Tuesday, 13 May 2025
NewsFeed

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจ!! สามารถลงสมัคร ส.ส. ได้ แนะ ‘อดีต 8 ส.ส.กทม.’ ต้องรักษาพื้นที่ตัวเองให้ดี

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.ได้ แต่เป็นรมต.ไม่ได้ ชี้ ‘อดีต 8 ส.ส.กทม.’ ย้ายซบ ‘ภท.’ ต้องรักษาพื้นที่ให้ได้ มองเป็นสิ่งดี ‘บิ๊กตู่’ โดดลงสนามการเมือง เพิ่มทางเลือกปชช. ลั่นไม่มีใครดีกว่าใคร อยู่ที่สถานการณ์วันนั้นใครเหมาะสมนำพาชาติ

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.50 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติส.ส. จะสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ หลังเคยต้องคดีชุมนุมทางการเมืองกับกปปส. ที่ต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว สามารถลงสมัครส.ส.ได้ เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่ตนเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพส.ส. ก็เป็นการร้องในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.อยู่ และเหตุการณ์จบไปแล้ว ซึ่งหากได้เป็นส.ส.ในครั้งนี้เรื่องดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญได้ระบุคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษา โดยไม่คำนึงว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนจะลงสมัครส.ส.หรือไม่อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจะพิจารณาอีกครั้ง

‘บี พุทธิพงษ์’ ชูนโยบาย ‘ภูมิใจกรุงเทพ’ เน้น ‘ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้-พัฒนาคุณภาพชีวิต’

วันนี้ (11 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของบรรดานักการเมืองที่ทยอยเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ โดยวันนี้มีการเปิดตัว นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคให้การต้อนรับ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาดูแลกทม. นายอนุทิน กล่าวว่า ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังนี้โดยเฉพาะ นายพุทธิพงษ์ ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์กับตนมีตั้งแต่รุ่นพ่อแม่มาถึงรุ่นลูก และนายพุทธิพงษ์ทุ่มเท มีความสามารถ ความตั้งใจรับใช้บ้านเมือง ซึ่งตรงกับความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย เติมเต็มพรรคภูมิใจไทยให้เป็นพรรคการเมืองของประเทศ

จากนั้น นายพุทธิพงษ์ได้นำเสนอนโยบายว่า “ในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองหลักของประเทศ ขอนําเสนอนโยบายที่เร่งฟื้นตัวความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ ที่ถือได้ว่าหากกรุงเทพฯ ฟื้นตัวก็จะสามารถส่งผลไปยังทั้งประเทศ กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนหัวใจหลักของประเทศไทย พรรคภูมิใจไทย พวกเราขอดูแลคนกรุงเทพฯ ทุกวัน ทุกเวลา และครอบคลุมทุกวัย มาร่วมกันทํา เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ภูมิใจ…ภูมิใจกรุงเทพ” โดยนโยบายที่นำเสนอ ได้แก่

เพิ่มรายได้ การหารายได้เพิ่มได้ 3 กะ : เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ส่งเสริมกิจกรรมใหม่ ๆ เพราะวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ หมุนตลอด 24 ชม. เปิดพื้นที่การค้าขาย ที่ขายได้ตลอดวัน เน้นการสร้างงาน กระจายรายได้ เพิ่มกิจกรรมที่สามารถรองรับ นักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม. คล้ายตลาดนัด ที่ได้รับความนิยมที่ประเทศไต้หวัน หรือ ประเทศเกาหลี และต้องจัดระบบดูแล ความปลอดภัยทั้งแสงสว่าง กล้องวงจรปิด รวมทั้งระบบการขนส่งเพื่อรองรับ คนทํางานช่วง กลางคืน

พันธบัตรรัฐบาล (Thai Power Bond) พันธบัตรรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิซื้อก่อน นิติบุคคล หรือสถาบันการเงินต่างประเทศ เป็นการส่งเสริมการออมและ ประกันเงินฝาก สามารถเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเพิ่มความมั่นคงในการออมเงิน และเศรษฐกิจของประเทศ

ลดรายจ่าย ทั้งนี้ พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอก : ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับ เงินกู้นอกระบบที่คิดร้อยละ 3 ต่อเดือน ถือได้ว่า สามารถช่วยผู้กู้ประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยตรงนี้ ได้ถึงเดือนละ 30,000 บาทต่อเดือน

One day Pass Ticket ตั๋ววัน : ค่าเดินทางที่เป็นต้นทุนของการดําเนินชีวิต หากเราสามารถล็อกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ให้แพงเกินไป รถ เรือ เริ่มต้น 15 บาท ตลอดวันไม่เกิน 50 บาท รถไฟฟ้า เริ่ม 15 บาท ตลอดสายไม่เกิน 40 บาท

เครื่องกองน้ำดื่มชุมชน : น้ำดื่มเป็นต้นทุนที่สูงประชาชนต้องนําเงินส่วนหนึ่ง เพื่อมาชื้อน้ำดื่ม จ่ายเงินเพื่อเติมเงิน เพื่อกรองนํ้าไปใช้ ส่วนนี้จะต้องไม่เป็นภาระของประชาชนในทุกชุมชนอีกต่อไป รวมถึง ติดโชลาร์ รูฟ ฟรี ทุกครัวเรือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าไฟของประชาชน

ลดภาษี 2 ทาง ผู้ให้/ผู้รับ : วัยทํางานต้องไม่เสียภาษีซ้ำซ้อน (ใช้ VAT เพื่อหักภาษีส่วนบุคคล สูงสุด 150,000 บาท/ปี) วัยทํางานที่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนจะต้องหมดไป และจะได้นําเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายส่วนอื่น ในการสร้างเนื้อสร้างตัว

วัยเกษียณที่ยังคงทํางาน จะมีนโยบายในการ ปรับเพดานภาษีเงินได้ เงินส่วนนี้ต้องเสีย น้อยที่สุด เพื่อนําเงินส่วนต่างมาเป็นเงินออม เก็บไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเอง

ให้โอกาส โดยให้ชีวิตคืนสู่ครอบครัว : รักษาฟรีมะเร็ง เคยมีคําพูดใครในบ้านเป็นมะเร็ง ถือได้ว่าเป็นทุกข์ทั้งบ้าน ต่อไปนี้การรักษามะเร็ง จะฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อแบ่งเบาทุกข์ของทุกคน ในครอบครัว

ฟอกไตฟรี เช่นเดียวกันภาวะคนป่วยโรคไต ถือได้ว่าเป็นภาระที่หนักต่อครอบครัวที่ต้องดูแล ต่อไปนี้นโยบายฟอกไตฟรีจะมีขึ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของทุกคน

ผู้สูงอายุ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ/ไข้หวัดใหญ่ โควิด ฟรี-ฉีดถึงบ้าน เพื่อเป็นการบริการให้กับ ผู้สูงวัย ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่มีปัญหาในการ ออกมารับวัคซีน ถือเป็นการกระจายให้คนกรุงเทพฯ ได้รับการบริการทางสาธารณสุขได้ครอบคลุมขึ้น ไม่เฉพาะกับคนเท่านั้น

‘บิ๊กป้อม’ ให้โอวาทข้าราชการทุน ม.หัวเฉียว ขอให้ตั้งใจศึกษา นำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ

พล.อ.ประวิตร รับคณะ ข้าราชการ ทุน ม.หัวเฉียว เยี่ยมคารวะ และรับพร ก่อนเดินทางไปศึกษา ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี แน่นแฟ้น ไทย-จีน  

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับคณะกรรมการบริหารการศึกษาไทย-จีน และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยข้าราชการของไทยที่ได้รับทุนการศึกษา จาก ม.หัวเฉียว ประเทศจีน รุ่นที่18 จำนวน 80 คน ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดี กับผู้ได้รับทุนการศึกษาในรุ่นนี้ และกล่าวขอบคุณ ต่อคณะกรรมการบริหารการศึกษาไทย-จีน สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ม.หัวเฉียว แห่งประเทศจีน ที่ได้จัดทำโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทย ซึ่งโครงการนี้มีความก้าวหน้ามาถึงรุ่นที่ 18 ผู้ได้รับทุนจบการศึกษามาแล้วกว่า 800 คน โดยผู้สำเร็จการศึกษาได้กลับมาปฏิบัติงาน และสร้างการประสานงานระหว่างหน่วยงานของทั้ง 2ประเทศ ให้มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันเป็นอย่างดียิ่ง โดยโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัย ท่านประธานาธิบดี เจียงเจ๋อหมิน ที่ได้จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อให้ทุนการศึกษาแบบให้เปล่า โดยไม่มีเงื่อนไข และอยู่ในกำกับดูแลของ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ตั้งแต่ ปี 2547 ซึ่งถือว่าโครงการนี้เกิดประโยชน์และประสบความสำเร็จ อย่างน่าพอใจ โดยสามารถเพิ่มทักษะทั้งภาษา ไทย-จีน-อังกฤษ ได้ในคราวเดียวกันเป็นอย่างดี

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘ทูตอิหร่าน’ ร่วมหารือหลากมิติ พร้อมเชิญชวนชาวอิหร่านท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น

‘พล.อ.ประวิตร’ ต้อนรับ ทูตอิหร่าน เยี่ยมคารวะ/หารือความร่วมมือ ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ยินดีซื้อข้าวไทย และชวนนักท่องเที่ยวมาไทย เพิ่มขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย ช่วยฟื้นฟู ศก.ประเทศไทย

เมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 66) เวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายซัยยิด เรซา โนบัคตี (His Excellency Mr. Seyed Reza Nobakhti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-อิหร่าน ณ ห้องรับรองชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวต้อนรับนายซัยยิด เรซา โนบัคตี พร้อมยืนยันรัฐบาลไทยจะร่วมพัฒนาความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่อง และยินดีส่งเสริมความร่วมมือในสาขา ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งด้านความมั่นคง พลังงาน เศรษฐกิจ การค้า การเกษตร สังคม วัฒนธรรม และสาธารณสุข

ชาวสวนปาล์มกระบี่ เดือด หลัง 'ลานเท –โรงสกัด' หยุดรับซื้อปาล์มน้ำมัน จี้สอบด่วน ผิดปกติ ผลผลิตไม่มาก ทุบราคาปาล์มร่วง 70 สตางค์

ชี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พร้อมปลุกเกษตร นำผลปาล์มไปขาย รง.ต่าง จว.

(11 ม.ค. 66) นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ และเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ได้รับผลกระทบจากลานเทและโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน หยุดรับซื้อปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ประมาณ 20 คน เข้ายื่นหนังถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ โดยมีนายสมปอง รัตนะ ผอ.กลุ่มบ้านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด รับเรื่องแทนเนื่องจากผู้ว่าติดประชุมด่วน 

นายพันศักดิ์ กล่าวว่า ซึ่งจากตามที่ปรากฏในข่าว และมีข้อเท็จจริงว่าลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน หยุดรับซื้อปาล์มทะลาย เนื่องมาจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม จำกัดปริมาณการรับซื้อ หรือไม่รับซื้อปาล์มทะลายทั้งในเขตจังหวัดกระบี่  และจังหวัดใกล้เคียงปัจจุบันปาล์มน้ำมันมีปริมาณผลผลิตไม่มาก แต่ทำไมจึงมีผลผลิตตกค้าง ไม่สามารถสกัดได้ทันต่อจำนวนผลผลิต 

เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบในการนี้ จึงขอความอนุเคราะห์มายังผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กจร) ตามพรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 ตรวจสอบ สอบสวนพฤติการณ์ลานเทรับซื้อปาล์ม และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มว่า มีพฤติการณ์ปั่นป่วนราคา จงใจทำให้ราคาผลปาล์มต่ำเกินจริงโดยไม่มีเหตุอันควร ตามมาตรา 29 หรือไม่พร้อมขอให้ตรวจสอบ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มว่ามีพฤติการณ์ หยุดการให้บริการตามปกติ หรือปฏิเสธการให้บริการ หรือประวิงการให้บริการ โดยไม่มีเหตุอันควรตามมาตรา 31 หรือไม่ประการใด จึงเรียนมาเพื่อให้ ผวจ.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 เพื่อประโยชน์ต่อความเป็นธรรมด้านราคาแก่เกษตรกร ต่อไป  

ต่อมานายเกียรติศักดิ์ นารีเลิศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกระบี่ ได้รับมอบหมายจาก ผวจ.กระบี่ ให้เชิญตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันโดยมีเกษตรจังหวัดกระบี่ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยในที่ประชุม ได้มีการนำปัญหา ลานเทและรง.ปาล์ม หยุดรับซื้อ โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีผลปาล์มสะสมและเมื่อโรงงานเปิดเกษตรกรก็ได้มีการตัดผลปาล์มขายในเวลาพร้อมๆกัน

ศรชล.ภาค 1 ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อับปาง

วันนี้ (11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) ท่าเรือประจวบ และประชาชนในพื้นที่บางสะพาน ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ร.ล.สุโขทัย อับปาง ณ บริเวณท่าเรือประจวบ โซนท่าเทียบเรือ C ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

โดยมี พลเรือโทพิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 เป็นประธานในพิธี ร่วมกับส่วนราชการอำเภอบางสะพาน ส่วนท้องถิ่น กู้ภัย และบริษัท ท่าเรือประจวบ ซึ่งได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูปจากวัดเขาตะล่อม และวัดห้วยทรายขาว อ.บางสะพาน มาประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ 

ในการประกอบพิธี ได้มีการนำโถที่ภายในบรรจุรูปและชื่อของกำลังพลที่เสียชีวิต มาเป็นสิ่งแทนที่ใช้สำหรับทำพิธี โดยมีญาติและครอบครัวของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่ยังสูญหายและเสียชีวิต มาร่วมในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ด้วย

'อนุทิน' ขอบคุณ อสม. ด่านหน้าดูแลสุขภาพคนไทย ยัน!! 'สาธารณสุข' มอบ 'สวัสดิการ-ดูแล' ต่อเนื่อง

(12 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ประเทศไทยประกาศปรับระดับโรคโควิด19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มาตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 โดยภาพรวมขณะนี้ถือว่ายังดีขึ้นต่อเนื่อง และรายงานล่าสุดของกรมควบคุมโรค วันที่ 1-7 ม.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่าทั่วประเทศมีผู้ป่วยรายใหม่ 997 คน หรือเฉลี่ยวันละ 142 คน นับว่าเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน หน่วยงานของรัฐ เอกชน ภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้เน้นย้ำว่าความสำเร็จในการบริหารจัดการโควิด19 ของไทย มีส่วนสำคัญจากการทำงานหนักของบุคลากรทุกระดับ รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เป็นกองหน้าในการช่วยดูแลสุขภาพคนไทยไปถึงชุมชนระดับฐานรากทั้งในช่วงเกิดโรคระบาดและสถานการณ์ปกติ และขอบคุณพี่น้องอสม. ที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆในการดูแลคนไทยมาโดยตลอด เป็นด่านหน้าคนแรก ๆ ที่เข้าไปดูแลคนชุมชนหรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. จึงได้เน้นย้ำถึงนโยบายการดูแลและมีสวัสดิการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ อสม. ทั่วประเทศให้ต่อเนื่องสอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งช่วงมีการแพร่ระบาดของโควิด19 และสถานการณ์ปกติ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข มีสวัสดิการที่เป็นขวัญกำลังใจแก่ อสม.และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร(อสส.) 1,050,306 คน อาทิ ค่าตอบแทนเดือนละ 1,000 บาท ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19 คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้เพิ่มเติมอีกเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 30 เดือนหรือ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ มี.ค. 63- ก.ย. 65 รวมกว่า 15,000 ล้านบาท และมีสวัสดิการดูแลสุขภาพตามรายการตรวจสุขภาพประจำปี ภายใต้ระเบียบสาธารณสุข ว่าด้วยการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล เพื่อให้ อสม. ได้รับการตรวจสุขภาพตามช่วงวัย อาทิ การประเมินคัดกรองความดันโลหิต, ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด(Thai CV risk score), ภาวะซึมเศร้า,ภาวะเครียด  สำหรับผู้มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพิ่มการตรวจความเข้มข้นระดับน้ำตาลในเลือด(FBS)ตรวจอุจจาระ (Stool examination)สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงพยาธิใบไม้ตับ และกรณีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการประเมินภาวะถดถอย 9 ด้าน

‘บางจาก’ ซื้อ ‘เอสโซ่’ จ่ายค่าหุ้นครึ่งหลังปี 66 เพิ่มศักยภาพโรงกลั่น - ได้ปั๊มน้ำมันอีก 700 แห่ง

บางจากฯ ประกาศซื้อหุ้นและทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของเอสโซ่(ประเทศไทย) โดยทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับจาก ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 สัดส่วน 65.99 % ที่มีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และเตรียมทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ซื้อหุ้นเอสโซ่ทั้งหมด ต่อไป ส่วนราคาซื้อขายหุ้น หากอ้างอิงตามงบการเงินไตรมาส 3/2565 เบื้องต้นประมาณ 8.84 บาทต่อหุ้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 พร้อมก้าวสู่บริบทใหม่เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ได้มีมติเอกฉันท์อนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ('ExxonMobil') โดยบางจากฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับ ExxonMobil เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อขายและชำระเงินค่าหุ้นแก่ผู้ขายได้ภายในครึ่งหลังของปี 2566 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนที่กำหนด และเตรียมพร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด (tender offer) ของเอสโซ่ หลังจากการทำธุรกรรมกับ ExxonMobil เสร็จสิ้น

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงทางพลังงานที่มากขึ้นของบางจากฯ และประเทศไทย เป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เพิ่มความยั่งยืนและเพิ่มการเข้าถึงพลังงานได้ง่ายขึ้น เชื่อมั่นว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการพลิกโฉมสู่บริบทใหม่สำหรับบางจากฯ และประเทศไทย

การลงทุนครั้งนี้มีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องคือโรงกลั่นน้ำมันกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 700 แห่ง ก่อให้เกิดการประหยัดเชิงขนาดและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท โดยจะทำให้บางจากฯ มีกำลังการกลั่นน้ำมันรวม 294,000 บาร์เรลต่อวัน และเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,100 แห่ง สามารถดำเนินธุรกิจโรงกลั่นได้ครบวงจรมากขึ้น จัดหาน้ำมันดิบได้หลากหลายขึ้น และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง และการให้บริการด้านการตลาดที่ครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้ยิ่งขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ช่วยเพิ่มพูนทักษะและความสามารถของพนักงาน สร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจและก่อให้เกิดการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มบริษัทบางจากในการมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

หนุ่มโพสต์ถูกกลุ่มวัยรุ่นย่าน MBK ขู่ห้ามใส่เสื้อลาย โอด!! ความปลอดภัยของประเทศไม่เคยดี

หนุ่มรายหนึ่งโพสต์ข้อความเตือนภัยหลังตนเองถูกกลุ่มวัยรุ่นย่าน MBK ขู่ห้ามใส่เสื้อลาย โอดความปลอดภัยของประเทศไม่เคยดี ก่อนถามชาวเน็ตแนะนำการแต่งตัวให้ที

เมื่อวันที่ (11 ม.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเตือนภัยหลังตนเองสวมเสื้อลายเดินอยู่แถวห้าง MBK กลับโดนกลุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามาขู่พร้อมอาวุธในมือซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร ก่อนจะเอ่ยปากขู่ตนเองว่า คราวหน้าห้ามใส่เสื้อลายมาอีก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตกใจแก่ตัวผู้โพสต์เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“เตือนภัยนิดหนึ่งครับ!

สถานการณ์มันมีอยู่ว่า ผมบังเอิญจะไปขึ้นรถเมล์ครับ
ร้อยวันพันปีไม่เคยอยากขึ้นเลย วันนี้แค่อยากลองนั่ง

จังหวะเดินไปรอ ผมเดินจากสยามข้ามไปฝั่ง MBK
คิดว่าไม่น่ามีอะไร เพราะปกติก็ไม่เคยมีอะไร

ใช่ครับ ผมโดนวัยรุ่น ผช.เดินมาเช็ก!!

'กรณ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชาติพัฒนากล้า ชูนโยบาย 'งานดี มีเงิน ของไม่แพง' ปลดแอกประชาชน

‘กรณ์’ นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดวิสัยทัศน์ 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชูนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ จับตา ชุดนโยบาย พร้อมปล่อยทุกสัปดาห์ เน้นรื้อโครงสร้าง ปลดแอกประชาชน เชื่อ สะเทือนหลายวงการ 

(12 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคชาติพัฒนากล้า ได้จัดเวทีเปิดวิสัยทัศน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่องาน ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสุราษฎร์ธานี’ นำทีมโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างเนืองแน่น 

สำหรับว่าผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในวันนี้ มี 3 คน จาก 3 เขตเลือกตั้ง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่ นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขตเลือกตั้งที่ 5 นายวศุธน เรืองขนาบ ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสุราษฎร์ธานีให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาว จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดีขึ้น โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง 

นายอนุวัตร์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมากว่า 8 ปี ทั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม 2 สมัย ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยนายอนุวัตร์ กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มในทุกระดับการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ไม่สร้างความเสียหายทางจริยธรรมทางสังคม การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญระหว่าง กลไกทุน และระบบความคิดของประชาชน ที่จะทำให้เมืองสุราษฎร์ธานีก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่การจะไปสู่จุดหมายได้นั้น ต้องมีความกล้าที่จะกำจัดสิ่งปนเปื้อนประชาธิปไตยไทยให้หมดไปสิ้นไป พลเมืองของแผ่นดินจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างสิ่งปนเปื้อน หรือเป็นผู้กำจัดสิ่งปนเปื้อน 

นางพงศ์ศรี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ประกอบอาชีพ ทนายความ ชาวบ้านเรียกว่า ทนายอ๋อย เจ้าของธุรกิจโรงแรม และสำนักงานทนายความ โดยเจ้าตัวเปิดเผย ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ว่า เนื่องจากมีแรงผลักดันจากวิกฤตชีวิตของครอบครัว ที่เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสามี ลูก และหลาน เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบากเพื่อให้ได้รับเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ผลักดันการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เพื่อช่วยเหลือชาวเกาะสมุย ที่ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการผูกขาดการเดินทาง ของเครื่องบิน และเรือข้ามฟาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนบนเกาะถึง 2 เท่า และยังเป็นปัญหาต่อการทำมาหากิน การสร้างสะพาน จึงเป็นการชุบชีวิตคนรากหญ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนพบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยที่จะให้สร้างสะพานเชื่อมเกาะ ประชาชนต้องสามารถกำหนด กฎเกณฑ์การเข้าเกาะสมุย ไม่ใช่เอกชนเพียงไม่กี่รายที่ได้ประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน  

นายวศุธน ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5 เป็นนักธุรกิจเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ มีความสนใจการเมือง เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้า ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเสนอตัวรับใช้คนสุราษฎร์ธานี ซึ่งตนต้องการเห็นเศรษฐกิจสุราษฎร์ดี คนสุราษฎร์รวย รู้เท่าทันเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วที่สุราษฎร์ธานีต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิรูปสังคมให้ทันยุคทันสมัย ปลดล็อกการค้าเสรี สุรา เบียร์ ต้องไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน นอกจากนี้ตนยังสนใจกีฬามวยไทยเป็นพิเศษ และพร้อมผลักดันสู่การเป็น Soft power ซึ่งคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ได้ประกาศจุดยืนในเรื่องนี้มาตลอด

ด้าน นายกรณ์ กล่าวว่า สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ทั้งด้านการเกษตรและท่องเที่ยว ในแง่ทรัพยากรธรรมชาติได้เปรียบหลายจังหวัด แต่ขาดแรงผลักดันที่จะไปต่อ ทั้งที่สามารถทำได้ดีกว่านี้มาก เช่นเดียวกับ สะพานข้ามเกาะสมุย ตนก็เห็นด้วยที่จะต้องสร้าง เพราะต้นทุนความเป็นอยู่ของชาวเกาะสมุยสูงกว่าแผ่นดินใหญ่มาก ซึ่งการมีสะพานนอกจากสร้างเศรษฐกิจให้กับชาวเกาะสมุย และจ.สุราษฎร์ธานีแล้ว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาคใต้ ที่สามารถต่อยอดการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ได้ 

นอกจากนี้ โครงการมอเตอร์เวย์ จะต้องเกิดที่ภาคใต้ เพราะจะทำให้ต้นทุนความเป็นอยู่ของประชาชนลดลง โอกาสในการค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในทุกความคิด ทุกข้อเสนอ จะมีโอกาสผลักดันให้เป็นจริงได้ ถ้าประชาชนไว้วางใจ ว่าที่ผู้สมัคร 3 คน ของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่พรรคได้คัดสรรมา ว่าจะเป็นผู้แทนที่ดีให้กับ ชาวสุราษฎร์ธานีอย่างแน่นอน ซึ่งตนและว่าที่ผู้สมัคร ก็พร้อมสู้ในทุกสนามเลือกตั้ง 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดพื้นที่ให้คนทั้ง รุ่นเก๋ามากประสบการณ์ ผสมผสานคนรุ่นใหม่ที่มีจินตนาการ ได้มีโอกาสมารับใช้ชาติ เพื่อให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เศรษฐกิจไทยต้องเข้มแข็งเพื่อการแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ถ้าการเมืองไทยยังเป็นแบบเดิม โอกาสที่ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงต้องยึดความกล้าเป็นปัจจัยและเงื่อนไขในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกช่วงวัย ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง นโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นับวันนับปี เงินภาษีก็ใช้ไปเรื่อย ๆ แต่คนก็ยังจนเหมือนเดิม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top