Saturday, 7 June 2025
GoodVoice

SPCG กดปุ่มจ่ายไฟโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น เสริมแกร่งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ

ตอกย้ำความสำเร็จร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ร่วมเปิดโครงการ Kagoshima Oura Mega Solar กำลังการผลิต 8.02 MW เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ

บมจ.เอสพีซีจี หรือ SPCG ตอกย้ำความสำเร็จการร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ร่วมพิธีเปิดโครงการ Kagoshima Oura Mega Solar กำลังการผลิต 8.02 MW ในเมืองคาโนยะ จังหวัดคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ที่บริษัทร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 และเริ่ม COD ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนมุ่งขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน และเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจรวมถึงความมั่นคงแก่ผลการดำเนินงานในระยะยาว 

ล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเข้าร่วมลงทุนกับ TESS Holdings Co., Ltd. ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Kagoshima Oura Mega Solar ในเมืองคาโนยะ จังหวัดคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง SPCG ร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 85,282,000 เยน

โครงการ Kagoshima Oura Mega Solar ดำเนินการโดย Kagoshima Oura Solar LLC มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 8.02 เมกะวัตต์ (MW) โดยมีบริษัท Tess Engineering Co., Ltd. ในเครือของกลุ่ม Kazuki Yamamoto และเป็นพันธมิตรของ SPCG มาอย่างยาวนาน รับผิดชอบการดำเนินงานด้านวิศวกรรม จัดซื้อจัดจ้าง และก่อสร้าง (EPC) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และดำเนินการส่งมอบโครงการสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยเมื่อเดือนมีนาคม 2568 รวมถึงเริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2568 โดยมี Kyushu Electric Power Co., Inc. เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า เป็นระยะเวลารวม 18 ปี 1 เดือน อัตรารับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ FiT ที่ 36 เยนต่อหน่วย ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนตั้งแต่ไตรมาส 2/2569 ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งแก่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ได้มีพิธีเปิดโครงการดังกล่าวอย่างเป็นทางการที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีนาย Kazuki Yamamoto ประธานและ CEO ของบริษัท Tess Engineering Co., Ltd. เป็นประธานในพิธีร่วมกับตัวแทนจากบริษัทฯ และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและก่อสร้างโครงการ

“การลงทุนครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SPCG ในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ตามเป้าหมายเป็นผู้นำในการลดคาร์บอนและขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาด โดย SPCG มุ่งมั่นหาโอกาสขยายการลงทุนในโครงการพลังงานที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่ยั่งยืน” ดร.วันดี กล่าว

เคทีซี -สมิติเวช เปิดวงเสวนาสุขภาพดี-การเงินแกร่ง ส่งเสริมแนวคิดการวางแผนชีวิตอย่างสมดุล

เคทีซีร่วมมือโรงพยาบาลสมิติเวชเปิดเวที KTC FIT Talk ครั้งที่ 14 ภายใต้หัวข้อ “สร้างภูมิ-ปลดล็อกภาระการเงินและปัญหาสุขภาพ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ” ส่งเสริมแนวคิดการวางแผนชีวิตอย่างสมดุล ทั้งด้านสุขภาพและการเงิน รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต หมวดสุขภาพและความงาม 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผย “พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และมีการใช้จ่ายที่สะท้อนเป้าหมายชีวิตในระยะยาว มากกว่าการบริโภคเพื่อความสะดวกชั่วคราว โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและจำนวนสมาชิกที่ใช้บัตรต่างเติบโตมากขึ้นกว่า 50%” 

“ในปี 2568 นี้ เคทีซีวางกลยุทธ์จะขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรสุขภาพให้มากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มสมาชิกเคทีซีและผู้บริโภคให้มากที่สุด กล่าวคือ ไปที่ใดต้องเห็นสิทธิพิเศษจากเคทีซี รวมถึงกลุ่ม Wellness Lifestyle โดยจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มโรงพยาบาล ฟิตเนส รวมถึงผู้จำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังกายและเทคโนโลยีสวมใส่ (Wearable Devices) เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นการดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 20-29 ปี มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ทั้งในกลุ่มโรงพยาบาล สปอร์ตและฟิตเนส ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการที่คนหันมาสนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพเร็วขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย” 

นายแพทย์นรศักดิ์ สุวจิตตานนท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและการกีฬา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เผยว่า “ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ แนวคิดใหม่ของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการวินิจฉัยและติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้บริโภค คือ Wearable Devices อย่างนาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) หรือแหวนอัจฉริยะ (Smart Ring) เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนจากการรักษาเมื่อป่วยเป็นการตรวจจับความเสี่ยงและสัญญาณผิดปกติในระยะเริ่มต้น (Early Detection)”

“โรงพยาบาลสมิติเวช ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ ด้วย Samitivej Wearable Clinic บริการปรึกษาข้อมูลสุขภาพจาก Smartwatch และ Smart Ring ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน Well by Samitivej เพื่อประเมินสุขภาพเบื้องต้น (Pre-Screening) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมทั้งการนอนหลับ (Sleep) สุขภาพหัวใจ (ECG & Heart) โภชนาการ (Nutrition) การออกกำลังกาย (Sport) และสภาวะอารมณ์ (Emotion) ข้อมูลจาก Wearable Devices เป็นดัชนีสำคัญที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจสุขภาพผู้ป่วยได้ดีขึ้น เช่น เห็นอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อนาคตของการดูแลสุขภาพ Smartwatch จะเป็นอุปกรณ์ดูแลสุขภาพประจำตัว ข้อมูลจะถูกนำมาใช้กับระบบ Telemedicine เพื่อการรักษาเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ ทุกที่ทุกเวลา ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัว ทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอให้ป่วย โรงพยาบาลสมิติเวช มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Wearable Devices พร้อมให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคล ทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านช่องทางออนไลน์ (Virtual Hospital) เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงคำแนะนำจากแพทย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ Call Center โทร 0 2022 2222 หรือ LINE @Samitivej”

นายอภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ, CFA  ผู้อำนวยการ - การเงิน 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชูแนวคิดวางแผนการเงิน-สุขภาพอย่างสมดุล รับมือเศรษฐกิจผันผวนครึ่งหลังของปี 2568 “ในยุคที่เศรษฐกิจเปราะบางจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าและภาวะดอกเบี้ยขาลง ผู้บริโภคไทยจำเป็นต้องมีการวางแผนชีวิตที่รอบด้าน ทั้งในเรื่องการเงิน สุขภาพและจิตใจ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น คนไทยมีพัฒนาการด้านความรู้ทางการเงินดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการคิดก่อนซื้อและการออม แต่สิ่งที่ควรเพิ่มคือการวางแผนเกษียณในระยะยาวและแผนรับมือกับเหตุฉุกเฉิน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ากว่า 80% ของคนไทยยังไม่มีแผนเกษียณที่ชัดเจน มีภาระหนี้สิน และสิ่งสำคัญที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนอาจมองข้าม คือ การมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการดูแลรักษา” 

“ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอน ผู้บริโภคและสมาชิกเคทีซีจึงจำเป็นต้องวางแผนด้านการเงินและสุขภาพอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น สำหรับวัยทำงานควรเริ่มต้นจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ตั้งเป้าหมายทางการเงินตามสูตร 50-30-20 หรือ 60-20-20 มีเงินสำรองฉุกเฉิน และลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของตนเอง รวมถึงฝึกวินัยทางการเงินผ่านระบบออมอัตโนมัติ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และทบทวนแผนทุก 6 เดือน”

“สำหรับทางเลือกเพื่อพิจารณาในการลงทุนเพื่อการออม รับมือเศรษฐกิจปี 2568 ในกลุ่มหุ้น (Selective Underweight) ควรเน้นกลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคและสุขภาพ หรือเลือกลงทุนในหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีตลาดกระจายหลายประเทศมากกว่าที่มีการกระจุกตัวของตลาด เน้นหุ้นบริโภคในประเทศที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ลดหุ้นส่งออกไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่ไม่มีสิทธิยกเว้นภาษี ตราสารหนี้ เพิ่มน้ำหนักพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางและระยะยาว เลี่ยงตราสารหนี้เอกชนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น   อสังหาริมทรัพย์ และลดการถือพันธบัตรอิงเงินเฟ้อจากแนวโน้มเงินเฟ้อต่ำ สำหรับทองคำ สามารถค่อยๆ เพิ่มการลงทุนระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยง แนะนำถือทองในรูปแบบ USD รับมือค่าเงินบาทผันผวน หรือเข้าซื้อแบบทยอยเพื่อเฉลี่ยต้นทุน อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะในสภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความผันผวน และอยากสนับสนุนให้ผู้บริโภคและสมาชิกเคทีซีให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการเงินและสุขภาพอย่างสมดุลและมีวินัย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืนให้กับชีวิตและครอบครัว”

นางสาวสิรีรัตน์กล่าวเพิ่มเติม “บัตรเคทีซีไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการใช้จ่าย แต่เป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยให้สมาชิกใช้เงินอย่างมีการวางแผน มีเป้าหมายและมีความรับผิดชอบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างเข้าใจ เพื่อให้สมาชิกเคทีซีได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพอย่างที่ต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการใช้จ่าย จากใช้เพื่อความสะดวก เป็นใช้เพื่อคุณภาพชีวิต สำหรับสมาชิกเคทีซีที่ต้องการใช้บริการรับคำปรึกษาสุขภาพเชิงป้องกันผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี หรือดูแลรักษาสุขภาพที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านสุขภาพกับเคทีซีมายาวนาน สามารถรับโค้ดส่วนลด SMVxKTC  เมื่อรับบริการปรึกษาแพทย์ที่ Samitivej Wearable Clinic มูลค่า 800 บาท (ไม่รวมค่าบริการโรงพยาบาล) และชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิตเคทีซีผ่านแอปฯ Well by Samitivej ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2568 - 31 สิงหาคม 2568 นอกจากนี้สมาชิกบัตรเคทีซียังจะได้รับส่วนลด 10% สำหรับค่าห้อง และรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัด เมื่อใช้บริการด้านสุขภาพต่างๆ ที่โรงพยาบาลสมิติเวช และมียอดใช้จ่ายตามกำหนด ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2568 รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bit.ly/43ajCZd

‘โอ๋ ฐิติภัสร์’ ซัดทุนต่างชาตินำเข้าขยะซุกเต็มพื้นที่ฟรีโซน ก่อนคัดแยกของดีส่งกลับจีนทิ้งฝุ่นพิษให้คนไทยดม

(6 มิ.ย.68) นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...ฟรีโซนศูนย์เหรียญ ที่เราสัมผัสได้เพียงฝุ่น สูดดมแต่มลพิษ

รับแจ้งเบาะแส…หนึ่งในบริษัทผู้นำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์คือ บ.พีซีวู๊ด จก. ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตปลอดอากร Free Zone จ. ฉะเชิงเทรา 

บริษัทแห่งนี้เคยถูกจับและดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต และข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย เมื่อช่วงเดือน พ.ย. 67 ที่ผ่านมา คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของ จนท.ตำรวจ สภ.แปลงยาว เพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องศาล ส่วนกรรมการบริษัทอยู่ระหว่างประกันตัวออกมา

การตรวจสอบครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากกรมศุลกากร เข้าร่วมตรวจสอบด้วย 

บ. พีซีวู๊ดฯพัฒนาตัวเองจากผู้ประกอบการที่ถูกดำเนินคดีข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต กลายเป็นผู้พัฒนาที่ดินในพื้นที่ฟรีโซน ให้บริการเช่าโกดัง ขอใบอนุญาตติดต่อหน่วยงานราชการ ประสานขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือมาในพื้นที่ฟรีโซน โดยคิดค่าบริการตามรายการกับผู้เช่าแต่ละโกดัง

ผู้เช่าได้แก่ บ.ซินฮุยเฉิงฯ บ.วินเวลล์ฯ และ บ.รอยซ์ เมทเทิลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นนักลงทุนต่างชาติที่ประกอบกิจการ นำเข้าเศษอลูมิเนียมมาคัดแยกใส่เครื่องเขย่าเอาฝุ่นออก เสร็จแล้วจ้างแรงงานต่างด้าวมาขัดจนสะอาด ใส่ถุงบิ๊กแบ๊คส่งกลับไปประเทศจีน

ความผิดเก่ายังไม่สิ้นแต่ก่อคดีใหม่…ครั้งนี้แจ้งข้อหาใหม่เพิ่มเข้าไป พร้อมออกคำสั่งให้หยุดกิจการและดำเนินคดีอาญา ข้อหาทำลายเครื่องหมายประทับตรายึดอายัดและเคลื่อนย้ายของกลาง…ทำผิดซ้ำ 2 ครั้ง จนท.กรมศุลกากรที่ร่วมภารกิจด้วย จะเสนอให้ผู้บริหารกรมศุลฯ พิจารณาระงับสิทธิ์ฟรีโซนต่อไปค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top