Sunday, 8 June 2025
News

สิ้น ‘จอน อึ๊งภากรณ์’ นักเคลื่อนไหว ผู้ก่อตั้ง iLaw-ประชาไท ถึงแก่กรรมอย่างสงบ ในวัย 77 ปี

(13 พ.ค. 68) สำนักข่าวประชาไท และ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และเลขาธิการชมรมพิทักษ์ผู้ประกันตน รายงานตรงกันว่า ประชาไทได้รับแจ้งว่า นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)​ ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw และผู้ร่วมก่อตั้งสำนักข่าวประชาไท เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านพัก ในวัย 77 ปี 

ขณะที่ นายนิมิตร์ ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า หนึ่งชีวิต ตายจาก ทิ้งไว้เพียงเรื่องราวที่ได้ทำร่วมกัน ร่วมคิดงาน ถกเถียงกัน และช่วยกันดันจนงานนั้นสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง เป็นธรรมดา แต่สิ่งที่แสนจะวิเศษและทำให้ผมเติบโตและกล้าที่จะผลักดันการงานต่างๆ ได้เพราะผม มี อาจารย์จอน อึ๊งภากรณ์ เป็นเพื่อนร่วมทางตลอดมา…พวกเราจะช่วยกันจัดงานศพให้ นะครับ

ด้วยรักและเคารพครับ
13 พ.ค.2568

‘สุรพิชญ์-วิชญาดา’ คว้าตั๋วดวลวงสวิงญี่ปุ่น หลังได้แชมป์ “บางจาก มาสเตอร์ส 2025”

(14 พ.ค. 68) ดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานจัดการแข่งขัน “ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์” ให้เกียรติมอบรางวัลและมอบสิทธิ์ร่วมแข่งที่ประเทศญี่ปุ่น แก่นักกอล์ฟเยาวชนที่คว้าแชมป์ในรุ่น Super GENZ (ชายและหญิง) ในการแข่งขันกอล์ฟเยาวชนรายการ “บางจาก มาสเตอร์ส 2025” ที่สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา

“บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” ร่วมกับ “บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด” ลุยคัดเยาวชนฝีมือดีต่อในรายการ “บางจาก มาสเตอร์ส 2025” ทำการแข่งขัน 2 วัน (36 หลุม) ซึ่งการแข่งขันสนามนี้จะคัดเลือกนักกอล์ฟเยาวชนที่คว้าแชมป์ในรุ่น Super Genz ชาย 1 คน และหญิง 1 คน ร่วมเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน Yonex Junior Golf Championship 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม นี้ 

หลังจบการแข่งขันรอบสุดท้าย ผลปรากฏว่า “สุรพิชญ์ พิชยเสาวภาคย์” คว้าแชมป์รุ่น Super Genz ชาย ได้สำเร็จ สกอร์รวมสองวันทำไป 3 อันเดอร์พาร์ 141 ฟาก Super Genz (หญิง) วิชญาดา แรมเมือง ก็ฟอร์มแรงไม่แพ้กัน เบียดคว้าแชมป์แรกในสนามนี้ไปครอง ด้วยสกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 143 ซึ่งทั้ง สุรพิชญ์ และวิชญาดา ยังคว้าตั๋วแข่งที่ญี่ปุ่นได้อีกด้วย 

นอกจากสิทธิ์แข่งญี่ปุ่นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งรายการแข่งขันที่ เดอะ เจ็นซ์ จะพาน้องๆ ไปสร้างประสบการณ์พัฒนาฝีมือในระดับนานาชาติที่ประเทศสิงคโปร์ กับรายการ Singapore Junior Masters 2025 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 ซึ่งนักกอล์ฟที่ได้สิทธิ์แข่งขันในรายการนี้ จำนวน 4 คน ได้แก่ รุ่น Super GENZ (ชาย) สุรพิชญ์ พิชยเสาวภาคย์ รุ่น Super GENZ (หญิง) งามพรรณ จันทนะ ส่วนรุ่น Junior Genz (ชาย) รัฐวิชญ์ รัฐชัยอนันต์ รุ่น Junior Genz (หญิง) บุณยนุช ศุภกิจบุญชู 

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 4 “Ditto Classic 2025 Super 6 Match Play” แข่งขันระหว่างวันที่ 7-8 มิถุนายน 2568 สนามเขาใหญ่ คันทรี คลับ จ.นครราชสีมา สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

‘แอนนี่ บรู๊ค’ ย้อนเล่าเรื่องราวแห่งโอกาสในชีวิต หลังได้รับทุนเรียนต่อใน รร.เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์

เมื่อวันที่ (18 พ.ค. 68) แอนนี่ บรู๊ค ดารานักแสดง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตว่า แอนเคยได้รับทุนจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ไม่ใช่แค่ทุนการศึกษา แต่คือแสงสว่างในอุโมงค์มืด ในวันที่โลกยังไม่เท่าเทียม และแอนโชคดีที่ได้อยู่ในแสงสว่างนั้น โอกาสนี้หล่อหลอมให้แอนเติบโตและเดินบนเส้นทางที่ควร

“ขอบคุณที่เคยเชื่อในเด็กคนหนึ่ง... ที่วันนี้ยังไม่ลืมคุณค่าของโอกาสนั้นเลยค่ะ”

แอนนี่ ยังบอกเพิ่มเติมว่า เดิมโรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่าโรงเรียนเซนต์ปอลเดอร์ชาร์ท และได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตน์ หรือ อร.  โดยแอนเป็นนักเรียนรุ่นที่ 1 รุ่นบุกเบิกโรงเรียน ผู้ดูแลเป็นมาเซอร์ อยู่ในศาสนาคริสต์คาทอลิก แต่ไม่ว่าจะศาสนาไหนทุกคนอยู่ที่นี่เท่าเทียมกันหมด

พร้อมทั้งได้ยกย่องครูที่นำทางแสงสว่าง มีชื่อว่า ครูสมัย วิไลศักดิ์ โดยครูเป็นคนไปขอแม่ว่าเด็กมันเรียนดีเป็นเด็กดี ครูขอนะ เพราะในตอนนั้นแม่กำลังจะส่งแอนไปทำงานเป็นแม่บ้านในกรุงเทพฯ ครูจึงบอกว่า ขอให้เด็กได้ไปเรียนต่อ 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ครูสมัยอยู่ไหน แต่หนูซาบซึ้งในพระคุณมากๆค่ะ”

นายกฯ รับรายงานอินโดฯจับเรือประมงขนยาเสพติด ด้าน ศรชช. ยันเรือ 'Aungtoetoe99' ไม่ใช่เรือไทย

นายกฯ รับทราบรายงานเรือประมง ‘Aungtoetoe99’ โดนจับขนยาเสพติดที่อินโดฯ ศรชล. ยันไม่ใช่เรือไทย ย้ำรัฐบาลร่วมมือกับทุกประเทศจัดการกับผู้กระทำความผิดในทุกมิติ

(19 พ.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้รับรายงานจาก พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศรชล. และ พลเรือตรีจุมพล นาคบัว โฆษก ศรชล. ว่า ตามที่มีข่าวกองทัพเรืออินโดนีเซียจับกุมเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบขนยาเสพติด จำนวน 1.9 ตัน ในเขตน่านน้ำอินโดนีเซีย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้ประสานศูนย์ข่าวสารทางทะเล และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ

โดยได้รับแจ้งจากสำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอินโดนีเซียว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 68 กองทัพเรืออินโดนีเซีย ได้เข้าจับกุมเรือประมงต่างชาติชื่อ Aungtoetoe99 ตามข่าวสื่อมวลชนในอินโดนีเซีย รายงานข่าวอ้างว่าเป็นเรือประมงไทย ในเขตน่านน้ำ Salat Durian หมู่เกาะเรียวของประเทศอินโดนีเซีย และค้นพบยาเสพติด 1.9 ตัน มูลค่า 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (USD) และจับกุมผู้ควบคุมเรือ โดยกล่าวอ้างว่าเป็นชาวไทย 1 คน ลูกเรือชาวเมียนมา 4 คน ทุกคนไม่มีเอกสารประจำตัว

นายกรัฐมนตรีได้รับรายงาน จากศูนย์ปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศปก.ศรชล.) ซึ่งได้ตรวจสอบฐานข้อมูลเรือประมงไทยแล้ว ไม่ปรากฏชื่อเรือดังกล่าวอยู่ในระบบข้อมูลเรือประมงของไทย จึงได้ประสานการตรวจสอบกับหน่วยงานต่างประเทศ และหน่วยงานภายในประเทศ ว่าเรือประมงดังกล่าวมีสัญชาติใด และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงจาร์กาตา กำลังประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ อินโดนีเซียว่าผู้ควบคุมเรือเป็นชาวไทยจริงหรือไม่ เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนเรื่องสัญชาติของไต้ก๋งเรือ เพราะกรมข่าวทหารของไทยค้นหาชื่อ “บ่าวพร กิ่งแก้ว” ในระบบทะเบียนราษฎร์ไม่พบ ว่ามีการจดทะเบียนแต่อย่างใด และล่ามแจ้งข้อมูลมาว่า ไต้ก๋งให้การว่าเกิดที่เมียนมา มีพ่อหรือแม่เป็นคนเมียนมา แต่พักอาศัยอยู่ที่ระนอง โดยมีบัตรประชาชนของทั้งเมียนมาและไทย

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและแรงงานภาคการประมง (IUU Fishing) โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนยาเสพติด การค้ามนุษย์ จะดำเนินการตามกฎหมายโดยขั้นเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นฐานในการกระทำความผิดทางทะเล และจะร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อสกัดกั้นขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประโยชน์จากช่องทางทางทะเลอย่างเข้มงวด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ

อ.ลิ้ง ฟ้องเพจดัง CSI LA เรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ปมกล่าวหาเอี่ยวธุรกิจสีเทา ลั่นตรวจสอบเส้นเงินได้

อ.ลิ้ง เอาผิด เพจดัง CSI LA จ่อฟ้อง 10 ล้าน เกรียนคีย์บอร์ดคนละ 1 ล้าน ปมกล่าวหาเอี่ยวธุรกิจสีเทา ยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยว เส้นทางการเงินสามารถตรวจสอบได้

(20 พ.ค. 68) เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 พ.ค. 2568 ที่สภ.เมืองขอนแก่น นายชนะวุธ อุทโท หรือ อ.ลิ้ง อายุ 38 ปี เซียนพระชื่อดัง ที่ร่ำรวยมาจากการขายวัตถุมงคล ‘หลวงปู่มหาศิลา สิริจนฺโท’ และเป็นเจ้าของโรงแรม เดอะกราเซียร์ โฮเต็ล และกรรมการผู้จัดการ บริษัท คชาวุธ 4289 อมูเลท จำกัด พร้อมด้วย นายสุรเชษฐ์ ประสมศรี ทนายความและฝ่ายกฎหมายของบริษัทคชาวุธฯ นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.สันติ เชื้อหมอดู รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองขอนแก่น

หลังถูกเพจเฟซบุ๊กชื่อดังเพจ CSI LA ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 1.4 ล้าน โพสต์ภาพและข้อความกล่าวหาว่าไปยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทา สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับตัวเองและครอบครัว ซึ่งในข้อความระบุว่า “คนกรุงเทพอย่าดูถูกความรวยของวัยรุ่นสร้างตัว อ.ลิ้ง ณ กาฬสินธุ์ ที่บอกว่าซี้กับหนุ่มกรรชัย ที่มีบ้านใหญ่เบิ้มจนคนในซอยนึกว่าพระราชวังปแวไซน์ รถหรูจอดเรียงเหมือนงานมอเตอร์โชว์ ตำนาน อ.ลิ้ง แห่งกาฬสินธุ์: จากติวเตอร์ สู่เจ้าของวังปแวไซน์”

ก่อนจะมาเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่กว่าศาลากลางจังหวัด อ.ลิ้งเคยเป็นติวเตอร์ (ที่ปิดกิจการไปอย่างเงียบๆ) ต่อด้วยค้าไหมไทย (ที่ขายดีเฉพาะวันเปิดร้าน), ลองขายควายงาม ขายน้ำพริก ปั้นเหรียญ ปั้นภาพ ปั้นฝัน และสุดท้ายปั้นตัวเองข้างหลวงปู่ศิลา กลายเป็นเจ้าพ่อเหรียญสายมู!

ว่ากันว่า เขาไม่ได้ขอพรจากหลวงปู่ แต่มาขอทำเหรียญ แล้ว เหรียญนี้แหละที่หมุนชีวิตจากศูนย์ถึงซุปตาร์จังหวัด! แต่คนในพื้นที่กระซิบว่า เขาไม่ได้เดินเดี่ยว แต่มีเครือข่ายธุรกิจสีเทาครอบคลุมตั้งแต่ร้านทองยันโรงแรม (ที่เพิ่งเทคโอเวอร์มาหมาดๆ)

เงินไม่ได้โอนเข้าชื่อเขา แต่เข้าชื่อญาติบ้าง เมียคนปัจจุบันบ้าง (ที่ตอนนี้กลายเป็นคุณนายโรงแรม)…และทั้งหมดนี้ พึ่งจะ ‘พุ่ง’ รวยขึ้นหลังยุคโควิด ซึ่งหลายคนแค่ประคองตัว แต่เขากับรวยแบบไม่มีที่มาที่ไป”

และยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่มีการโพสต์ในลักษณะกล่าวหาเชื่อมโยงข้อมูลในลักษณะเดียวกันกับเพจดังกล่าวอีก 1 คน ซึ่งในข้อความระบุว่า “# ข่าวจาก วัดไร่ขิง888 สู่ วังน้ำเย็น สารคาม ซักหน่อยคงราม มาขอนแก่นกระทบ อ.ลอลิง แน่ เพราะข้อมูลชี้เร่งกวาดซื้อที่ดินกับโรงแรมไม่เว้นแม้กระทั่งผับบาร์ ร้านอาหาร”

โดยนายชนะวุธ ได้แจ้งความเรียกค่าเสียหายที่จะต้องชดใช้เยียวยาเป็นเงิน 10 ล้านบาท รวมไปถึงผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์ให้เกิดความเข้าใจผิดสร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้งและครอบครัวอีกรายละ 1 ล้านบาท

นายสุรเชษฐ์ ทนายความและฝ่ายกฎหมายของบริษัทคชาวุธ ฯ กล่าวว่า เพจดังกล่าวนำภาพมาโพสต์ข้อความได้สร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้ง เป็นอย่างมาก ในฐานะทนายความจึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานมอบให้กับทางตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น และให้อ.ลิ้ง เข้าแจ้งความเอาผิดเพจดังกล่าว และบุคคลอีก 1 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ พร้อมตั้งทีมทนายความมาร่วมดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินกับทางเพจและตัวบุคคล รายละ 10 ล้านบาท

และจะทำการเอาผิดกับคนที่คอมเมนต์ และ คนที่แชร์สร้างความเสียหายให้กับ อ.ลิ้งและครอบครัวอีกรายละ 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ทีมทนายความทำการตรวจสอบโดยดูที่เจตนา หากใครมีเจตนาสร้างความเสียหายชัดเจนก็จะมีการดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด

ขณะที่ นายชนะวุธ หรือ อ.ลิ้ง กล่าวว่า เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวและคนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับตนเองและครอบครัว โดยเฉพาะการที่เพจดังกล่าวมีการระบุข้อความสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก

“วันนี้ลูกไม่กล้าที่จะไปโรงเรียนเพราะมีประเด็นนี้เกิดขึ้น และที่เพจดังกล่าวโพสต์นั้นไม่ได้มีการตรวจสอบและไม่รู้ความจริง ยืนยันว่าตนเองไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ส่วนเส้นทางการเงินก็สามารถตรวจสอบได้ แต่เขาไม่เคยส่งเรื่องถึงหน่วยงาน หรือส่งเรื่องถึงตำรวจให้มาตรวจสอบเส้นทางการเงินของตนเองแต่ก็มาโพสต์ลอยๆโดยไม่มีหลักฐานเพื่อกล่าวหาเช่นนี้ ทำให้ตนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ลูกก็ไปโรงเรียนไม่ได้เพราะถูกคนพูดถึงพ่อในทางที่ไม่ดี เหมือนพ่อเป็นอาชญากร”

นายชนะวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองสู้ชีวิตมาตลอด ค้าขายมาหลายอย่าง จนกระทั่งเข้าสู่วงการพระเครื่อง ช่วงแรก ๆตลาดพระเครื่องไม่บูม การบูชาพระก็ไม่ค่อยดี แต่ในช่วงปี 2567 วงการพระเครื่องบูมมาก ทำให้มีการซื้อขายเช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคลเป็นไปด้วยดี ทำให้ตนมีเงินมีทอง มีบ้าน ซึ่งในเรื่องนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ

คนทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตจะมีบ้าน มีรถยนต์ได้ ไม่ใช่จะมองว่าคนที่มีบ้านหลังใหญ่ มีรถหลายคันต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาเท่านั้น ตนไม่เข้าใจว่าเพจดังกล่าวเอาข้อมูลมาจากไหนมาโพสต์สร้างความเสียหายให้ตนเช่นนี้

“ผมพร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ ในการที่จะตรวจสอบที่มาของเงินและรายได้ของตน อีกด้านตนเป็นคนที่เสียภาษีมากเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดขอนแก่น และยังต้องผ่อนจ่ายให้สรรพากรทุกเดือน จึงขอยืนยันว่าตนทำอาชีพสุจริต เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์สุริยันต์ ที่มีแต่ทำคุณประโยชน์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ซึ่งเมื่อมีเงินก็ต้องการซื้อทรัพย์สิน จึงซื้อกิจการโรงแรมในจังหวัดขอนแก่น 1 แห่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนักธุรกิจจำนวนมากเขาก็ทำกัน

อีกทั้งการที่มีประชาชนบางคนใน จ.ขอนแก่น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแบบนั้น ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรโพสต์ เพราะถ้าคับข้องใจอะไรก็ให้มาถาม เพราะการโพสต์เช่นนี้ ทำให้คนเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีการแชร์ มีการคอมเมนต์ต่างๆนานาโดยที่ไม่รู้ความจริงก็คิดเป็นตามที่มีการโพสต์ไปแล้ว

ตนให้ทนายความรวบรวมหลักฐานนำมาแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับเพจดัง 1 เพจ และคนที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมถึงคนที่คอมเมนต์และแชร์ข้อความที่เกี่ยวข้องทุกคน ขอยืนยันว่าไม่มีการเจรจายอมความโดยเด็ดขาด”

GDH ขายลิขสิทธิ์ ‘หลานม่า’ ให้ Miramax สตูดิโอดังเตรียมรีเมกเป็นเวอร์ชันฮอลลีวู้ด

เมื่อวันที่ (17 พ.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'มิราแม็กซ์' (Miramax) สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ระดับโลก ประกาศว่าได้รับลิขสิทธิ์ในการรีเมกภาพยนตร์ 'หลานม่า' พร้อมระบุว่า หลานม่า เป็นภาพยนตร์ที่มีความพิเศษ และล้ำค่าเหมือนอัญมณี ทั้งตลก ลึกซึ้ง และสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน และหวังว่าฉบับรีเมกจะพาครอบครัวหลายรุ่นมารวมตัวกันในโรงภาพยนตร์ได้เหมือนเช่นต้นฉบับจากประเทศไทย ด้าน 'พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ' ผู้กำกับหลานม่า เปิดเผยว่า ตกใจมากที่หนังไปไกลขนาดนี้ แต่มันทำให้รู้ว่าคนทั่วโลกยังมีคุณค่าบางอย่างร่วมกันที่ไม่ต้องมีพรมแดนทางวัฒนธรรมมาขวางกั้น

ภาพยนต์ 'หลานม่า' ภาพยนตร์ไทยซึ่งเคยผ่านเข้ารอบคัดเลือกรางวัลออสการ์ ผลงานของผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ และสตูดิโอภาพยนตร์ไทย GDH พร้อมได้ทัพนักแสดงมากฝีมือมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวอย่าง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล , แต๋ว อุษา เสมคำ  โดย 'หลานม่า' ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ไทย โดยการมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และได้ผ่านเข้าสู่รอบ 15 เรื่องสุดท้าย หลังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและในหลากหลายประเทศทั่วโลก

ภาพยนต์ 'หลานม่า' ยังได้สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศเป็นอันดับที่ 11 ด้วยรายได้กว่า 339 ล้านบาท ขณะที่การนำภาพยนตร์ออกฉายในต่างประเทศก็สามารถทำรายได้ไปแล้วมากกว่า 1,600 ล้านบาท  และยังคว้ารางวัลมาได้ในหลากหลายเวทีทั้งในไทยและระดับนานาชาติ อาทิเช่น  รางวัล Audience Award จากเวที New York Asian Film Festival ครั้งที่ 23 และรางวัล Best Picture และ Best Original Screenplay ในงานประกาศรางวัล The 61st Asia Pacific Film Festival ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จ และความโด่งดังจนถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำไปรีเมกในรูปแบบฉบับของสตูดิโอดังจากฮอลลีวูด

ผู้สร้างแอนิเมชัน 2475 ยันยังพร้อมไม่ทำภาคต่อ แม้มีผู้เสนอให้ทุนสนับสนุน หวั่นหากทำไปแล้วไม่จบ จะเป็นการทรยศต่อความหวังดี

(22 พ.ค. 68) นายวิวัธน์ จิโรจน์กุล ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง "2475 Dawn of Revolution" โพสต์เฟซบุ๊กว่า หลังจากปล่อยแอนิเมชัน 2475 ไป ผมยังไม่ได้ไปขอโปรเจคท์อะไรใครที่ไหนนะครับ เพราะเป้าหมายแรกของผมคือ ตอนนี้ผมต้องโฟกัสไปที่การทำให้บัญชีบริษัทกลับมาเป็นตัวเขียวก่อน

วันที่ผมไปออกรายการที่แนวหน้า (กับพี่กบและพี่บุญยอด) ก่อนเข้ารายการ มีผู้ใหญ่ท่านนึงได้เข้ามานั่งคุยด้วย บอกว่าอยากเจอตัว และ อยากหาทางสนับสนุนงบให้ทำภาคต่อ ผมยังบอกท่านไปว่า ถ้าผมจะทำภาคต่อ ผมต้องมั่นใจก่อนว่าผมจะสามารถทำให้จบได้จริงๆ ไม่เช่นนั้น ถ้าผมเอาเงินบริจาคมา แล้วเงินไม่พอ หรือ เกิดปัญหาทำให้ผมทำไม่จบ ก็เท่ากับผมโกงเงินบริจาค ทรยศต่อความตั้งใจดีของทุกท่าน

นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่เปิดรับบริจาคในการทำภาคใหม่ เพราะผมรู้ว่าผมยังไม่พร้อมที่จะทำอะไร ถ้าบริษัทยังวิกฤติอยู่ ผมจึงหาทางต่อยอดจากแอนิเมชัน 2475 ผมจึงได้ทำเป็นรูปแบบหนังสือ เพราะมันได้ประโยชน์หลายทาง ซึ่งก็พอจะช่วยเยียวยาได้บางส่วน 

แต่กระนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะราบรื่นนะครับ ผมจะไม่ลงรายละเอียดมาก แต่เราถูกสกัดอยู่พอสมควร หลายคนอาจคิดว่า ทำแอนิเมชันออกมาได้แบบนี้ น่าจะมีโอกาสในการรับงานง่ายขึ้น ก็ไม่ใช่เสมอไปครับ ผมถูกปล่อยข่าวดิสเครดิต ตั้งแต่ต้นปี 67 ด้วยซ้ำ เรียกว่าปล่อยแอนิเมชันปุ๊บ ก็รุมกันยำผมเละ สกัดไม่ให้ใครมาสนับสนุนแอนิเมชัน 2475 แต่ตัวผมสบายใจไปตั้งแต่งานเสร็จแล้ว ใครจะเอาไปดิสเครดิตยังไงก็ช่างเขา 

จนช่วงเดือนตุลา ก็มีผู้ใหญ่อีกท่านมาบอกผมว่า มีคนเอาแอนิเมชัน 2475 ไปขอรับการสนับสนุนจากที่ต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นทีมงานลับที่อยู่เบื้องหลัง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคนกลุ่มนั้นได้เงินไปเท่าไหร่ แต่ผมไม่ได้ส่งใครไปเรียกรับเงินแบบนั้นแน่นอน  ผมจึงต้องมาโพสต์ชี้แจงในหน้าเพจ 2475 Dawn of Revolution  เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ 

ข้อดีของการถูกดิสเครดิตมันก็มีนะครับ คือ มีหลายคนที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เขาเชื่อว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา เพราะผมไม่เคยทำพฤติกรรมแบบที่ถูกปล่อยข่าวเลย โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องไปอธิบายหรือชี้แจงอะไร และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวเอง 

ผมจะไม่เบลมใคร แต่ขอฝากไว้ว่า การเอาแต่โกหกใส่ร้ายคนอื่นตลอดเวลา มันจะยิ่งทำให้เสียเครดิตและเสียเพื่อนไปเรื่อย ๆ นะครับ

ในเทปนี้ผมพูดไว้นิดหน่อย เรื่องภาคต่อ

'ดร.อานนท์' เผยเหตุผลทำไมต้องแก้ไข พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

(22 พ.ค 68) รศ. ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล (Citizen data sciences) คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไมจึงต้องแก้ไขพรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในปี ๒๕๖๘" มีเนื้อหาดังนี้

สำนักงานพระคลังข้างที่ กลายเป็นหน่วยงานเล็กๆ ในสังกัดสำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง หลังจากมีการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ตาม พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๔๙๑ และแม้จะมีการแก้ไข พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ อีกครั้งใน พ.ศ. ๒๕๖๑ แต่สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวังก็ยังคงอยู่ เป็นสำนักงานเล็ก ๆ มาโดยตลอด โดยมีภาระหน้าที่ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ดังนี้

หนึ่ง ทำหน้าที่ดูแลการจ่ายเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ เงินปีเป็นเงินที่แต่เดิมรัฐบาลจัดถวายให้พระมหากษัตริย์พระราชทานให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปได้รับพระราชทานไปใช้เป็นการส่วนพระองค์ของเจ้านายแต่ละพระองค์ และรัฐบาลก็ถวายพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ไม่ทรงรับเงินปีจากรัฐบาล พระราชทานคืนกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังทั้งหมด ต่อมาไม่ทรงรับเงินปีที่รัฐบาลจัดถวายเพื่อให้พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงส่งคืนกรมบัญชีกลางเช่นกัน และทรงใช้เงินส่วนพระองค์พระราชทานเงินปีให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์แทน โปรดอ่านได้จากบทความ เงินปี งบประมาณประจำปี และเงินรายปีวาทกรรมประดิษฐ์บิดเบือนเป็นเท็จใส่ร้ายป้ายสีสถาบันฯ https://mgronline.com/daily/detail/9640000089488

สอง สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินและเก็บผลประโยชน์ เช่น ค่าเช่า ของพระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์

จะเห็นได้ว่าภาระหน้าที่ของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวังมีไม่มากนัก เพราะได้ถ่ายโอนไปที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไปจนหมดแล้ว นับแต่ พ.ศ. ๒๔๙๑

เมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๕ แล้ว สำนักพระราชวัง ก็ย้ายมาสังกัดหน่วยราชการในพระองค์ สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ย้ายไปสังกัดกรมบังคับการสำนักพระราชวัง จนกระทั่งในปัจจุบัน

จนกระทั่งหากร่าง พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2568 ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และกำลังจะนำไปสู่การลงมติของรัฐสภา และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงดังแสดงในแผนภาพด้านล่างนี้ ดังนี้

หนึ่ง มีการโอน สำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง ไปสังกัดสำนักงานพระคลังข้างที่ที่เปลี่ยนชื่อมาจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

สอง เปลี่ยนการเรียกชื่อตำแหน่ง จากคณะกรรมการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไปเป็น คณะกรรมการพระคลังข้างที่ และผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ไปเป็นผู้อำนวยการพระคลังข้างที่

แต่กลับเกิดการโจมตีของมีความคิดเห็นอันเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จากต่างแดน เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับ ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ว่านี่คือการกลับไปสู่ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างแท้จริง

ประการแรก ตามทฤษฎีองค์การ (Organizational theories) ยังไม่อาจจะเข้าใจได้เลยว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ (Organizational structure) กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (Political regime) ไปได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหาร (Management system) อะไรไปมากเลย กลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปได้ช่างเป็นตรรกะวิบัติ (Logical fallacy) ของนักวิชาเกินโดยแท้

ประการสอง ทรัพย์สินในพระองค์ กับ ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ ยังคงแยกออกจากกันอย่างชัดเจน อันเป็นไปตาม พรบ. จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๑ เช่นเดิม ทั้งนี้ทรัพย์สินในพระองค์ เป็นทรัพย์สินของราชสกุลมหิดล นับตั้งแต่ก่อนครองสิริราชสมบัติ เดิมมีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ตั้งอยู่ในวังสระปทุม แต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าเป็นการจัดโครงสร้างองค์การที่ซับซ้อน เพราะมีคณะกรรมการชุดเดียวกัน ควรนำมารวมหน่วยงานกันเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการจัดการมากขึ้น แต่ยังแยกออกจากทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ อันเป็นทรัพย์สินที่จะตกทอดต่อไปยังพระมหากษัตริย์ในภายภาคหน้าให้สามารถทรงใช้เพื่อบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทำนุบำรุงแผ่นดินได้สืบไป

ประการสาม การเปลี่ยนชื่อกลับไปใช้คำโบราณ อันเป็นคำที่เรียกมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเก็บเงินที่ทรงค้าสำเภาได้ไว้ในถุงแดง ข้างพระแท่นที่บรรทม จึงทรงเรียกว่าพระคลังข้างที่ การกลับไปใช้คำโบราณ อันเป็นคำเก่าเฉย ๆ ไม่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง (Political regime) ได้แต่ประการใด ไม่ทราบว่าคนพวกนี้ศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กันมาได้อย่างไร

อันที่จริงร่าง พรบ. ฉบับนี้ก็ได้เขียนเหตุผลในการตรากฎหมายไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า โดยที่พระคลังข้างที่เป็นหน่วยงานที่มีภาระหน้าที่ในการจัดการดูแลพระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์มาแต่โบราณกาล ซึ่งต่อมาได้มีการจัดตั้งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เพื่อทำหน้าที่แทน เพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี จึงสมควรเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เป็นสำนักงานพระคลังข้างที่ และสมควรรวมกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานพระคลังข้างที่เดิมเข้ามาบริหารจัดการโดยสำนักงานพระคลังข้างที่ตามพระราชบัญญัตินี้ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ประการที่สี่ การรวมกิจการของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวังเดิม มาสังกัดสำนักงานพระคลังข้างที่ที่เปลี่ยนชื่อจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นั้นเป็นการถูกต้องตามหลักการทางการจัดการการเงิน เพราะสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์เดิม มีความชำนาญ (Specialization) ในการจัดการทรัพย์สินมากกว่า มีบุคลากรพร้อมกว่า อันน่าจะตอบโจทย์ในภารกิจที่สองของสำนักงานพระคลังข้างที่ สำนักพระราชวัง (เดิม) ได้ดีมีประสิทธิภาพกว่า

นอกจากนี้ในเชิงการบัญชีและการเงิน การจ่ายเบี้ยหวัดเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นการใช้จ่ายเงินส่วนพระองค์ อันน่าจะเกิดจากผลประโยชน์งอกเงยของทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่บริหารการเงินและทำบัญชีโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (เดิมอยู่แล้ว) ย่อมทำให้ลดขั้นตอนในการทำงาน ทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องโอนเงินไปมาข้ามหน่วยงานอีกต่อไป ทำให้น่าจะตอบสนองต่อภารกิจในการจ่ายเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ ได้สะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะน่าจะลดขั้นตอนในการโอนเงินระหว่างหน่วยงานได้

ประการที่ห้า การเปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิมในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงค้าสำเภาได้กำไรเป็นเงินตราต่างประเทศ เหรียญทองปีกนกเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก แล้วทรงใส่ไว้ในถุงผ้าสีแดง ไว้ข้างพระแท่นที่บรรทม จงทรงเรียกว่าพระคลังข้างที่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เงินถุงแดงนี้ในการกอบกู้ชาติบ้านเมืองเมื่อคราววิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์จะเปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ไปเป็นสำนักงานพระคลังข้างที่อันเป็นคำที่ใช้มาแต่โบราณ จึงมีนัยยะที่มีพระราชประสงค์ถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วยอีกประการหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้จึงมิใช่การเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นการสืบทอดประวัติความเป็นมาให้สอดคล้องกับโบราณราชประเพณีแต่ประการเดียว และไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองใด ๆ ทั้งสิ้นด้วย

'หมอเหรียญทอง' โพสต์เดือดฝากถึง 'สิระ' หลังอ้างความดันขึ้นเบี้ยวฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

(22 พ.ค 68) ภายหลังศาลแขวงดอนเมือง นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นจำเลยในความผิดฐานบุกรุกโรงพยาบาลสนามพลังแผ่นดิน เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2564

อย่างไรก็ตามนายสิระไม่ได้เดินทางมาศาล ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา โดยอ้างว่ามีอาการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงเฉียบพลัน ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนไปวันที่ 18 มิ.ย.2568

ทั้งนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายสิระ เจนจาคะ ฐานหมิ่นประมาท 5 กระทง กระทงละ 2 เดือน รวม 10 เดือน และฐานบุกรุก 6 เดือน รวมโทษทั้งหมด 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ต่อมา ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้โทษ โดยลดโทษจำคุกเหลือ 10 เดือน และไม่รอลงอาญา

ล่าสุด พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ยังไม่แน่จริง ไม่เข้มแข็งพอ ถึงแม้จะเคยติดคุกมาแล้ว

เมื่อต้องฟังคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสุดท้ายแล้ว ในขณะที่ 2 ศาลยืนตามกัน คือ ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นพิพากษายืนตามกันให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญาทั้ง 2 ศาล

มันคงเครียดมาก นอนไม่หลับ ปวดหัว ความดันขึ้น คนติดคุกก็ต้องเครียดอย่างนี้แหละครับ ...บางรายกลัวคุก จนขี้แตก ท้องร่วง ก็มีนะครับ...บางรายก็ขอให้แพทย์ผ่าตัดอะไรก็ได้...ฉีดสีหลอดเลือดเพื่อหาเหตุให้อ้างว่าป่วยหนัก...อื่นๆ อีกสารพัด...นี่แหละครับ 'กรรม'

รพ.สนามพลังแผ่นดิน ถูกนาย สิระ บุกรุกขัดขวางจนต้องเลื่อนออกไปนานกว่า 1 สัปดาห์ ชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักขณะนั้นไม่สามารถย้ายเข้า รพ.สนามพลังแผ่นดินที่มีขีดความสามารถ ไอ ซี ยู เพียงแห่งเดียวในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียที่รุนแรง

1 สัปดาห์ที่ รพ.สนามต้องเลื่อนออกไปจากการบุกรุกของ นาย สิระ เจนจาคะ นั้น มีผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก เสียโอกาสเข้า ไอ ซี ยู รพ.สนาม จนเสียชีวิตจำนวนมาก ผู้เสียชีวิตทั้งหลายไม่มีโอกาสรอดชีวิต เพราะการบุกรุก รพ.สนามโดย นาย สิระ

นายสิระยังมีอีกหลายคดีที่ศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หากติดคุกวันนี้แล้ว ยังมีคดีอื่นๆที่จะทยอยตามมาสมทบ นับวันจำคุกเพิ่มเข้าไปอีก 

นายสิระคงคิดหนัก ทั้งยังเป็นคนไม่เข้มแข็ง ก็เลยเครียด ความดันขึ้น ติดคุกให้จบๆ แล้วประพฤติตนเสียใหม่ชีวิตบั้นปลายจะได้มีสุข

‘รถถัง‘ ไม่ธรรมดา แชทคุย ’มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก‘ หลังเฟซบุ๊กมีปัญหาก่อนได้รับการแก้ไขตามคำขอ

(26 พ.ค. 68) รถถัง จิตรเมืองนนท์ สุดยอดนักมวยไทยชื่อดังระดับโลก อดีตเจ้าของแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ส่งข้อความไปหา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก เป็นการส่วนตัว หลังบัญชีของเขามีปัญหา

โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ตอบแชทรถถังเป็นอย่างดี พร้อมส่งทีมงานให้การช่วยเหลือในปัญหาดังกล่าว โดยระบุว่า "ทีมงานน่าจะช่วยรีเซ็ตบัญชีของคุณได้ แจ้งผมได้เลยหากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม"

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน รถถัง จิตรเมืองนนท์ เคยส่งข้อความไปหา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แล้วทีหนึ่ง โดยเวลานั้นเจ้าตัวมีปัญหาเกี่ยวกับแชทเฟซบุ๊กที่ไม่สามารถเปิดรูปได้ ซึ่งทางผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก ก็ตอบกลับ และช่วยแก้ปัญหาให้

สำหรับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก ถือเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงระดับโลกที่ชื่นชอบในศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัวเป็นอย่างมาก มีฝีมือพอตัว ถึงขั้นเคยคว้าเหรียญทองยิวยิตสูรายการหนึ่งมาแล้ว แถมยังรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน และซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top