบายและด้านตัวบุคคล โดยมียุทธศาสตร์ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ สร้างเงิน เป็นยุทธศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นหลายเรื่อง เช่น ประกันรายได้คนไทย และประกันรายได้ให้กับประเทศ ส่วนการสร้างคนนั้น คือยุทธศาสตร์ทางด้านสังคมซึ่งจะมุ่งเน้นในเรื่องของการศึกษาและการสาธารณสุข สวัสดิการตลอดชีพ และสุดท้ายการสร้างชาติ ก็จะสร้างชาติด้วยนโยบายทางการเมืองที่จะมุ่งเน้นประชาธิปไตยอันนี้มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและประชาธิปไตยสุจริต ซึ่งจะมีรายละเอียดตามมาอีกครั้ง ส่วนวันนี้จะเป็นการเปิดตัว 8 นโยบายฐานรากก่อน 

สำหรับนโยบายทั้ง 8 นั้น จะมุ่งเน้นหลักไปที่การพัฒนาเกษตรและการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนทั้งในต่างจังหวัดและในกรุงเทพมหานคร โดยทางด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นโยบายด้านการเกษตรเป็นนโยบายฐานรากของคนไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วย 8 นโยบายหลัก รายละเอียดดังนี้…

นโยบายที่ 1. ประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด ซึ่งเป็นนโยบายต่อเนื่องจากความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ในการประกันรายได้ เราจะจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกร

นโยบายที่ 2. ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกข้าวกว่า 4.7-4.8 ล้านครัวเรือน เราช่วยให้ชาวนารับ 30,000 บาทต่อหนึ่งครัวเรือน นโยบายนี้สร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องชาวนา ให้มีความสามารถในการพัฒนาตัวเอง อย่างยั่งยืน

นโยบายที่ 3. ฟรี นม โรงเรียน 365 วัน เพื่อเป็นการพัฒนาเด็ก พัฒนาบุคลากรของประเทศ ซึ่งประเทศชาติต้องการพัฒนาเด็กให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในวันข้างหน้า และยังเป็นการช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้มีส่วนช่วยดูแลเด็กไทยอีกด้วย 

นโยบายที่ 4. ประมงท้องถิ่น รับ 100,000 บาททุกปี นโยบายนี้จะให้กลุ่มประมงทุกกลุ่ม กว่า 2,800 กลุ่ม ซึ่งจะได้รับทันทีเมื่อประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล เพื่อให้กลุ่มประมงมีความเข้มแข็งในตัวเองอย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top