Wednesday, 14 May 2025
NewsFeed

ผู้เสียหายแฉยับ 'เพชรพันปี' จอมจัดฉากขายสินค้าไม่ตรงปก ด้าน 'หมอดูดัง' ลากไส้ซ้ำ หวังทวงคืนความบริสุทธิ์ให้ 'บิ๊กเอ็ม'

(7 ม.ค. 66) เวลา 12.00 น. โรงแรม TK Palace แจ้งวัฒนะ ห้องไอวี่ 3 คุณฝ้ายหนึ่งในผู้เสียหายจากการซื้อเพชรจากคุณเพชรพันปี หรือร้าน พีดับบลิว เจมส์ แอนด์ ไดมอนด์ ซึ่งร้านนี้กำลังเป็นประเด็นกับ 'ณวัฒน์ อิสรไกรศีล' บอสใหญ่แห่งเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และ มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเธอออกมาแฉว่าเพชรที่ซื้อมาจากร้านนี้นั้นได้ไม่ตรงตามสเปก

คุณฝ้ายกล่าวว่า ตนรู้จักกับคุณเพชรพันปีมาสิบกว่าปีแล้ว หากหลายคนจะสงสัยว่าทําไมโดนหลอก ตนรู้จักตั้งแต่สมัยทําเบาะรถยนต์ คุณเพชรพันปีมักจะพรีเซนต์ตัวเองเสมอว่า เป็นสะใภ้แสนล้าน เปิดมูลนิธิ ทําบุญช่วยเหลือผู้คน นี่ทําให้ตนยิ่งเชื่อใจตัวเขาไปใหญ่ โดยการสั่งซื้อสินค้าจากทางร้านช่วงแรก ๆ สินค้าสวยจริงตามที่โฆษณา แต่มันเป็นแค่ช่วงแรกเท่านั้น เวลาผ่านมานานตนก็ยังซื้อสินค้าจากทางร้านต่อเนื่อง และไม่ได้เช็กต่อเนื่องด้วยความไว้ใจ หลังจากร้านนี้เกี่ยวโยงกับคดีดังตนเลยนำเพชรที่ซื้อมาจากร้าน ไปตรวจสอบ ผลปรากฏว่าเพชรที่ซื้อมานั้น เป็นเพชรจริงแต่ไม่ตรงตามสเปกตามที่โฆษณาไว้

“ฝ้ายเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่เป็นคนรวบรวมผู้เสียหาย แล้วก็เป็นคนแรก ๆ ที่ กล้าพูดว่า สินค้าของร้านนี้ ไม่ได้มาตรฐานตามที่โฆษณา ตนมีหลักฐานคือการนําสินค้าที่ได้รับจากร้านไปตรวจ กับสถาบันที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือได้หลายชิ้น ผลปรากฏว่าสินค้าของเขาไม่ตรงตามสเปก” คุณฝ้ายกล่าว

คุณฝ้ายยังเผยอีกว่า ไม่นานมานี้คุณเพชรพันปีเพิ่งจะอัดคลิปอธิบายว่า แหวนนพเก้ารุ่นหนึ่ง พลอยตรงกลางจะต้องเป็นพลอยจากแล็บทั้งหมด เนื่องจากวิธีการฝัง มันฝังไม่ได้ เนื่องจากไม่มีหนามเตย ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่าหากคุณเพชรพันปีพูดแบบนี้ นั่นหมายความว่ารุ่นนี้ จะต้องเป็นพลอยจากแล็บทั้งหมด แต่บังเอิญมีผู้เสียคนหนึ่ง เขานำเพชรรุ่นเดียวกันไปตรวจมาเมื่อวาน (6 ม.ค. 66) ผลปรากฏว่าพลอยตรงกลางมันเป็นพลอยแท้ นั่นหมายความว่าจากที่คุณเพชรพันปีพูดมันย้อนแย้งหรือเปล่า? 

'เพื่อไทย' จวก 'ประยุทธ์' ภาวะผู้นำเสื่อมถอย ทำโมโหกลบเกลื่อน หลังถูกจี้ถามปมหลานชายเอี่ยวทุจริต

(7 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โมโห ฉุนเฉียว หลังถูกจี้ถามปมที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย หลังเปิดโปงหลักฐานแฉโยงชื่อหลานชายของ พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ว่า ดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ตอนถูกถามเรื่องหลานชายเอี่ยวคดีตู้ห่าว กับตอนพูดเรื่องจะไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นคนละคนกัน สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล 8 ปีที่ผ่านมาคนไทยต้องรับสภาพพล.อ.ประยุทธ์ที่ภาวะผู้นำเสื่อมถอย พอนึกได้ก็บอกว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น แต่พอเรื่องไหนจวนตัวเสี่ยงจะเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ ก็ออกอาการโมโหฉุนเฉียวพาลใส่ประชาชน สภาพเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ 

สื่อมวลชนถามว่าหลานชายมีเอี่ยวคดีตู้ห่าวหรือไม่ก็ตอบไป ไม่เห็นต้องโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดอะไรขนาดนั้น ประชาชนตั้งคำถาม 8 ปีที่ผ่านมาข้าราชการระดับสูงหลายคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้รับอิทธิพลหรือถูกครอบงำจากพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ศึกอภิปรายเป็นการทั่วไปโดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ภายใต้ยุทธการถอดหน้ากากคนดีย์ 4 ปีแปดเปือน นอกจากจะมีประเด็นเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน การจัดซื้อจัดจ้างผิดปกติมีปัญหา เชื่อว่าประเด็นภาวะผู้นำเสื่อมถอยของพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องถูกนำมาตั้งคำถามด้วย

'อนุทิน' ปลื้ม!! 'สธ.-คมนาคม-ท่องเที่ยว' ประสานงานดีเยี่ยม มีแผนดูแล-ต้อนรับนักท่องเที่ยว หลังโควิด-19 ทุเลา

(7 ม.ค. 66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ติดตามผลงานของกระทรวงในการกำกับดูแลตลอดปี 2565 และช่วงก่อนหน้า ทั้งสาธารณสุข คมนาคม การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ความเชื่อมั่นว่าหน่วยงานในกำกับได้มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีพอใจการดำเนินงานของหน่วยงานในกำกับ โดยเฉพาะในช่วงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทุกหน่วยงานได้ประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่การแพร่ระบาดอยู่ในการควบคุม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในช่วงที่โควิด-19 ยังแพร่ระบาดกระทรวงคมนาคมได้เร่งผลักดันการลงทุนโครงการที่อยู่ในแผนหลายโครงการ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ทางด่วน มอเตอร์เวย์ สนามบิน ท่าเรือ ระบบโลจิสติกส์และการขนถ่ายสินค้า เพื่อเป็นเครื่องยนต์ประคองเศรษฐกิจได้ในช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงจากโรคระบาด และเตรียมประเทศให้พร้อมรับการกลับมาของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทันทีที่โควิด-19 คลี่คลาย 

“รองนายกฯ อนุทิน มั่นใจว่าขณะนี้ประเทศไทยมีความพร้อมรับทั้งนักท่องเที่ยว และนักลงทุน เพราะในช่วงโควิด-19 ระบาด ทุกหน่วยงานไม่ได้หยุดรออะไร แต่เดินหน้าตามแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อพ้นโควิด-19 แล้ว นักท่องเที่ยว นักลงทุนจะต้องมาประเทศไทย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

'ตม.เชียงราย' สกัดจับรถขนแรงงานต่างด้าว หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สาย

(7 ม.ค. 66) พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายรับรายงานว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากชายแดนแม่สายไปส่งจังหวัดเชียงใหม่จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติธร นาคเกลี้ยง รองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย, ร.ต.อ.รัชภูมิ ฤทธิศร รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย นำกำลังชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายร่วมกับสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง 5 ติดตามไปถึงบริเวณถนนหมายเลข 1063 ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมือง พบรถปิกอัป 3 คันขับตามกันมามุ่งหน้าไปทางอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงขับรถไล่สกัดบังคับรถทั้ง 3 คันให้จอดเพื่อทำการตรวจค้น

.

คันแรกเป็นรถปิกอัปโตโยต้าวีโร่สีดำ ทะเบียนเชียงใหม่โดยมีนายใจเป็นคนขับรถนำทางคอยดูต้นทาง

.

คันที่ 2 รถปิกอัปโตโยต้าวีโก้ทะเบียนเชียงใหม่ โดยมีนายวันเป็นคนขับรถขนแรงงานชาวเมียนมามา 10 คน เป็นชาย 6 หญิง 2 เด็ก 2 คน 

ฐานทัพเรือสัตหีบ ส่งกำลังพลร่วมบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันนี้ 7 ม.ค.66 เวลา 09.00 น. นาย สุนทร มูเนาวาเราะ นายอำเภอสัตหีบ/นายกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ มอบหมายให้ นาง พิกุล โสภา ปลัดอำเภอสัตหีบและเลขานุการกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ นำคณะที่ปรีกษา รองนายกกิ่งกาชาด คณะกรรมการ และสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ เข้ามอบเงินและร่วมส่งกำลังพลของฐานทัพเรือสัตหีบ กองทัพเรือ เข้าร่วมในโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป เพื่อถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน 

ตามที่ กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้อำเภอสัตหีบ ประสานและเชิญชวนบุคลากรจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไปเข้าร่วมโครงการฯ ในวันที่ 9 ม.ค.66 เวลา 13.00 น.พิธีปลงผมนาค ณ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมปทีป อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ในวันที่ 10 ม.ค.66 เวลา 07.00 น.พิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดบึงบวรสถิตย์ และวัดเจริญธรรม ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และวัดพยอม ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจเยี่ยมการฝึกและสังเกตการณ์การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) ในการฝึกภาคสนามและภาคทะเล (FTX) การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) ในการฝึกภาคสนาม และภาคทะเล (FTX) การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 บน เรือหลวงอ่างทอง และ บริเวณเกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต 

เวลา 12.40 น.ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางมาถึงเรือหลวงอ่างทอง โดยมี พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ให้การต้อนรับ จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ฝึกฯ รวมทั้งได้ตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการในทะเล และโรงพยาบาลสนามบนเรือ ณ ห้องควบคุมปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก ต่อมาในเวลา 13.50 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ชมการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) และการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลร่วมกับหน่วยงานใน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จากนั้นในเวลา 14.30 น. ผู้บัญชาการทหารเรือได้เดินทางต่อไปยังเกาะราชาใหญ่ เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางบกและการส่งกลับผู้ป่วยด้วยอากาศยานส่งต่อทางการแพทย์

อนึ่ง กองทัพเรือได้จัดให้มีการฝึกกองทัพเรือเป็นประจำทุกปี เพื่อให้กำลังพลจากกรมในส่วนบัญชาการส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ ส่วนการศึกษาและวิจัย ได้บูรณาการการฝึกของหน่วยต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้มีความพร้อม ในการเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต อันจะทำให้กองทัพเรือสามารถดำรงบทบาทในฐานะหน่วยงานความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการฝึกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างขีดความสามารถกำลังพล และยุทโธปกรณ์ ทั้งนี้ต้องมีการฝึกภาคสนามและภาคทะเล (FTX) ควบคู่กับการฝึกดังกล่าว ซึ่งเป็นการฝึกภาคปฏิบัติของหน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการทดสอบขีดความสามารถในระดับยุทธวิธีมาทำการฝึกภาคปฏิบัติร่วมกัน

นอกจากนี้กองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากธรรมชาติที่นับวันมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว การป้องกันที่ดีที่สุดคือการซักซ้อมและเตรียมการรับมือในช่วงสภาวะปกติ ดังนั้น กองทัพเรือจึงได้จัดการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2566 ในเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติขึ้นในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันในห้วง วันที่ 4 - 6 มกราคม 2566 เพื่อเป็นการทดสอบ และซักซ้อมความเข้าใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันของกองทัพเรือและหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกันและทำงานร่วมกันอย่างบูรณการ สำหรับการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ ดังนี้

1) เพื่อทดสอบการปฏิบัติตามร่างแผนบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พ.ศ.2566

2) เพื่อทดสอบแนวความคิดในการปฏิบัติของ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ และ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ทัพเรือภาคที่ 3 ตาม (ร่าง) แผนบรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พ.ศ.2566

3) เพื่อทดสอบขีดความสามารถ ความพร้อม องค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี ของหน่วยในกองทัพเรือ ในการปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติ (การประเมินความต้องการและความเสียหาย การเคลื่อนย้ายกำลังการค้นหาและช่วยเหลือฯ การแพทย์ สารเคมีและปนเปื้อน)

และ 4) เพื่อทดสอบการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานกองทัพเรือ ศรชล. และจังหวัด ในระดับการสั่งการและการปฏิบัติ ในการปฏิบัติการบรรเทาภัยพิบัติ

โดยการฝึกครั้งนี้ได้มีการสมมุติสถานการณ์การเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้เกิดการตัดขาดระหว่างฝั่งและเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต และก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ของเกาะราชาใหญ่ ดังนั้น จังหวัดภูเก็ตจึงได้ร้องขอให้ ทัพเรือภาคที่ 3 เข้าช่วยแก้ไข และบรรเทาสถานการณ์ โดยทัพเรือภาคที่ 3 ได้ตั้งหน่วยเฉพาะกิจในการเข้าแก้ไขปัญหา และได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีหน่วยที่เข้ารับการทดสอบและการฝึก ดังนี้

1) ทัพเรือภาคที่ 3 จัดเรือจำนวน 3 ลำ เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

2) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จัดเรือตรวจการณ์ จำนวน 5 ลำ

3) กองเรือยกพลขึ้นบก และยุทธบริการ

4) กองเรือยุทธการ จัดเรือหลวงอ่างทอง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกำลังพล 94 นาย

5) กรมแพทย์ทหารเรือ และโรงพยาบาลฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 จัดกำลังพล 17 นาย

6) กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ จัดกำลังพล 13 นาย

7) กรมอุทกศาสตร์ จัดกำลังพล จำนวน 5 นาย

8) สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ จัดกำลังพล จำนวน 4 นาย

9) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง

10) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 12 นาย

11) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 6 นาย

12) มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จัดกำลังพล จำนวน 6 นาย

13) สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดภูเก็ต และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จัดกำลังจำนวน 17 นาย รวมกำลังพลที่ใช้ในการฝึกครั้งนี้ทั้งสิ้น 439 นาย

การฝึกในครั้งเป็นไปตามนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารเรือที่ให้หน่วยต่างๆ เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อม และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

กองทัพอากาศ เตรียมจัดการแสดง Air Show เนื่องในวันเด็ก ปี 2566

งานวันเด็กกองทัพอากาศ ปี 2566 กลับมาอีกครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จัดการแสดง Air Show เต็มรูปแบบ ตื่นตาตื่นใจ ย้ายจาก กองบิน 6 (ดอนเมือง) ไปยังโรงเรียนการบิน (กำแพงแสน)

กองทัพอากาศ เตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ตามเจตนารมณ์ของ พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน จึงได้จัดการแสดงการบิน (Air Show) อย่างจุใจในปีนี้ หลังจากว่างเว้นมาหลายปี อีกทั้งเพื่อลดผลกระทบของการจราจรทางอากาศ จึงได้ปรับเปลี่ยนสถานที่จัดแสดงการบิน (Air Show) จากกองบิน 6 (ดอนเมือง) ไปยัง โรงเรียนการบิน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสถาบันผลิตนักรบทางอากาศของกองทัพอากาศ ให้เยาวชนได้เข้ามาเรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ด้านการบินและการทหารอย่างใกล้ชิด เน้นความภาคภูมิใจในเกียรติภูมิของชาติ และความเป็นทหารอาชีพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนกล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม รู้หน้าที่ มีวินัยต่อตนเองและสังคม

พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า "สำหรับกิจกรรมที่โรงเรียนการบินในปีนี้ ประกอบด้วย การจัดแสดงการบิน (Air Show) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ ที่บอกเล่าเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านฟ้าไทย อาทิ การบินต่อสู้ในอากาศ การบินโจมตีทางอากาศ การบินค้นหาและช่วยชีวิต และการบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน นอกจากนี้ ยังมีการตั้งแสดงอากาศยานและยุทโธปกรณ์ภาคพื้น การจัดนิทรรศการ และการจัดกิจกรรมสำหรับเยาวชนอีกมากมาย ส่วนที่ดอนเมืองยังสามารถร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้ที่ พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ และสนามบินเล็กกองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) สำหรับในพื้นที่ต่างจังหวัด ก็สามารถร่วมกิจกรรมที่กองบินต่าง ๆ ทั่วประเทศ และกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 (ปัตตานี) ได้เช่นกัน"


ที่มา: สำนักงานโฆษกกองทัพอากาศ

บึงสีไฟเมืองชาละวันนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวอพยพหนีหนาวมาอาศัยให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม 

บึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำใหญ่อยู่กลางใจเมืองพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิยามเช้าเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส ส่งผลให้มี 'นกเป็ดน้ำ' นับหมื่นตัวบินอพยพมาอาศัยในบึงสีไฟ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติได้ชื่นชม

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 ที่บึงสีไฟจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิจิตรมีพื้นที่กว่า 5 พันไร่ ซึ่งขณะนี้ได้รับการพัฒนาจาก อบจ.พิจิตร รวมถึงสำนักงานชลประทานจังหวัดพิจิตร ก็ได้ทำการเติมน้ำสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้บึงสีไฟเป็นแก้มลิงจึงทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติทั้งพืชน้ำ-สัตว์น้ำน้อยใหญ่ ต่างอยู่อาศัยเป็นวงจรห่วงโซ่อาหารที่อุดมสมบูรณ์ ประกอบกับช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งในพื้นที่บึงสีไฟยามเช้าจะอุณหภูมิเฉลี่ย 18-20 องศาเซลเซียส ทำให้มีฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะบินอพยพมาจากประเทศที่เป็นเมืองหนาวมาอาศัยในบึงสีไฟที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยนกเป็ดน้ำต่างรวมกันเป็นฝูงใหญ่บินวนหาอาหารลงกินพืชอาหารที่อยู่ในน้ำและสัตว์น้ำขนาดเล็ก เช่นฝอย หรือ กุ้งนา รวมถึงลูกปลาตัวเล็กตัวน้อยในบึงสีไฟที่มีดอกบัวและใบบัวให้เป็นที่อยู่กลางน้ำได้อีกด้วย ความสวยงามที่เกิดขึ้น คือ นกเป็ดน้ำเหล่านี้จะบินเป็นฝูงใหญ่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ทำให้เราได้เห็นความเป็นธรรมชาติของบึงสีไฟแห่งนี้ 

สำหรับนกเป็ดน้ำมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง สามารถบินได้ในระยะทางไกล จึงทำให้มีการแพยพจากอีกถิ่นหนึ่งไปยังอีกถิ่นหนึ่งเพื่อแสวงหาอาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยที่อุดมสมบูรณ์ ฝูงนกเป็ดน้ำเหล่านี้จะมาอยู่ที่บึงสีไฟในระยะสั้นๆเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว โดยน่าจะคาดว่าบินอพยพมาจากทางซีกโลกเหนือเพื่อจะไปซีกโลกใต้ ซึ่งจะมีอุณหภูมิอุ่นกว่า จากนั้นพอถึงฤดูร้อนฝูงนกเป็ดน้ำเหล่านี้ก็จะบินอพยพกลับไปเพื่อไปผสมพันธุ์และพันธุ์วางไข่ในถิ่นเดิมที่อพยพหนีหนาวมา 

สำหรับฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวเหล่านี้ปัจจุบันอาศัยอยู่ใกล้กับหอชมนกอุทยานบัว ซึ่งอยู่โซนด้านทิศใต้ของบึงสีไฟเมืองชาละวันดังกล่าว


ที่มา: สิทธิพจน์ พิจิตร 

น้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งและอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน จากทะเลสู่ดอย

เมื่อ 6 ม.ค.66 ณ ศาลากลางจังหวัดประจวบคิรีขันธ์ และ เทศบาลเมืองหัวหิน ชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแรงร่วมใจ น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน ก่อน ส่งมอบปลากะตักแห้ง และ อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทานต่อ ให้กับผู้แทนกองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่น ทุรกันดาร ต่อไป

โดย เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาคมชาวประมงบางสะพาน สมาคมชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ สมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ ท่าเรือประจวบ จำกัด และ ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน 

โดย นายนันทชัย สุขเกื้อ นายกสมาคมชาวประมงบางสะพาน เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานในพิธี ก่อนร่วมกัน น้อมเกล้าฯ ถวาย ปลากะตักแห้ง จำนวน 3,435 กิโลกรัม หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้ง ได้แก่ นายจำเริญ นาคนงนุช ผู้แทนสมาคมชาวประมงบางสะพาน นายประเสริฐ แตกช่อ ผู้แทน สมาคมชาวประมงประจวบคีรีขันธ์ นายประทีป อบเชย ผู้แทนสมาคมประมงพื้นบ้านประจวบคีรีขันธ์ นายชนยุธ นิลพานิช ผู้แทนท่าเรือประจวบ จำกัด

ภายหลัง ผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานในพิธี เข้ารับ พระราชทานปลากะตักแห้งพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชนในพื้นที่ราบสูงถิ่นทุรกันดาร ต่อไป และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฯ ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งพระราชทาน ที่จัดจาก กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกัน ณ หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ต่อมา ในเวลา 13.30 น. ณ เทศบาลเมืองหัวหิน สมาคมประมงปราณบุรี และเทศบาลเมืองหัวหิน ได้ร่วมกันจัดพิธีส่งมอบ ปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน พระราชทาน ให้แก่ผู้แทนกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ตามโครงการพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เช่นเดียวกัน

โดย นายอติชาติ นายกสมาคมประมงปราณบุรี/รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน เป็นตัวแทน กล่าวรายงานความเป็นมา และรายละเอียดของโครงการฯ ต่อ นายอมร พัฒน์ทอง รองประธานสภาเทศบาลเมืองหัวหิน ประธานในพิธี ก่อนร่วมกันน้อมเกล้าฯถวาย นำ้ปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้ง น้ำหนักรวม 2,500 กิโลกรัม หน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี ผู้แทนหน่วยงาน เข้าน้อมเกล้าฯถวายปลากะตักแห้ง ดังต่อไปนี้ คุณ พัทธมน พันธ์พงศ์ นายกสโมสรโรตารีหัวหิน ด.ต.ศรพล รานวล ปรึกษานายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ร.ต.อ.ธงชัย พรล้วนประเสริฐ ผู้ช่วยนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน

ภายหลังผู้เเทนหน่วยงาน น้อมเกล้าฯ ถวายน้ำปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายอมร พัฒน์ทอง รองประธานสภาเทศบาลเมืองหัวหิน ประธานในพิธี เข้ารับ พระราชทาน น้ำปลาแท้ ปลากระป๋อง และหมึกกระตอยแห้งพระราชทาน ก่อนส่งมอบต่อให้ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ ดำเนินการส่งต่อ ให้แก่ เด็กนักเรียน และประชาชน พื้นที่ราบสูงในถิ่นทุรกันดารต่อไป และ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบแล้ว ได้ส่งรถขบวนลำเลียงสิ่งพระราชทาน ที่จัดจากกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกัน ณ หน้าเทศบาลเมืองหัวหิน เช่นกัน สำหรับ โครงการน้อมเกล้าฯ ถวายถวายปลากะตักแห้ง และอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จตามพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน เพื่อส่งมอบให้กับสำนักงานส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นำไปพระราชทาน ให้แก่นักเรียน และประชาชนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดารต่อไป 

โครงการดังกล่าวนี้ ได้เริ่มเมื่อปลายปี พ.ศ.2538 ในการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ ทรงพบเห็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ป่วยเป็นโรคขาดสารไอโอดีน (หรือโรคคอหอยพอก) จำนวนมาก

พระองค์ท่านทรงตระหนักถึงพิษภัยของโรคนี้ จึงทรงจัดตั้ง “โครงการต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน” ขึ้นโดยพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อดำเนินการโครงการในเบื้องต้น และจากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงดำเนินการโครงการนี้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือให้แก่ ผู้เป็นโรคขาดสารไอโอดีน อย่างต่อเนื่องตลอดมา

ด้วยเห็นถึงความสำคัญของโครงการตามพระราชดำริฯ และทราบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ องค์กรภาคประมงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ร่วมกับ กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 สืบสานโครงการ ด้วยการเชิญชวน องค์กรภาคเอกชน ประชาชนทั่วไป น้อมเกล้าฯ ถวาย อาหารทะเลที่มีสารไอโอดีน ก่อนส่งมอบอาหารทะเลที่มีสารไอโอดีนพระราชทาน ให้แก่ พลเรือตรี อาทร ชะระภิญโญ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ผู้แทนกองทัพเรือ เพื่อดำเนินการต่อไป


ที่มา : นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

'เชียงใหม่' เปิดกิจกรรมดนตรีในสวน 'เชียงใหม่เมืองดนตรี Music in the garden'

เทศบาลนครเชียงใหม่ จัดกิจกรรมดนตรีในสวน เชียงใหม่เมืองดนตรี Music in the garden ส่งเสริม 'เชียงใหม่' เป็นเมืองแห่งความสุข

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 เทศบาลนครเชียงใหม่ โดยนายพิศุทธ์ พิศุทธกุล ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ได้เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมดนตรีในสวน เชียงใหม่เมืองดนตรี Music in the garden ส่งเสริม 'เชียงใหม่' เป็นเมืองแห่งความสุข ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด ในบรรยายกาศที่รื่นรมย์ เหมาะแก่การพักผ่อน ทำกิจกรรม และฟังดนตรีเป็นอย่างยิ่ง โดยมีผู้แทนหน่วยงาน สื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติร่วมกิจกรรม

เทศบาลนครเชียงใหม่ มีพื้นที่สวนสาธารณะต่าง ๆ ที่เป็นพื้นที่สีเขียว และลานอเนกประสงค์ สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ใช้พื้นที่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจและนันทนาการสำหรับพบปะพูดคุยและร่วมแสดงกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้มุ่งที่จะส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ได้มีโอกาสพักผ่อน โดยเฉพาะการจัดแสดงดนตรีเทศกาลดนตรี ในสวน เป็นการส่งเสริมเยาวชนและศิลปินนักดนตรีได้แสดงออก ให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้ชมฟรี

ดังนั้นเทศบาลนครเชียงใหม่ เล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมดนตรีในสวน ซึ่งสามารถส่งเสริมให้ประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้เกิดสุนทรีระยะทางอารมณ์ และส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและประชาชน ให้เกิดความสุขผ่อนคลายความทุกข์ จึงได้จัด “โครงการดนตรีในสวน” เชียงใหม่เมืองดนตรี Music in the garden เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ได้รับอรรถรสทางดนตรี ก่อให้เกิดสุนทรียะทางอารมณ์ ส่งเสริมสังคมและเพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองแห่งความสุข 

โดยกำหนดจัดกิจกรรมดนตรีในสวน ทุกๆ วันเสาร์ในช่วงเวลายามเย็น ประมาณ 17.00 น. เป็นต้นไป ณ สวนสาธารณะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้แก่ สวนสาธารณะหนองบวกหาด สวนสุขภาพบ้านเด่น สวนสาธารณะล้านนา ร.๙  สวนสาธารณะเจริญประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top