Monday, 21 April 2025
Apple

‘AIS’ จับมือ ‘Apple’ ดูแลความเสียหาย ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ครอบคลุม ‘ตก-แตก-พัง-แบตเสื่อม’ เปลี่ยนอะไหล่แท้ ได้ทั่วโลก

(20 เม.ย.67) นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS เปิดเผยว่านอกเหนือจากการส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลผ่านการใช้งานบนโครงข่ายที่ดีที่สุดแล้ว AIS ยังให้ความสำคัญกับงานบริการและการดูแลลูกค้าแบบ End to End ที่ครบจบในที่เดียว อย่างการเปิดตัวนวัตกรรมการให้บริการลูกค้า AIS Care+ ที่เราได้ร่วมมือกับโบลท์เทค หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านบริการดูแลสมาร์ทโฟน (Device protection) ระดับโลก ในการให้บริการเครื่องรูปแบบใหม่ ทั้งการเปลี่ยนเครื่องหรือดูแลความเสียหายตัวเครื่อง ที่สร้างความแตกต่างเป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งได้พลิกโฉมประสบการณ์ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีที่สุดจากการดูแลปกป้องการใช้งานสมาร์ทโฟน

สำหรับครั้งนี้บริษัทตั้งใจยกระดับสุดยอดประสบการณ์ในการดูแลลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกับ Apple เปิดตัวบริการใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone กับ AIS และสมัครบริการ จะได้รับการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services พร้อมแก้ Pain Point ของลูกค้าให้หมดความกังวลจากการใช้งานทั้งเรื่องเครื่องเสีย จอแตก ตกน้ำ และดูแลความเสียหายตัวเครื่องได้ไม่จำกัดครั้ง และสามารถใช้บริการได้ไม่จำกัดครั้งเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถรับความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ Apple ทั่วโลก ด้วยราคาพิเศษสุดคุ้มที่สามารถเข้าถึงบริการที่ดีที่สุดของ AIS ได้

นายบัลเดฟ ซิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบลท์เทค กล่าวว่า นับเป็นความร่วมมือที่น่าตื่นเต้นสำหรับเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเพราะ AIS และ Apple เป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง เราหวังว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้จะช่วยขยายขีดความสามารถงานบริการเพื่อดูแลปกป้องการใช้งานมือถือและสมาร์ทโฟน ด้วยการนำเสนอทางเลือก ความสะดวกสบาย ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า

สำหรับบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เป็นบริการที่รวมทุกการดูแลแบบคูณ 2 ทั้งจาก AIS Care+ และ AppleCare Services มาไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ความอุ่นใจและความสะดวกสบายให้ลูกค้ากับโปรแกรมที่ช่วยดูแล iPhone ที่ครอบคลุมครบวงจร ซึ่งความร่วมมือกับ Apple จะทำให้ลูกค้าได้รับความมั่นใจว่า iPhone ของลูกค้าจะได้รับการดูแล แก้ไข ซ่อมแซม ด้วยอะไหล่แท้จากช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการของ Apple หรือ เครื่องที่ให้บริการแลกเปลี่ยน หรือ รับเครื่องทดแทน ลูกค้าจะได้รับตัวเครื่องจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง (Apple Manufactured Guaranteed Device) รวมถึงลูกค้าจะยังได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า อาทิ

บริการดูแลตัวเครื่องที่ครอบคลุมความเสียหายทุกด้าน มากที่สุดเท่าที่ผู้ให้บริการด้านนี้มีในตลาด โดยไม่มีข้อจำกัด อาทิ จอแตก เครื่องตกน้ำ ลำโพงดับ ไมค์ไม่ได้ยิน เครื่องเสีย รวมถึงการดูแลแบตเตอรี่คุณภาพความจุต่ำกว่า 80%

บริการเปลี่ยนเครื่องเมื่อใดก็ได้ที่อยากเปลี่ยน หรือ เครื่องเสีย แต่ไม่อยากส่งซ่อม หรือ บริการรับเครื่องทดแทนแม้ไม่มีเครื่องเดิมมาเปลี่ยน

สิทธิพิเศษในการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญของ Apple ผ่านทางแชตหรือโทรศัพท์ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ลูกค้า AIS ที่ซื้อ iPhone ทุกรุ่น สามารถสมัครบริการ AIS Care+ with AppleCare Services เพื่อรับความพิเศษกว่าใครได้ทันทีหลังจากซื้อเครื่องใหม่ หรือภายใน 30 วัน นับจากวันที่ซื้อเครื่อง และไม่ต้องตรวจสอบตัวเครื่อง โดยบริการ AIS Care+ with AppleCare Services มีแพ็กเกจให้เลือกทั้งแบบรายเดือนหรือเหมาจ่าย 12  เดือน และดูแลต่อเนื่องนานสูงสุด 48 เดือน โดยลูกค้าสามารถสมัครบริการได้ที่ร้านเอไอเอสช้อป, ร้านเอไอเอส-เทเลวิซ, รวมถึงร้านพันธมิตรอย่าง Jaymart, TG Fone,  iStudio จาก COPPERWIRED, SPVi และ UFicon หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/service/aiscare-applecare/ 

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อ iPhone และสมัคร AIS Care+ ระหว่างวันที่ 22 กันยายน 2566 – 20 มีนาคม 2567  สามารถเปลี่ยนมาใช้บริการแพ็กเกจใหม่ AIS Care+ with AppleCare Services เพียงยืนยันสิทธิ์ด้วยตัวเอง โดยกด *534*4# โทรออก ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 – 30 เมษายน 2567

Trillion Dollar Club Companies ของโลก มูลค่าสูงกว่าตลาดหุ้นไทย - GDP ประเทศยักษ์ใหญ่

จากราคาหุ้น Nvidia บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกันที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบและผลิตหน่วยประมวลผลกราฟฟิก (GPUs) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมและเวิร์กสเตชันระดับมืออาชีพ ที่ยังคงร้อนแรงและเดินหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน Nvidia มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เบียดและผลัดกันแซงหน้าหุ้นพี่ใหญ่อย่าง Microsoft มาแบบชนิดไม่มีใครยอมใคร โดยที่ทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดที่สูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (3 Trillion Dollar) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ

ซึ่งในสหรัฐฯ เองจะมีการจัดอันดับบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเกินกว่า 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเท่านั้นนะคะ แต่เพียงแค่บริษัทนอกตลาดหุ้นจะถูกนำมาประเมินมูลค่าได้ยากกว่าบริษัทในตลาดที่จดทะเบียนค่ะ 

แล้ว 1 ล้านล้านดอลลาร์ใหญ่ขนาดไหน? ถ้าเทียบกับมูลค่าตลาดหุ้นไทย 

ณ ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 4 แสนกว่าล้านเหรียญเองค่ะ โดยบริษัทกลุ่มนี้ก็จะมีชื่อเรียกเฉพาะค่ะ เราจะเรียกบริษัทกลุ่มนี้ว่าเป็นบริษัทในกลุ่ม Trillion Dollar Club ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดบริษัทในคลับนี้มีด้วยกันอยู่ 6 บริษัทซึ่งทั้งหมดเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นค่ะ โดยทั้ง 6 บริษัทประกอบไปด้วย...

1. Apple (AAPL)
2. Microsoft (MSFT)
3. Alphabet (GOOG)
4. Amazon (AMZN)
5. Nvidia (NVDA) 
และ 6. Meta (META)

ก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทหุ้นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla (TSLA) และบริษัทผลิตน้ำมันสัญชาติซาอุดีอาระเบียอย่าง Saudi Aramco (2222) ที่เคยเข้ามา แต่ก็ถูกนำออกไปตอนที่มูลค่าตลาดของบริษัทพวกนั้นลดลงค่ะ โดยบริษัทแรกที่เข้าในคลับก็คือ AAPL โดย AAPL เข้ามาในคลับตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2018 และจนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยออกจากคลับอีกเลยค่ะ 

ถ้าเทียบขนาดของ AAPL ก็เทียบได้เท่า ๆ กับ GDP ของแคนาดา และ ออสเตรเลียเลยทีเดียวค่ะ ส่วน Nvidia ที่กำลังร้อนแรงเข้ามาร่วมคลับในตอนเดือนพฤษภาคม 2023 เพราะตอนนั้นมูลค่าตลาดโตขึ้นมาถึง 200% เลยค่ะ 

จริง ๆ แล้วบริษัทที่แตะ 1 ล้านล้านเหรียญแห่งแรกของโลก คือบริษัทสัญชาติจีนอย่าง Petro China ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ค่ะ โดยเข้ามาแตะในกลุ่ม Trillion Club ในวันแรกของการซื้อขายในช่วงพฤศจิกายน 2007 ค่ะแต่ก็อยู่ได้ไม่นานก็หลุดไปค่ะ 

อย่างไรก็ตามบริษัทในคลับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ โดยจะสลับเปลี่ยนหมนุนเวียนเข้าออกตามมูลค่าตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ 

'Elon Musk' เตรียมแบนการใช้ iPhone ในบริษัทของเขา หาก Apple ร่วมมือ OpenAI ฝัง ChatGPT เข้าไปใน OS ของเครื่อง

เมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.67) Apple ได้เปิดตัว Apple Intelligence ใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia เพื่อเพิ่มความฉลาดในการใช้งาน Siri รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีการใช้ Siri ร่วมกับ ChatGPT ล่าสุด Elon Musk ก็ดันขู่ว่าจะแบน Apple ซะอย่างงั้น

ทั้งนี้ การทำงานร่วมกันของ Siri และ ChatGPT เพื่อเป็นการจัดการกับคำถามที่ซับซ้อนได้ แต่จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับอนุญาตจากผู้ใช้งานแล้วเท่านั้น แถมฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการตอบสนองตามบริบทที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปิดแอป ChatGPT ซึ่งหลังงานเปิดตัวนี้ Musk ได้ออกตัวคัดค้านอย่างเต็มที่ผ่านการโพสต์บน X ของเขาเอง

โดย Musk บอกว่า “หาก Apple รวม OpenAI ในระดับระบบปฏิบัติการ อุปกรณ์ Apple จะถูกแบนในบริษัทของผม และนั่นเป็นการละเมิดความปลอดภัยที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งผู้มาเยือนจะต้องตรวจสอบอุปกรณ์ Apple ของตนที่ประตู ซึ่งจะถูกจัดเก็บไว้ในกรงฟาราเดย์” ทั้งนี้เขาก็ยังตั้งคำถามเพียบเลยถึงความสามารถของ Apple ในการรับรองความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งเขาบอกว่า “Apple ไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาส่งข้อมูลของคุณให้กับ OpenAI”

สำหรับ Apple และ OpenAI ต่างเน้นย้ำว่าข้อมูลผู้ใช้จะถูกแชร์โดยได้รับความยินยอมอย่างแท้จริงเท่านั้น และการโต้ตอบเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัย ทั้งนี้ Apple ระบุอย่างชัดเจนในข้อความว่าความสามารถ AI ใหม่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก เพียงแต่เป็นการใช้งานเพื่อการประมวลผลเพื่อประโยชน์ต่อผู้ใช้งานเท่านั้นด้วย

สำหรับการใช้งาน Apple Intelligence จะสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้

- iPhone 15 Pro
- iPhone 15 Pro Max
- iPad Pro ชิป M1 ขึ้นไป
- iPad Air ชิป M1 ขึ้นไป
- MacBook Air ชิป M1 ขึ้นไป
- MacBook Pro ชิป M1 ขึ้นไป
- iMac ชิป M1 ขึ้นไป
- Mac mini ชิป M1 ขึ้นไป
- Mac Studio ชิป M1 ขึ้นไป
- Mac Pro ชิป M2 Ultra

‘พิธีกรดัง’ มองมุมกลับ ปมดรามา ‘Apple’ นำเสนอเมืองไทยในมุมล้าสมัย ชี้!! ไม่ใช่การด้อยค่า แต่เป็นการโชว์ความเป็น ‘คนไทย’ ที่ไม่ซ้ำชาติใดในโลก

(26 ก.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'KUL' โดย กุลวิชญ์ สำแดงเดช ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

“Smile Thailand
ดินแดน แห่งรอยยิ้ม

เห็นมีดรามาเรื่องที่ Apple นำเสนอไทย ในโฆษณาล่าสุด ในมุมของความล้าสมัย ดูไม่เจริญ ส่วนตัว ผมมองไม่เห็นจุดด้อยตรงนั้นเลยนะ

เอาจริง ๆ ไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่มีจุดขายด้านความศิวิไลซ์ เทคโนโลยีทันสมัยอะไรอยู่แล้ว เขามาเมืองไทยเพราะเขาต้องการมาดูวิถีชีวิตแบบไทย ๆ นี่แหละ

กลับขอบคุณ Apple ด้วยซ้ำ ที่เลือกไทย เป็น Main Content ทำให้เรา ดังไกลไปทั่วโลก

ไม่ได้ดังเรื่องความล้าหลังอย่างที่หลายคนเข้าใจ 
แต่ดังไกลในเรื่อง ‘คนไทย’ หรือ Thai People นี่แหละ

การนำเสนอคนไทย ที่มาพร้อม รอยยิ้ม ขี้เล่น ติดตลก มีไมตรี กับทุกคน นี่แหละ คือ Thai Soft power ที่ Apple ทำออกมา แล้วโคตรดี

ไอ้ความก้าวล้ำด้านวัตถุ หลายประเทศก็มี 
แต่ความเป็นคนไทย มีแต่ไทยนี่แหละที่เป็นได้

เป็น Super Soft Power เอกลักษณ์ของประเทศไทย
แล้ว Apple ก็จับจุดได้ดีจริงๆ ❤👍☺”

ครูชาวอเมริกัน เดือด!! แอปเปิลไม่น่ารัก ทำโฆษณาเหยียดหยาม ‘ประเทศไทย’ กระทบภาพลักษณ์ ทำให้ดูแย่ในสายตาชาวโลก ประกาศชัด ‘เปลี่ยนใช้ซัมซุงดีกว่า’

(27 ก.ค.67) ชาวโซเชียลแชร์วิดีโอคลิปของนายเดวิด วิลเลียม ครูสอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกัน และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งได้ออกมาวิจารณ์ภาพยนตร์โฆษณาของแอปเปิล (Apple) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน ที่ถ่ายทำในประเทศไทย เพื่อฉายให้เห็นถึงฟังก์ชันการทำงานของระบบปฏิบัติการไอโอเอส ระบุว่า ตนรับไม่ได้และถามว่านายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และทีมงานแอปเปิลเป็นอะไร เพราะชาวต่างชาติที่มาประเทศไทย บรรยากาศไม่ได้เป็นแบบในโฆษณา ตนชมโฆษณาแล้วสงสัยว่าเป็นประเทศไทยเมื่อ 50-70 ปีที่แล้วหรือไม่ ทำไมไม่แสดงให้เห็นถึงความทันสมัยในวันนี้ หากค้นหาใน Google จะพบว่าประเทศไทยทันสมัย โดยเฉพาะสนามบินที่ทันสมัยกว่าสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเสียอีก หากค้นหาจะพบว่าสนามบินในไทยดีมาก จะหาสนามบินที่ดูเก่าแก่ที่สุดไปเพื่ออะไร

อีกฉากหนึ่ง เมื่อครอบครัวในคลิปขึ้นแท็กซี่ ยังจะหาแท็กซี่ที่มีสภาพเก่าแก่ ตนสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำในฐานะชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยมานาน ตั้งแต่อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะขึ้นรถแท็กซี่กี่คัน ไม่เคยขึ้นแท็กซี่ที่ดูแย่กว่านี้ และโรงแรมที่ครอบครัวในคลิปเลือกมา น่าจะเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุด จำเป็นหรือไม่ที่ต้องหาทุกอย่างที่ดูแย่ขนาดนี้ ตนกล้าพูดว่าทุกอย่างในคลิปนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของคนไทยในสายตาของชาวโลกดูแย่ที่สุด สิ่งที่แอปเปิลควรรู้ไว้ก็คือ ในเมื่อชาวต่างชาติอีกส่วนหนึ่งชอบเหยียดคนไทย จำเป็นหรือไม่ที่ออกมาซ้ำเติมคนไทยแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่น่ารักแม้แต่นิดเดียว

นอกจากนี้ ยังมีบรรดาผู้ที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลในไทย หรือติ่งแอปเปิล ออกมาปกป้องและหาข้ออ้างว่า ไม่ใช่คลิปดูถูกประเทศไทย แอปเปิลพัฒนาไม่หยุด และอัจฉริยะไม่หยุด ลักษณะคลิปที่ถ่ายออกมาตั้งใจให้ดูย้อนยุค ย้อนสมัย อยากจะให้ดูว่าเป็นประเทศไทยเมื่อ 30 ปีก่อน ถ้าสังเกตดีๆ ถ้าจินตนาการของแอปเปิลคือประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ขอถามว่าสมาร์ทโฟนอย่างไอโฟน 15 (iPhone 15) ปรากฏในโฆษณานี้ได้อย่างไร ถามว่าในวันนั้นไอโฟนเกิดขึ้นมาบนโลกแล้วหรือยัง คำตอบคือไม่ ถ้าแอปเปิลรักคนไทยจริงๆ ให้เกียรติหรือเอ็นดูคนไทยจริงๆ จะไม่ทำคลิปแบบนี้แน่ๆ

เพราะภาพยนตร์ฮอลลีวูด ทุกครั้งที่ฉากในสหรัฐอเมริกาปรากฏออกมา สังเกตได้ว่าทำไมทุกเมืองดูดี ดูสะอาด ซึ่งความจริงสกปรกกว่านี้ และมีคนไร้บ้าน (Homeless) มากกว่านี้ แต่จุดสำคัญก็คือ ถ้าไปดูภาพยนตร์โฆษณาของแอปเปิลที่ถ่ายทำในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์กหรือชิคาโก ก็มีคำถามว่าทำไมบ้านตัวเองถึงดูดี ดูเท่ จากโฆษณานี้ทำให้ตนจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของซัมซุงแทน เพราะให้เกียรติคนไทยมากกว่า แต่สิ่งที่แอปเปิลจะต้องเข้าใจก็คือ ถ้าจะมาขายของให้คนไทย แล้วมาดูถูกคนไทย หรือทำให้คนไทยดูแย่มากในสายตาชาวโลก จะไม่อุดหนุนต่อไปแน่นอน

‘ซี ศิวัฒน์’ เดือด!! หลังเห็นโฆษณา Apple ถ่ายทำในประเทศไทย ย้ำ!! บ้านเรามีดีเยอะ พร้อมไม่ขำกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเราไม่ดี

(30 ก.ค.67) กลายเป็นประเด็นดรามาร้อนแรง หลังจากที่ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ได้เผยแพร่โฆษณาตัวใหม่ The Underdogs: OOO (Out Of Office) | Apple at Work รวมสินค้าสุดล้ำสมัยหลากหลายชิ้น โดยปักหมุดถ่ายทำในประเทศไทย

กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนไทยไปในทิศทางลบว่า รู้สึกไม่ปลื้มอย่างแรง เพราะองค์ประกอบ สถานที่ คอสตูม ขัดกับสิ่งที่ Apple นำเสนอมาก ๆ

แถมมีการย้อมสีภาพให้ออกโทน ‘สีเหลือง’ ค่อนข้างที่จะเหยียด สื่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้ออกมาล้าหลัง และด้อยพัฒนา

ไม่เพียงแค่นั้น ในเรื่องของการเดินทาง ที่ค่อนข้างเก่า จนเหมือนโลเคชั่นของการถ่ายทำเป็นประเทศอื่นไปเลย ทำเอาสาวกหลาย ๆ คน ถึงขั้นอยากเลิกใช้แบรนด์ดังกล่าวทันที

งานนี้ล่าสุด พิธีกร-นักแสดงชื่อดัง อย่าง ‘ซี ศิวัฒน์’ ขอไม่ทนกับประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน ออกมาโพสต์ภาพโฆษณาตัวดังกล่าว พร้อมระบุว่า “xูไม่ขำ! บอกเลยโคตรเฮีย ถ้าไม่เสียดายตังค์นะ แx่งเขวี้ยงทิ้งจริง”

ก่อนได้ตอบคอมเมนต์รัว ๆ เอาไว้ว่า “แอบโกรธอะ ทั้ง ๆ ที่เราก็สาวก Apple มาตลอด”

“ก็เพราะ Soft Power นี่แหละครับ เราถึงดูแย่ บ้านเราไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้น ประเทศไทยเรามีสิ่งที่ดีเยอะแยะ ทำให้ขำเข้าใจได้ แต่ผมไม่ขำกับภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเราไม่ดี”

‘ครูเดวิด’ เผยให้สัมภาษณ์ CNN ปม Apple เหยียดเมืองไทย ลั่น!! ไม่ต้องเสียใจที่โดนดูถูก เพราะวันนี้เสียงคนไทยดังไปทั่วโลก

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค. 67) ‘เดวิด วิลเลี่ยม’ ชาวต่างชาติที่สอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย และเป็นเจ้าของช่อง Tiktok @davidwilliamdw ที่มีผู้ติดตามเกือบ 3 ล้านคน ได้โพสต์วิดีโอพร้อมเล่าเรื่องราวว่า CNN ขอติดต่อสัมภาษณ์ ประเด็นโฆษณาของ Apple ที่มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์เมืองไทย โดยจะลงคลิปที่ให้สัมภาษณ์กับทาง CNN ในโอกาสต่อไป เพราะเพิ่งให้สัมภาษณ์จบ

“การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ สิ่งที่พี่พูดเต็มปาก คือ สนามบินในไทยเป็นหนึ่งในสนามบินที่เลิศที่สุดในโลก แล้วพี่ก็พูดต่อในเรื่องความปลอดภัยในบ้านเราด้วย ตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทยไม่เคยต้องห่วงเรื่องนี้เลย สำหรับใครที่ทุกข์มากกับโฆษณานี้ พี่อยากจะบอกว่าไม่ต้องเครียดแล้ว เพราะคนไทยมีเสียงทั่วโลกในตอนนี้” ครูเดวิดกล่าว

ย้อนไปที่จุดเริ่มต้นดรามาร้อนแรง กรณีโฆษณา iPhone ในช่อง Youtube Apple UK ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ทำให้หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นถึงความไม่เหมาะสม ในการนำเสนอภาพประเทศไทย ด้วยมุมมองที่ล้าหลัง 

ซึ่งในวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดาราหนุ่มซี ศิวัฒน์ ก็ออกมาวิจารณ์โฆษณานี้เช่นกันว่า “ไม่ขำ” และ “อยากเขวี้ยง iphone ทิ้ง” รวมถึงคนมีชื่อเสียงคนอื่น ๆ และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก ต่างออกมายืนยันว่าภาพในโฆษณานั้นต่างกับความเป็นจริงในประเทศไทยมาก

ในโฆษณาดังกล่าว มีหลายช่วงที่ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดูแย่ เช่น ขนส่งสาธารณะแออัด นั่งเรือแล้วเมาจนอ้วก นั่งรถเมล์แล้วต้องอุ้มลูกให้คนอื่น ไม่มีแท็กซี่จนต้องนั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง สนามบินเล็กและคนเยอะ พนักงานสนามบินทำให้กระเป๋าผู้โดยสารหายไป แท็กซี่พาไปผิดโรงแรม อีกทั้งยังพูดว่า “I think she likes me” กับผู้หญิงไทยอีกด้วย

จากการนำเสนอภาพของระบบขนส่งสาธารณะในประเทศไทยด้วยบรรยากาศที่แย่ รวมถึงพยายามถ่ายทอดภาพให้ ‘ฝรั่ง’ หรือชาวตะวันตกในโฆษณา สูงส่งกว่าคนไทย ทั้งในแง่ของมุมมองภาพ การกระทำ และวัฒนธรรม เช่น ถามว่าในโรงแรมที่ประเทศไทยมีแอร์ หรือห้องน้ำไหม?

อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการย้อมสีภาพสำหรับฉากในประเทศไทย ให้กลายเป็นสีโทนร้อน ออกแนวเก่า ๆ ซึ่งเป็นโทนสีที่วงการภาพยนตร์มักใช้นำเสนอฉากหรือภูมิประเทศที่มีความล้าหลัง หรือด้อยพัฒนา เมื่อโฆษณา iPhone เลือกใช้โทนสีดังกล่าว ประกอบกับเขียนสตอรี่ให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยล้วนเต็มไปด้วยความยากลำบาก และไม่สะดวกสบาย จนทำให้ฝรั่งอยากกลับบ้าน ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นสาเหตุให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นับตั้งแต่วันที่ปล่อยโฆษณานี้ออกมาสู่โลกออนไลน์

'อัษฎางค์' แนะ!! คนไทยปล่อยวางกระแสโฆษณา Apple เชื่อ!! ดูถูกหรือไม่? คนทั้งโลกรู้จักไทยวันนี้ดีพออยู่แล้ว

(1 ส.ค. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

โฆษณาของ Apple อีกสักที

ผมอยู่เมืองนอกมานานมากพอสมควร ไอ้เรื่องฝรั่งที่มีมุมมอง ความรู้หรือทัศนคติแบบดูถูก เหยียดหยามหรือแค่เข้าใจผิด เกิดขึ้นอยู่เสมอ

แต่เวลาที่ถูกฝรั่งเข้าใจผิด หรือดูถูก เหยียดหยามก็ตาม ไม่เคยทำให้ผมโกรธจนตัวเนื้อสั่น แต่ผมกลับมีความรู้สึกเดียวคือ ไอ้ฝรั่งคนนี้ ‘กระจอก โคตรบ้านนอก ไดโนเสาร์’

เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น?

ก็เพราะคนเขารู้จักเมืองไทยกันทั้งโลกแล้ว แกมาจากหลังเขาลูกไหนถึงไม่รู้ว่าเมืองไทยเป็นยังไง Google Internet ใช้เป็นรึเปล่า ทำไมถึงคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างนั้น

คือแทนที่จะโกรธจนตัวสั่นที่ถูกฝรั่งดูถูก ผมดูถูกมันกลับไปแล้วในทันที เพราะฉะนั้น สบายตัว

ใครพูดอะไรออกมา ย่อมบ่งบอกตัวตนของเขา ‘คนโง่ก็พูดอะไรโง่ ๆ ออกมา’ เราจะต้องไปเต้นแร้งเต้นกาทำไม

Apple ทำโฆษณาแบบนี้ออกมา ก็บ่งบอกตัวของ Apple เอง บ่งบอกความเป็นอเมริกันชนของตนเอง และจะโดนฝรั่งชาติอื่น ๆ หัวเราะเยาะไปเอง

แต่ผมว่า มันคงไม่ถึงกับต้องโยน iPhone iPad Apple Watch ทิ้งแล้วแห่กันย้ายค่ายกระมัง

คือผมไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าใครจะโกรธ Apple หรือใครจะเลิกใช้ จะย้ายค่าย อันนั้นมันเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งทำได้อยู่แล้ว และผมเคารพการตัดสินใจส่วนตัวของแต่ละคน

แต่คงไม่ต้องถึงขั้นออกมารณรงค์ ชักชวนหรือแห่กันแบน 

ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามความคิดเห็นหรือความรู้สึกของแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม การที่มีกระแสไม่พอใจในเมืองไทยหนัก ๆ แบบนี้ ผมว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะเป็นเสียงสะท้อนที่ดังกลับไปถึง Apple และชาวอเมริกัน (บางคน) ที่เข้าใจอะไรผิด ๆ คิดว่าตัวเองนำสมัยและเป็นเจ้าโลกอยู่ฝ่ายเดียว และให้ชาวโลกได้รู้ถึงความกระจอก กับความรู้ที่ล้าสมัย และความเป็นฝรั่งบ้านนอก เป็นกบในกระลาอเมริโกย ที่ไม่เคยออกมาดูโลกว่า เขาไปกันถึงไหนแล้ว

สรุป ความเห็นและคำวิพากษ์วิจารณ์ของผมคือ…

1. ผมเห็นด้วยกับกระแสความไม่พอใจ ที่จะดังสะท้อนไปถึง Apple และชายอเมริกัน (บางคน) 

2. ผมเคารพในความคิดเห็นของแต่ละคนต่อ Apple หลังจากชมโฆษณาชิ้นนี้ 

3. แต่ไม่เห็นด้วยกับการตีโพยตีพายอะไรกันจนมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง 'กระแสแห่ตามกัน'

เพราะไอ้กระแสแห่ตามกันนี้มันอันตราย เหมือนที่เกิดขึ้นกับเรื่องการบ้านการเมืองของไทย ที่ชอบใครเกลียดใครก็แห่ตามกันจนไม่ลืมหูลืมตา แล้วมันเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะมันบ่งบอกว่าคนไทยหลอกง่าย การจะหลอกหรือจะสร้างกระแสให้ชอบหรือเกลียดใครหรืออะไรก็ทำได้ไม่ยาก เพราะถ้าจุดกระแสอะไรที่ขึ้นมาได้ คนไทยก็มักแห่ตามกัน

ผมเชื่อในแนวคิดที่ว่า ‘ถ้าเราเป็นทองแล้วมีคนเห็นเราเป็นอึ เราจะไม่มีวันกลายเป็นอึ แต่จะยังคงเป็นทองตลอดไป’

คนที่เป็นทองก็มักไม่นิยมที่จะเอา ‘พิมเสนไปแลกกับเกลือ’

โฆษณาแบบนี้ ทำให้เราคนไทยและชาวโลกได้ตาสว่างว่า คนอเมริกันหลงตัวเองอยู่ในกะลา และเป็นการเปิดเผยตัวตนออกว่าว่าตัวเองเป็น ‘ไอ้กระจอก โคตรบ้านนอก ไดโนเสาร์’

‘เป็นผู้ที่ครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่คนของตนโคตรล้าสมัย’

เห็นด้วยหรือเห็นต่างจากผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมก็แค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในบ้านของตัวเอง

‘Apple’ ประกาศลบซีรีส์โฆษณา 'The Underdogs' แล้ว พร้อมขอโทษที่ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของไทยในปัจจุบัน

หลังจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค.67 ‘Apple’ ได้ปล่อยคลิปโฆษณา The Underdogs: OOO (Out Of Office) ที่มีการถ่ายทำในประเทศไทย ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการนำเสนอเนื้อหา หลายประเด็นภายหลังจากเผยแพร่ และสร้างความไม่พอใจต่อคนไทยและต่างชาติที่รับไม่ได้กับเมืองไทยในมุมล้าหลัง ไม่เจริญ ไม่ปลอดภัย จากคลิปโฆษณาดังกล่าว

ล่าสุดทาง Apple ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวและวันที่ 2 ส.ค.67 Apple ก็ได้ทำการยุติเผยแพร่ (ลบ) โฆษณา The Underdogs: OOO (Out Of Office) แล้ว พร้อมออกแถลงการณ์ ดังนี้...

"สืบเนื่องจากซีรีส์โฆษณา 'The Underdogs' ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นที่ 5 ในซีรีส์นี้ ทางเรามีการทำงานใกล้ชิดร่วมกับบริษัทในประเทศไทยเพื่อดำเนินการสร้างและผลิตชิ้นงานโฆษณา ซึ่งได้ทำการถ่ายทำในประเทศไทย ทั้งนี้เรามุ่งหวังและมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองความคิดในแง่ดีของประเทศไทย และเราขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ณ ตอนนี้ ทางเราได้ดำเนินการยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวแล้ว”

อีกด้าน!! โฆษณา Apple ช่วยภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย แต่ดรามาลาม เพราะ 'คลิปชาวต่างชาติ-ผู้ชมไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ'

(3 ส.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช' โดย รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราชอดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง ได้โพสต์ข้อความปมดรามาโฆษณา Apple ไว้ว่า...

#คนที่อ่านหนังสือไม่เกิน 
#8บรรทัดไม่ต้องอ่านนะครับ

Apple ถอดโฆษณา The Underdogs แล้ว 
แถลงขอโทษ ชี้ ตั้งใจถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีของไทย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม จากกรณีโฆษณา The Underdogs: OOO (Out Of Office) ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการด้อยค่าการท่องเที่ยวในประเทศไทย นั้น 

ล่าสุด บริษัท Apple ได้ลบคลิปวิดีโอดังกล่าวออก ทั้งยังได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

สืบเนื่องจากซีรีส์โฆษณา 'The Underdogs' ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นที่ 5 ในซีรีส์นี้ ทางเรามีการทำงานใกล้ชิดร่วมกับบริษัทในประเทศไทยเพื่อดำเนินการสร้างและผลิตชิ้นงานโฆษณาซึ่งได้ทำการถ่ายทำในประเทศไทย 

ทั้งนี้เรามุ่งหวังและมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองความคิดในแง่ดีของประเทศไทย 

และเราขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ณ ตอนนี้ 

ทางเราได้ดำเนินการยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวแล้ว

#ความเห็นผม
ผมขอพูดในฐานะที่เป็นคนไทยแท้ๆ คนหนึ่ง ที่ได้รับการศึกษาทั้งจากในประเทศไทยและในต่างประเทศ 

เป็นคนไทยที่ เข้าใจภาษา การสื่อสารสากล เข้าใจทั้งวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล 

ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้หลายรอบ ดูแบบตั้งใจเก็บรายละเอียด 

ผมมองไม่เห็นความเสียหายใดๆ จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย จากภาพยนตร์เรื่องนี้เลย 

นอกจากไม่เสียหายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังเสริมสร้างภาพพจน์ภาพลักษณ์ที่ดี ในเรื่องความมีน้ำใจของคนไทย และ ความสามารถในการทำเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ผมเล่าย่อๆ ก็แล้วกัน อาจมีรายละเอียดตัวเลขคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ข้อเท็จจริงและประเด็นในมุมมองของผมครบ

ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ความยาว 10 นาทีนิดๆ

เนื้อหาเกี่ยวกับภารกิจของคณะชาวอังกฤษ 3 คน ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้หาโรงงานผลิตกล่องไอโฟนครึ่งล้านกล่องให้ได้ภายใน 10 วัน

เจ้านายพิจารณาแล้ว ที่จะทำได้ดี มีมาตรฐานก็คือประเทศไทย

ทั้ง 3 คนก็บินมาประเทศไทย พอมาถึงสนามบิน กระเป๋าเดินทาง 1 ในขณะนั้นหาย (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ)

(บรรยากาศสนามบินในภาพยนตร์มันไม่ตรงกับความจริง ดูมันเหมือนแออัด ไม่เจริญสับสนวุ่นวาย เพราะมันเป็นภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ในแนวตลกขบขัน)

คนที่หายก็ไปแจ้งกับพนักงานเคาน์เตอร์ชื่อ 'แฮปปี้'

แฮปปี้ บอกว่าไม่มีปัญหา จะติดตามกระเป๋าคืนให้ แล้วแฮปปี้ ก็ เอากระเป๋ามาคืนให้ที่โรงแรม

ที่โรงแรมแฮปปี้เห็นความทุกข์ของคณะที่จะต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ 

แต่ไม่มีที่ไปไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาเหลืออีก 4 ชั่วโมงจะถึงเส้นตาย

แฮปปี้ ผู้ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แค่เอากระเป๋าเดินทางมาคืน ได้อาสาพาคณะนี้มาที่ระยองบ้านผม พามาด้วยน้ำใจล้วนๆ

โรงงานระยองได้ผลิตกล่องให้ตามความต้องการช่วยจบภารกิจนี้ได้สำเร็จ

ภาพยนตร์เป็นภาพยนตร์ในแนว ตลกขบขัน การถ่ายทำสวยงาม ดูสนุก

ในสายตาผมไม่มีเนื้อหาตรงไหนที่บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือหมิ่นเหยียด คนไทย 

ไม่เห็นกะหรี่ ยาเสพติดที่มีเกลื่อนประเทศ 
คณะก็ไม่ได้ถูกลัก วิ่ง ชิง ปล้น
ฆ่า ข่มขืน
มีแท็กซี่ผมยาวหน่อยก็ไม่ได้ผิดอะไร
ไปส่งโรงแรมผิดเป็นโรงแรมจิ้งหรีดชื่อมันพ้องกัน (อย่าดัดจริตว่าไม่มี)
ต่อมาก็ได้ไปนอนโรงแรมหรูตามที่จองมา
และต้องเข้าใจว่ามันเป็นภาพยนตร์ ทำให้ดูสนุก

สาเหตุที่เกิดปัญหาจากภาพยนตร์เรื่องนี้
มาจากคลิปของชาวต่างชาติคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนอังกฤษ
ผมเข้าใจว่าเขาอยู่เมืองไทย สอนภาษา หรือไม่ก็ไปๆมาเป็นประจำ
เขาพอพูดภาษาไทยได้ 
เขามักจะทำ คลิปเกี่ยวกับชีวิตคนไทย 
ผมก็เคยดู และมีคนนิยมดูมากกว่าคลิปผม (5555)

นายคนนี้มาจับประเด็นว่าภาพยนตร์นี้ หมิ่นคนไทย 
ทำคลิปชี้นำไปในทางนั้น 
คลิปที่เขาทำเป็นไวรัลมีผู้ชม 4 ล้านกว่าคน 

คนไทยที่ไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้มงคลตื่นข่าวกันใหญ่ ไปคล้อยตามที่เขาชี้นำ กระหน่ำเมนต์ด่า พาลชวนให้ไม่ใช้โทสับยี่ห้อนี้ โดยลอกขี้ปากตาม ๆ กันมา

วิจารณ์ต่อ ๆ กันโดยไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ชมภาพยนตร์ หรือถ้าชมก็ไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ

คนที่ชมจริง ๆ โดยละเอียดหลายรอบอย่างผม ผมว่าคงคิดคล้าย ๆ ผมไม่ได้คิดแบบนายคนทำคลิป ไม่ได้มองเห็นแบบนั้น 

ผมขอฝากให้คิดกันว่า 
คนทำคลิปที่กล่าวหาว่าภาพยนตร์นี้ดูหมิ่นคนไทย 
เขาไม่ได้เป็นคนไทย เขาไม่รู้จักประเทศไทยและคนไทยดีเท่าผม
ไอ้คำที่ว่า ฝรั่งหัวใจคนไทย มันไม่มีอยู่จริง

คลิปที่เขาทำก็เพื่อผลประโยชน์รายได้ 
จากยอด Like ยอดวิว ยอดผู้ชม ของตัวเขาเอง 
เขาไม่ได้ทำเพื่อรัก หวังดีกับประเทศไทยแต่อย่างใด
เพราะเขาไม่ใช่คนไทย 
ป่านนี้มันนั่งหัวเราะเยาะแล้วว่าคนไทยโง่ที่เชื่อมัน

บริษัทที่ผลิตโฆษณานี้ ผมว่าเขามีความรับผิดชอบสูง 
เมื่อมีมุมมองเหมือนกับจะกระทบ กับประเทศไทย 
เขาก็ยกเลิกภาพยนตร์เรื่องนี้ไป โดยจรรยาบรรณและมารยาท
ผมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง 

ในความเห็นผม ขอสรุปสั้น ๆ ในตอนท้ายอีกครั้ง 
ภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจาก ไม่หมิ่นไม่ได้เหยียดแล้ว 
ยังเป็นการเผยแพร่ ภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย
และผมชมด้วยโยนิโสนมสิการ

อ้อ!! ตัวผม เกิดมาไม่เคยใช้ iphone ผมใช้ Samsung ครับ

ความเห็นผมนี่สิ ของจริงของแทร่ 
ความจริง จากอุดมการณ์ล้วน ๆ

นายฝรั่งที่ทำคลิปคนนั้น จะไปดีเบตเรื่องนี้กับผมที่ไหนก็ได้ ใช้ภาษาผม ภาษาคุณก็ได้ ทุกที่ทุกเวลา

#saveประเทศไทยบริโภคปลาหมอคางดำ
#ฉันรักระยองบ้านฉัน
รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช
อดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง

ณ บ้านสวนคลองทุเรียน
ชากพง แกลง ระยอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top