Sunday, 18 May 2025
NewsFeed

‘วิษณุ เครืองาม’ ย้ำ 3 รมต. ที่ถูกตัดสินจำคุก หลุดเก้าอี้แล้ว เผย รมว.อิทธิพล รักษาการ ก.ดีอีเอส คุณหญิงกัลยา รักษาการ รมว.ศธ. ชี้ ต้องดูปมส.ส. ถูกจำคุกโดยหมายศาลหรือไม่ เหตุมีสิทธิกลับเข้าสภาได้ ชี้ นี่คือยาแรงของรัฐธรรมนูญ ปี 60

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีศาลอาญาพิพากษา จำคุกบุคคลที่เป็นรัฐมนตรี จึงต้องหลุดจากตำแหน่งทันทีใช่หรือไม่ ว่า เป็นธรรมดาที่ทราบกันอยู่แล้ว ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัด ในเรื่องของการพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัวตามตรา 170 ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจะต้องโยงกับกฎหมายหลายมาตรา โดยม.170(4) ความเป็นระบุว่าความเป็นรัฐมนตรีย่อมสิ้นสุดลงตามเป็นการเฉพาะตัว เมื่อมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160(7) ที่ระบุถึง การต้องคำพิพากษาให้จำคุก ดังนั้นเมื่อศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ว่าจะถึงที่สุดหรือไม่แต่รัฐธรรมนูญให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง อย่างชัดเจน

ส่วนกรณีคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 101(13) โดยปกติหากศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ให้จำคุก ก็จะยังไม่พ้น แต่จะมีเหตุอื่นเข้ามา เช่นศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ก็จะโยงไปถึงการเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งมาตรา 96(2) ที่ระบุว่าหากเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ ก็จะพ้นจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย ส่วนบุคคลที่ศาลไม่ได้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง โดยหลักแล้วการจำคุกก็ยังไม่ถึงที่สุด สิทธิเลือกตั้ง ก็ไม่ถูกเพิกถอนจึงยังไม่พ้นจากความเป็นส.ส. แต่ก็มีเหตุอื่นแทรกเข้ามาอีกว่า หากถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล และมีหมายของศาลให้จำคุกกรณี เช่นนั้นก็จะพ้นด้วย แต่ตนไม่ทราบว่าใครเข้าข่ายดังกล่าวบ้าง

ส่วนกรณีส.ส. บัญชีรายชื่อก็ต้องเลื่อนขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งการเลื่อนช้าหรือเร็วนั้นจะมีผลต่อการประชุมสภาฯ เนื่องจากสภากำลังจะปิดสมัยประชุมและถ้าเลื่อนเร็ว ก็เข้ามาทำหน้าที่ได้เร็ว อย่างน้อยถ้าเปิดสมัยวิสามัญ ขึ้นมาพิจารณา รัฐธรรมนูญก็จะได้ทำหน้าที่ได้ แต่ถ้ายังไม่เลื่อนขึ้นมา ก็ยังไม่ถือเป็นส.ส. ส่วนส.ส. เขตก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ หากกกต. สงสัยก็จะเหมือนกรณีของนายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ที่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเลือกตั้งเขตจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ทั้งนี้กรณีของนายเทพไทก็ถือเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับกรณีตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อว่างลง จำเป็นจะต้องรีบแต่งตั้งใหม่หรือ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ยากอะไร เนื่องจาก รมว.ศึกษาธิการ มีรัฐมนตรีช่วยอยู่ 2 คน ซึ่งครม. เคยมีมติไปแล้วว่าหากรัฐมนตรีว่าการไม่อยู่ ก็ให้รัฐมนตรีช่วย มารักษาการตามลำดับ ซึ่งกรณีนี้คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นมารักษาการแทน

ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ครม. เคยมีมติในเมื่อกระทรวงนี้ไม่มีรัฐมนตรีช่วย ก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการแทนเป็นอันดับแรก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรักษาการเป็นอันดับสอง ซึ่งในกรณีนี้รมว. วัฒนธรรมจะเป็นผู้รักษาการ จนกว่าเมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วนายกรัฐมนตรีอาจจะสั่งการเป็นอย่างอื่นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดคุยและหารือถึงเรื่องดังกล่าวกับนายวิษณุหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสิทธิ์ของผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมสภา จะสามารถคุ้มครองผู้ที่เป็นส.ส. ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าใช้ คำว่าเอกสิทธิ์ เนื่องจากมีเรื่องของเอกสิทธิ์ กับ ความคุ้มกัน คำว่าเอกสิทธิ์หมายถึงการพูดในสภาแล้วไม่ผิด คือเฉพาะ เรื่องการพูดเรื่องเดียวแต่ถ้าเป็นเหตุชกกัน ก็ไม่มีเอกสิทธิ์ ส่วน ความคุ้มกันหมายความว่า ในสมัยประชุมจะนำตัวไปดำเนินคดีอะไรไม่ได้ ถ้าปิดสมัยประชุมทำได้ ซึ่งความคุ้มกัน มีกระบวนการ ไม่ได้มาโดยอัตโนมัติ

เมื่อถามว่ากรณีที่ถูกจำคุก แล้วยังจะสามารถขอความคุ้มกันได้อยู่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้

เมื่อถามว่าการที่ผู้ถูกเข้าเรือนจำแล้ว จะถือว่าสิ้นสภาพความเป็นส.ส. เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เพียงเท่านั้นยังไม่ เพราะยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ และยังไม่ได้ถูกจำคุกโดยหมายของศาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่เป็นส.ส. แล้วเข้าเรือนจำ ยังไม่ถือว่าสิ้นสภาพการเป็นส.ส. ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตน ไม่แน่ใจว่าเป็นการถูกจำคุกโดยหมายของศาลหรือไม่ เพราะอาจเป็นการควบคุมตัวธรรมดา หากเขาอ้างความคุ้มกันขึ้นมาก็ต้องปล่อยตัว เพราะถือว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการอุทธรณ์

เมื่อถามย้ำว่าหากเป็นการเข้าเรือนจำโดยหมายของศาล การคุ้มครองในฐานะของส.ส. ก็จะหมดไปเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับกรณีของนางทยา ทีปสุวรรณ ที่ถูกตัดสินให้รอลงอาญา ในขณะที่มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี หากสุดท้ายศาลพิพากษาแก้ประเด็นการตัดสิทธิทางการเมือง นางทยา จะกลับมามีสิทธิทางการเมืองอีกได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ แต่ในขณะนี้ กว่าถือว่าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำตัดสินเป็นอย่างอื่น

เมื่อถามว่าในกรณีที่คนเป็นส.ส. ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีเช่นกัน จะสามารถอุทธรณ์ในประเด็นถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การเป็นส.ส.ขาดแล้วก็ขาดไป แต่เรื่องสิทธิทางการเมืองถ้าศาลพิพากษาว่าไม่เพิกถอนสิทธิทางการเมืองก็จะกลับมา นี่คือความรุนแรงของรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แม้จะยื่นอุทรณ์แล้วสิทธิกลับมา แต่ไม่สามารถคืนสภาพส.ส.ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าใช่ แม้กระทั่งรัฐมนตรีก็เช่นกัน ถูกจำคุกแต่ไม่ถึงที่สุดก็พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ถ้าต่อมาศาลยกฟ้อง ไม่จำคุก ก็แปลว่าไม่จำคุกเท่านั้นแต่ความเป็นรัฐมนตรีจะ ไม่กลับมา นี่คือยาแรงของรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากในอนาคต บุคคลเหล่านี้จะกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ เพราะต้องดูต่อไปว่า เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ บุคคลเหล่านั้นจะมีสิทธิ์หรือไม่ เช่น กรณีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หากศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินว่าไม่ตัดสิทธิเลือกตั้ง ความเป็นส.ส. สิ้นสุดลงเวลานี้แต่สามารถสมัครในคราวหน้าได้

‘ชวน’ เผย ส.ส.กปปส. ถูกจำคุก ทำหลุดสมาชิกภาพ รอ กกต.ดำเนินการต่อ ยอมรับ ผบ.ตร. ขอตัว ‘เอ๋ ปารีณา’ ไปสอบ แต่บอกปิดสมัยประชุมนำตัวไปได้ทันที

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ส.ส.และไม่ให้ประกันตัว ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร นายอิสสระ สมชัย ส.ส. บัญชีรายขื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เมื่อไม่ได้ประกันตัวสมาชิกภาพความเป็นส.ส.ก็ต้องหมดไป ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เหมือนกรณีของนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแกน พรรคเพื่อไทย ที่โดนคดีอาญาจ้างวานฆ่า จากนั้นกกต.จะเป็นผู้วินิจฉัยและดำเนินการขณะที่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไปตามกฎหมาย

นายชวน ยังเปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ขอตัว ส.ส.ไปสอบสวน 2 คน หนึ่งในนั้นคือน.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ไปดำเนินคดีกรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแล้ว ซึ่งช่วงระหว่างนี้ใกล้ปิดสมัยประชุมแล้วจึงบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมไม่ทัน แต่หลังจากนี้ เมื่อปิดสมัยประชุมแล้ว ส.ส.ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ตำรวจสามารถเรียกไปสอบสวนได้โดยไม่ต้องขออนุญาตสภาฯ

นายชวน ยังกล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ว่า ตอนนี้ยืดเยื้อมาก สมาชิกอภิปรายหลักการมากกว่าการแปรญัตติ วันนี้ (25 ก.พ.) จึงจะขอร้องให้สมาชิกอภิปรายอยู่ในกรอบ เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) เสียเวลาไปกับการพิจารณาการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) วันนี้อาจจะเร็วขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของ ส.ส.หากมีความประสงค์จะให้รัฐธรรมนูญออกมาได้ต้องช่วยกัน ไม่ใช่ประวิงเวลา ซึ่งหากวันนี้ไม่เสร็จ ก็ต้องหารือกันว่าจะจะขยายการพิจารณาพรุ่งนี้ได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวไม่มีปัญหา

‘บิ๊กตู่’ เชื่อราคายางพาราทั้งปีเฉลี่ย กก.ละ 60 บาท หลังความต้องการยางพาราเพิ่มต่อเนื่อง ทั้งตลาดต่างประเทศและไทย ระบุ อุตสาหกรรมรถยนต์จีน - ถุงมือยาง ช่วยหนุนราคาบวกต่อเนื่อง

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พอใจสถานการณ์ยางพาราที่มีแนวโน้มราคาบวกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั้งปีราคายางแผ่นดิบทรงตัวเฉลี่ยอยู่ที่ราคา 60 บาท/กก. จากปัจจัยสนับสนุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งนโยบายรัฐบาลที่ให้แนวทางการใช้ยางพาราผลิตเป็นเสาหลักนำทางและแบริเออร์นั้น ทำให้มีความต้องการยางพาราและน้ำยางพาราเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อเม็ดเงินที่ถึงเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทยได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ราคายางพารามีแนวโน้มอยู่ในทิศทางบวกตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากความต้องการใช้ยางพาราทั้งจากต่างประเทศมีเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน การกระตุ้นเศรษฐกิจหลังช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 สนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ในหลายมณฑลเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าล้อยางรถยนต์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยางพารามากยิ่งขึ้น ประกอบกับความต้องการใช้ยางภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมถุงมือยางจากผู้ประกอบการเดิมและรายใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 1 เท่าตัว จาก 4,000 ล้านชิ้น เป็น 8,000 ล้านชิ้น

ที่สำคัญคือ การดำเนินนโยบายของรัฐบาล ทั้งการนำยางพารามาใช้ในด้านความปลอดภัยทางถนน แบริเออร์คอนกรีตหุ้มยางพารา และเสาหลักนำทางยางธรรมชาติ ช่วยดึงยางออกจากระบบ ทำให้ราคายางพาราแผ่นดิบและน้ำยางพาราสามารถยืนอยู่เหนือ 60 บาท/กก. ได้

"นายกฯ ได้มอบนโยบายการเกษตร BCG แบบยั่งยืน ด้วยการเกษตรผสมผสาน ลดความเสี่ยงด้านผลผลิต รวมทั้งโครงการแปลงใหญ่ เน้นให้มีการรวมกลุ่มของเกษตรกร ให้ความรู้สนับสนุนเงินทุนเพิ่มศักยภาพการผลิตทั้งในรูปแบบต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีแทนการขายวัตถุดิบ ตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ให้กับเกษตรกร"

‘แก้วสรร อติโพธิ’ เชื่อ กปปส.สามารถชี้แจงและพลิกคดีได้ในชั้นอุทธรณ์ ชี้การชุมนุมเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยันไม่ได้ทำผิด เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเปรียบการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังเช่น การไล่งูเห่าออกจากห้องนอน

นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รายงานจากศาลอาญา คดี กปปส." ผ่าน www.thaipost.net โดยมีรายละเอียดว่า

ถาม : อาจารย์หลุดเข้าไปเป็นจำเลยใน คดี กปปส.ได้อย่างไร ทำแค่ขึ้นเวทีเท่านั้น

ตอบ : ทฤษฎีของดีเอสไอและอัยการภายใต้บัญชาการทางการเมืองขณะนั้น ใช้ทฤษฎีเหมาเข่ง ใครมีการกระทำเป็น พันธมิตร กปปส. ต้องหาทางจับขึ้นศาลให้หมดขนาดนักดนตรีขึ้นเวทีพันธมิตรที่สุวรรณภูมิ ยังโดนฟ้องสนับสนุนก่อการร้ายเลย ผมเองโดนสนับสนุนแกนนำ กปปส.กระทำผิด เพราะปราศรัยทำให้ลุงกำนันสุเทพมีกำลังใจ

ถาม : ศาลท่านตัดสินอย่างไรในปัญหานี้

ตอบ : เมื่อศาลไม่ยอมเหมาเข่งตามที่ฟ้อง ผมก็ต้องรับผิดในส่วนการขึ้นเวทีของผมเท่านั้นก็เลยหลุดคดีไป ส่วนแกนนำเองก็รับผิดต่างกรรมกันไปเฉพาะส่วนที่ตนทำ คุณถึงเห็นโทษไม่เท่ากันซักคนต่างกันไป ก็ถูกต้องแล้วครับที่ศาลท่านปฏิเสธทฤษฎีเหมาเข่งแบบนี้ พนักงานสอบสวนกับอัยการช่วยจำไว้ด้วย คดีม็อบสามนิ้ว ต้องอย่าทำอย่างนี้อีก

ถาม : อาจารย์รู้สึกไหมครับว่า ทำเพื่อชาติไล่ความชั่วออกจากบ้านเมืองแล้ว ทำไมถึงติดคุกกันอย่างนี้

ตอบ : ผมสงสารเพื่อนจำเลยที่เป็นแกนนำมากๆ ส่วนตัวผมเองไม่ดีใจอะไรที่ศาลยกฟ้องเพราะรู้อยุ่แล้วว่า ไม่มีอะไรให้ลงโทษผมได้ ผมทำแค่ปราศรัยด้วยเหตุด้วยผลเท่านั้น ในส่วนความคิดทางกฎหมายนั้น ผมยังเชื่อว่าคดีพลิกในชั้นอุทธรณ์ได้ ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับ “ สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญของ กปปส.” ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๙ ว่า

มาตรา ๖๙ บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้

ถาม : เห็นในคำพิพากษาก็รับไว้แล้วมิใช่หรือว่า เรากำลังใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบ และสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ตอบ : ท่านขึ้นต้นไว้ก่อนเลยสั้นๆว่าเรามีสิทธิ แต่หลังจากนั้นท่านยืนยันทุกครั้งที่วินิจฉัยความผิดแต่ละกระทงว่า “จะนำสิทธิพื้นฐานมายกเว้นการกระทำผิดกฎหมายไม่ได้” ตรงนี้แหละครับ ที่ทำให้ความผิดตามกฎหมายต่างๆ มันแห่เข้ามาเอาผิดแกนนำได้ ทั้ง ก่อความวุ่นวาย ขัดขวางเลือกตั้ง บุกรุกสถานที่ราชการ ยุยงเจ้าหน้าที่รัฐหยุดงาน มีที่หลุดไป ๒ ข้อหาคือ กบฏ กับ ก่อการร้าย นั่นก็หลุดไปเพราะท่านเห็นว่าไม่เข้าองค์ประกอบ มิใช่เพราะมีอำนาจกระทำตามสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ

ถาม : แล้วอย่างนี้จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญากันอย่างไร

ตอบ : ก็ต้องอุทธรณ์ทั้งสองปัญหาครับ ว่า

๑. อุทธรณ์ว่าการกระทำของเราไม่เข้าองค์ประกอบความผิด เช่นว่าเข้ากระทรวงคลังไปชักชวนเจ้าหน้าที่ให้หยุดงานเท่านั้น มิใช่การบุกรุกแย่งการครอบครอง ฯลฯ นี่ก็ต่อสู้กันไปตามเนื้อพยานหลักฐาน

๒. อุทธรณ์ว่า เราไม่ผิด เพระเรามีอำนาจกระทำได้ ตาม มาตรา ๖๙ เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เอาสิทธิพื้นฐานมายกเว้นความผิดอย่างที่ศาลต้นเข้าใจแต่เรายืนยันเลยว่าเรามีอำนาจป้องกันรัฐธรรมนูญ เหมือนใช้สิทธิป้องกันตัวเอาปืนยิงนักเลงที่จะแทงลูกเราเลยทีเดียว ข้อต่อสู้นี้คดีอื่นไม่มีเหมือนอย่างเรา

ถาม : คดีอื่น นี่คดีไหนครับ

ตอบ : คดี นปช.ขับไล่รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ก็ไม่มีสิทธินี้ เพราะรัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนคดีพันธมิตรขณะลุกฮือขึ้นขับไล่ระบอบทักษิณนั้น ภัยจากระบอบทักษิณก็ยังไม่ชัดและประชิดรัฐธรรมนูญเหมือนคดี กปปส. ยิ่งคดีม็อบสามนิ้วด้วยแล้ว สถาบันกษัตริย์ยิ่งไม่เป็นภัยอะไรเลย

ถาม : ยุค กปปส. ระบอบทักษิณเป็นภัยสุกงอมแล้วหรือ

ตอบ : ถูกยุบพรรคมาแล้ว ๒ หน, คดีทุจริตศาลลงโทษแล้วหลายคดี, โยกย้ายญาติมิตรลูกน้องเข้ายึดตำแหน่งสำคัญจนศาลตัดสินเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้ง, พยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ๒ ครั้ง, หนีคดีไปต่างประเทศแต่ส่งน้องสาวมาเป็นหุ่นเชิดยึดครองการเมืองไทยโดยมิชอบ, เป็นเผด็จการรัฐสภาใช้เสียงข้างมากนิรโทษคดีคอร์รัปชั่นให้ตนเองฯลฯ เหล่านี้มันชัดในสายตา กปปส.แล้ว ว่าระบอบทักษิณ เป็นเหมือน งูเห่าที่หลุดเข้ามาในห้องนอน ต้องตีต้องไล่ออกไปให้ได้ เมื่อศาลมาลงโทษเรา เราจึงไม่เห็นด้วยว่า เราจะผิดฐานทรมานสัตว์ไปได้อย่างไร

ถาม : ข้อต่อสู้ว่า กปปส.กำลังไล่งูเห่านี่ใช่ไหม ที่จะเป็นข้ออุทธรณ์สำคัญ

ตอบ : ครับ ถ้าศาลสูงรับว่าเรามีสิทธินี้อยู่จริง เราก็มีสิทธิต่อต้านโดยสงบ ซึ่งอาวุธสำคัญของการต่อต้านโดยสงบก็คือ การหยุดงาน ดังนั้นการที่เราเข้าไปชวนข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่หยุดงานจึงไม่ผิด ทั้งบุกรุกและยุยงปลุกปั่น การขัดขวางเลือกตั้งโดยสงบก็ไม่ผิด จะเหลือที่น่าสงสัยว่าเกินขอบเขตสันติวิธี อยู่ไม่กี่กระทงเท่านั้น ซึ่งก็ลงโทษต่ำกว่ากฎหมายได้ เหมือนกับป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ที่ยังผิดแต่ลดโทษได้

ถาม : จะอุทธรณ์กันเมื่อใด

ตอบ : ก็ต้องโดยเร็วที่สุด รอลุงกำนันได้ประกันตัวก่อน

ถาม : ทำไมลุงกำนันกับพวก ๘ คน ไม่ได้ประกัน เหมือนอีก ๖ คนที่ได้ประกัน

ตอบ : ข้อนี้ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ ถ้าเป็นคดีใหญ่โทษหนักเช่นราชายาเสพติด แล้วศาลต้นขอให้สั่งประกันโดยศาลสูง ดังนี้ผมเคยเห็นและพอเข้าใจเหตุผลได้แต่ศาลอาญาเป็นศาลต้นศาลหลักของประเทศ ลุงกำนันก็โทษ ๕ ปี เท่านั้น ทำไมศาลอาญาไม่สั่งเสียเอง ผมก็ไม่ทราบเหตุผลของท่าน

ถาม : แล้วเมื่อใดศาลอุทธรณ์จะสั่งคำขอประกัน ต้องรอเรายื่นอุทธรณ์คดีก่อนหรือ

ตอบ : ไม่ต้องรอครับ วันสองวันนี้ก็สั่งได้แล้ว

ถาม : มีคนคิดกันว่า ศาลเหี้ยมกับ กปปส. เพื่อขู่คดี ๓ นิ้ว นะครับ

ตอบ : อย่าไปคิดอย่างนั้น คิดไปได้ก็จริงแต่มันไม่มีความน่าจะเป็นให้เห็นเลยครับ


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/94196#

วัคซีน Sinovac มาแล้ว ไปดูกันว่า ใคร? ที่ไหน? จะได้ฉีดวัคซีน 200,000 โด๊สแรกกันบ้าง?

เป็นภาพข่าวที่ชิงพื้นที่สื่อทุกสำนักไปเมื่อวาน สำหรับการรับมอบ ‘วัคซีน Sinovac’ จากประเทศจีน ที่ขนส่งมาถึงประเทศไทยเมื่อสายวานนี้ สเต็ปต่อไป คงไม่ต้องถามกันอีกแล้วว่า ‘เมื่อไรจะมีวัคซีน’ แต่จุดนี้ สิ่งที่ควรรู้ต่อไปคือ จะแจกจ่ายทำการฉีดเมื่อไร กระจายไปที่ไหน ใครได้ฉีดกันบ้าง เราสรุปมาให้อ่านกันดังนี้

1. วัคซีนป้องกันโควิด -19 ของบริษัท Sinovac ล็อตแรกนี้ จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนเสียก่อน คาดว่าไม่เกินวันที่ 27 ก.พ. จะเสร็จสิ้นในกระบวนการ

2. วัคซีนจำนวน 2 แสนโด๊สนี้ จะกระจายไปตามพื้นที่ 13 จังหวัด แบ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด 1 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 8 จังหวัด และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอีก 4 จังหวัด

3. พื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร ได้รับวัคซีน 70,000 โด๊ส โดยมี 4 กลุ่มที่จะได้รับการฉีด คือ

    - กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า 8,000 โด๊ส

    - กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย 6,000 โด๊ส

   - ประชาชนผู้ที่มีโรคประจำตัว 46,000 โด๊ส

   - ประชาชนทั่วไปและแรงงาน 10,000 โด๊ส

4. พื้นที่ควบคุม 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก) ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ตาก (อ. แม่สอด) นครปฐม สมุทรสงคราม และราชบุรี ทั้งหมดจะได้รับวัคซีน 99,000 โด๊ส จัดแบ่งการฉีดออกเป็น

   - กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก) 66,000 โด๊ส

     12,400 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

     1,600 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

     47,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนผู้ที่มีโรคประจำตัว

     5,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนทั่วไปและแรงงาน

  - ปทุมธานี 8,000 โด๊ส

    3,000 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

    2,000 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

    2,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนผู้ที่มีโรคประจำตัว

    1,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนทั่วไปและแรงงาน

  - นนทบุรี 6,000 โด๊ส

    2,000 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

   1,000 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

   2,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนผู้ที่มีโรคประจำตัว

   1,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนทั่วไปและแรงงาน

 - สมุทรปราการ 6,000 โด๊ส

   2,000 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

   1,000 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

   2,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนผู้ที่มีโรคประจำตัว

  1,000 โด๊ส ฉีดให้ประชาชนทั่วไปและแรงงาน

 - ตาก (อ. แม่สอด) 5,000 โด๊ส

   3,000 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

   2,000 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

- นครปฐม 3,500 โด๊ส

  2,500 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

  1,000 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

 - สมุทรสงคราม 2,000 โด๊ส

   1,500 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

   500 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

 - ราชบุรี 2,500 โด๊ส

    2,000 โด๊ส ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

   500 โด๊ส ฉีดให้เจ้าหน้าที่ที่สัมผัสผู้ป่วย

5. พื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มีทั้งสิ้น 4 จังหวัด คือ ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (อ.เกาะสมุย) และเชียงใหม่ จะได้รับวัคซีนทั้งหมด 14,700 โด๊ส โดยแบ่งฉีดให้ตามกลุ่มประชาชนต่าง ๆ โดยทางคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดแต่ละจังหวัด จะพิจารณาจัดสรรจำนวนวัคซีนให้แต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตามสถานการณ์และบริบทของแต่ละพื้นที่เอง ทั้งนี้แต่ละจังหวัดจะได้รับจำนวนวัคซีนที่แตกต่างกัน เช่น

  - ชลบุรี 4,700 โด๊ส

  - ภูเก็ต 4,000 โด๊ส

  - สุราษฎร์ธานี (อ.เกาะสมุย) 2,500 โด๊ส

  - เชียงใหม่ 3,500 โด๊ส

สรุปวัคซีน Sinovac ที่ถูกแจกจ่ายในครั้งนี้ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 183,700 โด๊ส ส่วนที่เหลือจำนวนอีกกว่า 16,300 โด๊ส จะถูกเก็บสำรองเอาไว้ เพื่อกรณีการควบคุมการระบาด และฉีดให้บุคลากรในโรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วย COVID-19 ต่อไป

ส่วนการฉีดวัคซีน จะถูกใช้ 2 โด๊ส ต่อประชาชน 1 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยกลุ่มเป้าหมายที่ถูกฉีด จะได้รับวัคซีนเข็มแรกกับเข็มที่สอง ห่างกันเป็นเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์

โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ จะเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรม ต้นเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป...

สมศักดิ์ ย้ำ! 4 แกนนำม็อบ 3 นิ้ว ไม่มีมือถือ ไม่มีสิทธิพิเศษ ยัน! ผิดเงื่อนไขเสียสิทธิลดโทษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตทำไม 4 แกนนำกลุ่มราษฎรที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ยังแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ ว่า

“เราต้องเข้าใจว่าทั้ง 4 คน มีแอดมินเพจเป็นของตัวเอง หากทั้ง 4 คน มีโทรศัพท์มือถือก็จะถูกตัดสิทธิบางอย่าง เพราะการมีโทรศัพท์มือถือเป็นการผิดเงื่อนไข เช่น การใช้เงินในเรือนจำ การขึ้นชั้นนักโทษจากชั้นกลางเป็นชั้นดี จากชั้นดีเป็นชั้นดีมาก จากชั้นดีมากเป็นชั้นเยี่ยม เหมือนกรณีแค่การส่งจดหมายออกมา 1 ฉบับก็ถูกตัดสิทธิหลายอย่างเช่นติดคุก 1 เดือน จากได้ลดโทษ 5 วันก็จะไม่ได้ลดโทษเรียกว่าเป็นการเสียค่าโง่"

เมื่อถามย้ำว่า 4 แกนนำ ไม่มีโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัวใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี ถ้ามีแล้วถูกจับได้ก็จะให้รางวัลกับคนที่จับได้ ยืนยันว่าไม่มีโทรศัพท์ 1,000 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า 4 แกนนำสามารถสั่งและนำอาหารมารับประทานเองได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีครัวเล็กอยู่ มีร้านค้าสวัสดิการของผู้ต้องขังที่จะทำเป็นอาหารถุงวางขายให้นักโทษ ส่วนกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ในวันที่เข้าเรือนจำวันแรกนั้น ก่อนหน้านั้นเขาต้องไปศาลและทำเรื่องมากมาย พอถึงห้องขังก็หิว มื้อแรกเลยให้สั่งอาหารได้เต็มที่ ซึ่งผู้ปกครองเป็นผู้สั่งอาหารให้

คมนาคมดันรถยนต์ส่วนบุคคล 7 ที่นั่งวิ่งไม่เกิน 120 ไม่ผิดกฎหมาย รถอื่น ๆ ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม เผยยังอยู่ในขั้นตอนรอกฤษฎีกา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมณตรีกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ถึงร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วยานพาหนะ ซึ่งจะปรับเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์บนถนนทางหลวงให้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรในปัจจุบัน โดยขั้นตอนจากนี้จะต้องรอให้ทางกฤษฎีกาสรุปความเห็น ก่อนเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ กำหนดเพิ่มอัตราความเร็วสูงสุดของรถยนต์ส่วนบุคคลขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. เฉพาะพื้นที่ที่มีความปลอดภัยทางกายภาพ ซึ่งจะต้องเป็นถนนที่มีมาตรฐานสูงขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไป ไม่มีจุดตัดหรือจุดกลับรถเสมอระดับถนน มีการแบ่งทิศทางจราจรอย่างชัดเจน และมีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น โดยกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องจราจรขวาสุดไว้ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันในช่องทางที่รถวิ่งด้วยความเร็ว

พร้อมทำการปักป้ายกำกับความเร็วตลอดแนวเส้นทางโดยวิศวกรของหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ในเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียน ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ในบริเวณทางโค้ง ทางแยก หรือทางกลับรถ ป้ายจำกัดความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. บริเวณทางตรงซึ่งสามารถทำความเร็วได้ แต่ต้องไม่เกินตามที่ป้ายกำหนด โดยผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรและขับขี่ด้วยความเร็วตามที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนตลอดการเดินทาง

สำหรับรถประเภทอื่น ๆ ได้ปรับกำหนดความเร็วขึ้นตามความเหมาะสม ทั้งรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน สามารถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ส่วนรถในขณะลากจูงรถอื่น รถสี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม. รถจักรยานยนต์ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ส่วนรถจักรยานยนต์กำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ หรือกระบอกลูกสูบรวม 400 CC ขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม. รถโรงเรียนใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และรถโดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.

"โฆษกพรรคกล้า" ชี้ ภาพการเมือง พปชร. เปลี่ยนไป หลังอดีตแกนนำ กปปส. ถูกพิพากษา ยอมรับหัวใจน้อมรับกระบวนการยุติธรรม แวดล้อมนายกฯ จากนี้สาย “ทหาร - ไทยรักไทยเก่า” ยึดอำนาจ

นายธันวา ไกรฤกษ์ โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีศาลอาญาชั้นต้นพิพากษาจำคุกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ อดีตแกนนำ กปปส. คือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่น่าใจหาย เพราะหากมองย้อนกลับไปในอดีต โครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่การเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุด เปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคที่มาจากพลเรือนออก แทนที่ด้วยผู้บริหารจาก คสช. จนวันนี้รัฐมนตรีสาย กปปส. ขุนพลหลักใน กทม. ก็ต้องมาสิ้นสภาพไป

โฆษกพรรคกล้า กล่าวว่า วันนี้ภูมิทัศน์ทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นแกนนำพรรคระดับรัฐมนตรี ก็เคยอยู่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยกันทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในเส้นทางอำนาจต่อไป ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาบอกกับสื่อมวลชนว่า ปรับ ครม. เที่ยวนี้ ไม่มีโควต้า กปปส. มีแต่โควต้า พปชร.เท่านั้น

“โครงสร้างพรรคพลังประชารัฐ จากวันเลือกตั้งถึงวันนี้ เปลี่ยนไปมาก ภาพหลักของพรรค รอบตัวนายกฯ กลายเป็นแค่สายทหาร-ไทยรักไทยเดิม” นายธันวา กล่าว

ภาพแห่งความประทับใจ 'ตู่ นันทิดา' ก้มกราบมารดาหลังการประชุมสภาเสร็จสิ้น

หลายท่านคงรู้จัก “ตู่ นันทิดา” แก้วบัวสาย ในฐานะอดีตนักร้องและนักแสดง แต่ในวันนี้ อดีตนักร้องได้ผันตัวเข้ามาสู่การเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ที่นอกจากจะเป็นครั้งแรกในการรับตำแหน่งนี้แล้วยังเป็นนายก อบจ. สมุทรปราการ หญิง คนแรกอีกด้วย ที่ก้าวเข้ามารับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นจากพี่น้อง ชาวสมุทรปราการ

ซึ่งในวันนี้ได้เกิดภาพแห่งความประทับใจ ของ “ตู่ นันทิดา” หลังจากการเข้าประชุมสภาสามัญ สมัยที่ 1 ประจำปี 2564 เสร็จสิ้นลง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ หรือ “ตู่ นันทิดา” ในชุดเครื่องแบบข้าราชการเต็มยศ ได้ก้มลงกราบ นางประทุมมาศ แก้วบัวสาย ผู้เป็นมารดา ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับข้าราชการ อบจ. สมุทรปราการ ที่ได้เห็นภาพ อบจ. ป้ายแดงท่านนี้ ได้แสดงความกตัญญู กับผู้เป็นมารดา

นอกจากนี้ทั้งทางด้านข้าราชการ อบจ.สมุทรปราการพร้อมด้วยนายสราวุธ แก้วบัวสาย พี่ชาย และนางสิรยา ธนาพรพล พี่สาว ยังได้มาร่วมแสดงความยินดี ภายในห้องทำงาน และร่วมอวยพรให้ “ตู่ นันทิดา” กับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top