Saturday, 7 June 2025
News

‘วิชัย ทองแตง’ หารือ ม.เกษตรฯ ยกระดับการศึกษา ร่วมพัฒนาองค์ความรู้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุค 4.0

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ บริษัท ดับบลิวทีเอช โฮลดิงส์ จำกัด ประชุมหารือขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการ-ธุรกิจเพื่ออนาคต สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

(26 พ.ค. 68) นายวิชัย ทองแตง พร้อมทีมงาน ประชุมหารือขับเคลื่อนความร่วมมือทางวิชาการ-ธุรกิจเพื่ออนาคต กับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วาระสืบเนื่องจากการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ-ธุรกิจเพื่ออนาคต ระหว่างกันไปเมื่อ 11 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา โดยการลงนามร่วมกัน ระหว่าง ดร. ดำรงค์ ศรีพระราม รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับนายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิวทีเอช โฮลดิงส์ จำกัด

โดยวาระการหารือสำคัญได้แก่ ความร่วมมือการดำเนินการโครงการ One TVet การพัฒนาทักษะแรงงานไทยแบบบูรณาการ เพื่อตอบสนองแรงงานไทยในยุค 4.0 และแผนการดำเนินการร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อร่วมกันพัฒนาทักษะแรงงานไทยแบบบูรณาการ มุ่งเน้นการ Upskill/Reskill เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานอุตสาหกรรมไทย ในยุค 4.0 การพบปะหารือ กับรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาวิทยาศาสตร์สุขภาพฯ ผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ เพื่อทำความรู้จักและสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ณ ห้องประชุม 8 ชั้น 2 อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 

สำหรับผู้เข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ ได้แก่ รศ.ดร.สุชาย  ธนวเสถียร ผู้อำนวยการ One TVET Project บริษัท เอ็ดดู ทรานฟอร์เมอร์ กรุ๊ป จำกัด คุณทัศณี คนการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท GHC MED จำกัด ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หรือผู้แทน ได้แก่ ผศ. ดร.กฤษณ์ วันอินทร์ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและพันธกิจเพื่อสังคม รศ. ดร.สมหวัง ขันตยานุวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาวิทยาศาสตร์สุขภาพและเขตพื้นที่สุพรรณบุรี รศ. ดร. อนันต์ ผลเพิ่ม รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ รศ. พลเอก นายแพทย์ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รศ. พลตรีหญิง ดร.สายสมร เฉลยกิตติ รักษาการคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ผศ. ดร.อภิรักษ์ จันทร์สร้าง ผู้อำนวยการสำนักบริการคอมพิวเตอร์ ผศ. ดร. นรุณ วรามิตร คณบดีวิทยาลัยบูรณาการศาสตร์ รศ. ดร. จุรีย์รัตน์ ลีสมิทธิ์

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งการประชุมหารือในครั้งนี้ จะนำไปสู่การร่วมกันทำงานในมิติต่างๆ อย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยสืบไป                              

‘เจือ ราชสีห์’ รับรางวัลแห่งความดี “เงือกทองคำ” ในฐานะผู้เจริญรอยตาม ‘พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์’

เมื่อวันที่ (25 พ.ค. 68) สงขลา นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลครบรอบ 6 ปีแห่งการอสัญกรรมของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ณ อาคาร 100 ปี ชั้น 2 วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งจัดโดยสมาคมชาวสงขลา ร่วมกับสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์

ในวันเดียวกัน ได้มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ. 2567 ของสมาคมชาวสงขลา  พร้อมทั้งจัดพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติคนดีศรีแผ่นดิน “เงือกทองคำ”เพื่อยกย่องผู้ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม

ในโอกาสนี้ นายเจือ ราชสีห์ ได้รับรางวัล “เงือกทองคำ” ในประเภท “ข้าราชการการเมืองที่ทำคุณประโยชน์ให้กับจังหวัดสงขลา” โดยรางวัลเชิดชูเกียรติคนดีศรีแผ่นดิน “เงือกทองคำ” นี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณงามความดีของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งถือเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตด้วยความรับผิดชอบและกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด
นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวสงขลา ที่จะเจริญรอยตามความดีของท่าน ตามคำกล่าวของท่านที่ว่า "เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"

สำหรับรางวัลเชิดชูเกียรติคนดีศรีแผ่นดิน "เงือกทองคำ" เป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณงามความดีเสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม เป็นต้นแบบการทำความดีให้กับคนสงขลา โดยพิจารณาจากคนจังหวัดสงขลาที่คุณงามความดี เสียสละเพื่อส่วนรวมและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม เป็นต้นแบบการทำความดีให้กับคนสงขลา โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 7 ประเภทคือ ข้าราชการที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา บุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา บุคคลต้นแบบ บุคคลสำคัญ (ถวายแด่พระคุณเจ้า)ข้าราชการการเมืองที่ทำคุณประโยชน์ให้กับจังหวัดสงขลาสื่อมวลชนที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลานักธุรกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสงขลา

‘เอ ภักดี’ เจ้าของร้านภักดีคาเฟ่ ย้อนความหลัง ได้รับน้ำใจจาก “พระเอกกล้ามโต” รีวิวน้ำพริกให้ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน

(27 พ.ค. 68) นายฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ หรือ เอ ภักดี เจ้าของร้าน “ภักดี คาเฟ่” โพสต์เฟซบุ๊กถึง ‘อาร์ต พศุตม์‘ ว่า มีช่วงชีวิตหนึ่งที่ผมลำบากมากๆไม่มีอะไรทำ ต้องมาขายของออนไลน์ ทำน้ำพริกขาย ก็พอขายได้บ้างแต่ไม่มากครับ แต่แล้ว…

หลังบ้านสิครับ วันดีคืนดีไอ้น้องคนนี้ทักเข้ามาหาพี่(ไม่เคยรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวเลยนะครับ) พี่เอครับ ผมขอซื้อน้ำพริกพี่เออย่างละ 5 ครับ เดี๋ยวผมจะช่วยพี่เอรีวิวด้วย เฮ้ย…ไอ้เราก็งงสิครับ อยู่ๆนักแสดงชื่อดัง แถมเราก็ชอบน้องมันด้วย เพราะเห็นน้องทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ เยอะแยะมากมาย หลังจากนั้น…พอน้องเขาได้น้ำพริกของผมไป ตั้งแต่บัดนั้นชีวิตของผมเปลี่ยนเลยครับ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ที่ผมใช้ชีวิตโดยการส่งน้ำพริกทั้งทั้งคืน…นี่แหละครับ…ไอ้พระเอกกล้ามโตของพี่

ทบ. แจงเหตุปะทะเดือดทหารไทย - กัมพูชา ชี้ สถานการณ์คลี่คลายทหารไทยไร้บาดเจ็บ

ทบ.แจงเหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา

เช้าวันนี้ (28 พ.ค.68) ณ กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. 

โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ 

ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่

กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป

‘ศูนย์คุณธรรม’ ผนึกภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนทั่วปท. จัดอบรมพัฒนาศักยภาพเสริมบทบาทสื่อสร้างสรรค์

ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับภาคีเครือข่ายสื่อมวลชน จัดอบรมหลักสูตร “พัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายสื่อพลังบวก สร้างสรรค์สังคมไทย” เสริมบทบาทสื่อสร้างสรรค์ สร้างสื่อพลังบวก

(28 พ.ค.68) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ร่วมกับภาคีเครือข่ายสื่อมวลชน จัดอบรมหลักสูตร “พัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายสื่อพลังบวก สร้างสรรค์สังคมไทย” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 70 คนจากสื่อส่วนกลาง และสื่อท้องถิ่นจังหวัดต่างๆ จาก 4 ภูมิภาค ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม กล่าวเปิดอบรมโดยเน้นว่า “สื่อคือพลังเปลี่ยนแปลงสังคม หากสื่อนำเสนอด้วยเจตนาและคุณธรรม สังคมไทยจะแข็งแรงจากภายใน” พร้อมย้ำถึงบทบาทของศูนย์คุณธรรมในการส่งเสริมคุณธรรมผ่านนโยบายและการสร้างเครือข่ายทางสังคม

ขณะเดียวกัน นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล กรรมการนโยบายไทยพีบีเอส ในฐานะประธานเครือข่ายสื่อคุณธรรม ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมอบรมว่า “ในยุคที่ข้อมูลล้นทะลัก เราต้องการ ‘สื่อ’ ที่ไม่เพียงแต่มีความไว แต่ต้องมีคุณธรรมและจริยธรรมในการนำเสนอ” พร้อมเปิดใจว่าการจัดอบรมครั้งนี้คือพื้นที่ในการเชื่อมโยงคนสื่อที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

วัตถุประสงค์ของการอบรมครั้งนี้ คือการยกระดับความรู้ความเข้าใจด้านคุณธรรม จริยธรรม และการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัล พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เสริมสร้างกลไกเครือข่ายสื่อที่มีพลังบวกและมีอุดมการณ์ร่วมในการขับเคลื่อนคุณธรรมในสังคมในประเด็นสำคัญ อาทิ บทบาทของสื่อในยุค AI และออนไลน์ , กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) , จริยธรรมวิชาชีพและแนวทางสร้างสื่อปลอดภัย , การสื่อสารคุณธรรมและความหวังในบริบทสังคมไทย

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น นายระวี ตะวันธรงค์ ที่ปรึกษาสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และกรรมการจริยธรรม สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ , นายอภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ Pantip.com , นายโกศล สงเนียม เลขาธิการสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และการเสวนธุรกิจกับการอยู่รอดขององค์กรสื่อ เช่น นายสกล ถาวรกาญจน์ สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ. FM 91, นายสัมฤทธิ์ เจียมเจริญพรกุล บรรณาธิการ ATV,นายวิรุฬ รัตนปริคณน์ สถานีโทรทัศน์ TNN 2 รวมถึงนักวิชาชีพสื่อมวลชนอีกหลายท่าน โดยมีเวิร์กช็อปกลุ่มย่อย การระดมความคิดเห็น และข้อเสนอระดับพื้นที่และเชิงนโยบายด้านสื่อคุณธรรม เพื่อสร้าง “แกนนำสื่อ” ที่มีอุดมการณ์ในการใช้พลังของสื่ออย่างสร้างสรรค์ต่อไป

การอบรมปิดท้ายด้วยการมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม โดย รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม พร้อมร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการสร้างสื่อเพื่อสังคมคุณธรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

‘ลานนา คัมมินส์’ ประกาศขาย ‘เฮือนสุนทรี’ ร้านอาหารสไตล์ล้านนา ริมแม่น้ำปิง 55 ล้านบาท

ลานนา คัมมินส์ ประกาศขาย เฮือนสุนทรี ร้านอาหารสไตล์ล้านนา ริมแม่น้ำปิง พื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ราคา 55 ล้านบาท

เมื่อวันที่ (3 มิ.ย. 68)  นักร้องสาว ลานนา คัมมินส์ เจ้าของผลงานเพลงติดหูอย่าง “ไว้ใจได้กา” ได้ประกาศขายกิจการร้านอาหารเฮือนสุนทรี เป็นร้านอาหารของ นางสุนทรี เวชานนท์ ซึ่งเป็นแม่ของ ลานนา พื้นที่ประมาณ 1,064 ตร.ม. ราคา 55 ล้านบาท ผ่านเฟซบุ๊ก Lanna Commins

โดยรุบข้อความว่า “ขายกิจการร้านอาหารเฮือนสุนทรี พร้อมที่ดินริมแม่น้ำปิง ใจกลางเชียงใหม่ เนื้อที่ 553 ตร.วา | พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,064 ตร.ม. | ราคา 55 ล้านบาท (ค่าโอนคนละครึ่ง)

ใครที่กำลังมองหาทำเลริมแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่-เงียบสงบ ร่มรื่น เป็นส่วนตัว และมากด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม

วันนี้ ‘เฮือนสุนทรี’ ร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่ เปิดขายพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาคารสไตล์ล้านนาแท้ รองรับลูกค้าได้หลายร้อยคน พร้อมลานจอดรถขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับสานต่อธุรกิจร้านอาหาร หรือรีโนเวทเป็นรีสอร์ต Wellness Space หรือบ้านพักส่วนตัวริมแม่น้ำ

จุดเด่น 

ที่ดินหน้ากว้าง ติดแม่น้ำปิง หาทำเลแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
ใกล้โรงแรม รีสอร์ต
บรรยากาศสงบ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติ
ทำเลทอง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว”... 

นายกฯ ชม ‘หาน จื้อเฉียง’ ทูตจีนก่อนอำลาตำแหน่ง ย้ำมิตรภาพแนบแน่นในทุกระดับและทุกมิติ

สายสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นแฟ้น! นายกฯ ชมบทบาทเอกอัครราชทูตจีนฯ ก่อนอำลาในโอกาสครบวาระ ย้ำมิตรภาพแนบแน่น "ร่วมทุกข์ ร่วมสุข"  พร้อมผลักดันความร่วมมือไทย-จีนทุกมิติ เสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคี-พหุภาคี สานความร่วมมือท่องเที่ยว-สินค้าเกษตร

(4 มิ.ย. 68) ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหาน จื้อเฉียง  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ 

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณและชื่นชมเอกอัครราชทูตจีนฯ ที่มีบทบาทและเป็นกำลังสำคัญในการประสานงานระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนความสัมพันธ์ไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกระดับและทุกมิติ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานร่วมกับเอกอัครราชทูตจีนฯ คนใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แนบแน่นยิ่งขึ้นต่อไป

เอกอัครราชทูตจีนฯ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในวันนี้ โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี 10 เดือน ของการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ได้เห็นความก้าวหน้าและความใกล้ชิดของความสัมพันธ์ไทย–จีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการรับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่นชมบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือไทย-จีน ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมทั้งขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา โดยเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ไทย–จีนจะดำเนินไปด้วยดีแม้ในสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้

ด้านการท่องเที่ยว จีนยังพร้อมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม บัลเลต์จีน กายกรรมจีน คอนเสิร์ต โดยเอกอัครราชทูตจีนฯ กล่าวถึงงาน “สวัสดี หนีฮ่าว” ซึ่งมีผลตอบรับอย่างดี มีบริษัทจีนเข้าร่วมกว่า 350 แห่ง ขณะที่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยยังคงเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก พร้อมยืนยันว่าจะเร่งสื่อสารเชิงบวกให้มากขึ้น ทั้งด้านความปลอดภัย การลงทุน และภาพลักษณ์ประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองชาติ

ด้านความร่วมมือสินค้าเกษตร โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่ฝ่ายจีนช่วยอำนวยความสะดวกการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีนได้อย่างประสิทธิภาพ สามารถส่งไปยังจีนได้ภายในระยะเวลา 2 วัน จากเดิม 7-8 วัน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจีนและหน่วยงานไทย ขณะที่ฝ่ายจีนได้ขึ้นบัญชีอนุญาตบริษัทไทยที่ผ่านเกณฑ์คุณภาพให้ส่งออกทุเรียนโดยไม่ต้องตรวจซ้ำแล้วกว่า 240 แห่ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันได้อีกมาก

ด้านความร่วมมือในกรอบแม่โขง–ล้านช้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยยินดีต้อนรับการเยือนของนายกรัฐมนตรีจีนในช่วงปลายปีนี้ เพื่อร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือแม่โขง–ล้านช้าง ครั้งที่ 5 โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาคในทุกมิติ ขณะที่เอกอัครราชทูตจีนฯ เห็นพ้องและอยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย พร้อมกล่าวย้ำว่า “แม้สถานการณ์โลกจะผันผวน แต่ความสัมพันธ์ไทย–จีนจะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เราต้องทำงานด้วยกันเพื่อที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ และสร้างพลังใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือต่อไป”

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตจีนฯ สำหรับความจริงใจและมิตรภาพที่มั่นคง พร้อมย้ำว่า มิตรภาพระหว่างบุคคลและระหว่างประเทศไม่ขึ้นกับตำแหน่งหน้าที่ แต่เกิดจากความเข้าใจและการประสานงานที่จริงใจ และขออวยพรให้เอกอัครราชทูตจีนฯ และภริยา ประสบความสำเร็จและมีความสุขในทุกภารกิจต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top