Tuesday, 22 April 2025
Apple

‘Apple’ เลือกใช้ AI ของ 'อาลีบาบา' หวังเพิ่มทางรอดธุรกิจ ในสมรภูมิ!! 'สงครามการค้า' ระหว่าง ‘สหรัฐฯ - จีน’

(16 ก.พ. 68) แอปเปิล (Apple) กำลังพยายามปรับโฉมใน “จีน” ครั้งใหญ่ด้วย เทคโนโลยี AI ที่จะเปิดตัวภายในกลางปี 2568 เพื่อเพิ่มยอดขายใจตลาดสำคัญ เดิมพันครั้งใหญ่ในการเพิ่มยอดขาย แต่ Apple ต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าวในประเทศจีน เนื่องจากกฎระเบียบของรัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้ Apple นำความร่วมมือกับ OpenAI ผู้ผลิต ChatGPT เข้ามาในประเทศได้

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา “โจ ไช่” ประธานของอาลีบาบา (Alibaba) เปิดเผยว่า บริษัทจะร่วมมือกับ Apple ในด้านเทคโนโลยี AI สำหรับ iPhone ที่จำหน่ายในประเทศจีน 

ถึงแม้ความร่วมมือกับ Alibaba จะช่วยให้ Apple เข้าใกล้เป้าหมายการเปิดตัว Apple Intelligence ในประเทศจีนมากขึ้น แต่ก็ยังมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบบางประการที่ต้องก้าวผ่านไปให้ได้ อาจเป็นเหตุผลให้ Apple Intelligence ซึ่งเป็น AI ที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2566 จึงยังไม่ได้เปิดตัวสู่ตลาดต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของ Apple

ก่อนหน้านี้ Apple ทดสอบโมเดลและหารือถึงความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้าน AI ของจีนหลายราย เช่น Baidu, ByteDance, Moonshot, Zhipu และ Tencent รวมถึงทดสอบโมเดลของ DeepSeek ด้วยเช่นกัน  

หลังจากที่ประธานาธิบดี “โดนัล ทรัมป์” ได้ประกาศมาตรการเก็บภาษีศุลกากรรอบใหม่กับจีน 10% ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ Apple ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า Apple จะได้รับการยกเว้นจากภาษีศุลกากรครั้งนี้หรือไม่ ในขณะเดียวกันทางการจีนกำลังดำเนินการตรวจสอบค่าธรรมเนียมและนโยบายการดำเนินงานต่างๆ ของ App Store

สิ่งที่สร้างความยุ่งยากมากกว่านั้นคือ การที่ Apple ถูกดึงเข้ามาอยู่ในสถานะผู้ต่อรองในสงครามการค้าโดยไม่เต็มใจ โดยมีรายงานว่า Apple ถูกรวมอยู่ในรายชื่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่อาจถูกจับตามองจากทางการจีน ในฐานะส่วนหนึ่งของการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลทรัมป์

หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 10% ไม่นาน ปักกิ่งได้ตอบโต้ด้วยการเปิดการสอบสวน Google ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Alphabet Inc. แม้การสอบสวนดังกล่าวจะถือเป็นเพียงการส่งสัญญาณเตือนเท่านั้น เนื่องจาก Google มีธุรกิจในจีนเหลืออยู่น้อยมาก แต่ในกรณีของ Apple นั้นแตกต่างออกไป เพราะบริษัทยังคงพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากตลาดผู้บริโภคในจีน

เมื่อปีที่แล้ว หน่วยงานกำกับดูแลชั้นนำของจีนได้ระบุกับ Financial Times ว่า Apple จำเป็นต้องร่วมมือกับบริษัทจีนเพื่อให้สามารถผ่านขั้นตอนการอนุมัติได้ง่ายยิ่งขึ้น 

การผนึกกำลังด้าน AI ระหว่าง Alibaba และ Apple เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับ Apple ซึ่งกำลังเผชิญกับยอดขาย iPhone ที่ลดลงในประเทศจีน ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Huawei

นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่า การขาดคุณสมบัติ AI ขั้นสูง ซึ่งเป็นจุดขายที่สำคัญของสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด เป็นจุดอ่อนที่สำคัญสำหรับ Apple ในตลาดจีน

Apple สูญเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ตโฟนจีนให้กับผู้ผลิตในประเทศ แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดจีน และความท้าทายที่ Apple กำลังเผชิญอยู่ โดย Canalys พบว่ายอดขาย iPhone ในประเทศจีนลดลงถึง 17% ในปี 2024 

อีกหนึ่งความท้าทายที่ Apple เผชิญคือ การที่ฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ จะสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple หรือไม่ เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่า Apple Intelligence จะช่วยส่งเสริมให้บริษัทประสบความสำเร็จในประเทศจีนในช่วงที่ยอดขายสมาร์ทโฟนของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในประเทศ เช่น Huawei, Xiaomi และ Vivo

Ethan Qi รองผู้อำนวยการบริษัท Counterpoint กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนของจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 โดยยอดขายโดยรวมลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากผู้บริโภค “ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น” และหลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่าง Apple และ Alibaba นักวิเคราะห์จาก Jefferies ระบุว่า ข้อตกลงนี้ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขาย iPhone 17 ในประเทศจีนได้

อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช้ครั้งแรกที่ทั้ง 2 บริษัททำธุรกิจร่วมกัน ในปี 2557 ทิม คุก CEO ของ Apple ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการ "แต่งงาน" ระหว่าง Apple Pay และแพลตฟอร์มการชำระเงินของ Alibaba อย่าง Alipay โดยแสดงความชื่นชมต่อผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Jack Ma เขาบอกว่าเขาชอบทำงานร่วมกับ "คนที่ผลักดันเรา และเราก็ชอบผลักดันพวกเขา"

นักวิจัยสหรัฐฯ พบข้อบกพร่องร้ายแรงใน Find My ชี้!! อาจเป็น ‘ภัยคุกคาม’ ต่อความมั่นคงของชาติ

(9 มี.ค. 68) ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จ เมสันในมลรัฐเวอร์จิเนียค้นพบปัญหาในเครือข่ายแอปพลิเคชัน Find My ของ Apple ที่ดาวน์โหลดและเปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้น โดยเตือนว่าอาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ แอปพลิเคชัน Find My ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาอุปกรณ์ AirTags และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่สูญหายได้ ปัญหาจากการโจมตีนี้ถูกทีมนักวิจัยตั้งชื่อว่า 'nRootTag' ซึ่งจะหลอกเครือข่าย Find My ให้คิดว่าอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth เป็น AirTag ที่สูญหาย ช่วยให้ผู้ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์สามารถแอบติดตามอุปกรณ์ดังกล่าวได้โดยเจ้าของผู้ใช้ไม่รู้ตัว
.
Find My เป็นแอปพลิเคชันบริการติดตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สร้างโดย Apple Inc. ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ iOS , iPadOS , macOS , watchOS , visionOS , tvOS , AirPods , AirTags และอุปกรณ์เสริมของบุคคลที่สามผ่านบัญชี iCloud ที่เชื่อมต่อ โดยผู้ใช้ยังสามารถแสดงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์หลักให้ผู้อื่นเข้าดูได้ และสามารถดูตำแหน่งของผู้อื่นที่เลือกแชร์ตำแหน่งของตนได้ด้วย Find My เปิดตัวพร้อมกับ iOS 13 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2019 ด้วยการผสานฟังก์ชันของ Find My iPhone เดิม (รู้จักกันในชื่อ Find My Mac บนคอมพิวเตอร์ Mac) และ Find My Friends เข้าเป็นแอปพลิเคชันเดียวบน watchOS โดย Find My จะแบ่งออกเป็นสามแอปพลิเคชันที่แตกต่างกันคือ (1)ค้นหาอุปกรณ์ (2)ค้นหาบุคคล และ (3)ค้นหารายการ
.
ใน iOS 9 ทั้ง Find My iPhone และ Find My Friends กลายเป็นแอปพลิเคชันในตัว และไม่สามารถลบออกจากอุปกรณ์ได้ ในการเปิดตัว iOS 13 และ macOS 10.15 ฟังก์ชันการทำงานของทั้ง Find My iPhone และ Find My Friends ได้ถูกผสมผสานเข้าเป็นแอปพลิเคชันเดียว โดยมีชื่อว่า Find My ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์ตำแหน่งอุปกรณ์ของตนกับผู้ติดต่อที่ ใช้อุปกรณ์ iOS, iPadOS หรือ macOS ได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จนกว่าจะสิ้นสุดวันหรือไม่มีกำหนด เมื่อแชร์แล้ว ผู้อื่นจะสามารถดูตำแหน่งที่แน่นอนของอุปกรณ์ของบุคคลนั้นบนแผนที่ และสามารถรับเส้นทางไปยังตำแหน่งของบุคคลนั้นได้ สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีคนออกจากหรือมาถึงตำแหน่งที่กำหนด
.
โดยที่ ผู้ใช้สามารถค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์ Apple ของตนและเปิดเสียงบนอุปกรณ์ด้วยระดับเสียงสูงสุด อุปกรณ์ยังสามารถถูกทำเครื่องหมายว่าสูญหายได้ โดยล็อกอุปกรณ์ด้วยรหัสผ่านและระงับการใช้งานฟีเจอร์สำคัญ เช่น Apple Wallet โหมดสูญหายยังอนุญาตให้ผู้ใช้ฝากข้อความและข้อมูลติดต่อไว้บนหน้าจอล็อกของอุปกรณ์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะลบอุปกรณ์นี้ได้ โดยสามารถทั้งลบเนื้อหาและการตั้งค่าทั้งหมด ซึ่งจะมีประโยชน์หากอุปกรณ์มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากดำเนินการลบแล้วจะไม่สามารถค้นหาอุปกรณ์นี้ได้อีกต่อไป หลังจากลบข้อมูลเสร็จสิ้น ข้อความจะยังคงแสดงขึ้นและอุปกรณ์จะถูกล็อกการเปิดใช้งาน ซึ่งจะทำให้ผู้อื่นใช้งานหรือขายอุปกรณ์ได้ยาก ต้องใช้รหัสผ่าน Apple ID เพื่อปิด Find My ออกจากระบบ iCloud ลบข้อมูลอุปกรณ์ หรือเปิดใช้งานอุปกรณ์อีกครั้งหลังจากล็อกการเปิดใช้งาน 
.
ในขณะที่ Find My และ Find My Friends ซึ่งเป็นโปรแกรมก่อนหน้ามีปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการติดตามตำแหน่งของผู้ใช้โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ คุณลักษณะด้านความปลอดภัยหลายประการหมายความว่า ผู้ใช้จะแบ่งปันตำแหน่งของตนกับบุคคลที่ตนเลือกเท่านั้น และสามารถเพิกถอนสิทธิ์ได้ทุกเมื่อ "เพื่อน" สามารถติดตามได้เฉพาะผู้ใช้ที่ยอมรับคำขอเข้าถึงเท่านั้น ผู้ใช้สามารถลบบุคคลออกจากการเข้าถึงได้ตลอดเวลาหรือทำให้การติดตามใช้งานหรือระงับเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ iOS 15 เป็นต้นมา Apple ได้เพิ่มคุณสมบัติในการค้นหา iPhone 11 หรือใหม่กว่าได้นานถึง 5 ชั่วโมงหลังจากแบตเตอรี่หมด หรือนานถึง 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้ปิดเครื่องด้วยตนเอง (ยกเว้นรุ่น iPhone SE) ผ่านคุณสมบัติสำรองพลังงาน หากต้องการมีสิทธิ์เรียกร้องสิทธิ์สำหรับ iPhone ที่ถูกขโมยหรือสูญหายโดยได้รับความคุ้มครองจาก AppleCare+ พร้อมความคุ้มครองการโจรกรรมและสูญหาย ฟังก์ชัน Find My จะต้องเปิดใช้งานอยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
.
Qiang Zeng หนึ่งทีมนักวิจัยบอกว่า "ปัญหาหลักคือ การโจมตีของ 'nRootTag' ได้เปลี่ยนเครือข่าย Find My ของ Apple ซึ่งประกอบด้วย iPhone และอุปกรณ์ Apple อื่น ๆ จำนวน 1,500 ล้านเครื่องให้กลายเป็นระบบจารกรรมระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่ผู้โจมตีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย" ตัวอย่างเช่น 'อุปกรณ์ Bluetooth เพียงเครื่องเดียวที่ติดไวรัสในหน่วยขีปนาวุธนิวเคลียร์เคลื่อนที่เชิงยุทธศาสตร์อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถติดตามการเคลื่อนไหวได้'
.
นอกจากนี้ Zeng ยังอธิบายด้วยว่าข้อบกพร่องดังกล่าวอาจทำให้ศัตรูสามารถ "ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของหน่วยฯ" ได้ แม้ว่า "หน่วยฯ จะหลีกเลี่ยงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและปิดใช้งานโมดูล GPS ทั้งหมด แต่ iPhone ที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังสามารถรายงานตำแหน่ง GPS ของอุปกรณ์ที่ติดไวรัสไปยังคลาวด์ของ Apple ได้" แม้ว่าทีมนักวิจัยจะไม่ได้ให้รายละเอียดการทำงานของ 'nRootTag' แต่พวกเขาบอกว่าการทดสอบแสดงให้เห็นว่า "การโจมตีของ 'nRootTag' ที่น่ากังวลนั้นมีอัตราความสำเร็จสูงถึง 90%"
.
โดยทีมนักวิจัยสามารถระบุตำแหน่งของอุปกรณ์ของ Apple ได้ภายในระยะ 10 ฟุต ติดตามเส้นทางของ จักรยานไฟฟ้าที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านเมือง จำลองเส้นทางการบินที่แน่นอน และระบุหมายเลขเที่ยวบินของคอนโซลเกมที่นำขึ้นเครื่องบินได้ อย่างไรก็ตาม Zeng และ Junming Chen นักวิจัยอีกผู้หนึ่งได้แสดงความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยจากการคุกคาม การสะกดรอย ต่อผู้ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Apple ตลอดจนภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีของ 'nRootTag' ได้ในอนาคต

Apple - Meta - Boeing นำทัพบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ เข้าพบนายกฯ ‘ฝ่ามมิงชิ่ญ’ ถกการขยายธุรกิจในเอเชีย

(19 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะผู้แทนจากกว่า 60 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ รวมถึง Apple, Meta และ Boeing ได้เดินทางเข้าพบ นายฝ่ามมิงชิ่ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาสในการขยายการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ

การเจรจาครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางความพยายามของเวียดนามในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากบริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของเวียดนาม กำลังมองหาโอกาสในการกระจายฐานการผลิตออกจากจีน ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับธุรกิจระดับโลก

“เวียดนามเข้าสู่บทใหม่ด้วยระบบการเมืองที่ได้รับการปฏิรูปและปรับปรุงอย่างพื้นฐาน ชุมชนธุรกิจอเมริกันก็ตั้งตารอที่จะได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และโอกาสต่างๆ ข้างหน้า” นายเท็ด โอเซียส ประธานสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (USABC) กล่าว

แหล่งข่าวระบุว่า การหารือครั้งนี้ครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และแนวทางสนับสนุนบริษัทต่างชาติที่ต้องการขยายธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทค อิเล็กทรอนิกส์ และการบิน

ก่อนหน้านี้ Apple และบริษัทซัพพลายเออร์ของตนได้ขยายการผลิตมายังเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Meta กำลังมองหาโอกาสทางดิจิทัลและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในภูมิภาค ส่วน Boeing ก็ให้ความสนใจในการร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการบิน

นายฝ่ามมิงชิ่ญย้ำถึงความพร้อมของเวียดนามในการสนับสนุนการลงทุนจากสหรัฐฯ และเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างทั้งสองประเทศ โดยรัฐบาลเวียดนามพร้อมให้การสนับสนุนในด้านนโยบาย สิทธิประโยชน์ทางภาษี และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดการลงทุนในระยะยาว

การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานโลก และบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของบริษัทชั้นนำระดับโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top